ภาพรวม
- ในบทนี้ ชี้ให้เห็นว่า พวกฟาริสีและธรรมาจารย์ เชื่อในคำสอนที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ จึงตำหนิผู้ที่ไม่ได้ทำตามธรรมเนียม แต่สำหรับพระเจ้านั้น พระคำของพระเจ้าสำคัญยิ่งกว่าและผู้ที่เชื่อในพระคำของพระองค์จะพบการอัศจรรย์ในชีวิต
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# พระเยซูทรงตำหนิพวกฟาริสีและธรรมาจารย์ว่า หน้าซื่อใจคต เพราะพวกเขาเอาธรรมเนียมที่บอกต่อๆกันมาจากบรรพบุรุษ มายกเลิกการทำตามพระคำของพระเจ้า แล้วยังมีหน้ามาบอกใครต่อใครอีกว่า พวกเขารักพระเจ้าสุดใจ
1.@ ความรักที่มีต่อพระเจ้า ไม่ได้วัดกันที่ปาก แต่วัดกันที่ความจริงใจที่มีต่อพระเจ้า ผู้รักพระเจ้าอย่างจริงใจ เขาจะเชื่อฟังพระเจ้าอย่างเต็มใจ
2.# คนตาบอดคนใด ให้คนตาบอดอีกคนนำทาง ทั้งสองจะตกลงบ่อด้วยกัน เมื่อใครเดินตามแนวทางของคนที่ไม่ทำตามพระคำของพระเจ้า ในที่สุดคนนั้นจะพบกับผลร้ายแบบเดียวกับคนที่ไม่ทำตามพระคำจะได้รับ
2.@ วันนี้ เรากำลังเดินตามพระคำของพระเจ้า หรือกำลังเดินตามวิถีแห่งโลกนี้ซึ่งใครๆเขาก็ทำกัน?
3.# สิ่งที่เข้าไปในร่างกาย ไม่ทำให้เป็นมลทิน สิ่งที่ออกมาจากใจต่างหากที่ทำให้เป็นมลทิน สิ่งที่เข้าไปในร่างกายเป็นเพียงแค่เรื่องของกายภาพ แต่พระเจ้าชันสูตรลึกเข้าไปถึงในจิตใจ
พระเจ้าไม่ได้ดูที่พฤติกรรมภายนอก แต่ดูที่ท่าทีในใจที่ส่งผลออกมาเป็นพฤติกรรมภายนอก
3.@ วันนี้ บางคนอาจจะมองว่า เรารักพระเจ้า ยำเกรงพระเจ้า แต่พระเจ้าทรงมองลึกเข้าไปในใจของเราว่า วันนี้สิ่งที่เราทำเกิดจากความรัก ความยำเกรงที่มีต่อพระองค์ หรือ เกิดจากความปรารถนาเป็นที่ยอมรับของคนอื่น หรือเกิดจากความเกรงใจคนอื่น
4.# คนยิวดูถูกคนต่างชาติ โดยใช้คำเปรียบว่าเป็นสุนัข พระเยซูใช้คำเปรียบนี้เพื่อแสดงให้คนอื่นเห็นถึง ความเชื่อของหญิงคานาอัน เพราะพระองค์ทรงทราบก่อนแล้วว่าเธอจะตอบอย่างไร
เธอมาขอร้องให้พระเยซูช่วยลูกสาวของเธอ แต่กลับถูกพระเยซูปฏิเสธ และใช้คำพูดที่พวกยิวมักใช้เรียกพวกของเธอ ถึงกระนั้นเธอก็ยังขอร้องพระเยซูต่อไปอีก
– อะไรหนอทำให้หญิงคนนี้ อุตส่าห์มาขอร้องคนยิวที่ดูถูกเธอ?
– อะไรหนอทำให้หญิงคนนี้ ยังคงขอร้องต่อไป ทั้งที่ถูกเปรียบด้วยคำพูดที่พวกยิวชอบใช้ดูถูกเธอ?
คำตอบ เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ก็คือ เพราะรักของแม่ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน และแม่คนนี้เชื่ออย่างไม่สงสัยเลยว่า ผู้เดียวเท่านั้นที่จะช่วยเหลือลูกสาวของเธอได้ คือ พระเยซู
เรื่องนี้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พวกคนต่างชาติที่ยิวดูถูกและเป็นผู้ที่ไม่รู้พระคำของพระเจ้า ยังมีความเชื่อมากมาย แต่คนยิว พวกฟาริสี และพวกธรรมาจารย์ ผู้รู้พระคำของพระเจ้าเป็นอย่างดี และรู้ว่าสิ่งที่พระเยซูสอนและกระทำนั้นเป็นไปตามพระคำของพระเจ้า แต่พวกเขาก็ยังไม่เชื่ออยู่นั่นเอง
4.@ การมีความรู้ในพระคำของพระเจ้าเป็นสิ่งดี แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการรู้แล้วเชื่อ และทำตามพระคำของพระเจ้า โดยความเชื่อนั้นเราจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ผ่านการเชื่อฟังพระคำของพระองค์
5.# เราเห็นภาพนี้เกิดขึ้นเสมอ ตลอดชีวิตการรับใช้ของพระเยซู คือ เมื่อพระเยซูทรงทำหมายสำคัญ การอัศจรรย์ แล้วผู้คนที่ได้พบเห็นจะสรรเสริญพระเจ้า ไม่ได้สรรเสริญพระบิดา เพราะทุกสิ่งที่ทำพระเยซูทรงกระทำ เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระบิดา
5.@ วันนี้ เมื่อเราทำสิ่งดีต่างๆสำเร็จลง ส่วนใหญ่ใครมักได้รับเกียรติในการกระทำนั้น?
6.# แม้ก่อนหน้านี้ เหล่าสาวกได้มีประสบการณ์ ได้เห็น พระเยซูทรงเลี้ยงคนมากกว่า 5,000 คน ด้วยขนมปัง 5 ก้อน ปลา 2 ตัว แล้วก็ตาม แต่พอมาถึงเหตุการณ์คล้ายๆกัน มีคนมากกว่า 4,000 คน ที่พวกเขาต้องเลี้ยงอาหาร เขากลับยังคงกล่าวกับพระเยซู ว่า “ในถิ่นทุรกันดารนี้เราจะหาอาหารที่ไหนพอเลี้ยงฝูงชนมากเท่านี้ให้อิ่มได้?” ทั้งที่คราวนี้พวกเขา มีขนมปังมากกว่าครั้งที่แล้วด้วยซ้ำไป
หากเราไม่ระลึกถึงประสบการณ์ที่พระเจ้าทรงช่วยเราในอดีตที่ผ่านมา ประสบการณ์เหล่านั้นก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับเราในวันนี้
6.@ ในอดีตที่ผ่านมา พระเยซูได้ช่วยเราผ่านพ้นวิกฤตการณ์มาได้แล้วฉันใด วันนี้พระองค์จะทรงช่วยเราผ่านพ้นเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่นี้ ได้อย่างมีชัยชนะและรับพระพรฉันนั้น
คำคม
“ ความเชื่อวางใจในพระเจ้าที่มากพอ จะทำให้เราเชื่อฟังพระเจ้าได้ในทุกสิ่ง ”