ภาพรวม
- บทนี้พูดถึงพวกมหาปุโรหิตวางแผนฆ่าพระเยซู แล้วยูดาสก็มาช่วยให้แผนง่ายขึ้น จนในที่สุดพระเยซูก็ถูกจับกุมแล้วนำตัวไปยืนอยู่ต่อหน้าสภาของยิว
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# พระเยซูบอกกับพวกสาวกว่า พระองค์จะถูกประหารชีวิตในช่วงเทศกาลปัสกาปีนี้
แต่พวกหัวหน้ามหาปุโรหิต และบรรดาผู้ใหญ่ของประชาชน ตกลงกันว่าจะจับพระเยซูและเอาไปฆ่า หลังจากเทศกาลปีนี้ผ่านไปแล้ว
แต่ไม่ว่ามนุษย์จะวางแผนอย่างไร จะคิดแผนการอย่างไร สุดท้ายแล้วแผนของพระเจ้าก็จะสำเร็จอยู่ดี
1.@ วันนี้ อาจจะมีบางสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น
แต่อะไรก็ตามที่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้ามันจะเกิดขึ้นและสำเร็จ
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเราทำสิ่งที่ถูกต้องต่อพระเจ้าแล้ว จะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น พระเจ้าทรงควบคุมอยู่และจะเป็นไปตามแผนการแห่งน้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับชีวิตของเรา
2.# มารีย์พี่สาวของลาซารัส นำน้ำหอมนารดา ราคาแพงมาก มาชโลมพระเยซู
ยูดาสตำหนินาง เพราะทำสิ่งที่ฟุ่มเฟือยสิ้นเปลือง
แต่พระเยซู ชื่นชมนาง เพราะนางทำสุดหัวใจแก่พระองค์ผู้ที่นางรัก
2.@ ไม่มีคำว่ามากเกินสำหรับการกระทำใดๆแด่พระเยซูด้วยความรักที่มีต่อพระองค์
แม้บางการกระทำในมุมมองของโลกนี้ อาจเห็นว่าไม่คุ้มค่า ไร้สาระ
แต่ทุกสิ่งที่เราทำแด่พระเยซูด้วยความรัก เลอค่ายิ่งในสายพระเนตรของพระองค์
สิ่งที่มารีย์ทำดูเหมือนสูญเปล่า ในมุมมองของโลก
แต่ในฝ่ายวิญญาณมีค่ายิ่ง และส่งผลมากมายและเลื่องลือมาจนกระทั่งทุกวันนี้
วันนี้ เมื่อจะทำสิ่งใดแด่พระเยซู จงทำอย่างสุดกำลังและสุดหัวใจ
3.# ยูดาส ยอมทิ้งพระเยซู เพื่อเห็นแก่เงิน 30 เหรียญ ซึ่งเท่ากับ ราคาทาส 1 คน และแล้วเขาก็สูญเสียทุกสิ่ง แม้แต่ชีวิตนิรันดร์
3.@ วันนี้ ต้องใช้เงินเท่าใด เราจึงยอมหันหลังให้กับพระเยซู ไม่เชื่อฟังพระองค์อีกต่อไป?
เราเลิกเชื่อฟังพระองค์ เพราะเห็นแก่เงินกี่บาท?
วันนี้ เพราะเรากลัวสูญเสียอะไร หรือเพราะเราอยากได้อะไร จนเป็นเหตุให้เราเลิกเชื่อฟังพระเยซู?
4.# คำสั่งให้เตรียมการรับประทานปัสกาด้วยกันระหว่างพระเยซูและเหล่าสาวก เป็นเรื่องไม่ง่ายเลย เพราะช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเทศกาลใหญ่ชาวยิวจากที่ต่างๆล้วนแต่พากันมาที่กรุงเยรูซาเล็ม โรงแรมและร้านอาหารต่างๆคงมีคนจองเต็มหมดแล้ว
หนำซ้ำพระเยซูกับเหล่าสาวกก็ไม่ค่อยมีเงินด้วย เพราะขนาดจะเสียค่าบำรุงพระวิหารยังต้องไปเอามาจากปากของปลาเลย
อีกอย่าง พวกเขาไม่ใช่คนในเมืองนี้ซะด้วย ไม่ค่อยมีใครที่พวกเขารู้จักและพึ่งพาได้มากนักในเมืองหลวงแห่งนี้
แต่เมื่อสาวกเชื่อฟังและลงมือทำตามที่พระเยซูสั่ง ปัญหาทั้งหมดถูกคลี่คลายอย่างง่ายดายแบบคาดไม่ถึง
4.@ วันนี้ สิ่งที่พระคำของพระเจ้าสั่งให้เราทำ อาจจะดูเหมือนยากหรือเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ที่เราจะทำได้
ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ
เพียงแต่เราเชื่อฟังพระองค์แล้วเริ่มลงมือทำ
สิ่งที่ยากนั้น จะง่ายขึ้นมาทันที และสิ่งที่เป็นไปไม่ได้นั้นจะเกิดขึ้น
5.# ขณะรับประทานอาหารนั้น พระเยซูบอกให้เหล่าสาวกรู้ว่าจะมีคนหนึ่งทรยศพระองค์ เพื่อว่าเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว
พวกเขาจะได้รู้ว่า ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาด พลาดพลั้งเสียที พระเยซูจึงถูกพวกมหาปุโรหิตจับไป แต่เกิดขึ้นตามแผนการของพระเจ้า
5.@ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราในวันนี้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะความบาปหรือความผิดพลาดของตัวเราหรือของใครก็ตาม พระเจ้ายังคงสามารถใช้สิ่งเหล่านั้นถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้
เพียงแต่เราจะเลือกตอบสนองต่อมันอย่างถูกต้อง ตามพระคำของพระเจ้าเท่านั้นเอง แล้วสิ่งนี้จะกลับกลายเป็นพระพร
6.# ในพิธีมหาสนิทนั้น พระเยซูได้บอกถึง การสละร่างกายของพระองค์เองเพื่อรับโทษแทนคนทั้งหลาย และ บอกถึงพระโลหิตของพระองค์ว่า เป็นโลหิตตามคำสัญญาที่พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะช่วยมนุษย์ให้รอด
จำเป็นที่ร่างกายของพระเยซูต้องเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส และจำเป็นที่โลหิตของพระองค์ต้องไหลออกมามากมายจนเสียชีวิต
เพราะนั่นเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นการลงโทษชั่วนิรันดร์อันแสนน่าสะพรึง ที่เกิดจากบาปของพวกเขา
6.@ พระเยซูประทานชีวิตของพระองค์เองเพื่อเรา น้อยเกินไปด้วยซ้ำหากเราจะมอบถวายทั้งชีวิต ทุกสิ่งที่เรามี อนาคตทั้งสิ้น ความใฝ่ฝันของเราทั้งสิ้น แด่พระเยซู
วันนี้ พระเยซูได้รับเชิญให้ครอบครองชีวิตของเราทั้งหมดทั้งสิ้น จริงๆแล้วหรือยัง?
7.# พระเยซูบอกกับเปโตรว่า เขาจะปฏิเสธพระองค์ถึง 3 ครั้ง ในคืนนี้ แต่เปโตรมั่นใจเหลือเกินว่า เขาไม่มีทางปฏิเสธพระเยซูเป็นแน่
7.@ เรารักพระเยซูน้อยกว่าที่เราคิด แต่พระเยซูรักเรามากยิ่งกว่าที่เราคิด
8.# ที่สวนเกทเสมนี จิตใจของพระเยซูเป็นทุกข์จนแทบจะสิ้นชีวิต แต่พวกสาวกของพระองค์ไม่มีใครสนใจ มัวแต่นอนหลับอยู่ พระองค์ทรงอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวและเดียวดาย
8.@ พระเยซูทรงเข้าใจเรา หากเรากำลังเผชิญกับสถานการณ์อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวและเดียวดาย
เพราะพระเยซูเคยเดินไปสู่สภาพนั้นเพื่อเรา เพื่อช่วยเราให้ไม่ต้องอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว
บัดนี้เรามีพระองค์ผู้ทรงเข้าใจเรา ไม่เคยทอดทิ้งเรา และเราสามารถสัมพันธ์กับพระองค์ได้
9.# พระเยซูถูกจับเยี่ยงโจรผู้ร้าย เปโตรพยายามต่อต้านขัดขวางการจับกุมนั้นแต่พระเยซูห้ามเขา เพราะความจริงแล้วพระเยซูไม่จำเป็นต้องให้เขาช่วยเลย
หากพระเยซูไม่ต้องการให้พวกเขาจับ พระองค์สามารถเรียกเหล่าทูตสวรรค์ผู้มีฤทธิ์ สัก 12 กองพลมาช่วยพระองค์ก็ได้ (1 กองพลของโรม มีทหารประมาณ 4,200-6,000 คน ทูตสวรรค์ 12 กองพล พระเยซูก็น่าจะหมายถึงทูตสวรรค์ราวๆ 60,000 องค์)
แต่พระองค์ไม่ทำเช่นนั้น เพราะพระองค์เต็มใจเดินไปสู่ไม้กางเขนเพื่อเรา
9.@ พวกที่จับพระองค์นั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพระองค์เลย แต่พระองค์ยอมให้เขาจับ เพื่อให้แผนการของพระเจ้าสำเร็จ
วันนี้ หากเราทำบางอย่างที่เป็นการเชื่อฟังพระเจ้า อาจทำให้คนดูว่า เราอ่อนแอ ไม่เอาไหน ทำไมไม่สู้ ฯลฯ
อย่าให้เราใส่ใจในคำพูดหรือสายตาของคนเหล่านั้น
ให้เราจับจ้องดูที่พระเยซู เอาพระองค์เป็นแบบอย่าง
คือ ผู้ที่ยอมให้คนดูหมิ่น เพื่อทำตามพระทัยพระบิดา
10.# ที่บ้านคายาฟาสมหาปุโรหิตนั้น พระเยซูถูกใส่ร้ายป้ายสี ถูกปิดตาแล้วตบ ถูกถ่มน้ำลายรด ถูกทุบตี ไม่แน่ใจน่าจะถูกกระทืบด้วย
ที่บ้านของมหาปุโรหิต ผู้รับใช้พระเจ้า ที่นั่นพระบุตรของพระเจ้าน่าจะถูกยกย่องสรรเสริญและให้เกียรติอย่างสูง
แต่ที่นั่นพระองค์กลับถูกกระทำอย่างดูถูกเหยียดหยามและหยาบคาย
10.@ พระเยซูได้รับการดูถูกเหยียดหยามที่พระองค์ไม่สมควรต้องรับ
เพื่อเราจะสามารถได้รับความชอบธรรม ที่เราไม่สมควรจะได้รับ
11.# เปโตรปฏิเสธพระเยซูอย่างหนักแน่น ถึง 3 ครั้ง ในคืนเดียว เป็นเหมือนการประกาศตัดเยื่อใยที่มีต่อพระเยซูอย่างสิ้นเชิง ด้วยเหตุผลว่า พระองค์ดันถูกจับ
11.@ เปโตรผู้ยอมรับพระองค์ว่า “เป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” เปโตรผู้ไม่น่าจะปฏิเสธพระองค์ที่สุด บัดนี้ได้ปฏิเสธพระองค์เสียแล้ว
พระเยซูทรงถูกเพื่อนทอดทิ้งและปฏิเสธ ด้วยเหตุผลที่ว่า เพราะพระองค์ดันตกระกำลำบาก
วันนี้ หากเพราะการตกระกำลำบากของเรา ทำให้เพื่อนหรือคนที่บอกว่ารักเรา ทอดทิ้งเราไป
พระเยซูทรงเข้าใจเรา และพระองค์พร้อมแล้วที่จะช่วยเราให้พ้นความทุกข์ยากนั้น เพราะพระองค์ทุกข์แทนเราไปเรียบร้อยแล้ว
คำคม
“ ไม่ว่าเราทุกข์สักเพียงใด พระเยซูทรงเข้าใจเราและทรงช่วยเราได้ ”