ภาพรวม
- ในบทนี้ อ.เปาโล สอนให้คริสเตียนฟิลิปปี ยึดมั่นในข่าวประเสริฐ และทำตัวให้สมกับข่าวประเสริฐ ด้วยการมีส่วนร่วมในการทนทุกข์ร่วมกับพระคริสต์ และปรารถนาที่จะรู้จักกับพระองค์มากยิ่งๆขึ้นทุกวัน
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1# ใน ฟป. 3:2 อ.เปาโลเตือนว่า “จงระวังพวกสุนัข จงระวังพวกที่ทำชั่ว จงระวังพวกเชือดเนื้อเถือหนัง”
ซึ่งหมายถึงคนยิวที่สอนว่าจะรอดได้นอกจากเชื่อวางใจในพระเยซูแล้ว ยังต้องทำตามธรรมบัญญัติด้วย
พวกสุนัข หมายถึง คนยิวที่บิดเบือนข่าวประเสริฐ ตามปกติคนยิวมักเรียกตนต่างชาติว่า สุนัข แต่ในข้อนี้ อ.เปาโล พูดกับคนต่างชาติโดยเรียกพวกยิวเหล่านั้นว่า สุนัข
พวกที่ทำชั่ว หมายถึง พวกที่สอนเท็จ พวกต่อต้านความจริงแห่งข่าวประเสริฐ พวกที่ทำตัวเป็นศัตรูต่อกางเขนของพระคริสต์ (ฟป. 3:18)
พวกเชือดเนื้อเถือหนัง หมายถึง พวกสอนเท็จที่เน้นการเข้าสุหนัต แต่ละทิ้งความหมายฝ่ายวิญญาณของการเข้าสุหนัตเสีย
1.@ ใครก็ตามที่บิดเบือนข่าวประเสริฐ ถือว่ากำลังทำสิ่งชั่วร้าย เราไม่สมควรไปร่วมกับพวกเขา หรือเกี่ยวข้องกับการกระทำของพวกเขา
เราควรรังเกียจ และ ไม่สมาคม กับพวกลัทธิเทียมเท็จทั้งหลายในปัจจุบัน
2.# ใน ฟป. 3:7 อ.เปาโลกล่าวว่า อะไรที่เคยเป็นประโยชน์หรือเป็นความภาคภูมิใจของเขา
บัดนี้เพราะเห็นแก่พระคริสต์ เขาได้ถือว่าสิ่งนั้นเป็นไร้ประโยชน์และไม่ใช่สิ่งที่น่าภาคภูมิใจอีกต่อไป
เพราะการได้รู้จักพระคริสต์มีค่ามากเหลือเกิน
ดังนั้นต่อให้ต้องสูญเสียอะไรก็ตามเพื่อจะได้รู้จักพระองค์ ก็ไม่น่าเสียดายเลย ถือเสมือนว่า ก็แค่สูญเสียเศษขยะไปเท่านั้นเอง (ข้อ 8)
2.@ วันนี้ เราเสียอะไรบ้าง เพื่อจะได้รู้จักพระคริสต์มากขึ้น?
สำหรับเราแล้วการยอมสูญเสียสิ่งเหล่านั้น เพื่อได้รู้จักพระคริสต์มากขึ้น มันคุ้มหรือไม่?
3.# ใน ฟป. 3:10 อ.เปาโล กล่าวว่า เขาต้องการจะรู้จักพระเยซูมากยิ่งขึ้น 2 ด้าน คือ
1. รู้จักฤทธิ์เดชแห่งการคืนพระชนม์ของพระองค์
2. รู้จักการมีส่วนร่วมในความทุกข์ของพระองค์
เพื่อเขาจะได้ เป็นเหมือนกับพระองค์ในความตายนั้น
และ จะได้เป็นขึ้นจากความตายเหมือนกับพระองค์ด้วย
นั่นคือ อยากรู้จักฤทธิ์เดช และอยากได้ทนทุกข์เพื่อพระองค์
เพื่อจะได้ตายเพราะเชื่อฟังพระเจ้าเหมือนพระองค์ และจะได้เป็นขึ้นมาเหมือนพระองค์
3.@ การรู้จักพระเจ้า ไม่ใช่สนใจแต่ฤทธิ์เดช แต่ ควรแสวงหาที่จะได้ทนทุกข์เพื่อพระองค์ด้วย
วันนี้ เมื่อเรายอมทำอะไร หรือยอมไม่ทำอะไรเพื่อพระองค์ เราก็จะยิ่งเห็นการอัศจรรย์ของพระองค์ในชีวิตของเรามากยิ่งขึ้น
4.# ใน ฟป. 3:12-13 อ.เปาโล กล่าวว่า เพราะว่าพระเยซูได้ทรงฉวยเขาเข้ามาอยู่ในพระองค์แล้ว ดังนั้น เขาจึงทุ่มเท บากบั่น ไม่หยุดหย่อน เพื่อจะฉวยการได้รับการรู้จักกับพระองค์มากยิ่งๆขึ้นไปอีก ตราบเท่าที่เขายังมีลมหายใจอยู่
4.@ วันนี้ เรายังคงหิวกระหายที่อยากจะรู้จักพระเยซู มากยิ่งขึ้น อยู่หรือไม่?
5.# ฟป. 3:15 ชี้ให้เห็นว่า ผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ จะปรารถนาที่จะรู้จักพระเยซูคริสต์มากขึ้นเสมอ ไม่คิดว่าตนเองรู้จักมากเพียงพอแล้ว
แต่เด็กฝ่ายวิญญาณจะสนใจอย่างอื่น มากกว่า การจะได้รู้จักกับพระเยซูคริสต์มากยิ่งขึ้น
5.@ วันนี้ ความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณของเรา มีมากเพียงใด?
6.# ฟป. 3:19-20 กล่าวว่า พลเมืองแห่งสวรรค์จะเอาใจใส่และอวด พระเยซูคริสต์
ส่วนพลเมืองของโลกนี้ จะอวดของในโลกนี้ จะอวดสิ่งอนิจจังในโลกนี้ จะอวดเก่ง จะอวดยศศักดิ์ จะอวดเงินทอง จะอวดความสำเร็จอย่างโลก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าอับอาย
6.@ เราผู้เป็นพลเมืองของสวรรค์ วันนี้ เราทำตัวสมกับเป็นพลเมืองแห่งสวรรค์ หรือกำลังทำตัวแบบพลเมืองของโลกนี้
คำคม
“ ความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ
ดูได้จากความสนใจเรื่องฝ่ายวิญญาณในแต่ละวันของชีวิต ”
อาเมนขอบคุณพระเยซูคริสต์เจ้า
ถูกใจถูกใจ