ขุมทรัพย์ โรม 2

ภาพรวม

  • ในบทนี้กล่าวถึง การพิพากษาอันยุติธรรมของพระเจ้า โดยใช้หลักของมโนธรรม หลักของธรรมบัญญัติ และหลักของข่าวประเสริฐ

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# เปาโลชี้ให้เห็นว่า เราทุกคน ล้วนเป็นคนที่สมควรรับการลงโทษจากพระเจ้า
ดังนั้นเราไม่มีสิทธิไปกล่าวโทษ หรือตัดสินคนอื่น
แต่ควรพิจารณาตนเองแล้วกลับใจ

1.@ วันนี้เมื่อเราเห็นคนอื่นทำผิด ทำบาป อย่างหนึ่งอย่างใด สิ่งแรกๆที่เราควรทำคือ ทบทวนตนเองว่า เราเองก็ทำผิดเหมือนอย่างพวกเขาในบางแง่มุมหรือไม่
ถ้าพบว่ามี เราควรรีบกลับใจใหม่โดยทันที
ไม่ใช่ รีบไปตัดสินหรือกล่าวโทษผู้อื่นในทันใด

2.# ​พระ​เจ้า​ไม่​ทรง​เห็น​แก่​หน้า​ใคร​เลย (รม. 2:11) พระเจ้าเป็นผู้พิพากษาผู้ยุติธรรม
ตามกฏเกณฑ์ของพระเจ้า ทุกคนที่ทำบาปต้องตาย และ คนชอบธรรมจะได้รับพระพร
ตามพันธสัญญาใหม่ มนุษย์สามารถยอมให้พระเยซูตายแทนได้ แล้วพระเยซูจะประทานความชอบธรรมของพระองค์ให้แก่ผู้้นั้น คือผู้ที่เชื่อวางใจในพระองค์

เพราะว่า พระเจ้าไม่เห็นแก่หน้าใครเลย
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าคนนั้นไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพระเยซูก็สามารถทำได้ แต่คนนั้นต้องรับผิดชอบบาปของตนตามการกระทำของตน

2.@ วันนี้ เราผู้เชื่อวางใจในพระเยซู เราจึงรอดพ้นการพิพากษาแล้ว เนื่องจากพระเยซูเป็นตัวแทนของเรา รับการพิพากษาแทนเราไปแล้ว

ขณะเดียวกัน ผู้คนมากมายที่เรารู้จัก ยังไม่ได้รับความรอดในพระเยซู พวกเขาจำเป็นต้องทราบข่าวแสนประเสริฐนี้ ถ้าเราไม่ไปบอกพวกเขา เราจะรอให้ใครเป็นคนบอก?

3.# เมื่อมนุษย์คนใดไม่รู้จักธรรมบัญญัติของพระเจ้า เขาจึงไม่รู้ว่าเขาละเมิดธรรมบัญญัติหรือไม่ แต่ก็มีมโนธรรมที่พระเจ้าใส่ไว้ในใจของเขา รู้ว่าอะไรดีและอะไรชั่ว
ดังนั้น คนนั้นจะถูกพิพากษาตามกฏแห่งมโนธรรมในใจของเขา

แต่บางคนได้รู้ธรรมบัญญัติของพระเจ้า(ซึ่งเหนือกว่ามโนธรรม)แล้ว เขาจึงรู้ว่าอะไรที่ละเมิดธรรมบัญญัติ และอะไรทำให้รอดพ้นการพิพากษาได้
ดังนั้น คนนั้นจะถูกพิพากษาตามธรรมบัญญัติของพระเจ้านั้น

และคนที่ได้รู้ข่าวประเสริฐ(ซึ่งเหนือกว่าธรรมบัญญัติ) เขาจึงรู้ว่าอะไรทำให้รอดพ้นการพิพากษา
ดังนั้น คนนั้นจะถูกตัดสินตามกฏแห่งข่าวประเสริฐ [นั่นคือ ผู้เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์จะรอดพ้นการพิพากษา]

3.@ พระเจ้าทรงยุติธรรม และเปี่ยมด้วยพระเมตตา
พระเจ้าปรารถนาให้มนุษย์ทุกคนรอดพ้นการพิพากษาอันเข้มงวด พระองค์จึงทรงประทานความเมตตาแก่มนุษย์ด้วยการให้ทางออกแก่มนุษย์
แต่หากมนุษย์คนใดปฏิเสธพระเมตตาของพระเจ้า สำหรับเขาก็จะพบแต่การพิพากษาอันเข้มงวดของพระเจ้าเท่านั้น

วันนี้ เรารอดได้ ไม่ใช่เพราะความดีของเรา แต่เพราะพระเมตตาของพระองค์

4.# ใน รม. 2:21 กล่าวว่า “…​ท่าน​ซึ่ง​เป็น​ผู้​สอน​คน​อื่น​จะ​ไม่​สอน​ตัว​เอง​หรือ? …”
การสอนคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี แต่การทำตามในสิ่งที่ตนเองสอนประเสริฐยิ่งกว่า

4.@ เราควรคอยสำรวจตัวเราอยู่เสมอว่า เราเป็นแค่ผู้พูด ผู้สอน หรือ ผู้แชร์ พระคำของพระเจ้าเท่านั้น หรือเป็นผู้ที่ประพฤติตามพระคำตอนนั้นๆด้วย

5.# รม. 2:24 เพราะ​พระ​คัม​ภีร์​เขียน​ไว้​ว่า “พระ​นาม​ของ​พระ​เจ้า​เป็น​ที่​ดู​หมิ่น​ท่าม​กลาง​คน​ต่าง​ชาติ​ก็​เพราะ​พวก​ท่าน”
หากเราเป็นลูกของพระเจ้า ผู้ดำเนินชีวิตเหมือนลูกของมาร เรากำลังทำให้พระนามของพระเจ้าเป็นที่ดูถูกดูหมิ่น

5.@ กลับใจเสียใหม่ ด่วน !!! ก่อนจะสายเกินไป

6.# รม. 2:28-29 เพราะ​ว่า​ยิว​แท้ ไม่​ใช่​คน​เป็น​ยิว​แต่​ภาย​นอก​เท่า​นั้น … คน​เป็น​ยิว​แท้ คือ​คน​ที่​เป็น​ยิว​ภาย​ใน …ตาม​พระ​วิญ​ญาณ​ไม่​ใช่​ตาม​ตัว​บท​บัญ​ญัติ คน​อย่าง​นั้น​ไม่​ได้​รับ​การ​ยก​ย่อง​จาก​มนุษย์ แต่​ได้​รับ​จาก​พระ​เจ้า”

คริสเตียนแท้ ไม่ใช่ดูกันที่การไปร่วมพิธีกรรมของคริสตศาสนา แต่ ดูกันที่มีลักษณะของพระคริสต์ในชีวิตของเขาหรือไม่

คริสเตียนแท้ อาจจะไม่เป็นที่ยกย่องหรือชื่นชมจากมนุษย์ แต่ที่แน่ๆ เขาจะได้รับการยกย่องและชื่นชมจากพระเจ้าของเขา

6.@ วันนี้ เราเป็นคริสเตียนแท้ หรือเป็นเพียง คริสตศาสนิกชน ดูจากการสำแดงลักษณะของพระคริสต์ ใน ชีวิต ในคำพูด ในการกระทำ ของเรา ทั้งต่อหน้าและลับหลังมนุษย์

หากเราเป็นผู้เชื่อ ที่ทำตัวเป็นแค่คริสตศาสนิกชน แต่ไม่เหมือนคริสเตียนแท้
จงรีบกลับใจเสียใหม่ สารภาพต่อพระเยซู รับการอภัย แล้วขอพระองค์เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราใหม่ ในวันนี้

คำคม

“พระเจ้ามีทั้งความเข้มงวดและพระเมตตา
ขึ้นกับว่าเราอยากพบกับพระเจ้าในพระลักษณะใด”