ภาพรวม
- เยโฮซาฟัท ไปช่วยอาหับรบที่ราโมทกิเลอาด โดยทั้งสองไม่ยอมฟังคำเตือนของมีคายาห์ผู้เผยพระวจนะ ในที่สุดอาหับก็ถูกธนูยิงจนเสียชีวิต
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
2 พงศาวดาร บทที่ 18 เมื่อเยโฮซาฟัทขึ้นครองราชแทนอาสา ผู้เป็นบิดา พระองค์ทรงแสวงหาพระเจ้าและดำเนินอย่างถูกต้องต่อพระเจ้า พระเจ้าจึงทรงอวยพระพรเขาทั้งด้านทรัพย์สิน เกียรติยศ และความมั่นคงของประเทศ
ต่อมาเยโฮชาฟัททรงสัมพันธ์กับอาหับ (โดยให้โยรัม โอรสของตน ไปแต่งงานกับอาธาลิยาห์ ธิดาของอาหับและนางเยเซเบล)
เมื่อผ่านไปหลายปี เยโฮชาฟัทไปเยี่ยมอาหับในสะมาเรีย
อาหับจึงต้อนรับอย่างดี แล้วทรงชักชวนเยโฮชาฟัท ให้ไปช่วยรบที่ราโมทกิเลอาด
เยโฮชาฟัทก็ตอบตกลง
แต่เยโฮชาฟัท เสนอว่า ขอทูลถามพระเจ้าก่อน
อาหับจึงเรียกประชุมพวกผู้เผยพระวจนะ 400 คน
พวกเขา ทูลว่า
การรบครั้งนี้ พระเจ้าจะทรงให้มีชัยชนะ
แต่เยโฮชาฟัท ก็ถามอาหับอีกว่า
มีผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าที่จะถามได้อีกไหม?
อาหับจึงตอบว่า มีอีกคน ชื่อ มีคายาห์ แต่เขาพยากรณ์แต่เรื่องร้ายเสมอ
อาหับส่งคนไปเรียกมีคายาห์ ให้มาเฝ้า
เมื่อมีคายาห์มาเฝ้าพระราชา ก็ทูลว่า
ขอเชิญเสด็จขึ้นไป และมีชัยชนะ ตามที่พวกผู้เผยพระวจนะบอกเถิด
แต่อาหับ สังเกตว่า มีคายาห์ไม่ได้พูดในนามของพระเจ้า
จึงตรัสกับมีคายาห์ ให้พูดความจริงในพระนามของพระเจ้า
และมีคายาห์จึงทูลว่า
คนอิสราเอลทั้งหมดกระจัดกระจายอยู่บนภูเขา
และมีคายาห์ทูลต่อไปว่า
มีวิญญาณหนึ่งออกมายืนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ทูลพระเจ้าว่า
‘ข้าพระองค์จะเป็นวิญญาณมุสาอยู่ในปากของผู้เผยพระวจนะทุกคนของเขา
เพื่อชักนำอาหับให้ไปรบที่ราโมทกิเลอาด’
แล้วเศเดคียาห์ บุตรเคนาอะนาห์ ก็ตบแก้มมีคายาห์พูดว่า
“พระวิญญาณของพระเจ้าไปจากข้าพูดกับเจ้าด้วยทางใด”
มีคายาห์ตอบว่า
“เจ้าจะเห็นในวันนั้น เมื่อเจ้าเข้าไปในห้องชั้นในเพื่อซ่อนตัว”
อาหับจึงสั่งให้จับมีคายาห์ ไปจำคุกไว้ ให้อาหารกับน้ำอย่างจำกัด
จนกว่าอาหับจะกลับมาโดยสวัสดิภาพ
มีคายาห์ จึงทูลว่า อาหับจะไม่กลับมาโดยสวัสดิภาพดอก
อาหับกับเยโฮชาฟัท ไปรบที่ราโมทกิเลอาด
อาหับก็ปลอมตัวเป็นทหารธรรมดาเข้าทำศึก
พวกซีเรียเห็นเยโฮชาฟัท จึงไล่ตามพระองค์
เยโฮชาฟัททรงร้องขึ้น และพระเจ้าทรงช่วยพระองค์
พวกซีเรียก็หันกลับไม่ไล่ตามพระองค์
แต่มีชายคนหนึ่งโก่งธนูยิงสุ่มไป ถูกอาหับเข้าระหว่างเกล็ดเกราะและแผ่นบังอก
อาหับจึงพยายามหนีออกจากการรบ แต่การรบก็ดุเดือดขึ้นจนหนีออกไม่ได้
จนถึงเวลาเย็น อาหับก็สิ้นพระชนม์เมื่อดวงอาทิตย์ตก
1. พระเจ้าอวยพระพร เยโฮชฟัท มากมาย ทำทุกอย่างล้วนสำเร็จเป็นอย่างดี
จนกระทั่งเมื่อ เยโฮชาฟัท ไปร่วมมือกับอาหับ ผู้ชั่วร้าย
เยโฮชาฟัท ก็พบกับความปราชัยในสงครามเป็นครั้งแรก
เมื่อ เยโฮชาฟัท เริ่มร่วมมือกับคนชั่ว ตอนแรกเขาก็ยังทำสิ่งที่ถูกต้อง
คือ จะทำอะไรก็ขอถามพระเจ้าก่อน
แต่ต่อมาเขาเองกลับมีพฤติกรรมแบบเดียวกับคนชั่วนั้น
ทั้งที่ มีคายาห์ ผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า บอกว่า
ครั้งนี้พ่ายแพ้แน่นอน
แน่นอนอาหับย่อมไม่ฟังคำเตือนของ มีคายาห์ เป็นธรรมดา
แต่เยโฮซาฟัทเอง กลับทำเหมือนอาหับด้วย
โดยไม่ฟังคำเตือน ไปเข้าร่วมสงคราม จนพ่ายแพ้เกือบเอาชีวิตไม่รอด
สิ่งที่เราต้องระมัดระวังในการทำงานร่วมกับคนที่ไม่มีความเชื่อ คือ
อย่าไปทำตามพฤติกรรมที่ไม่เชื่อของพวกเขา
มิฉะนั้นเราจะพลาดไปจากพระพรของผู้เชื่อ แล้วไปพบกับอันตรายของการไม่เชื่อแทน
2. ในบทนี้บันทึกว่า เมื่อพวกซีเรียกำลังไล่ตามเยโฮชาฟัท เขาก็ร้องขึ้น และ”
ซึ่งใน 1พกษ. 22:32 ไม่มีวลีว่า “พระเจ้าทรงช่วยเขา “
บทนี้จงใจชี้ให้เห็นว่า การที่เยโฮซาฟัท พ้นจากการไล่ตามนั้น ไม่ใช่บังเอิญ แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยเขา
แม้คนชอบธรรม จะเผลอทำตามคนอธรรม จนกระทั่งพบกับอันตราย
ถึงกระนั้นพระเจ้าก็ยังคงเฝ้าดู และคอยช่วยเหลือเขา
วันนี้ หากเราพลั้งเผลอ ผิดพลาดพลั้งไป จนเกิดปัญหาขึ้นในชีวิต เพราะการไม่เชื่อฟังพระเจ้า
ให้เราร้องทูลขอพระเมตตาจากพระเจ้า
เราจะได้พบว่า พระเมตตาของพระเจ้ามีมากเพียงพอสำหรับเราเสมอ
3. เมื่ออาหับได้ยินคำพยากรณ์ของ มีคายาห์ ก็เกิดความกลัว
จึงปลอมตัวเป็นทหารธรรมดาเข้าทำศึก
ถึงกระนั้น ยิ่งกว่าบังเอิญ ทหารคนหนึ่งยิงธนูสุ่ม
ยังปักเข้าช่องเล็กๆ ระหว่างเกล็ดเกราะและแผ่นบังอก พอดิบพอดี ซึ่งช่องนี้ ผู้ใส่เกราะต้องขยับบางมุมพอดีจึงเกิดช่องว่างเล็กๆนี้ขึ้นได้
เมื่อพระเจ้าประกาศแล้ว มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ไม่ว่ามนุษย์จะใช้ความพยายาม ใช้สติปัญญา ใช้ความรอบคอบสักเพียงใดก็ตาม
สิ่งเหล่านั้นยังคงต้องเกิดขึ้นอยู่ดี
นั่นคือ ทุกคำตรัสของพระเจ้าจะเป็นจริง ไม่ว่ามนุษย์จะขัดขวางอย่างไรก็จะไม่สามารถขัดขวางได้
เช่น สภษ. 29:25 “..บุคคลที่วางใจในพระเจ้าก็ปลอดภัย”
คนที่วางใจในพระเจ้า ไม่ว่ามนุษย์คนอื่นจะพยายามทำอะไรต่อเขาก็ตาม เขาก็ยังจะปลอดภัยอยู่ดี เพราะทุกสิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้จะต้องสำเร็จ เป็นต้น
คำคม
“ อย่าทำตามอย่างคนชั่ว หากไม่อยากจะรับผลร้ายเหมือนกับเขา ”