ภาพรวม
- ในบทนี้พระเยซูใช้เรื่องงานเลี้ยงและอาหารการกิน เพื่อมาสอนให้รู้ว่า การดำเนินชีวิตที่พระเจ้าทรงพอพระทัยนั้นเป็นเช่นใด
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# พวกฟาริสีมองหาคนที่ทำผิดบัญญัติ แต่พระเยซูมองหาคนที่จะรับพระเมตตา
1.@ คนที่เราพบเจอในวันนี้ เราเจอคนที่ทำผิดหรือ เจอคนที่ต้องการความรักความเมตตาจากเรา
2.# พระเยซูทรงสอนให้ถ่อมตัวลง เพราะนั่นจะนำมาซึ่งการได้รับการยกย่องจากพระเจ้า
2.@ วันนี้สิ่งที่เรากำลังทำ เราพยายามยกตัวเองให้เป็นที่ยอมรับของคนอื่น หรือ เรารอให้พระเจ้ายกเราขึ้นในเวลาที่เหมาะสม
3.# พระเยซูสอนว่า เมื่อเราทำดีกับคนที่ไม่สามารถตอบแทนเราได้ พระเจ้าจะเป็นผู้ตอบแทนเราเอง
3.@ เราอยากได้รับการตอบแทนจากพระเจ้า หรือ จาก มนุษย์?
4.# พระเยซูยกตัวอย่างคำอุปมาเรื่องงานเลี้ยงใหญ่ เพื่อจะสอนว่า พระเมตตาของพระเจ้ามีเพียงพอสำหรับทุกคน แต่เฉพาะคนที่ตอบรับพระเมตตานั้นเท่านั้น ที่จะได้รับพระเมตตา
4.@ พระเจ้าทรงประทานความรักและเมตตาแก่เราทุกคน เพียงแต่เราเชื่อไว้วางใจในพระองค์ เราก็จะได้รับพระเมตตานั้น
วันนี้ เราตัดสินใจอย่างเด็ดขาดได้แล้วหรือยัง ที่จะไว้วางใจในพระองค์สำหรับเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่นี้?
5.# พระเยซูตรัสว่า “ถ้าใครมาหาเราและไม่ชังบิดามารดา บุตรภรรยา และพี่น้องชายหญิง แม้แต่ชีวิตของตนเอง คนนั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้”
หมายถึง ผู้จะติดตามพระเยซู ต้องรักพระเยซูมากกว่าคนเหล่านี้มากๆ มากจนกระทั่ง ความรักที่มีต่อคนเหล่านี้ราวกับเป็นความชัง
(แต่ถ้าใครยิ่งรักพระเยซูมากๆ พวกเขาจะยิ่งรัก บิดา มารดา บุตร ภรรยา พี่น้องชายหญิง มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกมากมายนัก)
5.@ วันนี้ มีใครที่เรารักมากกว่ารักพระเยซูหรือไม่?
วันนี้ มีใครไหมที่ถ้าพระเจ้าจะเอาเขาไปจากเรา เราไม่ยอมเด็ดขาด?
6.# พระเยซูทรงสอน ให้เราเป็นเกลือแห่งโลก ที่ไม่หมดรสเค็มไม่ว่าจะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ใดก็ตาม
หมายถึง ยังคงดำเนินชีวิตในความชอบธรรม ถึงแม้ว่าคนรอบข้างจะเต็มไปด้วยคนที่ทำสิ่งอธรรมมากมายก็ตาม
6.@ วันนี้ เรามีอิทธิต่อโลก หรือ ปล่อยให้โลกมีอิทธิพลต่อเรา
คำคม
“ หากจะติดตามพระคริสต์ ต้องให้พระคริสต์เป็นที่หนึ่งในดวงใจเท่านั้น”