ภาพรวม
- พระเยซูตำหนิพวกผู้นำศาสนา ที่หน้าซื่อใจคด เมื่อพวกเขาทำพิธีกรรมทางศาสนาดูเหมือนกับว่า “รักพระเจ้ามากมาย” แต่เมื่อดูการดำเนินชีวิตของเขา ช่างขัดแย้งและสวนทางกับคำว่า “รักพระเจ้า” มากเหลือเกิน
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# เมื่อเราพบคนหน้าซื่อใจคด สอนพระคำของพระเจ้า แต่ไม่ทำตามพระคำของพระเจ้า พระเยซูทรงสอนเราให้ปฏิบัติดังนี้ คือ ทำตามที่เขาสอน แต่อย่าทำตามที่เขาประพฤตินั้น
1.@ เมื่อพบคนหน้าซื่อใจคด จงเรียนรู้บางสิ่ง แล้วพัฒนาตนเองขึ้น ไม่ใช่มัวแต่สะดุดหรือท้อแท้ ไม่อยากเดินติดตามพระเจ้าอีกต่อไป
2.# ลักษณะของคนหน้าซื่อใจคด
– บอกให้คนอื่นทำ แต่ตนเองไม่ทำ
– หิวเกียรติจากมนุษย์
– หิวคำยกช่องชมเชยจากมนุษย์
– ชอบให้คนอื่นปรนนิบัติ
– ชอบยกตัวเอง หรือทำให้ตัวเองโดดเด่น
– ถือว่าการถ่อมใจเป็นเรื่องโง่เขลา
– ไม่แสวงหาพระเจ้า แล้วยังกันไม่ให้คนอื่นแสวงหาพระเจ้า
– เอารัดเอาเปรียบคนอื่น แต่ยังทำตัวให้คนดูว่าเป็นคนมีธรรมะ
– พยายามดึงคนให้ทำผิดเหมือนตนเอง หรือยิ่งกว่าตนเอง
– สนใจทรัพย์สินเงินทอง มากกว่าเรื่องฝ่ายวิญญาณ
– เอาใจใส่เรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่นพิธีกรรมทางศาสนา แต่ละเลยเรื่องใหญ่ๆ เช่นความยุติธรรม ความเมตตาและความเชื่อ
พวกเขาทำกิจกรรมต่างๆของคริสตจักรอย่างดี เป็นคริสเตียนที่ดีในวันอาทิตย์ แต่ลองไปดูพวกเขาที่บ้านหรือที่ทำงานสิ จะพบความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
– รวมทั้ง ผู้นำที่สนใจว่ามีคนมาโบสถ์เยอะก็พอใจละ หรือสมาชิกร่วมกิจกรรมของคริสตจักรนั่นก็ดีมากละ หรือสมาชิกถวายทรัพย์สม่ำเสมอก็เป็นที่น่าพึงพอใจแล้ว
แต่ไม่สนใจว่าจะมีสักกี่คนที่ เมื่อกลับไปบ้านแล้ว พวกเขายังคงไว้วางใจในพระเจ้าในการดำเนินชีวิต
มีกี่คนที่ได้สำแดงความเมตตาต่อคนอื่นออกมาเป็นภาคปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
– พวกเขากรองลูกน้ำออก แต่กลืนตัวอูฐเข้าไป ทำครบถ้วนในเรื่องเปลือกนอก แต่ภายในใจ ละเลยและไม่ยอมเชื่อฟัง พระคำของพระเจ้า
– ภายนอกพวกเขาดูดี ดูช่างเป็นคนอ่อนโยน สุภาพ เป็นคนดี จิตใจงดงาม แต่ความจริงแล้วภายในจิตใจ เต็มไปด้วยความชั่วร้าย โหดร้าย เห็นแก่ตัว เต็มด้วยราคะตัณหา พร้อมที่จะทำชั่วเมื่อโอกาสเหมาะๆมาถึง
– การประพฤติภายนอกดูเผินๆ ช่าง บริสุทธิ์ สะอาด ชอบธรรม แต่ภายในจิตใจเต็มไปด้วยการโสโครก และความสกปรก
– ดูไกลๆ ดูเหมือนคนชอบธรรม แต่คนที่รู้จักเขาจริงๆ ก็จะรู้ว่าหน้าซื่อใจคดขนาดไหน และชั่วร้ายมากเพียงใด
– คำพูดของเขาดูดี ดูเป็นคนดี คนชอบธรรม แต่ความจริงพร้อมแล้วที่จะกระทำสิ่งชั่วร้าย เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสทำเท่านั้นเอง
2.@ ทำไมท่านมองเห็นผงในตาพี่น้องของท่าน แต่กลับมองไม่เห็นไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่าน?
คนหน้าซื่อใจคด จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อน แล้วท่านจะเห็นได้ถนัด จึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของท่านได้
3.# พระเยซูสอนว่า ล้างข้างในให้สะอาดก่อน แล้วข้างนอกจะสะอาดด้วย
3.@ หากเราถ่อมใจลง ยอมรับผิด สารภาพความผิดของตนต่อพระเยซู ขอการอภัยจากพระองค์ แล้วรับการอภัยจากพระองค์ด้วยความเชื่อ พระองค์ทรงสัญญาจะชำระเราให้พ้นจากการอธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
และเมื่อข้างในเราได้รับการล้างชำระให้สะอาดแล้ว โดยพระโลหิตของพระเยซู ด้วยความเชื่อ
พฤติกรรมภายนอกของเรา ก็จะเปลี่ยนแปลงไปโดยอัตโนมัติ ความหน้าซื่อใจคดก็จะถูกขจัดออกไป
แต่ถ้าวันนี้พฤติกรรมของเรา ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ เป็นไปได้ว่า ข้างในของเราในพื้นที่นั้นๆ ยังไม่ได้รับการล้างให้สะอาด
วันนี้ หากเรารู้ตัวแล้ว ควร ยอมรับผิด สารภาพ แล้วรับการอภัย รับการชำระโดยพระโลหิตของพระเยซู แล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง อย่างไม่เคยผิดพลาดมาก่อนเลย
โดยการทำเช่นนี้ อยู่เสมอๆ ข้างในของเรา จะรับการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยๆ ส่งผลให้พฤติกรรมภายนอกของเราเปลี่ยนไปเป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้นทุกวันๆ
4.# พระเยซูพยากรณ์เกี่ยวกับเยรูซาเล็มว่า เนื่องจากพวกเขาปฏิเสธพระผู้ช่วยให้รอด และสังหารผู้ที่พระเจ้าส่งมา ดังนั้น พวกเขาจึงจะถูกสังหาร กรุงเยรูซาเล็มจะถูกทำลาย แล้วก็เป็นจริงตามที่พระเยซูตรัสไว้ ใน ค.ศ.70 (ราว 37 ปี หลังจากที่พระเยซูตรัสคำเหล่านี้)
4.@ เมื่อพระเจ้าประทานพระคุณที่จะมาช่วยใครก็ตามให้พ้นจากพระพิโรธ แต่คนนั้นปฏิเสธพระคุณนั้น ก็จะเหลือแต่พระพิโรธที่จะตกลงมาบนคนนั้น
คำคม
“ หน้าซื่อคนมองเห็น แต่ถ้าใจคดพระเจ้าทรงทราบ ”