ภาพรวม
- เอลีฟัสกล่าวหาโยบว่า เหตุที่โยบต้องพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็เพราะโยบทำบาปต่อพระเจ้า
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
โยบ บทที่ 5 หลังจากที่เอลีฟัสพูดกับโยบว่า โยบเคยเป็นคนดี บัดนี้พบความทุกข์ยาก ซึ่งก็แปลกเพราะคนดีน่าจะพบแต่สิ่งดีๆ
เขาก็พูดต่อไปอีกว่า
– ความขุ่นเคืองใจฆ่าคนโง่
– ความริษยาฆ่าคนรู้น้อย
– คนโง่ผู้ทำชั่ว แม้จำเริญขึ้น ต่อมาไม่นานก็จะรับคำแช่งสาป โดยปราศจากความช่วยเหลือ
เพราะความทุกข์ของเขา มาจากการกระทำชั่วของเขา
เขากล่าวถึงพระเจ้าว่า
– พระเจ้าทรงทำการอัศจรรย์เหลือที่จะหยั่งรู้ได้ และนับไม่ถ้วน
– พระเจ้าทรงตั้งคนต่ำต้อยขึ้น
– พระเจ้าทรงช่วยคนที่ไว้ทุกข์ ให้ปลอดภัย
– พระเจ้าทรงขัดขวางอุบายของคนเจ้าเล่ห์
– พระเจ้าทรงจับคนมีปัญญาด้วยเล่ห์กลของเขาเอง
– พระเจ้าทรงทำให้แผนการของคนหลอกลวง พังลง
– พระเจ้าทรงทำให้คนชั่ว พบความมืดมิด
– พระเจ้าทรงช่วยคนขัดสนให้พ้น จากมือของคนมีกำลัง
เอลีฟัสจึงสรุปว่า
การตีสอนจากพระเจ้าเป็นสิ่งดี ไม่ควรดูหมิ่นการตีสอนของพระเจ้า
เพราะพระองค์ทรงให้บาดเจ็บ แต่พระองค์ทรงพันแผลให้
พระองค์ทรงโบยตี แต่พระหัตถ์ของพระองค์ก็รักษา
ดังนั้นถ้าโยบยอมรับการตีสอนจากพระเจ้า
พระองค์จะทรงช่วยกู้โยบ จากความทุกข์ยาก และจากอันตรายทั้งสิ้น
เพื่อโยบจะพบกับความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต
และลูกหลานของโยบจะได้รับพระพร
และโยบจะมีอายุยืนยาวนาน
1. สิ่งที่เอลีฟัสพูด ในตอนต้นเป็นความจริง
– การขุ่นเคืองใจ การริษยา และการทำชั่วอย่างโง่เขลา จะนำผลร้ายมาสู่คนที่ทำเช่นนั้น
– พระเจ้าทรงทำการอัศจรรย์มากมาย และทรงช่วยคนต่ำต้อย คนทุกข์ใจ
– พระเจ้าทรงจัดการกับคนชั่วร้าย อย่างยุติธรรม
– คนที่ถ่อมใจลงต่อพระเจ้า จะพบความสุขและพระพรมากมาย
แต่ปรากฏว่า ข้อสรุปตอนท้ายของเขากลับผิด
เมื่อพูดข้างต้นแล้ว เขาจึงสรุปว่า
ที่โยบพบเหตุการณ์ร้ายนี้ เพราะทำบาป และยังไม่ยอมรับตีสอนจากพระเจ้าอีก
ในเรื่องนี้เราเห็นได้ว่า
วิธีการของพระเจ้านั้นซับซ้อน เหนือชั้น เกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจได้ครบถ้วน
การด่วนสรุป ด่วนตัดสินผู้อื่น
โดยมองความจริงเพียงด้านเดียว
ไม่พิจารณาให้รอบด้าน ย่อมมีโอกาสทำให้เราสรุปอย่างผิดพลาดได้ง่ายๆ
2. “พระองค์ทรงโบยตี แต่พระหัตถ์ของพระองค์ก็รักษา”
หากสิ่งที่เราพบเจอ เป็นการตีสอนจากพระเจ้า เพื่อให้เรากลับใจ
ทันทีที่เรากลับใจ พระองค์จะทรงรักษาเราให้หายจากแรงกดดันของปัญหาเหล่านั้น
คำคม
“ คนที่คิดว่าตนเข้าใจแผนการพระเจ้าแล้ว โดยไม่ถามพระองค์ เขายังไม่เข้าใจอะไรเลย ”