แนวคิด :
– ข้อนี้ชี้ให้เห็นความรุนแรงของโทษที่พวกยิวกำหนดขึ้นมาเพื่อต่อต้านพระเยซู ว่าใครยอมรับพระองค์เป็นพระคริสต์ จะรับโทษหนัก
– โทษหนักขนาดว่า พ่อและแม่ ยอมทิ้งลูกเอาตัวรอด ให้ลูกผู้ไร้การศึกษาไปรับหน้าแทนละกัน
– ปกติพ่อหรือแม่ จะออกรับแทนลูก แต่นี่ทั้ง “พ่อ” และ “แม่” ด้วยเลยเชียวนะ ที่หลบฉากออกไปแล้ว ให้ลูกรับหน้าแทน
– แสดงให้เห็นว่า โทษที่พวกยิวตั้งรุนแรงมาก เราคงไม่อาจเข้าใจ ความรู้สึกของคนสมัยนั้นจริงๆว่า โทษนั้นน่ากลัวสำหรับพวกเขามากเพียงใด แต่เราสังเกตได้จากการที่ ทั้งพ่อและแม่ เห็นพ้องต้องกันว่าโทษมันรุนแรงมาก จนยอมทิ้งลูกผู้ไร้การศึกษาให้ต้องเผชิญปัญหานี้แต่ลำพัง
– ทำไมพวกยิวต้องกำหนดโทษรุนแรงขนาดนั้น? ก็เพราะพวกเขารู้ดีว่าจะมีคนยอมรับพระเยซูเป็นพระคริสต์อย่างแน่นอน และเมื่อมีใครยอมรับเช่นนั้น พวกเขาเองคงไม่อาจหาเห็นผลใดๆ มาโต้แย้งว่า พระเยซูเป็นพระคริสต์ เพราะทั้งคำสอนและการกระของพระองค์ พิสูจน์เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์
– ด้วยเหตุนี้ เมื่อรู้ว่าเถียงสู้ไม่ได้แน่แน่ เลยใช้อำนาจที่ตนมี ออกข้อห้าม ออกบทลงโทษอย่างรุนแรง ไม่ให้ใครพูดถึงประเด็นนี้เด็ดขาด
– “ห้ามยกประเด็นขึ้นมาพูดเด็ดขาด เพราะพวกฉันเถียงไม่ได้” เป็นงั้นไป 555
– ซึ่งในอีกมุมหนึ่งเหตุการณ์นี้กลับชี้ชัดว่า พวกยิวเองก็ยอมรับตามหลักฐานว่า พระเยซูเป็นพระคริสต์ แต่เนื่องจากใจที่แข็งกระด้างไม่อยากยอมรับความจริงนั้น จึงห้ามคนพูดถึงความจริงนี้
การประยุกต์ใช้ :
– วันนี้ มารพยายามกำหนดบทลงโทษอย่างเต็มที่ สำหรับคนที่รักพระเยซู เป็นพยานเพื่อพระเยซู รับใช้พระเยซู
– บทลงโทษนั้นอาจจะเป็น การถูกเพื่อนดูถูก การเสียโอกาสหาเงินหรือได้เงิน การสูญเสียคนรัก การถูกเยาะเย้ยเหยียดหยาม การหน้าแตก ฯลฯ
– เราจะทำอย่างไร?
>> เราจะกลัวลนลานเหมือนพ่อแม่คู่นี้ แล้วเลือกยอมสยบต่อบทลงโทษนั้น โดยไม่ปริปากพูด
>> หรือ เราจะลุกขึ้นอย่างกล้าหาญ แบกกางเขนร่วมกับพระคริสต์ ประกาศและเป็นพยานเพื่อพระเยซูที่รัก ผู้ทรงวายพระชนม์เพื่อเรา
– อย่ากลัวคำข่มขู่ของศัตรู จงลุกขึ้นสู้ ด้วยการประกาศพระวจนะของพระองค์อย่างกล้าหาญเถิด