ภาพรวม
- บทนี้ชี้ให้เห็นว่า เรื่องฝ่ายวิญญาณ และ ฝ่ายโลก มีมุมมองที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
- ฝ่ายโลกนี้สนใจปริมาณและความสวยงามภายนอก
- ฝ่ายวิญญาณสนใจท่าทีภายในใจและสิ่งที่ถาวรนิรันดร์
- หากเรามัวแต่สนใจและกังวลกับสิ่งของในโลกนี้ เราจะเผอเรอจนลืมเรื่องสิ่งของฝ่ายวิญญาณไป โดยลืมไปว่าทุกสิ่งที่มีอยู่ในโลกกำลังจะเสื่อมสูญไป มีแต่จิตวิญญาณที่คงอยู่นิรันดร์
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1.# ตู้เก็บเงินถวาย มีรูปลักษณะเหมือน แตรหรือกรวยหรือลำโพงที่หงายขึ้น ตั้งอยู่บริเวณพระวิหาร เมื่อคนหยอดเงินลงไปจึงมักมีเสียงดังก้อง
หญิงม่ายปกติเป็นคนจนอยู่แล้ว แต่หญิงม่ายคนนี้ ลูกาบันทึกว่าเป็นคนขัดสน แปลว่า จนสุดๆจริงๆ
เธอนำเงินเพียงน้อยซึ่งเป็นทั้งหมดที่เธอมีมาถวายแด่พระเจ้า
ซึ่งพระเยซูบอกกับพวกสาวกว่า เธอได้ถวายมากกว่าคนอื่นๆในพระวิหาร
1.@ ข้อนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มาตรฐานของพระเจ้าแตกต่างจากมาตรฐานของมนุษย์
มนุษย์วัดเป็นปริมาณ
แต่พระเจ้าวัดเป็น %ความเต็มใจ
พระเจ้าไม่ได้ดูที่ความยิ่งใหญ่ของงาน แต่ดูที่ท่าทีในใจของเราในการทำงานนั้นๆ
วันนี้สิ่งที่เราทำถวายแด่พระเจ้า เราทำด้วยสุดหัวใจของเรา กี่ % ?
2.# เมื่อบางคนชื่นชมศิลางามและของถวายในพระวิหาร พระเยซูจึงเตือนเขาว่า สิ่งของทั้งหมดที่เขาชื่นชมนั้น สักวันจะถูกทำลาย (ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาต่อมา ใน ค.ศ.70)
2.@ สิ่งที่มีค่าและน่าชื่นชมในพระวิหารของพระเจ้าไม่ใช่ ตัวอาคาร หรือกิจกรรมต่างๆ แต่เป็นการที่เราได้เข้าเฝ้าพระเจ้าในพระวิหารนั้น
คริสตจักรจึงไม่ใช่ตัวอาคาร แต่เป็นการมีความสัมพันธ์ของผู้เชื่อกับพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่
3.# พวกสาวกทูลถามพระเยซูว่า เหตุการณ์ที่เยรูซาเล็มจะเกิดขึ้นเมื่อไร
แต่พระเยซูทรงตอบมากกว่าที่เขาถาม พระองค์ตอบเกี่ยวกับ 3 เหตุการณ์
1. เหตุการณ์เมื่อใกล้สิ้นยุค จะมีการข่มเหงเกิดขึ้น จะมีพระคริสต์เทียมเท็จปรากฏขึ้น จะมีสงคราม แผ่นดินไหวใหญ่ การกันดารอาหาร และโรคระบาดในที่ต่างๆ และหมายสำคัญใหญ่ๆ จากฟ้าสวรรค์
2. เหตุการณ์ กรุงเยรูซาเล็มถูกทำลาย จะมีกองทัพมาโอบล้อมเมืองไว้ แล้วจากนั้นกรุงเยรูซาเล็มจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง คนต่างชาติจะเข้ามายึดครองดินแดน คนอิสราเอลจะกระจายไปอยู่ทั่วโลก จนถึงเวลากำหนด ก็จะหมดเวลาของคนต่างชาติที่ยึดครองนั้น (ในคศ.1948 อิสราเอลกลับเป็นประเทศอีกครั้ง แม้พยายามจะสถาปนาเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง แต่ก็ยังไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากนานาชาติ ปี 2017 สหรัฐฯประกาศรับรองเยรูซาเล็มเป็นเหมืองหลวงของอิสราเอล และปี 2018 ก็เริ่มมีอีกบางประเทศประกาศรับรองตามด้วย เช่น ออสเตรเลีย )
3. เหตุการณ์การเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ จะมีหมายสำคัญที่ดวงอาทิตย์ ที่ดวงจันทร์ และที่ดวงดาวทั้งหลาย และบนแผ่นดินโลก จนมนุษย์ทั้งสิ้นตกใจกลัว (ดังที่กล่าวไว้ในวิวรณ์)
3.@ เหตุการณ์ต่างๆตามคำพยากรณ์นั้นได้เกิดขึ้นมากมายแล้ว เราควรตื่นได้แล้ว และรู้ตัวว่า วาระสุดท้ายของโลกนี้ใกล้จะมาถึงแล้ว
4.# พระเยซูตรัสคำอุปมาเรื่องต้นมะเดื่อ (ซึ่งหมายถึงอิสราเอล) ว่าเมื่อมันผ่านฤดูหนาว ต้นมันเหมือนจะตายไปแล้ว แต่เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง มันก็จะเริ่มแตกใบ ซึ่งทำให้เรารู้ได้ว่า ฤดูร้อนกำลังมาถึงแล้ว
ตั้งแต่ ค.ศ.70 อิสราเอลเหมือนตายไปแล้ว แต่ในปี ค.ศ.1948 กลับมีชีวิตอีกครั้ง ทำให้เรารู้ว่า วันที่พระเยซูจะเสด็จมานั้นใกล้เต็มทีแล้ว
“คนในยุคนี้จะไม่ล่วงลับไปจนกว่าทุกสิ่งจะเกิดขึ้น” น่าจะหมายถึง คนในชั่วยุคที่มะเดื่อเริ่มแตกใบ ค.ศ.1948 ยังตายไม่หมดเลย เหตุการณ์เหล่านี้ก็เกิดขึ้นแล้ว
4.@ เวลาไม่มีแล้ว ได้เวลากระตือรือร้นในฝ่ายวิญญาณแล้ว
5.# พระเยซูทรงเตือนว่า อย่ามัวแค่คิดกังวลถึงเรื่องสิ่งของในโลกนี้ แต่จงเฝ้าระวังอยู่ทุกเวลา จงอธิษฐานเพื่อให้เราจะมีกำลังรอดพ้นเหตุการณ์ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นนั้นได้
5.@ ได้เวลา ละสายตาจากสิ่งของในโลก เตรียมตัวต้อนรับการเสด็จกลับมาของพระเยซูได้แล้ว
คำคม
“ถ้าห่วงชีวิตนี้มากไป จะพลาดโอกาสเตรียมสำหรับชีวิตหน้า”