แนวคิด :
– เมื่อชายที่หาจากตาบอดแต่กำเนิด ที่ถูกขับไล่ออกจากธรรมศาลาของยิว ได้พบกับพระเยซู เขาก็ต้อนรับพระองค์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของเขา
– พระเยซูจึงตรัสว่า พระเจ้าเข้ามาในโลกเพื่อการพิพากษา
– พระเยซูตรัสว่า พระองค์ไม่ได้มาเพื่อพิพากษา ใน ยน. 3:17 “ เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก ไม่ใช่เพื่อพิพากษาโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น”
– การพิพากษาใน ยน.9:39 นี้ จึงไม่ได้หมายถึง ทำการพิพากษา แต่หมายถึง การมาของพระองค์จะทำให้เกิดการพิพากษา เพราะจะแยกมนุษย์ออกเป็น 2 พวก ซึ่งจะเป็นการพิพากษาโดยปริยาย
– มนุษย์จะถูกแบ่งออกเป็น 2 พวก ในวันพิพากษา คือ พวกที่เคยตาบอด กับ พวกที่ยังคงตาบอดอยู่
– พระเยซูบอกว่า พระองค์จะทำให้ “คนที่มองไม่เห็นกลับมองเห็น และคนที่มองเห็นกลับตาบอด” พระเยซูไม่เคยทำให้คนมองเห็น ตาบอด แสดงว่า ประโยคนี้น่าจะมีความหมายในฝ่ายวิญญาณมากกว่า เรื่องกายภาพ
– “คนที่มองไม่เห็นกลับมองเห็น” หมายถึง คนที่มืดบอดในบาป ได้เห็นความรอดในพระเจ้า
– “คนที่มองเห็นกลับตาบอด” หมายถึง คนที่พวกเขาคิดว่าตนเองเห็นความรอดในพระเจ้าได้ด้วยตนเอง เย่อหยิ่ง ยโส ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมืดบอด ไม่ต้องการกลับใจ คนเหล่านั้นก็จะอยู่ในความมืดบอดจนถึงวันพิพากษา
การประยุกต์ใช้ :
– คนตาบอด ที่ถ่อมใจ เปิดรับความช่วยเหลือจากพระเจ้า เขาจะมองเห็นทางสว่าง
– คนตาบอด ที่เย่อหยิ่ง ไม่พึ่งพาพระเจ้า เขาจะอยู่ในความมืดมนต่อไป มืดแปดด้าน หาทางออกไม่พบไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใดก็ตาม
– สถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในวันนี้ เราจะเผชิญมันด้วยท่าทีใด เย่อหยิ่ง พยายามแก้ไขโดยตนเองต่อไป หรือ ถ่อมใจ คุกเข่าลงร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าอย่างจริงใจ