ภาพรวม
- ในวันที่ 3 หลังจากที่พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย แล้วพระองค์ปรากฏพระองค์ต่อเหล่าสาวก และทรงใช้พวกเขาออกไปประกาศข่าวประเสริฐเรื่องของพระเยซู ในทุกแห่งหน
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# มารีย์ชาวมักดาลากับมารีย์อีกคนหนึ่งได้มาที่อุโมงค์ ในเช้าวันอาทิตย์
และพบกับทูตสวรรค์ซึ่งบอกกับพวกเธอว่า
พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว
และบอกพวกเธอให้ มาดูที่ซึ่งเขาวางพระองค์ไว้นั้น
แล้วจงไปบอกพวกสาวก ซึ่งต่อมาพวกเธอจึงได้พบพระเยซูหน้าต่อหน้าในที่สุด
1.@ ก่อนที่เราจะไปบอกคนอื่นเรื่องพระเยซู
เราต้องมีประสบการณ์กับพระองค์ก่อน
แต่ไม่จำเป็นต้องรอให้ความเชื่อเต็มร้อยก่อนแล้วจึงไปบอกคนอื่น
เหมือนพวกผู้หญิงที่ยังไม่พบพระเยซูกับตา
แต่ได้ยินคำบอกจากทูตสวรรค์
และเห็นว่าที่วางพระศพไม่มีพระศพแล้ว
พวกนางก็เชื่อแล้วไปบอกพวกสาวก
วันนี้ เรามีประสบการณ์กับพระเจ้าจริงๆแล้วหรือยัง?
ถ้ายัง จงอธิษฐานแล้วเชื่ออย่างสุดจิตสุดใจสักครั้ง จะพบการอัศจรรย์ที่มาจากพระองค์
2.# พวกทหารยามที่เฝ้าอุโมงค์ปล่อยข่าวลือ ตามคำสั่งของพวกมหาปุโรหิตเพื่อบิดเบือนข่าวการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซู
โดยปล่อยข่าวว่า พวกสาวกได้มาขโมยพระศพพระเยซูไปขณะที่พวกเขาหลับ
ซึ่งเรื่องนี้ ยิ่งเป็นการยืนยันว่าพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายจริงๆ
เพราะ ข่าวนั้นสำแดงอย่างชัดเจนว่าไม่เป็นความจริง
– สาวกผู้หวาดกลัว ที่ละทิ้งพระเยซูไปหมด ขนาดพี่ใหญ่อย่างเปโตรเอง ยังขี้ขลาดจนปฏิเสธพระเยซูถึง 3 ครั้ง มีหรือจะกล้ามาขโมยพระศพ
– ทหารโรม ได้ชื่อว่าเคร่งครัดวินัยมาก มีหรือจะหลับยาม ต่อให้หลับจริง มีหรือจะหลับกันหมดทุกคน
– การที่ทหารหลับยาม จนเป็นเหตุการณ์สิ่งที่เฝ้านั้นถูกขโมยไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งนั้นถูกประทับตราปิดผนึกไว้โดยเจ้าเมืองแล้ว โทษของทหารเหล่านั้นคือ ประหารชีวิต แล้วมีหรือเขากล้าเที่ยวป่าวประกาศว่า พวกเขาหลับยามกันหมดจนสิ่งที่เฝ้าไว้หายไป นอกจากจะได้รับคำยืนยันจากพวกมหาปุโรหิตว่าจะช่วยเคลียร์ให้
ในเมื่อเห็นได้ชัดว่าข่าวจากพวกทหารยาม เป็นความเท็จ
ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า
ข่าวที่เหล่าสาวกของพระเยซูประกาศนั้นเป็นความจริง
2.@ พระเจ้าทรงสามารถใช้แผนการต่อต้านข่าวประเสริฐของคนชั่วร้าย
ทำให้เป็นการสนับสนุนข่าวประเสริฐได้
วันนี้ เมื่อเราประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์
แล้วมีคนต่อต้าน ขัดขวาง ขัดแย้ง
เราไม่จำเป็นต้องตกใจหรือหวั่นไหว
เพราะพระเจ้าทรงฤทธิ์สามารถเปลี่ยนการกระทำของเขาให้กลับกลายเป็นพระพร
เป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินของพระเจ้าได้อยู่ดี
3.# เหล่าสาวกได้พบกับพระเยซู เมื่อเขามาที่กาลิลี และไปยังภูเขาที่พระองค์กำหนด บอก พวกเขาไว้
3.@ เราจะพบกับพระเจ้า และมีประสบการณ์กับพระองค์มากยิ่งขึ้น เมื่อเราเชื่อฟัง กระทำตาม พระคำของพระองค์
4.# พระเยซูตรัสกับพวกสาวกว่า สิทธิอำนาจทั้งหมดในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่พระเยซูแล้ว
ไม่ได้หมายความว่า ก่อนหน้านี้พระองค์ไม่มีสิทธิอำนาจ
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พระองค์มีสิทธิอำนาจสูงสุดตั้งแต่แรกแล้ว
ก่อนเริ่มต้นของสรรพสิ่งเสียอีก
แต่ความหมายคือ พระองค์ตรัสนี้ ในฐานะพระองค์ทรงเป็นคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์
บัดนี้ในฐานะคนกลางพระองค์ได้รับสิทธิอำนาจอย่างเต็มที่
ที่จะประทานสิทธิอำนาจนั้นแก่มนุษย์ผู้เชื่อวางใจในพระองค์
4.@ วันนี้ เรามีพระเยซูคริสต์แล้ว
พระองค์มีสิทธิที่จะประทานฤทธานุภาพของพระเจ้าใหญ่ยิ่งสูงสุดแก่เราผู้เชื่อวางใจในพระองค์
เพื่อให้เราเป็นตัวแทนของพระองค์กระทำสิ่งต่างๆในโลกนี้ด้วยสิทธิอำนาจนั้น
วันนี้ เรามีสิทธิอำนาจแล้ว
จงเรียนรู้ที่จะใช้อย่างผู้มีสิทธิอำนาจ เพื่อกระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
สามารถรับฟังเรื่องการใช้สิทธิอำนาจเพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=oxT3ps0h7Gc
5.# ก่อนที่จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระเยซูได้มอบหมายภารกิจที่สำคัญที่สุด ให้เหล่าสาวกของพระองค์
ที่เรียกว่า “พระมหาบัญชา”
คือ จงสร้างสาวก โดยการออกไป โดยการประกาศ โดยการให้บัพติศมา โดยสอนคนทั้งหลายให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่พระเยซูสั่งเอาไว้
5.@ เราผู้เป็นสาวกของพระเยซู สิ่งที่เราต้องถือเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นชีวิตจิตใจ คือ สร้างผู้อื่นให้เป็นสาวกของพระคริสต์
วันนี้ 100% ของกิจการต่างๆที่เราทำ มีกี่เปอร์เซนต์ ที่เราใช้สำหรับการสร้างสาวกของพระคริสต์
พระเยซูทรงสถิตกับเราเสมอไป
เพื่อช่วยเราให้ทำภารกิจนี้ ให้เกิดผลดีมากที่สุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้ในชั่วชีวิตอันแสนสั้นของเราในโลกนี้
จงสร้างสาวกของพระคริสต์
คำคม
“ ผู้เชื่อผู้ไม่ใช้ชีวิตของเขาสร้างสาวกของพระคริสต์
เขาจะแก้ตัวอย่างไร
เมื่อต้องยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์? ”