ภาพรวม
- บทนี้ผูกร้อยเรียงกันอย่างสวยงาม
- พระเยซูมาเพื่อแสวงหาและช่วยคนที่หลงหายให้รอด ไม่ว่าคนนั้นจะบาปชั่วสักเพียงใด หากผู้ใดแสวงหาพระองค์จะพบพระเมตตาจากพระองค์ อย่างเช่น ศักเคียส
- ถ้าผู้ใดไม่แสวงหาพระองค์ ไม่ต้อนรับพระองค์ ผู้นั้นจะถูกพิพากษาลงโทษ
- ส่วนผู้ที่เชื่อในพระองค์ สมควรที่จะใช้สิ่งที่ได้รับมากมายนั้นปรนนิบัติรับใช้พระองค์
- ซึ่งหากเขาไม่รับใช้พระองค์ พระองค์ก็สามารถใช้สิ่งอื่นรับใช้พระองค์ได้อยู่ดี แม้แต่ก้อนหิน แต่เขาจะขาดบำเหน็จและถูกตำหนิ
- โดยที่การรับใช้พระเจ้านั้นก็คือ การใช้พระวิหารของพระเจ้า คือร่างกายของเรานั้น ถวายเกียรติแด่พระเจ้า นั่นเอง
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# ศักเคียส คนบาปผู้เป็นที่รังเกียจของสังคม อยากพบพระเยซู จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะพบกับพระเยซู
เพียงเท่านั้น ก็มากพอให้ พระเยซูแวะไปพักที่บ้านเขาเพื่อเขาจะได้พบกับพระองค์อย่างเต็มที่
1.@ หากเราปรารถนาจะพบกับพระเจ้า อยากรู้จักพระองค์มากขึ้น แล้วเริ่มลงมือแสวงหาพระองค์อย่างจริงจัง เราจะได้พบกับพระองค์อย่างแน่นอน
2.# พระเยซูบอกศักเคียสว่าจะไปพักที่บ้านของเขา แล้วเขาก็กลับใจใหม่ ยอมบริจาคของให้คนจนและคืนเงินคนที่โกงมา ในทันที
ศักเคียสได้สัมผัสความเมตตาของพระเจ้าก่อน ด้วยการเชื่อในคำพูดของพระเยซู
ทั้งที่วินาทีนั้น พระเยซูยังไม่ได้ไปถึงบ้านเขาเลย แต่เขาก็กลับใจใหม่แล้ว
2.@ วันนี้เราสามารถสัมผัสความรักและพระเมตตาของพระเจ้าได้ ด้วยการเชื่อในพระคำของพระองค์ แล้วโดยการสัมผัสความรักเมตตาของพระเจ้านี้ จะทำให้เรากลับใจใหม่อย่างแท้จริง
วิธีกลับใจใหม่ ก็คือ เข้าใกล้พระเจ้า อ่าน/ฟัง พระคำของพระองค์ แล้วเชื่อ จากนั้นด้วยการสัมผัสพระเมตตาของพระเจ้า จะนำเราไปสู่การกลับใจใหม่
3.# พระเยซูตรัสคำอุปมาเรื่องเงินสิบมินา เพื่อบอกให้ประชาชนรู้ว่า พระองค์จะจากไปแล้วจะกลับมาพิพากษาโลก
– เจ้านายจะไปเมืองไกลเพื่อรับอำนาจปกครอง หมายถึง พระเยซูจะจากโลกนี้ไป
– ชาวเมืองเกลียดเจ้านายนั้น ไม่ต้องการให้ปกครอง หมายถึง ผู้ปฏิเสธไม่ต้อนรับพระเยซูเข้ามาปกครองในชีวิตของเขา
– ทาส 10 คน หมายถึง ผู้เชื่อทั้งหลาย ซึ่งถือว่าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์
– เงิน 10 มินา มีค่าเท่ากับค่าแรงคนงานประมาณ 1,000 วัน ซึ่งถือว่ามากพอสมควร หมายถึง พระเจ้าทรงประทานสิ่งต่างๆให้แก่ผู้เชื่อมากเพียงพอที่จะรับใช้พระองค์
– ทาสที่นำเงินไปค้าขายได้กำไร หมายถึง ผู้เชื่อที่นำสิ่งที่พระเจ้าประทานให้มารับใช้พระองค์ จะได้รับบำเหน็จและความชมเชย
– ทาสที่เอาเงินไปฝังดิน หมายถึง ผู้เชื่อที่ไม่ใช้สิ่งที่ตนได้รับมาเพื่อปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า จะขาดบำเหน็จ และจะถูกตำหนิ
(ดูเหมือนว่า ถ้าผู้ใดมีแล้วไม่นำมารับใช้พระเจ้า พระองค์ก็จะเอาสิ่งที่เขามีนั้นไปจากเขาเสีย)
– พวกศัตรูของเราที่ไม่ต้องการให้ปกครองนั้น หมายถึง ผู้ไม่เชื่อซึ่งจะต้องถูกพิพากษาและพบกับความตายชั่วนิรันดร์
3.@ สิ่งที่เรามีอยู่เมื่อนำมารับใช้พระเจ้า จะได้รับเพิ่มพูน
แต่หากเก็บเอาไว้ ใช้เพื่อตนเองหรือสิ่งอื่นเท่านั้น ที่อยู่นั้นก็จะถูกเอาไปจากเราเสีย
วันนี้ เราจะหวงสิ่งที่เรารัก ไว้สำหรับเราเอง หรือมอบถวายแด่พระองค์?
4.# เมื่อพวกฟาริสีบอกให้พระเยซูห้ามบรรดาคนที่กำลังยกย่องพระเยซูในช่วงเวลาที่พระองค์ทรงลูกลาเข้าเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิตนั้น
พระเยซูตอบพวกเขาว่า แม้คนพวกนี้จะเงียบ แต่ก้อนหินก็ยังจะส่งเสียงร้องสรรเสริญพระองค์อยู่ดี
4.@ หากเราไม่ยอมรับใช้พระเจ้า แผนการของพระเจ้าก็ยังจะสำเร็จอยู่ดี เพียงแต่เราจะไม่มีส่วนร่วมในความสำเร็จนั้นเท่านั้นเอง
5.# พระเยซูทรงตำหนิพวกค้าขายในพระวิหารว่า นิเวศของเราควรจะเป็นนิเวศอธิษฐาน
แต่พวกเขากลับทำให้เป็นถ้ำของพวกโจร
5.@ 1คร. 3:16 “ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่าน?”
วันนี้ เราใช้พระวิหารของพระเจ้า ทำอะไร?
ใช้แสวงหาผลประโยชน์ ใช้แสวงหาความสุขสำราญ ให้แก่ตัวเอง
หรือ
ใช้แสวงหาพระเจ้า ใช้ปรนนิบัติพระเจ้า ผู้เป็นเจ้าของวิหารนี้
คำคม
“ ยิ่งเก็บยิ่งหาย ยิ่งรับใช้ยิ่งเพิ่มทวี ”