ภาพรวม
- ในบทนี้มีอย่างน้อย 3 คนที่รับการรักษาให้หาย คือชายที่ถูกผีทั้งกองเข้าสิง , หญิงโลหิตตก 12 ปี และลูกสาวของไยรัส ซึ่งดูเหมือนทั้ง 3 คน มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน คือ พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้า และเมื่อพระเยซูพบพวกเขา ปัญหาทั้งหมดของเขาก็ถูกคลี่คลาย
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# พระเยซูเดินทางฝ่าพายุมาเพื่อจะมาพบกับคนไร้ค่า ผู้ที่คนทั้งเมืองไม่มีใครต้องการ ผู้มีค่าน้อยกว่าหมู เพราะเขามีค่ายิ่งในสายพระเนตรของพระเจ้า
1.@ วันนี้ ไม่ว่าเราจะด้อยค่าสักเพียงใดในสายตาของคนอื่นหรือแม้แต่ในสายตาของตนเอง
เรามีค่ายิ่งในสายพระเนตรของพระเจ้า มีค่ามากพอที่พระเยซูจะยอมทนทุกข์ทรมานทุกอย่างเพื่อจะช่วยเรา
มาหาพระองค์ผู้ทรงรักเราในวันนี้ แล้วรับการช่วยเหลือจากพระองค์เถิด
2.# โดยทั่วไปแล้วหมูเป็นสัตว์มีมลทิน จึงจะไม่มีการเลี้ยงหมูในเขตแดนของอิสราเอล
เจ้าของหมูที่เกราซานี้จึงน่าจะเป็นคนต่างชาติหรือเป็นคนยิวที่จงใจ ทำผิดธรรมบัญญัติ
เมื่อหมู 2,000 ตัวจมน้ำตาย แทนที่ประชาชนที่นั่นจะกลับใจใหม่
พบความไม่ถูกต้องของตนเองที่ยินยอมให้คนทำผิดธรรมบัญญัติในดินแดนของตน
แล้วให้คนเลี้ยงหมูออกจากดินแดนของเขาเสีย
แต่พวกเขากลับ ขอเชิญพระเยซูไปจากดินแดนของพวกเขา…เป็นงั้นไป
2.@ เมื่อมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นกับเรา หรือผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา สิ่งแรกๆที่เราควรทำ
คือ พิจารณาตนเองดูว่า มีสิ่งใดที่เราควรกลับใจหรือไม่
แทนที่จะเริ่มควานหาว่า ใครเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์นี้
3.# ความแตกต่างของชายที่ถูกผีสิง ก่อนและหลังพบพระเยซู คือ
ก่อนพบพระเยซู เขาอาละวาด โวยวาย ทำร้ายตนเอง และทำร้ายผู้อื่น
หลังพบพระเยซู เขานั่งสงบ อารมณ์ดี
3.@ วันนี้ คุณพบพระเยซูแล้วหรือยัง?
4.# เมื่อคนที่ถูกผีทั้งกองเข้าสิง หายเป็นปกติแล้ว เขาปรารถนาจะติดตามพระเยซูไป
พระเยซูกลับบอกว่า ไม่ต้องติดตามมา แต่ให้ไปบอกพวกพ้อง ถึงสิ่งซึ่งพระเจ้าได้ทรงเมตตาเขาและกระทำแก่เขา
แล้วเขาก็เชื่อฟัง ประกาศไปทั่วแคว้นทศบุรี ซึ่งมีเมืองอยู่ถึง 10เมือง(ต่อมาเพิ่มเป็น 18เมือง)
ซึ่งเป็นการเตรียมคนเหล่านั้นให้พร้อม
หลังจากพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว
เมื่อข่าวประเสริฐเรื่องความรอดมาถึงคนเหล่านั้น
พวกเขาก็พร้อมแล้วสำหรับข่าวประเสริฐนั้น
4.@ ชายคนนี้ แม้ไม่ได้มีโอกาสติดตามพระเยซูไปกรุงเยรูซาเล็ม แต่เขาก็ได้ชื่อว่า เป็นสาวกของพระเยซู เพราะเขาทำตามคำสั่งของพระเยซู
มีสาวกที่ละทิ้งพระองค์ในสวนเก็ทเสมนี 12 คนกำลังดี ไม่จำเป็นต้องเพิ่มเขาอีกคน
แต่มีภารกิจที่สำคัญกว่านั้นสำหรับเขา คือการเตรียมชาวทศบุรีให้พร้อมสำหรับข่าวประเสริฐเรื่องความรอดทางพระเยซูคริสต์
การรับใช้พระเจ้า ไม่จำเป็นต้องทำอย่างที่ใครๆเขาก็ทำกัน แต่จำเป็นต้องทำอย่างที่พระเยซูสั่งให้ทำ
เมื่อเราเชื่อฟัง ทำตามพระคำของพระเจ้า พระเจ้าเองจะเป็นผู้ทำให้สิ่งที่เราทำนั้นเกิดผลเป็นพระพรมากมาย
5.# ไยรัส เชื่อว่า ถ้าพระเยซูวางมือบนลูกสาวของเขา เธอจะรอดตาย
หญิงโลหิตตก เชื่อว่า ถ้าเธอได้แตะชายเสื้อพระเยซูเธอจะหาย
แล้ว การอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นจริง ตามขนาดความเชื่อที่พวกเขามีต่อพระเยซู
5.@ วันนี้ ถ้าเราเชื่อจริงๆ ว่า
เพียงเราร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระเยซู
สถานการณ์ในชีวิตของเราจะคลี่คลายไปในทางที่ดีแน่นอน
เราจึงเริ่มทูลขอด้วยความเชื่อเช่นนั้น เราจะได้รับตามที่เชื่อนั้นอย่างแน่นอน
6.# หญิงโลหิตตกนั้น แตะชายเสื้อพระเยซูแล้วโลหิตของเธอก็หยุดไหล พระเยซูตรัสถามว่า “ใครแตะต้องเสื้อของเรา?”
เปโตร(ลก. 8:45)และพวกสาวก จึงทูลว่า
ฝูงชนกำลังเบียดเสียดพระองค์ แล้วทำไมยังมาถามอีกว่า “ใครแตะต้องพระองค์?”
คำถามของพวกสาวกนี้ ชี้ให้เห็นว่าการอัศจรรย์เช่นนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
พวกเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ในบทต่อมา มก. 6:56 บอกว่า หลังจากเหตุการณ์นี้ เริ่มมีคนทำแบบหญิงคนนี้และก็รับการรักษาเช่นเดียวกับเธอ
มก. 6:56
“ ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน ในหมู่บ้าน ในเมือง หรือในชนบท ผู้คนก็เอาคนเจ็บป่วยมาวางกลางตลาด และทูลขออนุญาตจากพระองค์ที่จะได้แตะต้องแม้เพียงชายฉลองพระองค์ และทุกคนที่แตะต้องก็หายป่วย”
6.@ ความเชื่อของหญิงคนนี้ จุดประกายความเชื่อของผู้คนอีกมากมายให้เพิ่มขึ้น จนพวกเขาเชื่อว่า แค่แตะชายเสื้อพระเยซู พวกขาก็จะหายโรค แล้วก็เกิดขึ้นจริงๆตามที่พวกเขาเชื่อ
ความเชื่อของคนหนึ่งสามารถจุดประกายความเชื่อของอีกคนให้ลุกโพลงขึ้นมาได้
– การเป็นพยานว่า พระเจ้าทรงกระทำอะไรแก่เราบ้าง เป็นการขยายความเชื่อที่เรามี ไปเป็นพระพรแก่ผู้อื่น เพิ่มเติมความเชื่อให้แก่พวกเขา
– การฟังหรืออ่านคำพยานของคนอื่น เป็นทางลัดที่จะเพิ่มเติมความเชื่อในชีวิตของเราให้มากยิ่งขึ้น
– การพูดคุย สนทนา หรืออยู่ใกล้ คนฝ่ายวิญญาณที่มีความเชื่อ จะพัฒนาความเชื่อในชีวิตของเรา
– ในทางตรงกันข้าม การพูดคุย สนทนา หรือใช้เวลามากๆ กับคนที่ขาดความเชื่อ คนมองโลกในแง่ร้าย จึงดึงพลังไปจากชีวิตของเราได้
(ถ้าความเชื่อของเรามากพอ ก็จะช่วยพวกเขาได้เช่นกัน)
7.# เมื่อไยรัสต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดในชีวิตของเขา คือรับข่าวว่า ลูกสาวตายแล้ว
เขาเผชิญเหตุการณ์นั้นแบบมีพระเยซูอยู่ด้วย และพระองค์ทรงหนุนใจเขาด้วยวลีที่ทรงพลังและเป็นความจริงอย่างยิ่ง
“อย่าวิตกเลย จงเชื่อเท่านั้น”
7.@ วันนี้ ไม่ว่าสิ่งที่เรากำลังเผชิญหน้า จะน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
จงระลึกคำตรัสของพระเยซู ที่กำลังตรัสกับเราว่า
“อย่าวิตกเลย จงเชื่อเท่านั้น”
8.# เมื่อไยรัส หมดหวังแล้ว สิ้นหวังแล้ว ลูกสาวของเขาตายเสียแล้ว
แต่เพราะเขามาพึ่งพาพระเยซู ความสิ้นหวังนั้น
ในที่สุดก็ถูกเปลี่ยนเป็นความชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง
8.@ วันนี้ ในพระเยซู เรายังมีหวัง และ เราจะสมหวัง เมื่อเราไว้วางใจในพระองค์
คำคม
“ ความเชื่อเป็นตัวกำหนดผลของชีวิต
เหตุใดเรากลับเอาใจใส่กับการพัฒนาความเชื่อ น้อยเหลือเกิน? ”