ภาพรวม
- อาสาขึ้นครองราชย์ แทนอาบียาห์ผู้เป็นบิดา พระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องต่อพระเจ้า ดังนั้นเมื่อมีศัตรูมากมายจากคูชบุกมาโจมตี พระเจ้าจึงทรงช่วยพระองค์ให้มีชัยชนะ
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
2 พงศาวดาร บทที่ 14 หลังจากที่อาบียาห์(หลานของซาโลมอน) กษัตริย์ของยูดาห์ ทำสงครามกับเยโรโบอัม กษัตริย์ของอิสราเอล 10 เผ่า อาบียาห์ร้องทูลต่อพระเจ้า จึงได้รับชัยชนะอย่างงดงาม
ต่อมาอาบียาห์ได้ล่วงหลับไป และอาสาพระโอรสของพระองค์ก็ขึ้นครองราชย์แทน
แผ่นดินสงบอยู่ 10 ปี
อาสาทรงทำสิ่งที่ดีและถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้า
ทรงรื้อแท่นบูชาและรูปเคารพต่างๆ
และทรงบัญชาให้ยูดาห์ แสวงหาพระเจ้าและให้รักษาพระบัญญัติของพระองค์
และอาณาจักรก็มีความสงบสุขภายใต้พระองค์
เพราะพระเจ้าประทานการหยุดพักแก่พระองค์
ทรงสร้างเมืองป้อมในยูดาห์ และล้อมด้วยกำแพง หอคอยประตูและดาลประตู
ทรงมีกองทัพ 580,000 คน
ต่อมา เศ-ราห์ ชาวคูช ยกทัพมาสู้กับอาสา ด้วยทหาร 1,000,000 คน และรถรบ 300 คัน
และอาสาทรงออกไปปะทะกับเขา
อาสาร้องทูลต่อพระเจ้า ว่า
ไม่มีใครช่วยได้เหมือนพระเจ้า ในการสู้รบกันระหว่างพวกมีกำลังกับพวกไม่มีกำลัง
ขอพระเจ้าทรงช่วยพวกเขา เพราะพวกเขาพึ่งพระองค์
ขออย่าทรงให้มนุษย์ชนะพระเจ้า
พระเจ้าจึงทรงโจมตีชาวคูช แล้วชาวคูชก็หลบหนี
อาสาและทหารก็ไล่ตามฆ่าพวกเขาไป จนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
คนยูดาห์จึงเก็บของริบได้มากมาย
พวกเขาเข้าตีพันธมิตรของคูช คือเมืองต่างๆ รอบๆ เมืองเก-ราร์ และ เต็นท์ของพวกที่มีฝูงปศุสัตว์
และยึดเมืองทั้งหมด ริบของได้มากมาย รวมทั้งยึดแกะและอูฐไปมากมาย
และพวกเขาก็กลับไปยังเยรูซาเล็ม
1. อาสา ทำสิ่งที่ดีและถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้า
จึงพบกับความสงบสุข และเจริญรุ่งเรือง
แต่ก็แค่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
10 ปี ต่อมาก็มีกองทัพคูช 1,000,000 คน บุกมาโจมตี
นั่นไม่ใช่เหตุร้าย แต่เป็นพระพรที่พระเจ้าเพิ่มพูนให้แก่อาสา
เพราะคนคูชเหล่านั้นมาเพื่อพ่ายแพ้ เพื่อทิ้งทรัพย์สมบัติมากมายให้แก่อาสา
เมื่อเราดำเนินในความยำเกรงพระเจ้า สิ่งดีจะเกิดขึ้นกับเรา
และแม้มีสิ่งที่ดูเหมือนไม่ดีเกิดขึ้นกับเรา
ในที่สุดแล้วสิ่งนั้นก็ยังจะกลับกลายเป็นสิ่งดีอยู่ดี
2. อาสาได้ตระเตรียม เมืองป้อมในยูดาห์ และล้อมด้วยกำแพง หอคอยประตูและดาลประตู
และกองทัพ 580,000 คน เพื่อเอาไว้ป้องกันตนเอง จากศัตรู
ปรากฏว่า เมื่อศัตรูบุกมาจริงๆ ด้วยจำนวนมากมายมหาศาล
สิ่งที่อาสาเตรียมไว้นั้น ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้เลย
แต่เมื่อเขาขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า พึ่งพาพระองค์
ปรากฏว่าพระเจ้าทรงโจมตีศัตรูเหล่านั้นเอง
ป้อมปราการ หอคอย ดาลประตู ที่อุตส่าห์เตรียมไว้ จึงไม่ได้ใช้สักอย่าง
เป็นการดีที่จะเตรียมตัวป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น
แต่อย่าให้เราเอาความไว้วางใจของเราไปไว้ที่การเตรียมเหล่านั้น
เพราะว่าบางทีเมื่อเหตุร้ายเกิดขึ้น สิ่งที่เราอุตส่าห์เตรียมตัวไว้อาจใช้การไม่ได้เลยก็ได้
ให้เราเอาความไว้วางใจของเราไปไว้ที่พระเจ้า
เพราะเรารู้แน่ว่า
เมื่อเหตุร้ายเกิดขึ้น กับคนที่ไว้วางใจในพระเจ้า
พระองค์ไม่เพียงสามารถป้องกันเขาจากเหตุร้ายเท่านั้น
แต่พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ยังสามารถเปลี่ยนเหตุร้ายนั้นให้กลายเป็นพระพรมากมายได้อีกด้วย
3. เมื่ออาสาร้องทูลต่อพระเจ้า พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของเขา
เราเห็น ท่าทีที่โดดเด่นในคำอธิษฐานของเขา อย่างน้อย 2 อย่าง คือ
ความถ่อมใจ และ ความไว้วางใจในพระเจ้า
ความถ่อมใจ คือ การยอมรับตนเองอย่างที่ตนเองเป็นจริงๆ
อาสาเรียกพวกของตนว่า “พวกไม่มีกำลัง” ทั้งที่เขามีทหารอยู่ถึง 280,000 คน
เพราะเขายอมรับความจริงว่า
ถ้าพระเจ้าไม่ช่วย ก็คงไม่มีใครช่วยเขาได้แล้ว
เขาไม่มีกำลังที่จะชนะศัตรูได้ด้วยตนเอง
ความไว้วางใจในพระเจ้า คือ การพึ่งพาพระเจ้าเท่านั้น ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
สิ่งเดียวที่อาสาทำ คืออธิษฐาน ขอพระเมตตาจากพระเจ้า พึ่งพาพระองค์
“ขออย่าทรงให้มนุษย์ชนะพระเจ้า”
ศัตรูพึ่งพากำลังมหาศาลของมนุษย์
แต่อาสาขอพึ่งพาพระเจ้า
ขอพระเจ้า อย่าทรงอนุญาตให้พวกพึ่งพามนุษย์ มีชัยชนะต่อพวกที่พึ่งพาพระเจ้าเถิด
วันนี้ ปัญหาของเราสามารถคลี่คลาย เปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีได้
เมื่อเราถ่อมใจลงต่อพระเจ้า และอธิษฐานร้องทูลต่อพระองค์ พึ่งพาพระองค์ด้วยสุดใจ
คำคม่
“ การเตรียมตัวอย่างดีที่สุด ไม่สามารถมาแทนที่การพึ่งพาพระเจ้าอย่างสุดใจได้ ”