ขุมทรัพย์ มัทธิว 21

ภาพรวม

  • วันอาทิตย์ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่พระเยซูจะถูกตรึงบนไม้กางเขน พระองค์ทรงเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต ตามคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ และทรงขับไล่คนค้าขายออกจากพระวิหาร แล้วก็พบการต่อต้านอย่างรุนแรงจากพวกมหาปุโรหิตและพวกฟาริสี

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1.#  ตามคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ พระมาซีฮาจะนั่งลูกลาเข้ากรุงเยรูซาเล็ม แต่พวกของพระเยซูไม่มีลูกลา แล้วจะไปหาจากที่ไหน?
ปรากฏว่า พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นและเตรียมการสำหรับบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเจ้าของลาไว้เรียบร้อยแล้ว
เพียงแต่ พวกสาวกทำตามคำสั่งของพระเยซู พวกเขาก็พบการจัดเตรียมของพระเจ้า

1.@  พระเจ้าทรงจัดเตรียมการคลี่คลายสถานการณ์ของเราเอาไว้แล้ว เพียงแต่เราเชื่อฟังพระคำของพระองค์ เราก็จะพบกับการจัดเตรียมของพระเจ้า

วันนี้ เรากล้าที่จะจัดการกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ ด้วยวิธีการเชื่อฟังพระคำของพระเจ้าหรือไม่?

2.# พระเยซูนั่งลูกลาเข้าเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ผู้ถ่อมพระทัย แล้วผู้คนก็เอาเสื้อผ้าของตน หรือกิ่งไม้มาปูให้ลานั้นเดิน แล้วโห่ร้องสรรเสริญพระเจ้า

2.@ พระเยซูผู้เป็นเจ้านายของเรา ยังถ่อมตัวถ่อมใจ แล้วเรายิ่งควรจะถ่อมใจต่อผู้อื่นมากยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด

เมื่อพระเยซูนั่งลานั้น ลานั้นได้รับการต้อนรับอย่างสง่างาม ไม่ใช่คุณสมบัติของตัวมันเองแต่พระเยซูทรงนั่งอยู่บนมัน

ชีวิตของเราไม่ว่าจะต่ำต้อยสักเพียงใด หากยอมให้พระเจ้าทรงใช้ พระเจ้าจะเป็นผู้ประทานเกียรติแก่เรา

3.# พระเยซูไม่พอพระทัย พ่อค้าที่นำของมาค้าขายในพระวิหารอย่างมาก เพราะพระนิเวศน์ของพระเจ้า ควรเป็นที่สำหรับอธิษฐาน
ไม่ใช่สำหรับค้าขาย หนำซ้ำยังค้าขายแบบเอาเปรียบ ขูดรีด ผู้คนอีกด้วย

3.@ วันนี้ เราเป็นวิหารของพระเจ้า เราใช้พระวิหารนี้ทำสิ่งใด?
ทำสิ่งที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า หรือ ทำสิ่งหาประโยชน์ให้ตนเอง?

เราใช้พระวิหารนี้ เป็นนิเวศน์แห่งการอธิษฐาน คิดเป็น กี่ % ใน 24 ชม. ของแต่ละวัน

4.# ด้วยความอิจฉา พวกปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จึงไม่พอใจ ที่เด็กๆสรรเสริญพระเยซู ทั้งที่สิ่งที่เด็กๆเหล่านั้นทำเป็นสิ่งน่าชื่นชม เพราะเป็นไปตามพระคัมภีร์ที่พยากรณ์ไว้ (สดด. 8:2​)

4.@ หากเราปล่อยให้ความอิจฉาเข้าครอบครองจิตใจของเรา จะทำให้เรามองไม่เห็นสิ่งที่พระเจ้ากำลังทำในชีวิตของคนอื่น

5.# พระเยซูทรงใช้ต้นมะเดื่อ เพื่อเป็นบทเรียนสอนพวกสาวก ให้เขามีความเชื่อ กล้าเชื่อในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าจะทรงกระทำ โดยพระองค์เน้นย้ำว่า “สิ่ง​สารพัด​ซึ่ง​ท่าน​อธิษฐาน​ขอ​ด้วย​ความ​เชื่อ ท่าน​จะ​ได้”

5.@ พระเยซูผู้ไม่ตรัสมุสา ทรงสัญญาไว้ว่า สิ่งใดที่เราขอ ด้วยความเชื่อจริงๆ ไม่ได้สงสัย เราจะได้รับสิ่งนั้น

วันนี้ หากเรามีความจำเป็นในสิ่งใด จงทูลต่อพระองค์ด้วยความเชื่อ อย่างไม่สงสัยเถิด

6.# พวก​มหา​ปุโรหิต​และ​พวก​ผู้ใหญ่​ของ​ประชาชน มาถามพระเยซูว่า มีสิทธิอะไรมากล่าวในนามผู้เผยพระวจนะและมาไล่พ่อค้าออกไปจากพระวิหาร

พระเยซูทรงถามพวกเขากลับ เกี่ยวกับบัพติศมาของยอห์น พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาไม่เชื่อยอห์น แต่ไม่ตอบเพราะเกรงกลัวประชาชน

พระเยซูจึงบอกพวกเขาว่า พระองค์ไม่ตอบพวกเขาเช่นกัน เพราะบอกไปพวกเขาก็ไม่เชื่ออยู่ดี
ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเพิ่มโทษแก่พวกเขา อีก1 ข้อหา คือ ไม่เชื่อที่พระเยซูตรัส พระเยซูจึงไม่บอกพวกเขา

6.@ พระเจ้าพร้อมที่จะเปิดเผยความล้ำลึกฝ่ายวิญญาณแก่เรา แต่หากเราไม่เชื่อ พระองค์จะไม่เปิดเผยแก่เรา

นั่นคือ เราจะเข้าใจความล้ำลึกฝ่ายวิญญาณมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเราเชื่อสิ่งที่พระคำของพระเจ้าได้เปิดเผยแก่เราแล้ว

7.# พระเยซูยกตัวอย่างคำ​อุปมา​เรื่อง​บุตร​สอง​คน เพื่อชี้ให้เห็นว่า พวกคนบาปทั้งหลาย เช่นคนเก็บภาษี และหญิงแพศยา ยังมีคุณสมบัติที่จะเข้าสวรรค์ได้ มากกว่าพวกปุโรหิตและพวกฟาริสีเสียอีก

เพราะคุณสมบัติของคนที่จะเข้าสวรรค์ได้นั้นไม่ใช่การทำพิธีกรรมทางศาสนาใดๆ
แต่เป็นการเชื่อแล้วกลับใจเสียใหม่

7.@ ไม่สำคัญว่า วันนี้เราทำกิจกรรมทางศาสนามากเพียงใด แต่ที่สำคัญคือ วันนี้ คุณกลับใจจากบาปที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เตือนสอนคุณมากเพียงใด

8.# พระเยซูใช้ตัวอย่างคำ​อุปมา​เรื่อง​สวน​องุ่น​และ​คน​เช่า เพื่อชี้ให้เห็นว่า พวกยิวซึ่งความรอดมาถึงพวกเขา

แต่พวกเขากลับปฏิเสธ ดังนั้นการทำลายจึงกำลังจะเกิดกับอิสราเอล และความรอดจะถูกกระจายออกไปยังคนต่างชาติทั่วโลก

8.@ เพราะคนยิวปฏิเสธพระเยซู ไม่เชื่อพระองค์ พวกเขาจึงไม่อาจได้รับความรอดที่พระเยซูนำมาให้พวกเขา

วันนี้ความรอด และการช่วยกู้จากพระเจ้ามาถึงเราแล้ว โดยความเชื่อเราจึงรับได้

แต่ถ้าเราไม่เชื่อว่าพระเจ้าจะช่วยเราได้ เราเองก็จะไม่ได้รับการช่วยกู้ในสถานการณ์ของวันนี้

คำคม

“ ทุกอย่างที่อธิษฐาน​ขอ​ด้วย​ความ​เชื่อ ท่าน​จะ​ได้ ”