ภาพรวม
- พระเยซูทรงสอนเหล่าสาวกโดยยกตัวอย่างคำอุปมา ให้พวกเขาเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ และใช้สิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้นั้นอย่างสัตย์ซื่อ เพื่อพวกเขาจะไม่ต้องเสียใจในวันสุดท้าย
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# พระเยซูยกตัวอย่างคำอุปมาเรื่องหญิงพรหมจารีสิบคน เพื่อสอนว่า มีบางคนเกือบจะได้เข้าในงานฉลองของพระเจ้าอยู่แล้ว
แต่พวกเขาไม่ดำเนินชีวิตอย่างมีปัญญา มองสั้นๆสนใจแต่ปัจจุบัน ไม่คิดถึงอนาคต จึงอดเข้างานฉลองของพระเจ้า
ซึ่งแตกต่างกับพวกที่คิดถึงอนาคตจึงเตรียมตัวเอาไว้ เผื่อว่าการเสด็จกลับมาของพระเยซู จะเป็นเวลาที่พวกเขาคิดไม่ถึง ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
1.@ ก่อนที่จะด่วนสรุปว่า เราเป็นเหมือนหญิงที่มีปัญญา 5 คนนั้น ลองคิดดูใหม่ให้ดีๆอีกที เราเตรียมพร้อมสำหรับการเสด็จกลับมาของพระเยซูแล้วหรือยัง?
บางคนเคยเป็นตะเกียงที่ส่องสว่าง พระวิญญาณบริสุทธิ์เต็มล้นในชีวิต นำชีวิตของเขา ควบคุมชีวิตของเขา เขาจึงสะท้อนชีวิตแห่งความชอบธรรมออกมาในการดำเนินชีวิต
แต่บัดนี้ สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงประวัติศาสตร์ บัดนี้พระเจ้าไม่ใช่เจ้านายในชีวิตของเขาอีกต่อไป เขาเลิกเดินติดตามพระเยซูแล้ว
แม้ยังไปโบสถ์อยู่ก็ตาม น้ำมันในตะเกียงของเขาเหลือน้อยเต็มทีหรืออาจจะหมดไปแล้วก็เป็นได้
หากเรารู้จักใครสักคนที่เป็นเช่นนั้น ปลุกเขาให้รีบตื่นขึ้น เติมน้ำมันของเขาให้เต็มตะเกียง ให้พระเจ้าทรงทำให้ชีวิตของเขาส่องสว่างอีกครั้ง
ก่อนที่จะสายเกินไป
2.# พระเยซูใช้คำอุปมาเรื่องเงินตะลันต์ เพื่อสอนว่า สิ่งที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้แก่เรานั้น จำเป็นต้องให้เกิดผลงอกงามขึ้น
ความเข้าใจในข่าวประเสริฐที่เราได้รับมา ต่อให้เราไม่ทำอะไรเลย แค่เอาไปฝากธนาคารเฉยๆมันย่อมเกิดผลที่แตกต่างจากวันแรกที่เรารับข่าวประเสริฐเข้ามาในชีวิต
ชีวิตของคนนั้นย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับคนที่ได้รับมาแล้วเชื่อจริงๆ โดยสำแดงออกด้วยการนำมาใช้ในชีวิต จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงและเกิดผลฝ่ายวิญญาณมากมายในชีวิต
ซึ่งจะนำบำเหน็จยิ่งใหญ่มาสู่เขาในวันที่พระเยซูเสด็จกลับมา
แต่สำหรับคนที่ได้ยินและรับไว้ แค่รับรู้เฉยๆ ไม่ได้เอาไปทำอะไรเลย เอาไปฝังดิน ต่อให้วันเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆในชีวิต ทุกอย่างเท่าเดิม เหมือนเดิม
คนเช่นนี้ไม่ได้เชื่อในความประเสริฐจริงๆ เพียงแต่รู้ในสมองเท่านั้น
ซึ่งเขาจะต้องถูกทิ้งไว้ในที่ที่มีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในวันที่พระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา
2.@ วันนี้ พระคำของพระเจ้าที่ประทานแก่เราแล้วนั้น เกิดผล นำการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในชีวิตของเราหรือยัง?
อีกนัยหนึ่งคือ เราเชื่อในพระคำของพระเจ้าจริงๆแล้วหรือยัง?
คนที่เชื่อในข่าวประเสริฐจริงๆ ชีวิตของเขาย่อมจะมีการเปลี่ยนแปลงในฝ่ายวิญญาณอย่างแน่นอน
3.# เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาด้วยพระรัศมีพร้อมกับทูตสวรรค์ทั้งหมด พระองค์จะพิพากษาประชาชาติทั้งหมดบนพระที่นั่งอันรุ่งโรจน์ของพระองค์
พระองค์จะทรงแยกพวกเขาออกจากกัน เป็น 2 กลุ่ม เป็น กลุ่มด้านขวา และ กลุ่มด้านซ้าย
การแยกนี้ไม่ได้แยกโดยเงื่อนไขว่า “คนนั้นรู้จักพระเยซูหรือไม่?”
แต่แยกโดยเงื่อนไขว่า “คนนั้นเชื่อวางใจในพระเยซูจริงๆหรือไม่?”
คนที่เชื่อวางใจในพระเยซู จะมีพระเยซูอยู่ในชีวิตของเขา ดังนั้น ย่อมสำแดงลักษณะเหมือนพระเยซูในชีวิตของเขา
คนที่ไม่มีลักษณะพระเยซูปรากฏในชีวิตของเขา เป็นหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า เขาไม่มีชีวิตอยู่ในพระเยซู
ผู้เชื่อวางใจในพระเยซู จะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ จะได้ครอบครองร่วมกับพระองค์ ชั่วนิจนิรันดร์
ส่วนคนอื่นนั้นจะถูกพิพากษาตามการกระทำของแต่ละคน แล้วจะเข้าสู่การรับโทษชั่วนิรันดร์
3.@ วันนี้ เราปฏิบัติต่อผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สังคมถือว่าไร้ค่าหรือไม่สำคัญ แบบเดียวกับที่พระเยซูจะปฏิบัติกับพวกเขาแล้วหรือยัง?
เราเชื่อวางใจในพระเยซูจริงๆ จนยอมต้อนรับพระองค์เข้ามาเป็นเจ้านายในชีวิตของเราจริงๆ กระทั่งสะท้อนออกมาเป็นการดำเนินชีวิตสอดคล้องในทิศทางเดียวกันกับพระเยซูแล้วหรือยัง?
คำคม
“ คนที่มีพระคริสต์ในชีวิต จะมีลักษณะของพระคริสต์ปรากฏในการดำเนินชีวิต ”