ภาพรวม
- บทนี้กล่าวถึงแผนการจับกุมพระเยซู แล้วแผนก็เริ่มดำเนินไป ดูเหมือนตามแผนชั่วของพวกผู้นำศาสนาแต่ความจริงเป็นไปตามแผนการนิรันดร์ของพระเจ้า
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# แผนการสังหารพระเยซูโดยพวกผู้นำศาสนาเป็นดังนี้
เนื่องจากเยซูชาวนาซาเร็ธมีประชาชนนิยมชมชอบเยอะ ดังนั้นพวกเราต้องพยายามทำอย่าให้ประชาชนรู้ ควรจับเยซูชาวนาซาเร็ธ ในช่วงเวลาและสถานที่ที่ปลอดคน
ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลปัสกา คนอยู่ในเมืองมากดังนั้นพวกเราน่าจะจัดการเยซูชาวนาซาเร็ธ หลังจากงานเทศกาลดีกว่า(มธ. 26:5)
ปรากฏว่า มีสาวกคนหนึ่งของเยซูชาวนาซาเร็ธ ชื่อยูดาส มาอาสาพาพวกเราไปจับเยซูชาวนาซาเร็ธ เพื่อแลกกับเศษเงินเพียง 30 เหรียญ (มธ. 26:15 ) ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้พวกเราดีใจมาก
แต่พอราว 24 ชม.ก่อนถึงวันปัสกา เจ้ายูดาสคนนั้นดันรีบแจ้นมาบอกพวกเราว่า ได้โอกาสเหมาะแล้ว เยซูชาวนาซาเร็ธกำลังอยู่ในที่เปลี่ยวแต่ลำพังมีเพียงสาวกติดตามไม่กี่คนเท่านั้นเอง
เมื่อเห็นว่าโอกาสดีเช่นนี้ พวกเราจึงรีบส่งพวกเราบางคน พร้อมทหารและคนรับใช้ไปจับเยซูชาวนาซาเร็ธมาในทันที
ดูเหมือนว่าระหว่างการจับกุมพวกของเยซูชาวนาซาเร็ธ จะมีความพยายามต่อต้านเล็กน้อย ทาสของเราคนหนึ่งถูกฟันหูขาดแต่เยซูชาวนาซาเร็ธ กลับทำการอัศจรรย์รักษหูนั้นให้กลับเป็นปกติซะงั้น
การจับกุมก็เป็นได้ด้วยดีตามแผนอันชาญฉลาดของพวกเรา ส่วนพวกสาวกขี้ขลาดของเยซูชาวนาซาเร็ธ ก็วิ่งหางจุกตูดหนีกันไปหมด
เมื่อจับตัวเยซูชาวนาซาเร็ธ มาแล้ว ตามแผนของเราคือว่าต้องรีบหาข้อกล่าวหา เนื่องจากเราจับเขามาแบบไม่มีข้อกล่าวหา
พอได้ข้อกล่าวหาแล้ว เราต้องรีบไปหาปีลาตแต่เช้าตรู่ก่อนที่ประชาชนที่นิยมเยซูชาวนาซาเร็ธจะรู้ตัว แล้วมาต่อต้านเรา เราต้องรีบกดดันปีลาตให้สั่งประหารเยซูชาวนาซาเร็ธ โดยเร็วที่สุด
เพราะถ้าคำสั่งออกแล้ว ต่อให้พวกประชาชนอยากจะขัดขวางเรา มันก็สายเกินไปแล้ว 555 ช่างเป็นแผนการที่แยบยลจริงๆ
1.@ แม้ว่ามนุษย์จะมีแผนชั่วร้ายอย่างไรก็ตาม แต่พระเจ้าก็ทรงสามารถทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จได้อยู่ดี
วันนี้ ไม่ว่าคนอื่นจะวางแผนชั่วอย่างไรต่อเราก็ตาม พระเจ้าทรงฤทธิ์สามารถทำให้มันกลับกลายเป็นผลดีต่อเราได้ในที่สุด
2.# เปโตรกับยอห์น ถูกพระเยซูส่งเข้ามาในเมืองเพื่อเตรียมปัสกา พวกเขาไม่รู้ว่าจะเตรียมได้อย่างไร เพียงแต่พวกเขาเชื่อฟังคำของพระเยซูเท่านั้น ทุกอย่างที่จำเป็นก็ถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว
2.@ วันนี้ เราอาจยังไม่รู้ว่าจะคลี่คลายสถานการณ์ในชีวิตอย่างไร นั่นก็ไม่สำคัญ ขอเพียงแต่เรารู้ว่าพระคำของพระเจ้าต้องการให้เราปฏิบัติต่อเหตุการณ์นี้อย่างไร แล้วเราก็เชื่อฟัง ทำตาม นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับการคลี่คลายปัญหาเหล่านั้น
3.# พระเยซูทรงตั้งพิธีมหาสนิท และสั่งให้เหล่าสาวกกระทำเพื่อเป็นการระลึกถึงความรักที่พระองค์มีต่อพวกเขา เพื่อพวกเขาจะรับรู้ว่าพวกเขาเป็นที่รักของพระองค์ พระองค์ทรงรักพวกเขาจนยินดีประทานเนื้อและโลหิตของพระองค์เพื่อช่วยพวกเขาให้รอด
และเพื่อระลึกว่าในอนาคตพวกเขาจะได้ร่วมดื่มกันกับพระองค์อีกครั้งหนึ่งในสวรรคสถาน
3.@ พระเยซูอยากให้เราระลึกถึงสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อเราอยู่เสมอ เพื่อเราจะได้รู้ตัวและตระหนักอยู่เสมอ ว่า เราเป็นที่รักยิ่งของพระองค์
วันนี้ จงรู้ตัวเถิดว่า เราเป็นที่รักของพระเยซู ด้วยการระลึกถึงสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อเรา
4.# ขณะที่เหตุการณ์กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน พระเยซูกำลังจะถูกจับและถูกประหารชีวิตในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า พวกสาวกยังคงเถียงกันว่าใครจะได้เป็นใหญ่ในโลกนี้
พระเยซูทรงสอนพวกเขาว่า เป็นใหญ่ในโลกนี้ไม่สำคัญ ยอมเป็นผู้เล็กน้อยในโลกนี้จะได้เป็นใหญ่ในสวรรค์
และพระองค์บอกพวกเขาว่า ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเขาที่อยู่กับพระองค์ในยามที่พระองค์ทรงถูกทดลองเช่นนี้พวกเขาจะได้นั่งบนบัลลังก์ร่วมกับพระองค์ในสวรรค์
4.@ หากปรารถนาจะเป็นใหญ่ในสวรรค์ จงเต็มใจเป็นคนเล็กน้อยในโลกนี้
คนที่เต็มใจร่วมทุกข์กับพระเยซูขณะอยู่บนโลกนี้ จะได้รับบำเหน็จในสวรรค์
ไม่มีบำเหน็จบนสวรรค์ สำหรับคนที่ไม่ยอมทนทุกข์เพื่อพระเจ้าบนโลกนี้
5.# พระเยซูทรงทราบว่าเปโตรจะปฏิเสธพระองค์ ถึงกระนั้นพระองค์ยังคงเป็นห่วงเปโตร ทรงอธิษฐานเผื่อเขา เพื่อเขาจะไม่สูญเสียความเชื่อแม้ผิดพลาดพลั้งไป และเพื่อเมื่อเขากลับใจแล้ว เขาจะชูกำลังคนอื่นๆได้
5.@ ก่อนที่เราจะผิดพลาดพลั้งบาป พระเยซูก็ทรงทราบก่อนแล้ว และพระองค์ปรารถนาให้เรายังคงรักษาความเชื่อเอาไว้แม้จะผิดพลาดพลั้งบาปไป โดยการกลับใจใหม่ กลับมาหาพระองค์ รับการอภัยแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ และช่วยคนอื่นๆที่ผิดพลาดเหมือนกับเราให้กลับตั้งตัวใหม่ได้เช่นกัน
6.# พระเยซูเตือนพวกสาวกว่า ต่อไปจะมีการข่มเหงเกิดขึ้น ดังนั้นไปไหนให้ระมัดระวังตัว เช่นพกดาบติดตัวเพื่อป้องกันตัว
พอพระเยซูตรัสดังนั้น พวกสาวกจึงบอกพระเยซูว่า “นี่แน่ะ มีดาบสองเล่ม”
ถ้าเป็นผมคงจะตอบพวกเขาว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ได้หมายความแบบนั้น 555”
แต่พระเยซูตอบน่ารักมาก พระองค์ตอบว่า “มีสองเล่มก็ พอแล้ว”
6.@ ในการติดตามพระเยซู พระองค์ไม่ได้สัญญาว่า จะมีคนชื่นชอบเราทุกคน ตรงกันข้าม พระองค์บอกไว้อย่างชัดเจนว่า หากเราติดตามพระองค์จริงๆ จะมีคนไม่ชอบเรา อาจมากจนถึงขั้นข่มเหงเรา
วันนี้ หากเราถูกไม่ชอบ ถูกเกลียด ถูกตำหนิ หรือถูกทำร้าย เพราะเหตุที่เราเชื่อวางใจในพระเยซู ให้เรารู้เถิดว่า ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายเลย
7.# ในสวนเกทเสมนีนั้น ขณะที่พระเยซูกำลังเผชิญการทดลอง พบกับความทุกข์อย่างที่สุด พระองค์ยังคงใช้โอกาสนั้นสอนพวกสาวก ว่า “จงอธิษฐานเพื่อจะได้ไม่ตกอยู่ในการทดลอง” แล้วจากนั้นพระองค์ก็ลงมืออธิษฐาน ท่ามกลางการทดลองครั้งนั้น
7.@ พระเยซูทั้งสอนและวางแบบอย่างแก่เรา ในการเผชิญการทดลองทุกอย่าง เราสามารถผ่านพ้นไปได้อย่างมีชัยชนะได้ด้วยวิธีเดียว ไม่มีวิธีอื่น นั่นคือ ผ่านพ้นโดยคำอธิษฐาน
วันนี้ หากเรากำลังเผชิญการทดลอง เผชิญปัญหา เผชิญความทุกข์ยากลำบาก เรากำลังจะเผชิญมันด้วยวิธีใด?
8.# พระเยซูผู้ไม่มีความผิด ถูกจับเยี่ยงโจร ทั้งที่ยังไม่มีข้อหาใดๆ เมื่อเปโตรพยายามขัดขวางการจับกุมพระองค์ก็ทรงห้ามปรามเขา
พระเยซูถูกเพื่อนทรยศ ถูกจับเยี่ยงโจร แบบไร้การต่อต้านใดๆ(อสย.53)
พระองค์จงใจปล่อยให้ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาของอำนาจมืด เข้ามาครอบงำสถานการณ์
8.@ พระเยซูเต็มใจเดินเข้าไปสู่สถานการณ์ที่ปกคลุมด้วยอำนาจของความชั่วร้าย เพื่อจะช่วยเราออกจากอำนาจของความชั่วร้ายทั้งสิ้น
9.# เมื่อพระเยซูถูกจับไปบ้านมหาปุโรหิต เปโตรก็ตามเข้าไป ไม่ใช่เพื่อไปช่วยพระเยซู แต่ เพื่อคอยดูว่าเรื่องจะจบลงอย่างไร (มธ. 26:58)
แล้วเมื่อถูกคนสังเกตได้ว่าเขาน่าจะเป็นพวกพระเยซู เขาจึงปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระเยซู ถึง 3 ครั้ง จริงตามที่พระเยซูได้บอกเขาไว้ล่วงหน้า
แล้วเขาก็ออกไปร้องไห้เป็นทุกข์อย่างมาก
9.@ สำหรับเปโตร เขาร้องไห้เป็นทุกข์เสียใจเพราะตนเองได้ทำสิ่งน่ารังเกียจต่อพระอาจารย์ผู้รักเขาอย่างที่สุด พอเขารู้ตัวเขาจึงร้องไห้เสียใจมากมาย
แต่สำหรับพระเยซู พระองค์ทรงทราบก่อนแล้วว่า จิตใจที่ไม่ภักดีต่อพระองค์นั้นมีอยู่ในใจของเปโตรมาก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแค่ยังไม่ได้โอกาสสำแดงออกมา
วันนี้ เมื่อเราผิดพลาดพลั้งบาปไป เราอาจตกใจที่ทำไมเราถึงทำผิดมากถึงขนาดนี้ แต่เรื่องนี้พระเจ้าทรงทราบอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่เราเพิ่งทราบเท่านั้นเอง
ดังนั้น เมื่อเราหันกลับมา สารภาพต่อพระเจ้า กลับใจใหม่ พระองค์จะอภัยให้แก่เราอย่างแน่นอน เพราะการทำบาปของเราครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้พระเจ้าประหลาดใจเลย
10.# ที่บ้านของมหาปุโรหิตนั้น พวกผู้คุมและคนใช้ก็รุมทำร้ายพระเยซู และลบหลู่ดูหมิ่นพระองค์ และกล่าวคำหยาบช้าต่อพระองค์
“ไหนๆ ตูขอลอง ซัดมันทีซิ หมั่นไส้มันมานานแล้ว ไอ้นี่มันอ้างตัวเป็นพระคริสต์….” ตุ๊บ ๆ ๆ
“เฮ้ย!!! ไอ้เ_ี้ย _ึงเก่งนักเหรอ ทำให้คนตาบอดเห็นได้ใช่ไหม ไหนลองทายสิวะ ตอนนี้ใครตบหน้า_ึง ดูสิว่าตอน_ึง ถูกปิดตาเหมือนคนตาบอด _ึงจะเห็นได้ไหม” เพี๊ยะ ๆ
10.@ อสย. 53:3 “ท่านถูกดูหมิ่นและถูกทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเจ็บปวด และคุ้นเคยกับความทุกข์ยาก และเป็นดั่งผู้ซึ่งคนทั้งหลายหันหน้าหนี ท่านถูกดูหมิ่น และเราไม่ได้นับถือท่าน”
พระเยซูผู้บริสุทธิ์ ผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด ผู้ที่เหล่าทูตสวรรค์ทั้งสิ้นต้องกลัวจนตัวสั่น ผู้ทรงมาบังเกิดเพื่อช่วยมนุษย์ ผู้รักษาบารทิเมอัสให้หายตาบอด ผู้ช่วยหญิงล่วงประเวณีจากการถูกหินขว้าง ผู้ช่วยหญิงโลหิตตกให้หาย ผู้ทำให้ศักเคียสกลับตัวเป็นคนดี ผู้ทำให้คนบ้าที่ถูกผีทั้งกองเข้าสิงหายเป็นปกติ ผู้ทำให้ลาซารัสเป็นขึ้นมาจากความตาย
บัดนี้พระองค์ทรงยอมรับการดูถูก สบประมาท ดูหมิ่นเหยียดหยาม เพื่อช่วยเราผู้สมควรถูกเหยียดหยามนั้น กลับได้รับศักดิ์ศรีชั่วนิรันดร์
11.# สภาของพวกยิวยังคงตั้งข้อหาพระเยซูไม่ได้จนรุ่งเช้า จนเมื่อพระเยซูยอมรับคำพูดของพวกเขาว่า พระองค์เป็นพระคริสต์
พวกเขาจึงตัดสินใจ เอาข้อหานี่ละกัน ที่จะส่งให้ปีลาตลงโทษพระเยซู
11.@ ต่อให้พูดสิ่งที่ถูกก็กลายเป็นสิ่งที่ผิดสำหรับคนชั่วร้าย
แต่ต่อให้คนชั่วร้ายทำสิ่งที่ผิด พระเจ้าก็จะทำให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จอยู่ดี
คำคม
“จงอธิษฐานเพื่อจะได้ไม่ตกอยู่ในการทดลอง”