ภาพรวม
- โยบตอบเอลีฟัสว่า ตนเองไม่ได้ทำผิดอะไร ก็เพียงแค่พูดตัดพ้อ ในฐานะคนที่ทุกข์ระทมใจแสนสาหัสเท่านั้นเอง
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
โยบ บทที่ 6 เมื่อเอลีฟัสกล่าวหาโยบว่า เหตุที่โยบต้องพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็เพราะโยบทำบาปต่อพระเจ้า
โยบจึงตอบว่า
ความทุกข์ใจของเขามากมายมหาศาล เขาจึงพูดไม่ยั้งคิด
เพราะบรรดาสิ่งน่ากลัวจากพระเจ้า ถาโถมเข้ามาหาเขา
ธรรมชาติของ ลาป่าหรือวัว เมื่อมันหิว มันก็ร้อง
เหมืนโยบที่พูดเช่นนั้น(บทที่ 3) ก็เพราะทุกข์หนัก
คำพูดของเอลีฟัส เหมือนอาหารที่ไม่มีรสชาติ
โยบจึงรังเกียจ ไม่ยอมกิน ไม่ยอมรับ
โยบปรารถนาให้พระเจ้านำชีวิตออกไปจากเขา ในวันที่พระองค์ทรงเหยียดพระหัตถ์เหนือเขา
ไม่น่าหยุดแค่นี้เลย
โยบไม่เหลือกำลังที่จะรอคอยจนถึงปลายทางแล้ว
สติปัญญาก็พรากไปจากเขาแล้ว
โยบกล่าวต่อไปว่า
ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวความเมตตาไว้จากเพื่อน
ก็ทอดทิ้งความยำเกรงองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์
บัดนี้พี่น้องของเขา ก็เชื่อถือไม่ได้
ดูเหมือนจะมีคำหนุนใจ เหมือนน้ำให้ชื่นใจ แต่ก็ไม่มี
ทั้งที่โยบไม่เคยขอทรัพย์หรือขอความช่วยเหลือจากพวกเขา
เขาก็ยังมาซ้ำเติม หาว่าโยบผิดอยู่ได้
คำพูดตรงๆ มีประโยชน์มาก
แต่คำตำหนิของเขานั้น ไร้ประโยชน์
การที่เขาตำหนิถ้อยคำของคนสิ้นหวัง เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ?
ดังนั้นโปรดหันมาคิดใหม่เถิด อย่าทำผิดเลย
1. โยบเตือนเอลีฟัสให้คิดใหม่ เพราะท่าทีและคำพูดของเขานั้นไม่ถูกต้องเลย
ช่างไม่มีเมตตาต่อเพื่อนผู้ทุกข์ระทมเลย
เขาไม่ควรจะไปถือสาคำพูดตัดพ้อของโยบ ขณะที่โยบกำลังทุกข์ใจแสนสาหัส
การใช้หลักการที่เรารู้มา เพื่อตำหนิคนอื่น โดยไม่ได้เข้าใจสภาพของเขาอย่างแท้จริง
เป็นการกระทำที่ไร้เมตตา และเป็นการกระทำที่ไม่ยำเกรงพระเจ้า
เมื่อเราเห็นคนอื่นพูดหรือทำในสิ่งที่เราคิดว่าไม่เหมาะสม
การเตือนสติเขานั้น ควรทำด้วยความรักและความเห็นอกเห็นใจเขา
เพราะการกระทำอย่างนั้น เป็นการยำเกรงพระเจ้า
2. แม้โยบจะสิ้นเนื้อประดาตัว แต่เขาก็ไม่ได้ขอยืมเงินหรือขอความช่วยเหลือจากเพื่อน
เขารอคอยว่า พระเจ้าจะทรงกระทำกับเขาต่อไปอย่างไร สุดแล้วแต่พระองค์
แต่ถ้าเขาเลือกได้ อยากให้พระองค์ทำให้เขาตายไปเลยคงจะดีที่สุดสำหรับความคิดของเขา
ปัญหาที่เราพบวันนี้ จงพึ่งพาพระเจ้า และรอคอยพระองค์
พระองค์มีทางออกที่ดีที่สุดเตรียมไว้สำหรับผู้ที่รอคอยพระองค์เสมอ
คำคม
“ คำเตือนสติที่ปราศจากความรัก ไร้ค่าในสายพระเนตรของพระเจ้า ”