ภาพรวม
- ในบทนี้ชี้ให้เห็นถึงผลของความเชื่อ โดยความเชื่อนั้นพวกสาวกจึงพบการจัดเตรียมลูกลา โดยความเชื่อประชาชนจึงสรรเสริญพระเยซู โดยความเชื่อต้นมะเดื่อจึงเหี่ยวแห้งไป และโดยความไม่เชื่อนั้นพวกฟาริสีจึงไม่ได้รับคำตอบ
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# พระเยซูจะต้องเสด็จเข้าเยรูซาเล็มอย่างกษัตริย์ผู้ถ่อมใจ ต้องนั่งลูกลาเข้าเยรูซาเล็ม พระองค์จึงทรงใช้สาวก 2 คน ไปตระเตรียมลูกลานั้น
สาวกไม่มีเงินมากนัก และอาจจะไม่รู้จักใครแถวนั้น ดูเหมือนภารกิจที่ได้รับมอบหมายนี้ยากเอาการ
แต่สิ่งที่ยากนั้น พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแต่งานง่ายๆที่ต้องทำตามด้วยความเชื่อเท่านั้น
คือ เข้าไปในหมู่บ้านแล้วจูงลูกลามาเลย
1.@ ในการติดตามพระเยซู เรื่องยากๆพระองค์ทรงจัดเตรียมให้เราแล้ว เหลือแต่งานง่ายๆที่เราต้องเชื่อฟังกระทำตามพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้น
วันนี้การติดตามพระเยซูนั้นไม่ยากเลย แค่เชื่อฟังเท่านั้น ที่เหลือพระองค์ดูแลเอง
2.# พระเยซูทรงสาปต้นมะเดื่อที่ไม่มีผล เพื่อสำแดงให้เห็นว่า
ถ้าพวกสาวกมีความเชื่อก็สามารถทำได้ทุกสิ่ง
แม้สิ่งนั้นจะดูไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลในมุมมองของมนุษย์ก็ตาม
2.@ ถ้ามีความเชื่อมากพอสำหรับเรื่องใดๆ หากเรื่องนั้นไม่ได้ขัดแย้งกับพระคำของพระเจ้า เรื่องเหล่านั้นก็ล้วนแต่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น
วันนี้เราเชื่ออย่างไม่สงสัยหรือไม่ว่า พระเจ้าสามารถช่วยเราให้พ้นจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้?
3.# พระเยซูทรงขับไล่คนซื้อขายในพระวิหาร และห้ามคนที่ใช้พระวิหารเป็นทางลัดเพื่อขนสิ่งของ เพราะพระเยซูต้องการบอกให้คนทั้งหลายทราบว่า การใช้พระวิหารนั้น ไม่สมควรที่จะใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง แต่ควรใช้เพื่อพระเจ้าเท่านั้น คือใช้ในการเข้าเฝ้าพระเจ้า ในวิหารสำหรับการมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าผ่านคำอธิษฐาน
3.@ วันนี้ เราใช้ตัวเรา ซึ่งเป็นพระวิหารของพระเจ้า ทำสิ่งต่างๆนั้น ส่วนใหญ่แล้ว ใครได้รับประโยชน์จากการกระทำเหล่านั้น พระเจ้าหรือตัวเราเอง?
วันนี้ ตัวเราซึ่งเป็นนิเวศน์แห่งการอธิษฐาน เราใช้ตัวเราสำหรับการอธิษฐานมากเพียงใด?
4.# พระเยซูทรงสอนว่า ถ้าอธิษฐานด้วยความเชื่อ ก็จะได้รับสิ่งที่ทูลขอ ขณะเดียวกันพระองค์อธิบายเพิ่มเติมว่า การอธิษฐานด้วยความเชื่อนั้น จะสำแดงออกเป็นการเชื่อฟัง
เช่นการอธิษฐานด้วยความเชื่อ แต่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ที่พระองค์ทรงบอกให้ยกโทษให้ผู้อื่น ไม่เชื่อฟัง ไม่ยอมยกโทษ แล้วเช่นนี้จะเรียกว่าอธิษฐานด้วยความเชื่อได้อย่างไร
4.@ คำอธิษฐานที่มีพลังทำให้เกิดผลได้นั้น คือคำอธิษฐานด้วยความเชื่อ
และคำอธิษฐานด้วยความเชื่อจะสะท้อนออกมาเป็นการเชื่อฟังของผู้ที่อธิษฐานนั้น
5.# พวกหัวหน้าปุโรหิต พวกธรรมาจารย์ และพวกผู้ใหญ่ มาถามพระเยซูว่า พระเยซูมีสิทธิอะไรมา สอน ทำการอัศจรรย์และสำแดงสิทธิอำนาจในพระวิหาร เช่น ไล่คนค้าขายออกไป
พระเยซูชี้ให้พวกเขาเห็นว่า ทั้งที่รู้ว่าสิทธิอำนาจที่ยอห์นผู้ให้บัพติศมาได้รับนั้นมาจากพระเจ้า พวกเขาก็ยังไม่เชื่อยอห์นเลย
ดังนั้นต่อให้พระเยซูตอบไป ว่าเป็นสิทธิอำนาจมาจากพระเจ้า พวกเขาก็คงยังจะไม่เชื่ออยู่ดี
พระเยซูจึงทรงไม่ตอบพวกเขา เพราะรักพวกเขาไม่ประสงค์เพิ่มโทษ เพิ่มข้อหาปฏิเสธสิทธิอำนาจของพระเยซูเข้าไปอีก 1 ข้อหา นอกจากข้อหาที่พวกเขาปฏิเสธสิทธิอำนาจของยอห์น ผู้ให้บัพติศมา
5.@ บางครั้ง พระเจ้าไม่ได้ตอบคำอธิษฐานของเรา ดูเหมือนกับว่าพระองค์ไม่สนใจที่จะตอบเรา แต่ความจริงแล้วเพราะพระองค์ทรงรักเรา จึงเลื่อนการตอบคำอธิษฐานนั้นออกไปก่อน
คำคม
“ ทุกสิ่งเกิดขึ้นได้ โดยความเชื่อแท้
และความเชื่อแท้จะสะท้อนออกเป็นการเชื่อฟังอย่างแท้จริง ”