ขุมทรัพย์ มาระโก 12

ภาพรวม

  • ในบทนี้ทั้งคำอุปมาและคำสอนของพระเยซู มุ่งชี้ให้เห็นว่า ไม่ว่าจะมีความรู้มากเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าไม่เชื่อในพระคำของพระองค์ และไม่ได้กระทำแด่พระองค์ด้วยจริงใจ สิ่งที่เขารู้และกระทำนั้น ไม่มีความหมายอะไรเลย

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1.#  พระเยซูตรัสคำอุปมา เรื่องคนเช่าสวนองุ่น ซึ่งเล็งถึงพวกผู้นำศาสนา ซึ่งมีหน้าที่อบรมสั่งสอน ประชาชน(สวนองุ่น)ให้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า
แต่พวกเขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น พวกเขาหาประโยชน์ให้กับตนเอง นำประชาชนห่างไกลพระเจ้า เมื่อพระเจ้าส่งผู้เผยพระวจนะมาพวกเขาก็ไม่ยอมฟัง ทำร้ายบ้าง ฆ่าทิ้งบ้าง
เมื่อพระเจ้าส่งพระบุตรลงมา พวกเขาเกรงว่าพระบุตรจะมาเอาประโยชน์ที่เขาได้รับจากประชาชนไป เอาความศรัทธาจากประชาชนไป พวกเขาจึงคิดจะฆ่าพระบุตรทิ้งเสีย เพื่อจะครอบงำประชาชนได้ตลอดไป

หมายเหตุ : ตาม​กฎหมาย​ของ​ยิวนั้น ถ้าที่ดิน​ใด​ที่​ไม่​มี​ทายาท​อ้าง​กรรมสิทธิ์​ให้​ถือ​ว่า ​ไม่​มี​เจ้าของ​ ใคร​จะ​ยึด​เป็น​กรรมสิทธิ์​ก็​ได้ ​ดังนั้น​คน​เช่า​สวน​จึง​วางแผน​ฆ่า​บุตร​เจ้าของ​สวน​เพื่อ​ยึด​ครอง​กรรมสิทธิ์​ที่ดิน​แทน

พระเยซูจึงพยากรณ์ว่า ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจะเอาการเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้า ไปจากพวกเขาแล้วให้แก่คนต่างชาติแทน
แต่พวกเขาจะถูกทำลายเสีย

ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาต่อมา ข่าวประเสริฐได้แพร่ไปทั่วโลก และในค.ศ.70 อิสราเอลถูกโรมทำลายเสียสิ้น

1.@  อิสราเอลปฏิเสธพระเจ้า และปฏิเสธการช่วยเหลือจากพระเจ้า พวกเขาจึงไม่ได้รับการช่วยกู้ แล้วการช่วยกู้จึงตกไปยังคนต่างชาติ
วันนี้ ถ้าเราปฏิเสธไม่รับพระเมตตาจากพระเจ้า โดยไม่ยอมอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระองค์ในเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้
พระเจ้าก็ยังคงเทพระเมตตาลงมาอยู่ดี ในเหตุการณ์นี้
แต่จะไม่ได้มาถึงเรา แต่จะไปถึงคนที่ปรารถนาพระเมตตาจากพระองค์

2.# พวก​ฟา​ริสี​และ​พวก​เฮ​โรดซึ่งเดิมเกลียดกันมาก ได้ร่วมมือกันเพราะพวกเขามีศัตรูร่วมกัน คือ พระเยซู ผู้ที่พวกเขาเกลียดมากกว่าเกลียดกันและกัน
พวกเขาได้มาจับผิดพระเยซู โดยถามว่าควรเสียส่วยให้ซีซาร์หรือไม่
หากพระเยซูตอบว่า “ควร” ประชาชนก็จะเกลียดพระองค์
หากพระเยซูตอบว่า “ไม่ควร” ก็จะทำผิดต่อกฎหมายโรมและจะถูกจับกุมตัว
พระเยซูตอบว่า “ของของซีซาร์ จงถวายแด่ซีซาร์” แปลว่า คนที่ใช้เงินตราภายใต้การปกครองของซีซาร์ก็สมควรเสียส่วยให้ซีซาร์
และ “ของของพระเจ้า จงถวายแด่พระเจ้า” แปลว่า ทุกสิ่งที่มนุษย์ทุกคนมีนั้น อยู่ภายใต้การปกครองของพระเจ้า ดังนั้นมนุษย์ทุกคนควรใช้ทุกสิ่งที่มีถวายเกียรติแด่พระเจ้า ไม่ใช่ใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง อย่างพวกผู้นำศาสนาในเวลานั้น
คำตอบนี้ พวกทหารโรมพอใจ และพวกประชาชนก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง

2.@ วันนี้ สิ่งที่เรามี เราได้ใช้กี่เปอร์เซ็นต์ เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า?
เวลา เงินทอง ความสามารถ บ้าน รถ ทรัพย์สินที่มี ฯลฯ

3.# พวกสะดูสีมาทดลองพระเยซูบ้าง ด้วยคำถามว่า เวลาเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว หญิงที่มีสามีหลายคน จะเป็นภรรยาของใครกันแน่? เป็นคำถามเพื่อเย้ยหยันเนื่องจากพวกเขาไม่เชื่อเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตาย
พระเยซูตอบพวกเขาว่า เพราะพวกเขาไม่รู้พระคัมภีร์และไม่เชื่อพระคัมภีร์ พวกเขาจึงไม่เข้าใจ
คนที่เป็นขึ้นมาจากความตายจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์ที่ไม่มีการสมรสกัน และการเป็นขึ้นมาจากความตายมีจริงๆ จะเกิดขึ้นจริงๆ

3.@ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราในวันนี้ ที่ทำให้เราหวั่นไหว เป็นไปได้ว่า ก็เพราะว่าเราไม่เข้าใจพระคำของพระเจ้าดีพอ หรือยังไม่มีความเชื่อในพระคำของพระเจ้าจริงๆ

4.# พระเยซูสอนว่า บัญญัติข้อใหญ่ที่สุด คือรักพระเจ้าสุดใจ รองลงมา คือรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
เมื่อธรรมาจารย์คนที่ถามพระเยซูเรื่องนี้ แสดงความเห็นพ้องกับพระเยซู
พระองค์ทรงบอกว่า “”เขาไม่ไกลจากแผ่นดินสวรรค์แล้ว”
แสดงว่า ต่อให้เขารู้และเข้าใจขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่ได้เข้าแผ่นดินสวรรค์เลย แค่อยู่ไม่ไกล
เพราะต่อให้รู้ มนุษย์ก็ไม่สามารถทำเองได้ โดยปราศจากความช่วยเหลือจากพระเยซู

4.@ วันนี้ เราตั้งใจอย่างจริงจังแล้วหรือยัง ที่จะใช้ชีวิตรักพระเจ้าสุดใจ และรักเพื่อนบ้านเต็มกำลัง?
หากเราตั้งใจเช่นนั้น เราสามารถทูลขอต่อพระเยซูอย่างจริงจังและจริงใจ ให้พระองค์ช่วยเราให้สิ่งทั้งสองนี้เกิดขึ้นเป็นจริงในชีวิตของเรามากขึ้นๆทุกวัน

5.# พระเยซูถามเกี่ยวกับพระมาซีฮาเป็นเชื้อสายของดาวิดได้อย่างไร ในเมื่อดาวิดเรียกพระองค์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า?
สิ่งนี้ไม่อาจตอบได้ นอกจากจะเชื่อว่า พระเยซูผู้เป็นเชื้อสายของดาวิด เป็นพระบุตรของพระเจ้ามาบังเกิดเป็นมนุษย์
แต่พวกธรรมจารย์เลือกไม่เชื่อ พวกเขาจึงตอบคำถามนี้ไม่ได้

5.@ วันนี้ เหตุที่เรายังไม่เข้าใจ อาจเป็นไปได้ว่า เรายังไม่ยอมเชื่อพระคำของพระเจ้าอย่างสุดใจ

6.# พระเยซูตำหนิพวกธรรมาจารย์ ว่าทำสิ่งชั่วร้ายแต่แสร้งทำตัวเป็นคนดี คนแบบนี้จะถูกลงโทษ หนักยิ่งกว่าคนชั่วคนอื่นๆเสียอีก

6.@ สิ่งที่พระเจ้าทรงรังเกียจคือ การเสแสร้ง
วันนี้ เมื่อเรามาเข้าเฝ้าพระเจ้า ควรถอดหน้ากากออก เข้าหาพระองค์อย่างจริงใจ อย่าเสแสร้งทำตัวเป็นคนดี

7.# พระเยซูสอนสาวกว่า หญิงม่ายที่ถวายเพียง 2 เหรียญทองแดง ประมาณ 5 บาท เป็นผู้ถวายมากกว่าใครทั้งหมด เพราะพระเจ้าไม่ได้ดูที่ปริมาณเงิน แต่ดูที่ปริมาณหัวใจที่ถวายแด่พระองค์

7.@ วันนี้ ไม่ว่าเราจะทำอะไรแด่พระเจ้าก็ตาม พระองค์ไม่ได้ทอดเพระเนตรดูที่ความยิ่งใหญ่ของงาน แต่ดูที่ท่าทีในหัวใจของเราว่าทำแด่พระองค์ด้วยความรักที่มีต่อพระองค์มากเพียงใด

คำคม

“ สิ่งที่เราทำในวันนี้ เราทำด้วยความรักที่มีต่อพระเยซูมากเพียงใด ?”