ขุมทรัพย์ มาระโก 5

ภาพรวม

  • ในบทนี้มีอย่างน้อย 3 คนที่รับการรักษาให้หาย คือชายที่ถูกผีทั้งกองเข้าสิง , หญิงโลหิตตก 12 ปี และลูกสาวของไยรัส ซึ่งดูเหมือนทั้ง 3 คน มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน คือ พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้า และเมื่อพระเยซูพบพวกเขา ปัญหาทั้งหมดของเขาก็ถูกคลี่คลาย

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1.#  พระเยซูเดินทางฝ่าพายุมาเพื่อจะมาพบกับคนไร้ค่า ผู้ที่คนทั้งเมืองไม่มีใครต้องการ ผู้มีค่าน้อยกว่าหมู เพราะเขามีค่ายิ่งในสายพระเนตรของพระเจ้า

1.@  วันนี้ ไม่ว่าเราจะด้อยค่าสักเพียงใดในสายตาของคนอื่นหรือแม้แต่ในสายตาของตนเอง

เรามีค่ายิ่งในสายพระเนตรของพระเจ้า มีค่ามากพอที่พระเยซูจะยอมทนทุกข์ทรมานทุกอย่างเพื่อจะช่วยเรา

มาหาพระองค์ผู้ทรงรักเราในวันนี้ แล้วรับการช่วยเหลือจากพระองค์เถิด

2.# โดยทั่วไปแล้วหมูเป็นสัตว์มีมลทิน จึงจะไม่มีการเลี้ยงหมูในเขตแดนของอิสราเอล
เจ้าของหมูที่เกราซานี้จึงน่าจะเป็นคนต่างชาติหรือเป็นคนยิวที่จงใจ ทำผิดธรรมบัญญัติ

เมื่อหมู 2,000 ตัวจมน้ำตาย แทนที่ประชาชนที่นั่นจะกลับใจใหม่
พบความไม่ถูกต้องของตนเองที่ยินยอมให้คนทำผิดธรรมบัญญัติในดินแดนของตน
แล้วให้คนเลี้ยงหมูออกจากดินแดนของเขาเสีย

แต่พวกเขากลับ ขอเชิญพระเยซูไปจากดินแดนของพวกเขา…เป็นงั้นไป

2.@  เมื่อมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นกับเรา หรือผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา สิ่งแรกๆที่เราควรทำ
คือ พิจารณาตนเองดูว่า มีสิ่งใดที่เราควรกลับใจหรือไม่
แทนที่จะเริ่มควานหาว่า ใครเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์นี้

3.# ความแตกต่างของชายที่ถูกผีสิง ก่อนและหลังพบพระเยซู คือ
ก่อนพบพระเยซู เขาอาละวาด โวยวาย ทำร้ายตนเอง และทำร้ายผู้อื่น
หลังพบพระเยซู เขานั่งสงบ อารมณ์ดี

3.@  วันนี้ คุณพบพระเยซูแล้วหรือยัง?

4.# เมื่อคนที่ถูกผีทั้งกองเข้าสิง หายเป็นปกติแล้ว เขาปรารถนาจะติดตามพระเยซูไป

พระเยซูกลับบอกว่า ไม่ต้องติดตามมา แต่ให้ไปบอก​พวก​พ้อง ​ถึง​สิ่งซึ่งพระเจ้าได้ทรงเมตตาเขาและกระทำแก่เขา

แล้วเขาก็เชื่อฟัง ประกาศไปทั่วแคว้นทศบุรี ซึ่งมีเมืองอยู่ถึง 10เมือง(ต่อมาเพิ่มเป็น 18เมือง)

ซึ่งเป็นการเตรียมคนเหล่านั้นให้พร้อม
หลังจากพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว
เมื่อข่าวประเสริฐเรื่องความรอดมาถึงคนเหล่านั้น
พวกเขาก็พร้อมแล้วสำหรับข่าวประเสริฐนั้น

4.@ ชายคนนี้ แม้ไม่ได้มีโอกาสติดตามพระเยซูไปกรุงเยรูซาเล็ม แต่เขาก็ได้ชื่อว่า เป็นสาวกของพระเยซู เพราะเขาทำตามคำสั่งของพระเยซู

มีสาวกที่ละทิ้งพระองค์ในสวนเก็ทเสมนี 12 คนกำลังดี ไม่จำเป็นต้องเพิ่มเขาอีกคน

แต่มีภารกิจที่สำคัญกว่านั้นสำหรับเขา คือการเตรียมชาวทศบุรีให้พร้อมสำหรับข่าวประเสริฐเรื่องความรอดทางพระเยซูคริสต์

การรับใช้พระเจ้า ไม่จำเป็นต้องทำอย่างที่ใครๆเขาก็ทำกัน แต่จำเป็นต้องทำอย่างที่พระเยซูสั่งให้ทำ

เมื่อเราเชื่อฟัง ทำตามพระคำของพระเจ้า พระเจ้าเองจะเป็นผู้ทำให้สิ่งที่เราทำนั้นเกิดผลเป็นพระพรมากมาย

5.# ไยรัส เชื่อว่า ถ้าพระเยซูวางมือบนลูกสาวของเขา เธอจะรอดตาย

หญิงโลหิตตก เชื่อว่า ถ้าเธอได้แตะชายเสื้อพระเยซูเธอจะหาย

แล้ว การอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นจริง ตามขนาดความเชื่อที่พวกเขามีต่อพระเยซู

5.@ วันนี้ ถ้าเราเชื่อจริงๆ ว่า
เพียงเราร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระเยซู
สถานการณ์ในชีวิตของเราจะคลี่คลายไปในทางที่ดีแน่นอน
เราจึงเริ่มทูลขอด้วยความเชื่อเช่นนั้น เราจะได้รับตามที่เชื่อนั้นอย่างแน่นอน

6.# หญิงโลหิตตกนั้น แตะชายเสื้อพระเยซูแล้วโลหิตของเธอก็หยุดไหล พระ​เยซู​ตรัส​ถามว่า “ใคร​แตะ​ต้อง​เสื้อ​ของ​เรา?”

เปโตร(ลก. 8:45)และพวก​สา​วก จึงทูล​ว่า ​
ฝูง​ชน​กำ​ลัง​เบียด​เสียด​พระ​องค์ แล้วทำไมยังมาถามอีกว่า “ใคร​แตะ​ต้อง​พระองค์?”

คำถามของพวกสาวกนี้ ชี้ให้เห็นว่าการอัศจรรย์เช่นนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
พวกเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

แต่ในบทต่อมา มก. 6:56 บอกว่า หลังจากเหตุการณ์นี้ เริ่มมีคนทำแบบหญิงคนนี้และก็รับการรักษาเช่นเดียวกับเธอ

มก. 6:56
“ ไม่​ว่า​พระ​องค์​จะ​เสด็จ​ไป​ที่​ไหน ใน​หมู่​บ้าน ใน​เมือง หรือ​ใน​ชน​บท ผู้​คน​ก็​เอา​คน​เจ็บ​ป่วย​มา​วาง​กลาง​ตลาด และ​ทูล​ขอ​อนุ​ญาต​จาก​พระ​องค์​ที่​จะ​ได้​แตะ​ต้อง​แม้​เพียง​ชาย​ฉลอง​พระ​องค์ และ​ทุก​คน​ที่​แตะ​ต้อง​ก็​หาย​ป่วย”

6.@ ความเชื่อของหญิงคนนี้ จุดประกายความเชื่อของผู้คนอีกมากมายให้เพิ่มขึ้น จนพวกเขาเชื่อว่า แค่แตะชายเสื้อพระเยซู พวกขาก็จะหายโรค แล้วก็เกิดขึ้นจริงๆตามที่พวกเขาเชื่อ

ความเชื่อของคนหนึ่งสามารถจุดประกายความเชื่อของอีกคนให้ลุกโพลงขึ้นมาได้

– การเป็นพยานว่า พระเจ้าทรงกระทำอะไรแก่เราบ้าง เป็นการขยายความเชื่อที่เรามี ไปเป็นพระพรแก่ผู้อื่น เพิ่มเติมความเชื่อให้แก่พวกเขา

– การฟังหรืออ่านคำพยานของคนอื่น เป็นทางลัดที่จะเพิ่มเติมความเชื่อในชีวิตของเราให้มากยิ่งขึ้น

– การพูดคุย สนทนา หรืออยู่ใกล้ คนฝ่ายวิญญาณที่มีความเชื่อ จะพัฒนาความเชื่อในชีวิตของเรา

– ในทางตรงกันข้าม การพูดคุย สนทนา หรือใช้เวลามากๆ กับคนที่ขาดความเชื่อ คนมองโลกในแง่ร้าย จึงดึงพลังไปจากชีวิตของเราได้
(ถ้าความเชื่อของเรามากพอ ก็จะช่วยพวกเขาได้เช่นกัน)

7.# เมื่อไยรัสต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดในชีวิตของเขา คือรับข่าวว่า ลูกสาวตายแล้ว

เขาเผชิญเหตุการณ์นั้นแบบมีพระเยซูอยู่ด้วย และพระองค์ทรงหนุนใจเขาด้วยวลีที่ทรงพลังและเป็นความจริงอย่างยิ่ง

“อย่า​วิตก​เลย จง​เชื่อ​เท่า​นั้น”

7.@ วันนี้ ไม่ว่าสิ่งที่เรากำลังเผชิญหน้า จะน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
จงระลึกคำตรัสของพระเยซู ที่กำลังตรัสกับเราว่า
“อย่า​วิตก​เลย จง​เชื่อ​เท่า​นั้น”

8.# เมื่อไยรัส หมดหวังแล้ว สิ้นหวังแล้ว ลูกสาวของเขาตายเสียแล้ว
แต่เพราะเขามาพึ่งพาพระเยซู ความสิ้นหวังนั้น
ในที่สุดก็ถูกเปลี่ยนเป็นความชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง

8.@ วันนี้ ในพระเยซู เรายังมีหวัง และ เราจะสมหวัง เมื่อเราไว้วางใจในพระองค์

คำคม

“ ความเชื่อเป็นตัวกำหนดผลของชีวิต
เหตุใดเรากลับเอาใจใส่กับการพัฒนาความเชื่อ น้อยเหลือเกิน? ”