ภาพรวม
- ในบทนี้พูดถึงมุมมองแบบมนุษย์และมุมมองแบบพระเจ้า ของพวกฟาริสีและพวกสะดูสี รวมทั้งพวกสาวก โดยเฉพาะเปโตร
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# พวกฟาริสีและพวกสะดูสี มาหาพระเยซู เพื่อขอให้พระเยซูสำแดงหมายสำคัญบนท้องฟ้าให้พวกเขาดู เพื่อว่าบางทีเขาอาจจะยอมเชื่อพระองค์ก็ได้
พระเยซูตอบพวกเขาว่า ขนาดพวกเขาสังเกตท้องฟ้ายังคาดเดาอากาศได้
แต่พวกเขาเห็นอัศจรรย์มากมายที่พระเยซูทำแล้ว กลับไม่สังเกต ไม่ยอมเชื่อ พระองค์ทรงสำแดงแล้วแต่ไม่ใช่ตามวิธีที่เขาต้องการ แต่ตามวิธีการของพระองค์เอง
1.@ พระเยซูทรงกระทำอะไรมากมายกับชีวิตของเราในอดีตที่ผ่านมา จนเรามีวันนี้ได้ สิ่งรอบตัวในชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมากมายจนทุกวันนี้ นั่นน่าจะเพียงพอแล้ว ที่จะทำให้เราไว้วางใจในพระองค์ได้ สำหรับเหตุการณ์ที่เรากำลังพบเจอในวันนี้
2.# คนที่แสวงหาการอัศจรรย์ จะไม่ได้พบการอัศจรรย์ แต่ผู้ที่แสวงหาพระเยซู จะพบพระองค์ พร้อมกับพบการอัศจรรย์ในชีวิต
2.@ วันนี้ หากเราปรารถนาจะเห็นการช่วยกู้อย่างอัศจรรย์ในชีวิตของเรา จงแสวงหาที่จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเยซู
3.# การอัศจรรย์ เลี้ยงคน 5,000 คน และ 4,000 คน ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เหล่าสาวกวางใจในพระเยซูเรื่องอาหารการกินของเขาได้ เพราะเขาไม่ยอมเชื่อมโยงประสบการณ์กับพระเจ้าในอดีต เข้ากับเหตุการณ์ในปัจจุบัน
3.@ วิธีเผชิญเหตุการณ์ในวันนี้อย่างสง่างาม คือ ระลึกถึงว่าในอดีตพระองค์ทรงเคยกระทำกับเราอย่างไร
พระองค์เคยอภัยบาปแก่เราอย่างไร วันนี้พระองค์ก็พร้อมอภัยเช่นกัน
พระองค์เคยช่วยกู้เรามาแล้วอย่างไร วันนี้พระองค์ก็ทรงพร้อมช่วยกู้เราเช่นกัน
4.# พระเยซูเตือนเหล่าสาวกให้ระวัง คำสอนของพวกฟาริสีและพวกสะดูสี ที่สนใจแต่สิ่งของในโลกนี้และการยอมรับจากมนุษย์
4.@ วันนี้ เราแคร์มนุษย์หรือแคร์พระเจ้ามากกว่ากัน?
วันนี้ เราทุ่มเทเพื่อสิ่งของและความเป็นไป ในโลกนี้ หรือ ในสวรรค์ มากกว่ากัน?
5.# ที่ซีซารียาฟีลิปปี เปโตรกล่าวคำยอมรับว่า “พระเยซูเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” ซึ่งคำกล่าวนี้ พระเยซูชี้ให้เห็นว่า เป็นการเปิดเผย สำแดงจากพระเจ้า แก่เปโตร
5.@ การเชื่อและยอมรับพระเยซู เข้ามาเป็นพระเจ้าในชีวิตของใครสักคน เป็นการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของคนนั้น
ดังนั้นการที่คนที่เรารักจะเปิดใจต้อนรับพระคริสต์นั้น จำเป็นเหลือเกินที่ต้องมีคนอธิษฐานเพื่อเขา
โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า ไม่มีผู้เชื่อสักคนเดียวที่ต้อนรับพระคริสต์ โดยไม่มีใครอธิษฐานเผื่อเขามาก่อน
วันนี้ เราอธิษฐานเผื่อคนที่เรารัก ให้มารู้จักพระคริสต์แล้วหรือยัง?
6.# หลังจากที่เปโตรยอมรับพระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูตรัสกับเขาว่า ท่านคือเปโตร (แปลว่า ก้อนหินก้อนเล็กๆ) บนศิลา (เปตรา-แปลว่า ศิลาก้อนใหญ่) นี้ พระองค์จะสร้างคริสตจักรที่มีพลังเหนือความตายขึ้น เป็นคริสตจักรที่มีสิทธิอำนาจห้ามหรืออนุญาต สิ่งต่างๆในฝ่ายวิญญาณได้
ศิลานี้ หมายถึง คำยอมรับของเปโตร ตลอดประวัติศาสตร์พระเยซูทรงสร้างคริสตจักรของพระองค์ จากผู้เชื่อผู้ต้อนรับพระองค์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และไม่มีสิ่งใดต่อต้าน ขัดขวาง หยุดยั้ง การเจริญเติบโตและขยายออกไปของคริสตจักรได้
แม้ผู้มีอำนาจมากมาย พยายามจะหยุดยั้งด้วยการลงโทษถึงตาย ก็ไม่อาจหยุดยั้งคริสตจักรของพระองค์ได้
6.@ การไปร่วมนมัสการที่โบสถ์ และร่วมกิจกรรมต่างๆของคริสตจักร เป็นสิ่งดีและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันว่า เราเป็นส่วนหนึ่งในพระกายของพระคริสต์แล้ว
เพราะ การเป็นส่วนหนึ่งในพระกายของพระคริสต์ เกิดขึ้นโดยการต้อนรับพระเยซูเข้ามาเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริงในชีวิตของเรา
เมื่อเราเป็นส่วนหนึ่งในพระกายของพระคริสต์ เรามีสิทธิอำนาจที่จะห้ามหรืออนุญาต สิ่งต่างๆในฝ่ายวิญญาณได้ โดยผ่านคำอธิษฐานด้วยความเชื่อ
วันนี้ เราได้ใช้สิทธิพิเศษนี้มากน้อยเพียงใด?
7.# เมื่อพระเยซูพยากรณ์ถึงการที่พระองค์จะต้องสิ้นพระชนม์ เป็นสิ่งที่เปโตรรับไม่ได้ ที่เขาติดตามพระเยซูมาหลายปี ก็เพราะเชื่อว่าพระองค์เป็นพระมาซีฮาและหวังว่าในอนาคตเขาจะได้เป็นใหญ่เป็นโตเมื่อพระองค์ทรงครอบครองในโลกนี้
ดังนั้นถ้าพระองค์ตาย ความหวังของเขาทั้งหมดก็จะสูญเปล่านะสิ
เขาจึงกล่าวห้ามว่า “จะให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดกับพระองค์ไม่ได้”
แล้วพระเยซูก็ตำหนิเขา ว่าเขากำลังคิดแบบคน ซึ่งไม่เหมือนกับความคิดแบบพระเจ้า ความคิดเขานั้นเป็นการล่อลวงจากมาร
7.@ เปโตรรับการสำแดงจากพระเจ้า จึงคิดแบบพระเจ้า ต่อมาเปโตรคนเดียวกันนี้ถูกล่อลวงโดยมาร จึงหลงไปคิดแบบมาร การดำเนินชีวิตในทางของพระเจ้า ต้องคอยระมัดระวังความคิดของเราอยู่เสมอ
ให้พระคำของพระเจ้านำความคิดของเราตามการสอนของพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เสมอ
แม้ว่าชั่วโมงนี้ เราคิดสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระเจ้า ก็ไม่ได้หมายความว่า ชั่วโมงต่อมาเรายังคงคิดสอดคล้องกับพระเจ้าอยู่
จึงต้องคอยระมัดระวังความคิดให้สอดคล้องกับพระคำของพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา
8.# ผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอดในโลกนี้ จะเสียชีวิตนิรันดร์
ผู้ใดใคร่เสียชีวิตในโลกนี้ เพราะเห็นแก่พระเยซู จะได้ชีวิตนิรันดร์
แม้ได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องสูญเสียชีวิตนิรันดร์ มันไม่คุ้มเลย
8.@ วิธีสูญเสียชีวิตนิรันดร์ ก็คือ ดำเนินชีวิตตามวิถีแห่งโลกนี้ กอบโกยความสุขสำหรับชีวิตในโลกนี้ให้มากที่สุด
วิธีได้ชีวิตนิรันดร์ ก็คือ ยอมทิ้งวิถีชีวิตแห่งโลกนี้ ดำเนินชีวิตโดยแบกกางเขนแห่งการเชื่อฟัง ทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า ตลอดวันคืนของชีวิต
คำคม
“ คิดอย่างคน คิดสั้นๆ สนใจสิ่งของชั่วคราวในโลกนี้
คิดอย่างพระเจ้า คิดไกลๆ สนใจสิ่งถาวรในสวรรคสถาน ”