ภาพรวม
- บทนี้อธิบายการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าที่พระเจ้าทรงพอพระทัย ได้แก่การประกาศข่าวประเสริฐ การสำแดงความรักต่อเพื่อนบ้าน การปรนนิบัติรับใช้ในงานด้านต่างๆ และการมีความสัมพันธ์สนิทกับพระเยซู
- และดูเหมือนพระเยซูจะสรุปว่า งานรับใช้ที่ดีที่สุด ก็คือ การมีความสัมพันธ์กับพระเยซู นั่นเอง
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# นอกจากอัครสาวก 12 คนแล้ว พระองค์ยังส่งสาวกอีก 72 คนออกไปล่วงหน้า เพื่อประกาศในเมืองต่างๆล่วงหน้าก่อนที่พระเยซูจะเสด็จไป
พระเยซูสอนเขา
– ให้อธิษฐาน ขอพระบิดาส่งคนงานมาร่วมรับใช้มากยิ่งขึ้นอีก
– ให้วางใจในการจัดเตรียมของพระเจ้าระหว่างที่รับใช้
– ให้ทำการนั้นอย่างเร่งด่วนไม่เยินเย้อ (อย่าคำนับใครตามทาง ธรรมเนียมยิวเมื่อทักทายแล้วก็จะเชิญไปทานอาหารที่บ้านด้วย ทำให้เสียเวลามาก)
– ให้ทำด้วยสิทธิอำนาจที่พระเจ้าทรงประทานให้
1.@ เมื่อเรารับใช้พระเจ้า จงอธิษฐานขอการสนับสนุนจากพระองค์ จงเชื่อวางใจในพระองค์ และจงใช้สิทธิอำนาจของพระองค์
2.# พระเยซูสอนว่า เมืองที่ทำบาปแต่ก็ยังได้เห็นการอัศจรรย์จากพระเจ้าแล้วยังไม่กลับใจ เมืองนั้นจะมีโทษหนักกว่าเมืองอื่นๆที่ทำบาป
2.@ คนบาปทุกคนต้องรับการพิพากษาการกระทำของตน
แต่คนบาปที่ได้เห็นการช่วยกู้จากพระเจ้าแล้ว ยังใจแข็งกระด้างไม่ยอมกลับใจ นอกจากจะต้องรับโทษเพราะเหตุการกระทำชั่วของตนแล้ว ยังต้องรับโทษของการที่มีใจแข็งกระด้างอีกด้วย
พระเจ้าไม่พอพระทัยเมื่อเราใจแข็งกระด้างต่อพระคุณของพระเจ้าที่ทรงสำแดงแก่เรา
วันนีี้สิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิิ์เตือนเรา ก็เพื่อให้เรากลับใจ อย่ามีใจแข็งกระด้างต่อการเตือนของพระองค์
3.# พระเยซูทรงสอนพวกสาวก 72 คนที่กลับมาจากการรับใช้อย่างเกิดผลว่า การรับใช้ด้วยสิทธิอำนาจอย่างเกิดผลน่าชื่นใจก็จริง แต่มีสิ่งที่น่าชื่นใจยิ่งกว่า คือ ชื่อของพวกเขาจดไว้ในสวรรค์แล้ว พวกเขาจะได้เข้าสวรรค์อย่างแน่นอน
3.@ เมื่อเราเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ ชื่อของเราถูกจดไว้ในสวรรค์แล้ว เราจะได้ไปสวรรค์อย่างแน่นอน
ดังนั้นไม่ว่าเราจะได้รับอะไรหรือสูญเสียอะไร ก็ไม่ควรให้สิ่งเหล่านั้นมาขโมยความชื่นชมยินดีอันยิ่งใหญ่นี้ไปจากเราได้
4.# พระเยซูทรงสอนพวกสาวกว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับพวกเขานั้นเป็นพระพรยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา บรรดาผู้เผยพระวจนะที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายและกษัตริย์หลายองค์อยากได้ยินและอยากเห็น แบบพวกเขา แต่คนเหล่านั้นก็ไม่มีโอกาส
4.@ วันนี้ เราเองเป็นผู้รับพระพรยิ่งใหญ่ เพราะคนชอบธรรมมากมายในอดีตอยากมีประสบการณ์กับพระเจ้าแบบที่เราสามารถมีได้ แต่คนเหล่านั้นไม่มีโอกาสอย่างเรา
วันนี้เรามีสิทธิพิเศษสามารถอธิษฐาน พูดคุยกับพระเจ้าได้อย่างใกล้ชิดสนิทสนม โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์
วันนี้เราได้ใช้สิทธิพิเศษนี้มากเพียงใด?
5.# พระเยซูสอนเรื่องรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ด้วยการยกตัวอย่างเรื่องชาวสะมาเรียใจดี
หาก “ตัวเราเอง” เป็นคนที่มาพบว่า “ตัวเราเอง” ถูกทำร้าย ทิ้งไว้ให้ใกล้ตายข้างทางเช่นนั้น
สิ่งที่เราทำ เราคงทำเหมือนกับที่ชาวสะมาเรียคนนี้ทำกับชายคนนั้นเป็นแน่ หรืออาจจะทำมากกว่านั้นด้วยซ้ำ
5.@ วิธีที่จะช่วยเราให้ตัดสินใจว่า ควรจะทำอะไร อย่างไรกับเพื่อนบ้านของเรา ก็คือ
ลองจินตนาการดูว่า ถ้า “ตัวเรา” พบว่า “ตัวเรา” กำลังประสบเหตุการณ์อย่างที่เพื่อนบ้านของเรากำลังประสบ เราจะทำอย่างไร
จงทำอย่างนั้นเถิด
6.# มารธาและมารีย์ รักเคารพพระเยซู
มารธาสำแดงออกด้วยการปรนนิบัติพระเยซูอย่างเต็มกำลัง
มารีย์สำแดงออกด้วยการตั้งใจฟังสิ่งที่พระเยซูตรัสอย่างเต็มที่
พระเยซูบอกว่า มารีย์ได้เลือกทำส่วนที่ดีที่สุด
6.@ การรับใช้พระเจ้าเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่พระเจ้าปรารถนาจากเรามากที่สุด คือการที่เราจะใช้เวลากับพระองค์ มีความสัมพันธ์กับพระองค์
หากจำเป็นต้องหยุดรับใช้ เพื่อจะสามารถมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้ดียิ่งขึ้น ก็จงทำเถิด
เพราะเมื่อเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าแล้ว จะทำให้เรารับใช้ได้อย่างเกิดผลสูงสุด
คำคม
“การรับใช้ที่มีค่าที่สุด คือ การมีความสัมพันธ์กับพระองค์ผู้ที่เราประสงค์จะรับใช้”