ภาพรวม
- ในบทนี้ชี้ให้เห็นถึง คนที่มาหาพระเยซู 3 จำพวก
- พวกฟาริสีที่เคร่งครัดในกฎเกณฑ์ของศาสนาที่บรรพบุรุษของพวกเขาตั้งขึ้นมาเอง แล้วละเลยความเชื่อวางใจในพระเจ้า มาเพื่อจับผิดพระเยซู
- หญิงต่างชาติผู้ไม่ได้รู้จักกฎเกณฑ์ใดๆและไม่ได้ทำตามธรรมบัญญัติของพระเจ้าด้วยซ้ำ เธอมีความเชื่อวางใจในพระเยซู แล้วเชื่อฟัง เธอจึงได้รับความช่วยเหลือ
- คนที่พาชายหูหนวกมาให้พระเยซูรักษา แม้พวกเขาจะได้เห็นการอัศจรรย์ที่พระเยซูทรงกระทำแล้วก็ตาม พวกเขาก็ยังไม่เชื่อฟังพระองค์อยู่ดี
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# พวกฟาริสีกับพวกธรรมาจารย์มาจากเยรูซาเล็มเพื่อจับผิดพระเยซู โดยตำหนิว่าพระเยซูไม่ได้สอนสาวกให้ทำตามธรรมเนียมต่างๆที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ ซึ่งความจริงแล้วธรรมเนียมเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่กำหนดไว้ในพระคัมภีร์เลย
พระเยซูจึงใช้โอกาสนี้ สอนพวกเขาว่า การทำตามพระคำของพระเจ้า สำคัญยิ่งกว่าทำตามธรรมเนียมใดๆ
1.@ วันนี้ มีธรรมเนียมอะไรไหม ที่ขัดขวางไม่ให้เราทำตามพระคำของพระเจ้า?
วันนี้ มีกิจกรรมใดๆที่เราทำ ที่ขัดขวางไม่ให้เราเชื่อฟังพระเจ้าบ้าง?
จงละทิ้งกิจกรรมนั้นแล้วหันมาเชื่อฟังพระคำของพระองค์
2.# พระเยซูตำหนิพวกฟาริสีกับพวกธรรมาจารย์ ว่า หน้าซื่อใจคด
เพราะพวกเขา ให้เกียรติพระเจ้าแต่ปาก ในใจของพวกเขาไม่ได้ให้เกียรติพระเจ้าจริงๆ
2.@ เป็นการดีที่เราจะบอกคนอื่นว่าเรารักพระเจ้า เราร้องเพลงว่าเรารักพระเจ้า
แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ คนที่รักพระเจ้าจริงๆจะเชื่อฟังพระองค์
วันนี้ เราจะเลือกทำตามใจปรารถนาของตนเอง หรือ จะเลือกทำตามพระคำของพระเจ้า?
3.# พระเยซูสอนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราภายนอก รวมทั้งสิ่งที่กินเข้าไป ไม่ทำให้ตัวเรา ขาดคุณสมบัติเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
แต่สิ่งที่เรากระทำออกมาซึ่งสะท้อนสิ่งที่อยู่ภายในใจของเราต่างหาก ที่จะทำให้เราไม่เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า
3.@ ไม่สำคัญว่า เราถูกกระทำอย่างไร เพราะสิ่งนั้นไม่ทำให้พระเจ้า ไม่พอพระทัยเรา
แต่ สำคัญว่า เรากระทำอย่างไร หรือตอบสนองอย่างไร ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรานั้น
เพราะนั่นเป็นตัวชี้ว่า เรามีท่าทีในใจของเราอย่างไรต่อพระเจ้า
4.# พระเยซูทรงแสดงให้เห็นว่า ขนาดหญิงต่างชาติผู้ไม่สมควรได้รับความช่วยเหลือในสายตาของพวกยิว
เมื่อเธอมีความเชื่อวางใจในพระเยซูอย่างแท้จริง
เธอก็ยังได้รับความช่วยกู้จากพระเจ้า
4.@ คนผู้ไม่สมควร ผู้มาหาพระเยซูอย่างจริงใจ ยังได้รับการช่วยกู้
แล้วเราผู้เป็นลูกของพระเจ้า หากทูลวิงวอนต่อพระองค์ด้วยสุดใจ
มีหรือเราจะไม่ได้รับการช่วยกู้
พระองค์จะรีบเสด็จมาช่วยกู้เราอย่างแน่นอน
5.# มีคนพาชายหูหนวกมาให้พระเยซูรักษา แล้วคนที่พามาก็ขอให้พระเยซูรักษาชายคนนั้น
ครั้งนี้แตกต่างจากหลายกรณีที่ผ่านมา
ชายคนนี้มีคนพามา
ชายคนนี้ไม่ได้ทูลขอให้พระเยซูช่วยเขาด้วยตนเอง
เพราะเขาเองก็พูดได้เพียงแต่ติดอ่างเท่านั้น
ในพระคัมภีร์ไม่ได้กล่าวถึงความเชื่อของชายคนนี้เลย
เพียงแต่กล่าวถึงการไม่เชื่อฟังของคนที่พาเขามา ว่า
แม้คนเหล่านั้นเห็นการอัศจรรย์ที่พระเยซูทรงกระทำ
แต่ก็ยังไม่เชื่อฟังพระองค์
พระเยซูห้ามปรามว่า อย่าบอกผู้ใดเลย
แต่พวกเขากลับทำตรงกันข้าม พวกเขายิ่งเล่าลือออกไป
ดังนั้นพระคัมภีร์ในตอนนี้ คงไม่ได้เน้นที่จะบอกเกี่ยวกับคนหูหนวก
แต่น่าจะเน้นที่พวกคนที่พาคนหูหนวกมา
5.@ คนที่พาคนหูหนวกมา อยากเห็นการอัศจรรย์ อยากมีเรื่องไปเล่าต่อ
แต่ไม่ได้อยากต้อนรับพระเยซูเป็นเจ้านายในชีวิตของเขา
คนที่มาหาพระเยซูเพียงเพื่อจะได้พบกับการอัศจรรย์ที่พระเยซูทรงกระทำเท่านั้น ก็เป็นเช่นนี้แหละ
พวกเขาตื่นเต้นที่ได้เห็นและมีเรื่องไปเล่าต่อ
แต่พวกเขาไม่ปรารถนาที่จะเชื่อฟังพระองค์
เราเป็นเพียงผู้พบการอัศจรรย์ของพระเยซูในชีวิตของเรา
หรือ
เป็นผู้ให้พระเยซูเป็นเจ้านายของเราจริงๆ
วัดได้ตรงที่ วันนี้เราเชื่อฟังพระคำของพระองค์มากเพียงใด
คำคม
“ การมาหาพระเยซูเป็นสิ่งสำคัญ แต่ท่าทีในใจที่เรามีต่อพระเยซูนั้นสำคัญยิ่งกว่า ”
อาเมน สรรเสริญพระเยซูคริสต์เจ้า
ถูกใจถูกใจ