ภาพรวม
- พระธรรมกิจการ เขียนโดยนายแพทย์ลูกา เขียนถึงธีโอฟีลัส เป็นเรื่องราวต่อจากพระธรรมลูกา เพื่ออธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อพระเจ้าทรงรับพระเยซูขึ้นสู่สวรรค์ จนถึงการที่ข่าวประเสริฐได้ถูกประกาศไปทั่วโดยเหล่าสาวกของพระองค์
- ในบทนี้กล่าวถึงการที่พระเยซูถูกรับขึ้นไปสู่สวรรค์ แล้วพวกสาวกก็รอคอยการเสด็จมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามที่พระเจ้าทรงสัญญานั้น
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1# พระเยซูกำชับเหล่าสาวกไม่ให้ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้รอจนกว่าจะได้รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
แสดงว่าการรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นสิ่งสำคัญมาก ในการทำให้พระราชกิจของพระเจ้าที่มอบหมายให้พวกเขาทำนั้นสำเร็จ
1.@ การบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นการที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาเต็มเติมในชีวิตของผู้เชื่อ เข้ามาครอบครองแล้วควบคุมทุกส่วนในชีวิตของเขา
รายละเอียดสามารถรับชมได้จากคลิปนี้ครับ
https://youtu.be/3iQ622YZjGw
2.# พระเยซูสอนเหล่าสาวกเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง คือ ไม่ใช่ธุระของเราที่จะรู้เวลาและวาระที่พระบิดาทรงกำหนดไว้โดยสิทธิอำนาจของพระองค์
เรื่องเวลาเป็นสิทธิอำนาจของพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว พระองค์จะเป็นผู้ตัดสินพระทัยเองว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อใด
2.@ เมื่อเราอธิษฐานทูลขอสิ่งใดจากพระเจ้า หน้าที่ของเราก็คือเชื่อวางใจในพระองค์ว่าพระองค์จะตอบคำอธิษฐานของเราอย่างแน่นอน
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระเจ้า ที่จะกำหนดว่า คำตอบจะมาด้วยวิธีใด และจะมาในเวลาใด
ขอเพียงแค่เราเชื่อวางใจในพระองค์ นั่นก็เพียงพอแล้ว พระองค์จะไม่ทำให้ผู้ไว้ใจในพระองค์อย่างสุดหัวใจต้องผิดหวังแน่นอน
3.# พระเยซูตรัสว่า หลังจากที่เหล่าสาวกได้รับพระราชทานฤทธิ์เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือพวกเขาแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ เขาจะเป็นพยานเรื่องของพระเยซูไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก
3.@ ก่อนที่เราจะเป็นพยานเรื่องของพระเยซู เราต้องมีประสบการณ์ที่พระองค์ทรงกระทำอะไรบางอย่างในชีวิตของเราเสียก่อน
วันนี้ ให้เราสำรวจดูว่าพระเยซูทรงกระทำอะไรในชีวิตของเราแล้วบ้าง แล้วก็ใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นพยานให้คนทั้งหลายรู้ว่าพระเยซูทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิตของเขาได้
4.# ในช่วงเวลาที่เหล่าสาวกกำลังรอคอยสิ่งพระเจ้าทรงสัญญานั้น พวกเขารอคอยด้วยการอธิษฐาน
4.@ วันนี้ หากเรากำลังรอคอยสิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาแก่เรา เราสมควรอย่างยิ่งที่จะรอคอยด้วยการอธิษฐาน
อธิษฐานอย่างไม่ลดละจนกว่าจะได้รับตามพระสัญญานั้น
5.# เนื่องจากยูดาสผู้ทรยศพระเยซู ได้ฆ่าตัวตายไปแล้ว อัครสาวกจึงเหลือ 11 คน ขาดไป 1 คน พวกสาวกจึงจับฉลากเพื่อเลือกคนที่มาแทนยูดาส ซึ่งฉลากก็ได้ชื่อของ มัทธีอัส เขาจึงถูกนับมาแทนยูดาส
แต่ดูเหมือนอัครสาวก 12 คน ที่จะได้นั่งบนบัลลังก์ 12 คน ร่วมกับพระคริสต์นั้น คนที่ 12 ไม่น่าจะใช่ มัทธีอัส แต่น่าจะเป็น เปาโล อัครสาวกทูตคนสุดท้ายที่พระเยซูทรงเรียกด้วยพระองค์เอง
5.@ วิธีของมนุษย์ก็แบบหนึ่ง แต่ของพระเจ้าก็เป็นอีกแบบหนึ่ง
หลายครั้งเราพยายามช่วยพระเจ้า ด้วยความพยายามอย่างเต็มที่ แต่เราก็พบว่าพระองค์มีวิธีที่ดีกว่า สูงส่งกว่าเพื่อให้แผนการของพระองค์สำเร็จ
เราควรเรียนรู้ที่จะรอคอยพระองค์ ด้วยวิธีการของพระองค์
(ความจริงแล้ว พระเยซูให้พวกสาวกแค่รอในเยรูซาเล็ม ไม่ได้บอกว่าให้เลือกสาวกอีกคนหนึ่งมาแทนยูดาส สักหน่อย)
คำคม
“ รอคอยพระเจ้า คือ การรอเวลาของพระเจ้า และ รอวิธีการของพระองค์ ”