ภาพรวม
- หลังจากลงจากภูเขา พระเยซูเริ่มประกาศข่าวประเสริฐ , ทำการรักษาโรค และทำการอัศจรรย์ต่างๆ กิตติศัพท์ของพระเยซูก็เลื่องลือออกไป ประชาชนเริ่มติดตามพระเยซูเพิ่มขึ้นอย่างมาก
- การรักษาโรคและการอัศจรรย์ต่างๆ ล้วนเกี่ยวข้องกับสิ่งหนึ่งอย่างชัดเจน นั่นคือ ความเชื่อ
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# โรคเรื้อน เป็นโรคติดต่อและใครก็ตามที่สัมผัสผู้ที่เป็นโรคนี้จะกลายเป็นมลทิน จึงเป็นโรคที่สังคมรังเกียจอย่างมาก แต่เมื่อพระเยซูพบคนโรคเรื้อน พระองค์ไม่ได้ทรงรังเกียจเขา พระองค์ยื่นมือไปแตะต้องเขา และรักษาเขาให้หาย
1.@ วันนี้ ไม่ว่าเราน่ารังเกียจสักเพียงใดในสายตาของคนอื่น แต่พระเยซูไม่เคยรังเกียจเรา พระองค์พร้อมที่ยื่นพระหัตถ์สัมผัสเราด้วยความรัก และเยียวยารักษาเรา ให้กลับสู่สภาพดีดังเดิม ให้เรารีบมาหาพระองค์เถิด!
2.# พระเยซูตรัสกับคนโรคเรื้อนนั้นว่า “พระองค์พอพระทัยแล้ว” ถ้าจะมีสิ่งใดที่น่าพอใจในชายน่ารังเกียจคนนี้ คงไม่ใช่อะไรอื่น นอกจาก ความเชื่อ ที่เชื่อว่า เพียงพระเยซูตรัสเขาก็จะหายโรคได้
2.@ สิ่งที่ทำให้พระเยซูพอพระทัย ไม่ใช่ความสามารถมากมายที่เรามี หรือสิ่งของใดๆที่เราถวายแด่พระองค์ แต่พระองค์พอพระทัยเมื่อเราเชื่อไว้วางใจในพระองค์อย่างสุดหัวใจ ในการเผชิญกับสถานการณ์ในวันนี้ วันนี้คุณทำให้พระเยซูพอพระทัยแล้วหรือยัง?
3.# ชายอีกคนที่มีความเชื่อมาก ที่พระเยซูพอพระทัยในเขา จนถึงกับกล่าวชมเขาต่อหน้าประชาชน คือนายร้อย ที่ส่งคนมาขอร้องพระเยซู ให้ตรัส เพื่อให้บ่าวที่รักของเขาหายป่วย เป็นการตอกย้ำว่า สิ่งที่พระเยซูปรารถนาที่จะให้เรากระทำต่อพระองค์ คือ เชื่อวางใจในพระองค์
3.@ วันนี้ แม้พระเยซูไม่ได้มาปรากฏกายให้เราเห็นหน้าต่อหน้า แต่พระคำของพระองค์ตรัสกับเราแล้ว เราจะตอบสนองเช่นใด? เราพร้อมที่จะพูดเหมือนนายร้อยคนนั้นไหม? โดยกล่าวว่า “แค่พระคำของพระองค์ตรัสไว้ นั่นก็มากเพียงพอแล้วที่ข้าพเจ้า จะไม่กลัว จะไว้วางใจในพระองค์”
4.# เปโตรติดตามพระเยซู ปัญหาส่วนตัวของเปโตร(แม่ยายป่วย) พระเยซูไม่ทรงเพิกเฉย แต่ทรงแก้ปัญหานั้นให้แก่เขา แล้วปัญหานั้นกลับกลายเป็นสิ่งส่งเสริมเปโตรในการรับใช้พระเจ้า (แม่ยายปรนนิบัติพระเยซู)
4.@ เมื่อเราติดตามพระเยซู พระเยซูจะดูแล ทุกพื้นที่ในชีวิตของเรา พระองค์จะทรงเปลี่ยนปัญหาที่เราเผชิญอยู่นี้ ให้กลายเป็นสิ่งที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า
5.# มนุษย์ล้มลงในบาป บาปจึงนำการเจ็บป่วยเข้ามาสู่มนุษย์ เมื่อพระเยซูรับบาปของมนุษย์ไปไว้ที่พระองค์ พระองค์ไม่เพียงรับแบกบาปเท่านั้น แต่ต้องรับแบกผลของบาปนั้นด้วย ความเจ็บป่วยของมนุษย์ทั้งสิ้นถูกพระเยซูแบกรับไว้แล้วทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ ผู้เชื่อวางใจในพระเยซูทุกคน จึงสามารถรับสิทธินั้น สิทธิการหายโรคเพราะพระเยซูทรงรับโรคนั้นไปแล้ว โดยการถูกเฆี่ยนตี และถูกตรึงที่กางเขนนั้น
5.@ โดยรอยแผลเฆี่ยนของพระเยซูและโดยการทุกข์ทรมานที่ไม้กางเขนของพระเยซู เราไม่จำเป็นต้องเจ็บป่วยอีกต่อไป ทุกครั้งที่เจ็บป่วย เราสามารถอ้างสิทธินี้ เบิกมาใช้ได้ทุกเวลา
6.# พระเยซูตรัสว่า การเป็นสาวกของพระองค์นั้น ต้องไม่คาดหวังได้รับตามมาตรฐานของโลกนี้ และต้องไม่ผัดวันประกันพรุ่ง มีคนหนึ่งบอกว่า รอพ่อตายก่อนจะติดตามพระองค์ ซึ่งหมายความว่ายังไม่รู้เมื่อไร แต่พระเยซูท้าทายให้เขาติดตามพระองค์ในทันที
6.@ วันนี้ เราติดตามพระเยซู เพื่อคาดหวังความสำเร็จอย่างโลกนี้อยู่หรือเปล่า? และเรากำลังผัดวันประกันพรุ่งในการเชื่อฟังพระองค์อยู่หรือเปล่า?
7.# พระเยซูทรงทำการอัศจรรย์ ห้ามลมพายุในทะเลสาบกาลิลี
7.@ แม้คลื่นลมยังเชื่อฟังพระเยซู แล้วเราเป็นใคร กล้าบังอาจไม่เชื่อฟังพระองค์?
8.# พระเยซูทรงตำหนิเหล่าสาวก เพราะพวกเขามีความเชื่อน้อย ซึ่งแสดงออกมาเป็นความกลัวต่อพายุ ทั้งที่พระเยซูทรงอยู่กับพวกเขา
8.@ พระเยซูปรารถนาให้เรามีความเชื่อมาก โดยแสดงออกเป็นการไม่กลัว ไม่หวั่นไหว ไม่วิตกกังวล ต่อพายุแห่งปัญหาที่กำลังโหมกระหน่ำเข้ามาในชีวิตของเรา เพราะว่าพระเยซูทรงสถิตอยู่กับเรา
9.# พระเยซูกับพวกสาวกเดินเรือฝ่าพายุมาเพื่อจะช่วยชายที่ถูกผีสิง เขาสำคัญมากในสายพระเนตรของพระเยซู แต่สำหรับชาวเมืองแล้ว ชีวิตของชายสองคนนี้ช่างไร้ค่า เทียบไม่ได้กับหมู สัตว์น่ารังเกียจของยิว จำนวน 3,000 ตัว
9.@ วันนี้ เรามองคุณค่าของคนอื่นด้วยสายตาของโลกนี้ หรือด้วยสายตาแบบเดียวกับพระเยซู?
10.# ผีมันก็รู้ว่า พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า แต่มันยังคงต้องพบกับความพินาศเพราะมันไม่ได้เชื่อวางใจในพระเยซู
10.@ การรู้เรื่องของพระเยซู ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันว่า คนนั้นจะได้รับความรอด เพราะว่าความรอดนั้นเป็นของผู้เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์เท่านั้น
คำคม
“ เราทำให้พระเยซูชื่นใจได้ ด้วยการเชื่อวางใจในพระองค์อย่างสุดหัวใจ ”