แนวคิด :
– คนที่มีบัญญัติของพระเยซู ไม่ได้หมายถึงคนที่รู้ คนที่ได้ยิน หรือได้อ่านคำสอนของพระองค์ แต่หมายถึงการมีบัญญัติของพระเยซูจารึกในหัวใจของเขา(ยรม.31:33) โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และคนจะประพฤติตามบัญญัตินั้น
– คนที่มีลักษณะเช่นนี้แหละ คือคนที่รักพระเยซู
– ซึ่งพระเยซูได้กล่าวถึงเรื่องนี้ก่อนแล้ว ใน ยน. 14:15 “ถ้าพวกท่านรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา”
– พระเยซูกล่าวต่อไปว่า คนที่มีลักษณะเช่นนี้ พระบิดาและพระเยซูจะทรงรักเขา
– ซึ่งไม่ได้หมายความว่า พระเยซูจะเริ่มรักเขา เมื่อเขาเริ่มเชื่อฟังบัญญัติของพระองค์และรักพระองค์ เพราะการเชื่อฟังพระเยซูและความรักที่มีต่อพระเยซูนั้น เป็นผลสะท้อนออกมาจากความรักที่เราได้รับจากพระเยซู
– ใน 1ยน. 4:19 บอกไว้อย่างชัดเจนว่า “เรารัก ก็เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน”
– รม. 5:8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา
– พระเยซูทรงรักเราก่อนที่เราจะทำอะไรทั้งสิ้น ขณะที่เรายังไม่กลับใจใหม่พระเยซูก็ตายเพื่อเราแล้ว
– ดังนั้น วลีที่บอกว่า “คนที่รักเรานั้นพระบิดาของเราจะทรงรักเขา และเราจะรักเขา” จึงหมายถึง พระเจ้าทรงรักเขาอยู่ก่อนแล้ว และทันทีที่เขาเริ่มรักตอบพระองค์ เขาจึงเริ่มเข้าใจกระจ่างชัดถึงความรักที่พระเจ้าได้ประทานแก่เขาแล้วนั้น
– และพระองค์จะสำแดงพระองค์เองแก่เขา ไม่ได้หมายถึงพระเยซูจะปรากฏให้เขาเห็นเมื่อทรงเป็นขึ้นมาจากความตายเท่านั้น แต่หมายถึง เขาจะประจักษ์ในความงดงาม สง่าราศี ฤทธานุภาพ ความชอบธรรม ความบริสุทธิ์ และพระลักษณะอื่นๆของพระองค์
การประยุกต์ใช้ :
– เมื่อเราเชื่อวางใจในพระเยซู พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาประทับในเรา
– พระองค์จะจารึกพระธรรมไว้ในใจของเรา และจะทรงช่วยเราให้ปรารถนาและสามารถที่จะทำตามพระธรรมนั้น
– และเมื่อเราร่วมมือกับพระองค์ ยอมให้พระองค์นำในชีวิตของเรา ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ เราก็จะยิ่งรับรู้และตระหนัก ในความรักที่พระเยซูมีต่อเรามากยิ่งขึ้นเท่านั้น
– และเราจะรู้จักกับพระเยซูมากขึ้นเรื่อยๆ ตามขนาดที่เราตอบสนองต่อความรักของพระองค์ ด้วยการเชื่อฟังพระองค์