ภาพรวม
- ในบทนี้ทั้งบทผูกกันอย่างสวยงามดังนั้น
- พระเจ้าจะประทานความยุติธรรมให้แก่ผู้ที่ขอแน่นอน
- แต่เมื่อความยุติธรรมเกิดขึ้น เราจะได้พรหรือการลงโทษกันแน่
- ฟาริสี เข้าใจผิดคิดว่าเขาชอบธรรม แต่คนเก็บภาษีรู้ตัวว่าเขาอธรรม จึงขอความเมตตาแทนความยุติธรรม
- คนที่จะรับพระเมตตา คือ คนที่เชื่อเหมือนเด็กเล็กๆ
- ขุนนางที่ร่ำรวยไม่ได้เชื่อเหมือนเด็กๆ จึงไม่อาจเข้าสวรรค์ได้
- พวกสาวกเชื่อวางใจในพระเยซูเหมือนเด็กเล็กๆ สละทุกสิ่งตาม พระเยซูมา พวกเขาจึงเข้าสวรรค์ได้
- แต่การที่พวกเขาจะได้สิทธิเข้าสวรรค์นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เกิดจากการที่พระเยซูต้องสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและเป็นขึ้นมาจากความตายในวันที่สาม
- ดังนั้น ใครก็ตามที่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ร้องทูลขอพระเมตตาจากพระองค์(เหมือนชายตาบอดนั้น) และติดตามพระองค์ไป จะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ได้
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# พระเยซูยกตัวอย่างคำอุปมาเรื่องหญิงม่ายและผู้พิพากษาอธรรม เพื่อสอนว่า ควรอธิษฐานอยู่เสมอและไม่อ่อนระอาใจ
1.@ ใน มธ. 6:7 “แต่เมื่อพวกท่านอธิษฐาน อย่าพูดพล่อยๆ ซ้ำซาก เหมือนบรรดาคนต่างชาติเพราะเขาคิดว่าพูดมากหลายคำ พระจึงจะโปรดฟัง”
ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ควรอธิษฐานบ่อยๆ
พูดพล่อยๆซ้ำซาก เหมือนคนต่างชาติ หมายถึง อธิษฐานแบบสวดมนต์ซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ไม่เข้าใจความหมายที่สวดนั้น หรือต่อให้เข้าใจก็ไม่ได้คิดหรือรู้สึกตามที่พูด จึงเรียกว่าพูดพล่อยๆ
ในลก.บทที่ 18 นี้ ชี้อย่างชัดเจนว่า เราควรอธิษฐานบ่อยๆไม่ลดละ
2.# คำอุปมาเรื่องหญิงม่ายและผู้พิพากษาอธรรมนั้น พระเยซูชี้ให้เห็นว่า ขนาดผู้พิพากษาอธรรม ยังทนไม่ได้เลย หากถูกขอร้องอย่างไม่ลดละ
ดังนั้นพระบิดาผู้ที่รักเราอย่างที่สุด มีหรือจะรอช้าที่จะตอบคำอธิษฐานของเรา
2.@ ให้เราอธิษฐานอย่างไม่ลดละ เพราะพระเจ้าจะประทานความยุติธรรมแก่เราอย่างแน่นอน
นั่นคือ ถ้าสิ่งที่เราทูลขอนั้นเราสมควรจะได้รับหรือมีสิทธิที่จะได้รับ พระองค์จะประทานให้แก่เราอย่างแน่นอน
3.# พระเจ้าจะประทานความยุติธรรมแก่ผู้ที่ร้องทูลขอต่อพระองค์อย่างแน่นอน
ปัญหาสำคัญไม่ใช่อยู่ตรงที่ พระเจ้าจะไม่ประทานความยุติธรรมให้ แต่อยู่ตรงที่หากตัดสินอย่างยุติธรรม เราจะพ้นโทษได้หรือ?
หากปราศจากพระคุณของพระเจ้าซึ่งได้รับโดยทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์ เราคงไม่สมควรที่จะได้รับพระพรอย่างแน่นอน
พระเยซูจึงสอนว่า สิ่งที่ขาดหายไปไม่ใช่ความสัตย์ซื่อของพระเจ้า แต่เป็นความเชื่อของมนุษย์
3.@ วันนี้ เมื่อเราอธิษฐานทูลขอสิ่งใด ถ้าคิดดีๆอย่างเป็นธรรมแล้ว เราจะพบว่าเราไม่คู่ควรที่จะได้รับสิ่งนั้นจากพระเจ้า
แต่หากเราเชื่อวางใจในพระเยซู เชื่อว่าโดยทางพระเยซูเราได้รับความชอบธรรมและได้สิทธิเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว
โดยความเชื่อเช่นนั้น จะทำให้เราสามารถได้รับคำตอบจากพระบิดาได้
4.# พระเยซูทรงกล่าวคำอุปมาเรื่อง ฟาริสีและคนเก็บภาษี เพื่อสอนว่า การเข้าหาพระเจ้านั้นควรเข้ามาด้วยท่าทีที่สำนึกผิดและถ่อมใจ
เพราะคนที่ยกตัวขึ้น จะถูกเหยียดลง คนที่ถ่อมตัวลงจะได้รับการยกขึ้น
4.@ ในการมาหาพระเจ้านั้น ไม่ใช่สาระสำคัญว่าเราทำดีมามากแค่ไหน หรือ เราทำผิดมากเพียงใด เพราะสิ่งสำคัญที่แท้จริงคือ ท่าทีในใจของเรา ที่ถ่อมตัวลง ยอมรับผิดในสิ่งที่ตนได้ทำไป แล้วร้องขอการอภัยจากพระองค์
ไม่ว่าเราทำดีแค่ไหน เราก็ยังเป็นคนบาปที่ต้องรับการอภัย
ไม่ว่าเราทำชั่วมากเพียงใด เราก็ยังเป็นคนบาปที่สามารถได้รับการอภัย
5.# พระเยซูทรงสอนว่า ใครที่ไม่ยอมรับแผ่นดินของพระเจ้าเหมือนเด็กเล็กๆ จะเข้าในแผ่นดินนั้นไม่ได้
คนที่จะเข้าสวรรค์ได้ ต้องเชื่อเหมือนเด็กเล็กๆ คือเชื่อพระคำของพระเจ้าอย่างจริงใจ เชื่ออย่างไม่สงสัย
5.@ เมื่อพ่อบอกเด็กเล็กๆ เด็กนั้นไม่เคยสงสัยที่พ่อบอกเลย
วันนี้ เราเชื่อสิ่งที่พระคำของพระเจ้าบอกแก่เรา อย่างไม่สงสัยหรือยัง?
เช่น อสย. 41:10 อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะเสริมกำลังเจ้า เราจะช่วยเจ้า เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา
เราเชื่อจริงๆหรือยัง?
6.# พระเยซูทรงสอนว่า คนที่รักทรัพย์สินเงินทองก็ยากเหลือเกินที่จะเข้าสวรรค์ได้ แต่ถึงกระนั้นพระเจ้าก็ทรงสามารถทำให้เกิดขึ้นได้
6.@ ในความอ่อนแอของมนุษย์ ทำให้มนุษย์ไม่สามารถทำตามมาตรฐานของพระเจ้าได้
แต่โดยพระคุณของพระเจ้า พระเจ้าทรงให้มนุษย์ผ่านมาตรฐานของพระเจ้าได้ ด้วยความเชื่อในพระเยซูคริสต์และการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ไม่ว่าเราจะอ่อนแอเพียงใด หากเราเข้ามาพึ่งพระคุณของพระเจ้า เราจะพบพระเมตตาอย่างแน่นอน
7.# พระเยซูทรงสอนว่า ใครก็ตามที่สละสิ่งใดๆเพื่อพระเจ้าก็ตาม พระเจ้าจะไม่ลืมเขา พระองค์จะเป็นผู้ตอบแทนแก่เขาเอง ทั้งในยุคนี้และยุคหน้า
7.@ พระเยซูทรงสละทุกสิ่ง แม้แต่ชีวิตของพระองค์เองเพื่อเรา
วันนี้ เราเต็มใจที่จะสละอะไรเพื่อพระองค์บ้าง?
8.# พระเยซูทรงพยากรณ์เป็นครั้งที่สาม ถึงการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ แต่พวกสาวกก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะว่าพระเจ้าทรงปิดซ่อนความล้ำลึกนั้นไว้ จนกว่าจะถึงเวลาสมควรที่เขาจะเข้าใจ
8.@ วันนี้ อาจมีบางอย่างที่เรายังไม่เข้าใจ ให้เรารู้เถิดว่าพระเจ้าทรงมีเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะเปิดเผยให้เราเข้าใจ
จงรอคอย การเปิดเผยจากพระองค์อย่างวางใจ
9.# ชายตาบอดที่เมืองเยรีโค เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระมาซีฮา(คนยิว เรียกว่า บุตรดาวิด) และเชื่อว่าพระเยซูทรงทำให้ตาของเขาหายบอดได้
ด้วยความเชื่อนี้ พระองค์ทรงรักษาเขาให้หาย
9.@ วันนี้ เราเชื่อจริงๆไหมว่า พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าใหญ่ยิ่งสูงสุด ผู้ทรงสามารถกระทำทุกสิ่งได้? และเชื่อไหมว่า พระเยซูทรงช่วยเราผ่านพ้นปัญหาที่เผชิญอยู่นี้ได้?
หากเชื่อ จงร้องทูลต่อพระองค์ด้วยความเชื่อนั้นเถิด
คำคม
“สิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้ พระเจ้าทรงทำได้ “