ภาพรวม
- โยเซฟถูกโปทิฟาร์ซื้อมาเป็นทาสในบ้าน แต่เพราะพระเจ้าสถิตกับโยเซฟจึงเจริญก้าวหน้า ต่อมาถูกใส่ร้ายจึงถูกจับไปขังคุก แต่แม้ในคุกเขาก็ยังจำเริญขึ้นอยู่ดี
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
ปฐมกาล บทที่ 39 เมื่อโยเซฟถูกพวกพี่ๆขายไปเป็นทาสในอียิปต์แล้ว
โปทิฟาร์ ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ของฟาโรห์ ได้ซื้อโยเซฟไว้
พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ
เขาจึงประสบความสำเร็จในการทำงานทุกอย่าง
โยเซฟจึงเป็นที่โปรดปรานและไว้ใจของโปทิฟาร์อย่างมาก
และตั้งโยเซฟให้เป็นผู้ดูแลบ้านและทุกสิ่งที่โปทิฟาร์ครอบครอง
ตั้งแต่โปทิฟาร์ตั้งโยเซฟให้เป็นผู้ดูแลทุกสิ่งที่เขามีแล้ว
พระเจ้าก็ทรงอวยพรแก่ครอบครัวของโปทิฟาร์และทุกสิ่งที่เขามี เพราะทรงเห็นแก่โยเซฟ
โยเซฟ รูปร่างหน้าตาดี
ภรรยาของโปทิฟาร์ จึงหลงใหลโยเซฟ
และชวนโยเซฟมาหลับนอนกับนาง
แต่โยเซฟปฏิเสธ เพราะไม่ต้องการทำความชั่วร้ายแก่โปทิฟาร์ และทำบาปต่อพระเจ้า
อยู่มาวันหนึ่ง ไม่มีชายประจำบ้านคนใดอยู่ในบ้านเลย
โยเซฟก็เข้าไปทำงานในบ้าน
ภรรยาของโปทิฟาร์จึงพยายามเข้ามาชวนเขาไปหลับนอนด้วย
โยเซฟ จึงรีบหนีออกไปข้างนอก แต่นางได้ฉวยผ้าพันตัวของเขาเอาไว้
จากนั้นนาง จึงแสร้งร้องให้คนช่วย แล้วกล่าวหาว่าโยเซฟจะข่มขืนนาง
เมื่อโปทิฟาร์ทราบเรื่องตามที่นางบอก ก็โกรธมาก
จึงเอาโยเซฟไปไว้ในคุก ที่ขังนักโทษหลวง
แต่ว่าพระเจ้าทรงสถิตกับโยเซฟ
ทรงสำแดงความรักมั่นคงต่อโยเซฟ
ทรงให้พัศดีโปรดปรานโยเซฟ
พัศดีก็มอบนักโทษทั้งหมดในเรือนจำไว้ในความดูแลของโยเซฟ
พัศดีไม่ต้องดูการงานทุกอย่างที่โยเซฟดูแลเลย
เพราะพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ
และพระองค์ก็ทรงทำให้สิ่งที่โยเซฟทำนั้นสำเร็จ
– วลีว่า “พระเจ้าทรงสถิตกับโยเซฟ” เพิ่งเริ่มถูกใช้ตั้งแต่บทนี้ และปรากฏหลายครั้งในบทนี้ คือ ข้อ 3, 21 และ 23
บทก่อนหน้านี้ ชีวิตของโยเซฟดูเหมือนมีแต่ขาลง
พอมาถึงบทนี้ กลับขาลงหนักยิ่งกว่าเดิม แต่เพราะพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ ขาลงของเขาทั้งนี้ล้วนแต่ลงแบบได้รับพระพร และเป็นการเตรียมการไปสู่ ขาขึ้นครั้งใหญ่
วันนี้ หากชีวิตของเรากำลังเป็นขาลง วลีสำคัญยิ่งยวดสำหรับชีวิตของเรา คือ “พระเจ้าทรงสถิตกับเรา”
แน่นอน พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งเราไปไหน แต่บ่อยครั้งเรายุ่งวุ่นวายกับสิ่งรอบกาย จนลืมพระองค์เสียสนิท
ได้เวลาที่เราจะกลับมา เอาใจใส่พระองค์ จดจ่ออยู่กับการทรงสถิตของพระองค์
และไม่ลืมพระองค์อีกต่อไป
– ไม่ว่าโยเซฟ ผู้ที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วยไปอยู่ที่ไหน ที่นั้นก็ล้วนแต่ได้รับพระพร ทุกคนที่ต้อนรับเขาไว้ก็ได้รับพระพรด้วย
วันนี้ พระเจ้าปรารถนาใช้ให้เราเป็นท่อพระพรไปสู่คนรอบข้าง
และสิ่งสำคัญที่เราต้องมีเพื่อจะเป็นพระพรคือ การตระหนักถึงการทรงสถิตกับพระเจ้าในชีวิตของเรา
ผู้ที่ยิ่งติดสนิทกับพระเจ้า ก็จะยิ่งตระหนักถึงการทรงสถิตของพระองค์ในชีวิตของเขา
วันนี้ ยิ่งเราทำดีต่อพี่น้องในพระคริสต์ ก็ยิ่งเป็นการเปิดประตูพระพรมาสู่ชีวิตของเราเอง
– แรงบันดาลใจที่ช่วยให้โยเซฟ ไม่ทำผิดบาปในเรื่องเพศ เพราะ ไม่ต้องการทำความชั่วร้ายแก่โปทิฟาร์ และไม่ต้องการทำบาปต่อพระเจ้า
นั่นคือ “รักเพื่อนบ้าน” และ “รักพระเจ้า”
ขอให้ความรักที่เรามีต่อพระเจ้า และต่อผู้อื่น เป็นแรงบันดาลใจให้เรา วิ่งหนีโอกาสทำบาป ไม่เข้าไปใกล้หรือไม่ให้โอกาสแก่มันเลย
– ”พระเจ้าทรงทำให้สิ่งที่โยเซฟทำนั้นสำเร็จ”
ความสำเร็จของโยเซฟ ไม่ขึ้นอยู่กับความเก่ง ความฉลาด หรือความสามารถใดๆของโยเซฟเลย
แต่เกิดจากพระเจ้าผู้ทรงประทานให้
ความสำเร็จของสิ่งที่ทำหรือคาดหวังในวันนี้ ไม่ได้ขึ้นกับการตะเกียกตะกายของเราเอง
แต่ขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของพระเจ้าเท่านั้น
รม. 9:16 “เพราะฉะนั้นทุกสิ่งจึงไม่ขึ้นแก่ความตั้งใจหรือการตะเกียกตะกาย แต่ขึ้นอยู่กับพระกรุณาของพระเจ้า”
คำคม
“ ขอเพียงพระเจ้าสถิตอยู่ด้วย แม้คุกอันมืดมิด ก็ยังเต็มไปด้วยพระพร ”