ภาพรวม
- ในบทนี้พระเยซูบอกสาวกถึงการที่วิหารในเยรูซาเล็มจะถูกทำลาย และเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย เพื่อเตือนให้พวกเขาเตรียมพร้อม สำหรับสิ่งที่กำลังจะมาถึง
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# พวกสาวกชี้ให้พระเยซูดูความสวยงามของพระวิหารในเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นวิหารที่บูรณะขึ้นใหม่โดยกษัตริย์เฮโรดมหาราช
ประวัติศาสตร์ของพระวิหารเป็นดังนี้
– วิหารหลังแรกสร้างไว้อย่างงดงามโดยกษัตริย์ซาโลมอน ราว 500 ปีต่อมาวิหารนี้ได้ถูกทำลายลงโดยกษัตริย์เนบูคัสเนสซาร์แห่งบาบิโลน ในปี 586 ก่อนคริสตศักราช
– หลังจากนั้นเมื่อบาบิโลนล่มสลาย มีเดีย-เปอร์เซียรุ่งเรืองขึ้น จึงมีการปล่อยเชลยชาวยิวกลับมายังอิสราเอล เป็นตามคำพยากรณ์ของผู้เผยพระวจนะที่บอกไว้ก่อนหน้านั้น
– จึงมีการสร้างพระวิหารหลังที่ 2 ขึ้นโดยเศรุบบาเบล แต่ก็ไม่งดงามนัก เพราะประชาชนเพิ่งกลับมาจากการเป็นเชลย ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรมากนัก
– เมื่อมีเดีย-เปอร์เซียล่มสลาย กรีกที่นำโดยอเล็กซานเดอร์มหาราชก็เรืองอำนาจอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นโรมก็ขึ้นมาครอบครองอาณาจักรทั้งหมดแทน
– สมัยของโรมได้มีการแต่งตั้ง เฮโรดมหาราช ชาวเอโดม ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองปาเลสไตน์ (เฮโรดคนนี้เอง ที่พยายามฆ่าพระกุมารเยซู) เขาต้องการเอาใจคนยิวที่เขาปกครอง เขาจึงได้บูรณะพระวิหารที่เศรุบบาเบลสร้างไว้ ให้สวยงามยิ่งขึ้น
– และวิหารนี้เองที่พวกสาวกชี้ให้พระเยซู ดูความงดงามของมัน
พระเยซูบอกพวกสาวกว่า สิ่งงดงามเหล่านี้ อีกไม่นานก็จะพังพินาศไป
1.@ สิ่งของในโลกนี้ ไม่ว่างดงามสักเพียงใด สักวันจะพังทลายไป แม้แต่พระวิหารที่มนุษย์สร้างเพื่อนมัสการพระเจ้ายังพังทลาย นับประสาอะไรกับสิ่งของต่างๆที่เรากำลังสะสมอยู่ในวันนี้ ไม่นานต้องเสื่อมสูญไปเช่นกัน
แต่วิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือจิตวิญญาณของเรา จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์
วันนี้ สิ่งที่เราทำ เราทำเพื่อ สิ่งที่ต้องเสื่อมสลาย หรือ สิ่งที่คงอยู่ถาวรนิรันดร์ ข้างไหนมากกว่ากัน?
2.# พวกสาวกถามพระเยซูว่า ยุคเก่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่? พระเยซูจึงบอกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตไว้ดังนี้
เมื่อใกล้จะสิ้นยุค
– จะมีพระคริสต์ปลอมหลายคน ปรากฏตัวขึ้น อ้างตัวเป็นพระคริสต์
– จะมีข่าวเรื่องสงคราม และมีข่าวลือเรื่องสงคราม
– แล้วจะมีสงครามเกิดขึ้นมากมาย ประเทศต่างๆทั่วโลก หรือ สงครามโลก
– จะเกิดกันดารอาหาร
– จะเกิดแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ
แล้วก็เริ่มต้นของการข่มเหง
– เกิดการข่มเหงคริสเตียนเกิดขึ้นทั่วโลก
– การข่มเหงจะรุนแรงขึ้น จนถึงกับตามฆ่าคริสตียน
– มีคริสเตียนจำนวนมาก ละทิ้งความเชื่อไปเสีย
– แล้วก็จะมีผู้รับใช้จอมปลอมเกิดขึ้น ล่อลวงคนมากมายให้หลงไปจากความจริง
– ความรักของคนจำนวนมากจะเยือกเย็นลง ไม่มีความรัก มีแต่รักจอมปลอม
– ความอธรรมแผ่กว้างออกไป การทำชั่ว ทำบาปเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ใครๆก็ทำกัน อย่างหน้าตาเฉย
– และ ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้านี้จะถูกประกาศไปทั่วโลก ทุกประชาชาติ ทุกชนเผ่าได้ยินข่าวประเสริฐ
แล้วที่สุดปลายจะมาถึง
ในช่วงยุคสุดท้ายนั้น จะมีมหากลียุค ซึ่งมีลักษณะดังนี้
– จะมีสิ่งที่น่ารังเกียจอยู่ในวิหารของพระเจ้า
– จะมีความทุกข์ยากครั้งยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
– จะมีผู้อ้างตัวเป็นพระคริสต์เกิดขึ้น
– พระคริสต์เทียมเท็จจะสำแดงหมายสำคัญและอัศจรรย์ยิ่งใหญ่
พอความทุกข์ยากยิ่งใหญ่นั้นหมดแล้ว
– ดวงอาทิตย์จะมืดไป
– ดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง
– ดวงดาวทั้งหลายจะหายไป
– วิญญาณชั่ว และ ทูตสวรรค์ทั้งหลาย จะถูกทำให้หวั่นไหว
แล้วจะมีหมายสำคัญบางอย่างเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ปรากฏขึ้นในท้องฟ้า
– มนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะทุกข์โศก
– แล้วจะเห็น พระเยซูคริสต์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า เต็มด้วยฤทธานุภาพและพระรัศมียิ่งใหญ่
– จะมีเสียงเป่าแตรของทูตสวรรค์ทั้งหลายที่ดังมาก
– แล้วผู้เชื่อวางใจในพระเยซูทั้งหมดจะถูกรวบรวมเข้าด้วยกัน
2.@ พระเยซูทรงเตือนสาวกไว้ล่วงหน้า เพื่อว่าเมื่อสัญญาณเหล่านี้เกิดขึ้นจะได้รู้ตัว และยังคงยืนหยัดมั่นคง
ทุกวันนี้สัญญาณเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้รู้ว่าวันที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จมาด้วยสง่าราศีนั้นใกล้จะมาถึงเต็มทีแล้ว
จงตื่นตัว และเฝ้าระวังอยู่เถิด
3.# เมื่อเห็นมะเดื่อแตกใบ ยังเดาได้ว่าฤดูร้อนจะมาถึงแล้ว ยิ่งกว่านั้นเมื่อเห็นเหตุการณ์เหล่านี้ จงรู้ทันทีว่าพระเยซูใกล้เสด็จกลับมาแล้ว
3.@ มะเดื่อมักเล็งถึงอิสราเอล ประเทศอิสราเอลล่มสลาย หายไปจากแผนที่โลก ตั้งแต่ ค.ศ.70
หลังจากนั้น 1,878 ปีต่อมา ในปี ค.ศ.1948 อิสราเอลกลับมารวมกันเป็นประเทศอีกครั้ง
มะเดื่อที่สลัดใบทิ้งในฤดูใบไม้ร่วง ราวกับต้นไม้ที่ตายแล้ว บัดนี้เริ่มผลิใบแล้ว
พี่น้องทั้งหลาย ฤดูร้อนใกล้จะมาถึงเต็มทีแล้วครับ
4.# พระเยซูเตือนว่า เราไม่รู้วันเวลาที่พระองค์จะเสด็จกลับมา ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ เพราะสิ่งที่สำคัญก็คือ จงเตรียมพร้อมไว้เสมอ
เพื่อไม่ว่าพระเยซูมาเวลาใดก็ตาม เราสามารถยืนอย่างภาคภูมิใจได้ว่า เราเป็นบ่าวที่สัตย์ซื่อใช้สิ่งที่พระองค์ประทานให้นั้น ตามสุดกำลังความสามารถของเราเพื่อพระองค์
4.@ พระเยซูตรัสเองว่า ไม่มีใครรู้วันเวลาที่พระองค์เสด็จมา หากมีใครบอกว่า พระองค์จะมาเมื่อไร ฟันธงได้เลย เทียมเท็จแน่นอน
ยิ่งไม่รู้ เราต้องยิ่งเตรียมตัว เฝ้าระวัง ใช้เวลาที่เหลือของเราอย่างมีคุณค่า มีความหมายเพื่อพระองค์
5.# มธ. 24:40-41 เวลานั้นชายสองคนอยู่ที่ทุ่งนา จะถูกรับไปคนหนึ่ง และถูกละทิ้งไว้คนหนึ่ง หญิงสองคนโม่แป้งอยู่ด้วยกัน จะถูกรับไปคนหนึ่ง ถูกละทิ้งไว้คนหนึ่ง
เทียบเพิ่มเติมกับ
ลก. 17:34-36 เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในคืนวันนั้นจะมีสองคนนอนเตียงเดียวกัน จะทรงรับไปคนหนึ่ง จะทรงละไว้คนหนึ่ง ผู้หญิงสองคนจะโม่แป้งด้วยกัน จะทรงรับไปคนหนึ่ง จะทรงละไว้คนหนึ่ง สองคนจะอยู่ในทุ่งนา จะทรงรับไปคนหนึ่ง จะทรงละไว้คนหนึ่ง
เรื่องนี้พระคัมภีร์บอกว่า โลกกลม ก่อน กาลิเลโอเกิด 1,500 ปี
ชายไปทุ่งนา เขาไปตอนเช้า-บ่าย
หญิงโม่แป้ง เธอจะโม่ตอนเย็น
คนนอน พวกเขานอนตอนกลางคืน
แต่พระเยซูเสด็จมาในพริบตา
แสดงว่า เป็นวินาทีเดียวกัน แต่ต่างเวลากัน เพราะอยู่กันคนละประเทศ
5.@ พระเยซูเสด็จมาได้ ทุกเวลา เช้า สาย บ่าย เย็น ค่ำ ดึก
จงเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพราะในเวลาที่ท่านไม่คิดไม่ฝันนั้น บุตรมนุษย์จะเสด็จมา
6.# พระเยซูยกตัวอย่างคำอุปมา เรื่อง บ่าวที่ซื่อสัตย์กับที่ไม่ซื่อสัตย์ เพื่อสอนว่า คนที่สัตย์ซื่ออยู่เสมอจะได้รับพระพร
แต่คนที่ไม่สัตย์ซื่อเพราะคิดว่าไม่เป็นไร รอก่อนก็ได้ยังมีเวลา จะพบกับความเสียใจอย่างที่สุด
6.@ อย่าทำตัว แบบคนที่คิดว่า พระเยซูไม่เสด็จกลับมาในวันนี้หรอก
แต่จงทำตัวแบบคนที่คิดว่า พระเยซูอาจกำลังจะเสด็จมาในวันนี้ก็เป็นได้
คำคม
“ มะเดื่อแตกใบแล้ว จงตื่นตัวขึ้นก่อนที่จะสายเกินไป ”