ภาพรวม
- พระเยซูตรัสถึงยอห์นผู้ให้บัพติศมาว่า เป็นผู้จัดเตรียมทางให้พระเยซู ตามคำพยากรณ์(มลค. 4:5) แต่คนยิวกลับ ใจแข็งกระด้าง ไม่ยอมรับและไม่ยอมกลับใจ แม้แต่เมื่อพระองค์เสด็จมาแล้วก็ยังไม่ยอมกลับใจ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโทษให้แก่พวกเขาเองในวันพิพากษา
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# เมื่อยอห์นติดคุก เขาเริ่มชักไม่แน่ใจว่า พระเยซูคือพระมาซีฮาจริงๆหรือไม่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เขายืนกรานหนักแน่นว่า พระเยซูเป็นพระมาซีฮา(ยน. 1:36) เขาจึงส่งคนมาถามพระเยซู แล้วพระเยซูทรงตอบ ด้วยสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ “ตาบอดมองเห็น, คนง่อยเดินได้ ,คนโรคเรื้อนหายสะอาด ,คนหูหนวกได้ยิน ,คนตายเป็นขึ้น และคนยากจนได้รับข่าวดี” ยอห์นจึงรู้และมั่นใจได้ว่า พระเยซูคือพระมาซีฮาจริงๆ สามารถตายตาหลับเพราะภารกิจของเขาเสร็จสมบูรณ์แล้ว
1.@ เรารู้ได้อย่างไรว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าจริงๆ? แน่นอน เริ่มต้นด้วยความเชื่อ ขณะนั้นแม้เรายังมองไม่เห็น เราก็เชื่อ แล้วต้อนรับพระองค์เข้ามาในจิตใจ หลังจากนั้นเราก็เริ่มเห็นและประจักษ์ด้วยตัวของเราเองได้ว่า ชีวิตของเราเองเปลี่ยนแปลงไปจากภายในจริงๆ จนทำให้เรารู้และมั่นใจได้ว่า “ใช่แล้วพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของเราทั้งหลาย”
2.# พระเยซูตรัสเกี่ยวกับยอห์นว่า เขาเป็นชายผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ไม่ใช่เพราะยอห์นนั้นยิ่งใหญ่ด้วยตัวของเขาเอง แต่เพราะภารกิจที่เขาทำ ไม่เคยมีมนุษย์ใดตลอดประวัติศาสตร์ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้นำหน้าขบวนเสด็จของพระผู้ช่วยให้รอด กษัตริย์แห่งฟ้าสวรรค์
2.@ วันนี้ แม้โดยคุณสมบัติของตัวเราเองไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่อะไร แต่ภารกิจที่เราได้รับมอบหมายนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน คือ นำข่าวเรื่องพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด ไปสู่ผู้คนมากมายที่กำลังจะพินาศ เพื่อให้พวกเขาพบความรอด
3.# พระเยซูทรงตำหนิพวกยิวว่า เหมือน เด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ชอบโทษคนอื่น เมื่อคนอื่นไม่ได้ทำตามวิธีการของเขา
3.@ พระเจ้าทรงมีวิธีการของพระองค์เอง ที่จะนำความรอด นำความช่วยเหลือ มาถึงเรา ซึ่งไม่จำเป็นต้องเหมือน หรือตรงกับ ความปรารถนาของเรา ตามวิธีการของเรา ให้เราถ่อมใจลง ยอมรับวิธีการของพระองค์ ยอมจำนนอย่างไว้ใจในพระเจ้าต่อสิ่งต่างๆที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา
4.# พระเยซูทรงตำหนิคนยิวในช่วงเวลานั้น ที่ใจแข็งกระด้าง ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากพระเจ้า ไม่ยอมกลับใจใหม่ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโทษให้แก่พวกเขาเอง ในวันแห่งการพิพากษา เพราะนอกจากพวกเขาเป็นคนบาปที่ต้องถูกพิพากษาเหมือนมนุษย์ทุกคนแล้ว เขายังเป็นคนบาปที่ถูกหมิ่นความช่วยเหลือและพระเมตตาจากพระเจ้า โดยการปฏิเสธพระเยซูคริสต์อีกด้วย
4.@ พระเยซูไม่ได้ทรงตำหนิพวกเขาเพราะเขาทำบาปชั่วมากมายเหลือเกิน แต่ตำหนิเพราะพวกเขาไม่ยอมกลับใจ ไม่ยอมรับการอภัยจากพระเจ้า ไม่ยอมรับการช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์ วันนี้ไม่สำคัญว่า เราทำผิดพลาดพลั้งบาปมากเพียงใด แต่ที่สำคัญจริงๆคือ วันนี้เรายังจะจงใจเดินทางบาปนั้นต่อไป หรือเราจะกลับใจใหม่ หันมาหาพระเยซู ขอรับการอภัยจากพระองค์ แล้วให้พระองค์ทรงช่วยเรา เริ่มต้นชีวิตใหม่
5.# ก่อนหน้านี้คนที่สามารถผ่านพ้นปัญหาและภาระหนักในชีวิต มักเป็นคนที่ฉลาด หรือมีปัญญา แต่บัดนี้ พระเจ้าประทานความช่วยเหลือ เพื่อให้มนุษย์สามารถรอดพ้นภาระหนักในชีวิตได้ ด้วยคุณสมบัติใหม่ ก็คือ ใครก็ได้ ที่ถ่อมใจเหมือนเด็กเล็กๆ เข้ามารับความช่วยเหลือจากพระเยซูได้ พระองค์จะช่วยเขาให้หายเหนื่อย เป็นสุข
5.@ ปัญหาของเราวันนี้ ไม่ได้แก้ไขได้ด้วยปัญญาหรือความฉลาดของเรา แต่แก้ได้ด้วยความถ่อมใจ ยอมรับความจริงว่า เราไม่สามารถแก้มันได้ด้วยตัวเอง หันมาหาพระเยซู แล้วร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พระองค์จะให้ท่านหายเหนื่อย เป็นสุข
คำคม
“ แก้เองยิ่งวุ่นวาย ให้พระเยซูคลี่คลาย จะเป็นสุข ”