ภาพรวม
- บทนี้พูดถึงการกลับใจ ก่อนที่จะสายเกินไป หันกลับจากการทำตามอย่างคนในโลกนี้ รวมถึงศาสนาพิธีทั้งหลาย หันมาสู่การกระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า เตรียมตัวสำหรับการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# พระเยซูทรงสอนว่า ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ถ้าไม่กลับใจ ก็จะต้องพินาศเหมือนกัน
1.@ การกลับใจเป็นเรื่องของวันนี้ เราผู้เคยให้พระเยซูเป็นพระเจ้าเป็นเจ้านายในชีวิตของเรา วันนี้พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าเป็นเจ้านายในชีวิตของเราหรือไม่?
2.# พระเยซูตรัสคำเปรียบเรื่องต้นมะเดื่อที่ไม่เกิดผล เหตุที่ยังไม่ถูกตัดก็เพราะคนปลูกยังมีเมตตาต่อมัน ให้โอกาสมันอีกสักหน่อยหนึ่ง แต่ถ้าในที่สุดยังไงๆก็ไม่ยอมเกิดผลจริงๆ จะต้องถูกตัดทิ้งเสีย
2.@ หากเรากำลังเดินไปในทางแห่งการทำตามใจปรารถนาของตนเอง ดำเนินชีวิตสวนทางกับทางของพระเจ้า วันนี้พระเจ้ายังให้โอกาสแก่เราที่จะกลับใจ
แต่วันเวลาจะมาถึงเมื่อโอกาสหมดลง เมื่อนั้นแม้ต้องการกลับใจก็จะสายเกินไป
3.# นายธรรมศาลาถือว่าการปฏิบัติตามพิธีกรรมทางศาสนาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่พระเยซูแสดงให้พวกเขาเห็นว่า การสำแดงความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์สำคัญยิ่งกว่าพิธีกรรมทางศาสนา
3.@ พระเจ้าทรงรักมนุษย์ พระองค์จึงทรงประทานกฎเกณฑ์ต่างๆเพื่อช่วยมนุษย์ ให้เขาดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขและปลอดภัย
แต่บางคนหลงเข้าใจผิด จึงให้กฎเกณฑ์ต่างๆมาเป็นเครื่องมือในการทำร้าย ทำลาย มนุษย์ผู้ที่พระองค์ทรงรักนั้น
วันนี้เราใช้พระคำของพระเจ้าเพื่อช่วยคน หรือเพื่อทำร้ายคน?
4.# พระเยซูอธิบายเรื่องแผ่นดินสวรรค์ว่า จะเริ่มจากเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปสิ่งนั้นจะเพิ่มพูนมากมาย
เหมือน สาวก เพียง 120 คน ในห้องชั้นบนวันเพ็นเทคอส ขยายกลายเป็นผู้เชื่อหลายพันล้านคนทั่วโลกในปัจจุบัน
4.@ วันนี้สิ่งที่เรากำลังทำเพื่อพระเจ้าอาจดูว่าเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย แต่หากเรายังคงสัตย์ซื่อในการทำสิ่งนั้นต่อไป ในเวลาอีกไม่นาน สิ่งนั้นจะกลายเป็นพระพรใหญ่โตแก่ผู้คนมากมาย
5.# พระเยซูทรงสอนว่า หนทางที่จะเข้าไปสู่สวรรค์นั้น ไม่ได้สะดวกสบาย เป็นเหมือนประตูที่คับแคบ คนที่จะเดินในทางนั้นไม่สามารถทำตามอำเภอใจของตน แต่ใช้ชีวิตตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
ยิ่งไปกว่านั้นประตูเปิดออกเพียงระยะเวลาหนึ่ง พอหมดเวลาแล้วประตูแห่งสวรรค์จะปิดลง เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่าจะพยายามมากสักเพียงใดก็จะไม่สามารถเข้าไปได้แล้ว
5.@ การเดินในหนทางของพระเจ้า จำเป็นต้องกลับใจใหม่ ยกชีวิตของเราให้เป็นของพระะเยซู แล้วเดินติดตามทางของพระองค์ไปจนชั่วชีวิต
ช่วงเวลากลับใจนี้ มีจำกัด หากเราต้องจากโลกนี้ไป หรือพระเยซูเสด็จกลับมาในพริบตา เมื่อนั้นจะหมดเวลาสำหรับการกลับใจเสียแล้ว
6.# พระเยซูพูดถึงเยรูซาเล็ม ว่า “นิเวศของเจ้าจะถูกทอดทิ้งและเริศร้าง” หมายถึง เยรูซาเล็มและพระวิหารจะถูกทำลาย (เกิดขึ้นใน คศ.70)
และว่า “เจ้าจะไม่เห็นเราอีกกว่าเจ้าจะออกปากกล่าวว่า ‘ขอให้ท่านผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ’ ”
หมายถึง เยรูซาเล็มที่ถูกทำลายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว จะกลับมีตัวตนขึ้นอีกครั้ง(เกิดขึ้นใน คศ.1948)
แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังจะไม่เห็นพระเยซู จนกว่าพระองค์จะเสด็จอีกครั้งในวันสุดท้ายนั้น (เกิดขึ้นในเร็วๆนี้)
6.@ จากสัญญาณเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า วันที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งนั้นใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว บัดนี้พระองค์เสด็จกลับมาได้ทุกเมื่อ
ได้เวลาหรือยัง ที่เราจะตื่นจากหลับ จากการหลงไล่จับของในโลกนี้ ที่โลกหลอกเราว่า หากอยากเป็นคนที่สมบูรณ์และพบความสุขจริงๆ ต้องได้รับสิ่งเหล่านี้ ?
ได้เวลาหรือยังที่เราจะตื่นขึ้น ใช้สิ่งที่เรามีเตรียมสำหรับนิรันดรกาลที่กำลังจะมาถึงนั้น?
คำคม
“ ประตูอันคับแคบของสวรรค์ยังเปิดอยู่ แต่จะไม่เปิดตลอดไป
จงรีบเข้ามาเมื่อโอกาสยังมี ”