ภาพรวม
- ในบทนี้กล่าวถึง มนุษย์ทุกคนว่า ล้วนเป็นคนบาปที่ต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้า เพื่อให้สามารถกลับกลายเป็นคนชอบธรรมได้ ซึ่งพระเจ้าทรงประทานพระคุณแก่มนุษย์ โดยประทานความชอบธรรมให้แก่มนุษย์เปล่าๆโดยทางการเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1# ถึงแม้บางคนไม่ซื่อสัตย์ ความไม่ซื่อสัตย์ของเขานั้น ก็จะไม่ทำให้ความซื่อสัตย์ของพระเจ้าเป็นโมฆะไป
ไม่ว่ามนุษย์จะเป็นอย่างไร พระเจ้าก็ยังคงซื่อสัตย์ต่อพระสัญญาของพระองค์อยู่ดี
1.@ ไม่ว่าเราจะผิดพลาดพลั้งไปสักเพียงใด หากวันนี้เรากลับมาหาพระเจ้า กลับใจเสียใหม่ สารภาพความผิดต่อพระองค์ พระเจ้าจะทรงสัตย์ซื่อรักษาสัญญาของพระองค์ ให้อภัยความบาปผิดทั้งสิ้นของเรา
2.# ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียวไม่มีเลย ทุกคนล้วนทำบาป หลงผิด เดินไปในทางแห่งความพินาศและเต็มไปด้วยความทุกข์ ห่างไกลจากทางแห่งสันติสุข ไม่คิดที่จะขอบคุณพระผู้สร้างตนหรือยำเกรงพระองค์
ดังนั้น ทุกคนเหมือนน้ำท่วมปากไม่อาจเถียงได้ และจำต้องตกอยู่ใต้การพิพากษาของพระเจ้า
2.@ เราควรตระหนักว่า แท้จริงแล้วเราไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นๆเลย บางคนที่เราคิดว่าเขาบาปชั่วมากที่ทำเช่นนั้น ความจริงแล้วเราเองก็เต็มไปด้วยความบาปชั่วเช่นเดียวกับเขา เพียงแค่บาปนั้นยังไม่ปรากฏให้คนอื่นเห็นได้ชัดเจน เท่านั้นเอง
เราจึงควรถ่อมใจลงต่อจำเพาะพระพักตร์ของพระเจ้า และซาบซึ้งพระคุณของพระองค์ที่ทรงโปรดยกบาปของเราและทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น(1ยน.1:9)
3.# ธรรมบัญญัตินั้นทำให้เรารู้จักบาป
เราเป็นเหมือน คนที่ขับรถส่ายไปส่ายมาลงข้างทางแล้วกลับขึ้นมาแล้วก็ลงไปอีกทาง แบบนี้ไปเรื่อยๆ แบบไม่รู้ตัวว่ากำลังขับรถผิดวิธี
จนกระทั่งวันหนึ่งเราได้รู้จักธรรมบัญญัติ ที่เป็นเหมือนมีเส้นขอบถนนปรากฏขึ้นมา ทีนี้เวลาเรา ขับรถลงข้างทางอีกแล้ว ก็รู้ได้ทันทีว่าเรากำลังขับผิดวิธี
แต่อย่างไรก็ดี เราก็ช่วยตัวเองไม่ได้ ต่อให้มีเส้นหรือไม่มีเส้น เราก็ยังคงขับส่ายไปส่ายมาลงข้างทางตลอดอยู่ดี
3.@ ธรรมบัญญัติเป็นสิ่งที่ดี และทำให้เรารู้ว่าเรากำลังทำบาป กำลังทำผิดต่อพระเจ้า
และเพื่อให้เรารู้จัวว่า เราไม่มีปัญญาทำสิ่งที่ชอบธรรมได้ด้วยตัวเราเอง
เพื่อเราจะถ่อมใจลง ยอมรับความอ่อนแอของตน แล้วร้องเรียกขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าผู้ทรงพระเมตตา
4.# เพราะว่าพระเจ้าทรงทราบว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเป็นคนบาป ไม่สามารถช่วยตนเองได้
จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า เพื่อจะสามารถพ้นบาป และกลายเป็นผู้ชอบธรรม
พระเจ้าจึงได้ประทานพระคุณแก่มนุษย์ ด้วยการมอบความชอบธรรมให้แก่มนุษย์โดยไม่คิดมูลค่า โดยมนุษย์เพียงแต่ยื่นมืออกรับเอาด้วยการเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ ก็จะได้รับความชอบธรรมของพระเจ้านี้ได้
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครสามารถอวดในการกระทำของตนได้ว่า ฉันได้ทำสิ่งที่ชอบธรรมมากกว่าคนอื่น เพราะความชอบธรรมที่ผู้เชื่อคนใดๆมีนั้น ไม่ใช่เขาทำเองเลย ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาได้รับมาเปล่าๆจากพระเจ้าทั้งสิ้น
4.@ วันนี้ หากเราสามารถทำสิ่งดี สิ่งชอบธรรมได้มากกว่าผู้อื่นบ้างเล็กน้อย
เราไม่ควรจะยโส หรือโอ้อวด ในสิ่งที่เราได้ทำนั้น และยิ่งไม่สมควรดูถูกดูหมิ่นคนที่ทำไม่ได้เท่าเรา
เพราะว่า ทั้งหมดที่เราสามารถทำได้ในวันนี้ ล้วยแต่พระคุณ พระเมตตาของพระเจ้าที่ประทานแก่เรา และทรงช่วยเราทำให้ได้ทั้งสิ้น
ดังนั้น สิ่งที่เราควรทำคือ ขอบพระคุณพระเจ้าด้วยใจถ่อม และ หนุนใจผู้อื่นให้พึ่งพาพระเจ้า เพื่อพระเจ้าเองจะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงการกระทำของเขา
คำคม
“เราไม่ได้ดีกว่าคนอื่นเลย
เราเป็นคนบาปที่จำเป็นต้องรับพระเมตตาจากพระเจ้าเหมือนคนอื่นๆ นั่นเอง”