แนวคิด :
– การที่พระเยซูบอกว่า พระองค์จะถูกยกขึ้นนั้น(ข้อ32) เป็นการบอกว่า พระเยซูจะสิ้นพระชนม์โดยการถูกแขวนไว้ ถูกตอกตรึงที่กางเขน
– คำตรัสของพระองค์นี้เป็นจริงในเวลาต่อมา ใน ยน. 18:32 “ทั้งนี้เพื่อให้เป็นจริงตามพระดำรัสของพระเยซูที่ตรัสไว้ว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์อย่างไร”
– คำกล่าวเช่นนี้ พระเยซูเคยตรัสไว้ก่อนแล้วใน ยน. 8:28 พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เมื่อพวกท่านยกบุตรมนุษย์ขึ้น ท่านก็จะรู้ว่าเราเป็นผู้นั้น และรู้ว่าเราไม่ได้ทำอะไรตามใจชอบ พระบิดาทรงสอนเราอย่างไร เราก็กล่าวอย่างนั้น”
– ดังนั้นการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู จึงไม่ใช่การพลาดท่าเสียที หรือ การตกกระไดพลอยโจรไหนๆก็ถูกจับแล้ว ก็ตายเลยละกันจะได้ไถ่บาปได้
– แต่การสิ้นพระชนม์ของพระเยซู เป็นการตระเตรียมการไว้ล่วงหน้าอย่างเจาะจง และพระเยซูก็ทราบถึงสิ่งที่พระองค์กำลังต้องเผชิญเป็นอย่างดี
– พระเยซูไม่อยากสิ้นพระชนม์เช่นนั้น (ข้อ27) แต่พระเยซูเต็มใจที่จะถูกฆ่าตายเช่นนั้นเพื่อเราทั้งหลาย….ขอบคุณพระเยซู
การประยุกต์ใช้ :
– ความตายที่แสนอัปยศและสุดทรมานบนไม้กางเขนนี้
– พระเยซูรู้ล่วงหน้าว่าทรมานเพียงใด แต่ก็ทรงเต็มใจตายเพื่อเรา
– พระเยซู มีสิทธิปฏิเสธได้ แต่ทรงเต็มใจตายเพื่อเรา
– พระเยซู สามารถหลีกหนีได้ แต่ทรงเต็มใจตายเพื่อเรา
– พระเยซูทรงทิ้งทุกสิ่งจากสูงสุด ลงมาตายอย่างต่ำที่สุด เพื่อเราทั้งหลาย เราสมควรอย่างยิ่งที่จะให้ชีวิตที่เหลืออยู่ของเรานี้ อยู่เพื่อพระองค์ เพราะพระองค์สมควรได้รับมากยิ่งกว่านั้นอีกจากเรา