ขุมทรัพย์ มัทธิว 25

ภาพรวม

  • พระเยซูทรงสอนเหล่าสาวกโดยยกตัวอย่างคำอุปมา ให้พวกเขาเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ และใช้สิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้นั้นอย่างสัตย์ซื่อ เพื่อพวกเขาจะไม่ต้องเสียใจในวันสุดท้าย

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1.#  พระเยซูยกตัวอย่างคำอุป​มา​เรื่อง​หญิง​พรหม​จารี​สิบ​คน เพื่อสอนว่า มีบางคนเกือบจะได้เข้าในงานฉลองของพระเจ้าอยู่แล้ว

แต่พวกเขาไม่ดำเนินชีวิตอย่างมีปัญญา มองสั้นๆสนใจแต่ปัจจุบัน ไม่คิดถึงอนาคต จึงอดเข้างานฉลองของพระเจ้า

ซึ่งแตกต่างกับพวกที่คิดถึงอนาคตจึงเตรียมตัวเอาไว้ เผื่อว่าการเสด็จกลับมาของพระเยซู จะเป็นเวลาที่พวกเขาคิดไม่ถึง ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมพร้อมอยู่เสมอ 

1.@  ก่อนที่จะด่วนสรุปว่า เราเป็นเหมือนหญิงที่มีปัญญา 5 คนนั้น ลองคิดดูใหม่ให้ดีๆอีกที เราเตรียมพร้อมสำหรับการเสด็จกลับมาของพระเยซูแล้วหรือยัง?

บางคนเคยเป็นตะเกียงที่ส่องสว่าง พระวิญญาณบริสุทธิ์เต็มล้นในชีวิต นำชีวิตของเขา ควบคุมชีวิตของเขา เขาจึงสะท้อนชีวิตแห่งความชอบธรรมออกมาในการดำเนินชีวิต

แต่บัดนี้ สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงประวัติศาสตร์ บัดนี้พระเจ้าไม่ใช่เจ้านายในชีวิตของเขาอีกต่อไป เขาเลิกเดินติดตามพระเยซูแล้ว
แม้ยังไปโบสถ์อยู่ก็ตาม น้ำมันในตะเกียงของเขาเหลือน้อยเต็มทีหรืออาจจะหมดไปแล้วก็เป็นได้

หากเรารู้จักใครสักคนที่เป็นเช่นนั้น ปลุกเขาให้รีบตื่นขึ้น เติมน้ำมันของเขาให้เต็มตะเกียง ให้พระเจ้าทรงทำให้ชีวิตของเขาส่องสว่างอีกครั้ง
ก่อนที่จะสายเกินไป

2.# พระเยซูใช้คำอุป​มา​เรื่อง​เงิน​ตะลันต์ เพื่อสอนว่า สิ่งที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้แก่เรานั้น จำเป็นต้องให้เกิดผลงอกงามขึ้น

ความเข้าใจในข่าวประเสริฐที่เราได้รับมา ต่อให้เราไม่ทำอะไรเลย แค่เอาไปฝากธนาคารเฉยๆมันย่อมเกิดผลที่แตกต่างจากวันแรกที่เรารับข่าวประเสริฐเข้ามาในชีวิต
ชีวิตของคนนั้นย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

สำหรับคนที่ได้รับมาแล้วเชื่อจริงๆ โดยสำแดงออกด้วยการนำมาใช้ในชีวิต จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงและเกิดผลฝ่ายวิญญาณมากมายในชีวิต
ซึ่งจะนำบำเหน็จยิ่งใหญ่มาสู่เขาในวันที่พระเยซูเสด็จกลับมา

แต่สำหรับคนที่ได้ยินและรับไว้ แค่รับรู้เฉยๆ ไม่ได้เอาไปทำอะไรเลย เอาไปฝังดิน ต่อให้วันเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆในชีวิต ทุกอย่างเท่าเดิม เหมือนเดิม

คนเช่นนี้ไม่ได้เชื่อในความประเสริฐจริงๆ เพียงแต่รู้ในสมองเท่านั้น
ซึ่งเขาจะต้องถูกทิ้งไว้ในที่ที่มีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในวันที่พระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา

2.@ วันนี้ พระคำของพระเจ้าที่ประทานแก่เราแล้วนั้น เกิดผล นำการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในชีวิตของเราหรือยัง?

อีกนัยหนึ่งคือ เราเชื่อในพระคำของพระเจ้าจริงๆแล้วหรือยัง?

คนที่เชื่อในข่าวประเสริฐจริงๆ ชีวิตของเขาย่อมจะมีการเปลี่ยนแปลงในฝ่ายวิญญาณอย่างแน่นอน

3.# เมื่อพระเยซูคริสต์​เสด็จ​มา​ด้วย​พระ​รัศมี​พร้อม​กับ​ทูต​สวรรค์​ทั้ง​หมด ​พระ​องค์​จะพิพากษาประ​ชา​ชาติ​ทั้ง​หมด​​บน​พระ​ที่​นั่ง​อัน​รุ่ง​โรจน์​ของ​พระ​องค์

พระ​องค์​จะ​ทรง​แยก​พวก​เขา​ออก​จาก​กัน เป็น 2 กลุ่ม เป็น กลุ่มด้านขวา และ กลุ่มด้านซ้าย
การแยกนี้ไม่ได้แยกโดยเงื่อนไขว่า “คนนั้นรู้จักพระเยซูหรือไม่?”
แต่แยกโดยเงื่อนไขว่า “คนนั้นเชื่อวางใจในพระเยซูจริงๆหรือไม่?”

คนที่เชื่อวางใจในพระเยซู จะมีพระเยซูอยู่ในชีวิตของเขา ดังนั้น ย่อมสำแดงลักษณะเหมือนพระเยซูในชีวิตของเขา

คนที่ไม่มีลักษณะพระเยซูปรากฏในชีวิตของเขา เป็นหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า เขาไม่มีชีวิตอยู่ในพระเยซู

ผู้เชื่อวางใจในพระเยซู จะ​เข้า​สู่​ชีวิต​นิรันดร์ จะได้ครอบครองร่วมกับพระองค์ ชั่วนิจนิรันดร์
ส่วนคนอื่นนั้นจะถูกพิพากษาตามการกระทำของแต่ละคน แล้วจะเข้าสู่การ​รับ​โทษ​ชั่วนิรันดร์

3.@ วันนี้ เราปฏิบัติต่อผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สังคมถือว่าไร้ค่าหรือไม่สำคัญ แบบเดียวกับที่พระเยซูจะปฏิบัติกับพวกเขาแล้วหรือยัง?

เราเชื่อวางใจในพระเยซูจริงๆ จนยอมต้อนรับพระองค์เข้ามาเป็นเจ้านายในชีวิตของเราจริงๆ กระทั่งสะท้อนออกมาเป็นการดำเนินชีวิตสอดคล้องในทิศทางเดียวกันกับพระเยซูแล้วหรือยัง?

คำคม

“ คนที่มีพระคริสต์ในชีวิต จะมีลักษณะของพระคริสต์ปรากฏในการดำเนินชีวิต ”