ขุมทรัพย์ โรม 4

ภาพรวม

  • บทนี้กล่าวถึง ผู้เชื่อว่าเป็นลูกหลานของอับราฮัมโดยทางความเชื่อ อับราฮัมถูกนับว่าเป็นผู้ชอบธรรมโดยทางความเชืิ่อฉันใด ผู้เชื่อวางใจในพระเยซูก็ถูกนับว่าเป็นผู้ชอบธรรมฉันนั้น

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# รม. 4:7-8 “คน​ทั้ง​หลาย​ซึ่ง​พระ​เจ้า​ทรง​ยก​การ​อธรรม​ของ​เขา​แล้ว
และ​พระ​เจ้า​ทรง​กลบ​เกลื่อน​บาป​ของ​เขา​แล้ว ก็​เป็น​สุข
บุค​คล​ที่​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ไม่​ได้​ทรง​ถือ​โทษ​ก็​เป็น​สุข”

คนที่เป็นสุข หรือคนที่รับพระพร ไม่ใช่คนที่ไม่ทำบาป เพราะว่าไม่มีใครเลยไม่ทำบาป
แต่เป็นคนที่ทำบาป แล้วพระเจ้ายกโทษให้เขาแล้ว พระเจ้ากลบเกลื่อนบาปให้เขาแล้วไม่มีร่องรอยบาปนั้นแล้ว ไม่ต้องรับโทษของบาปนั้นแล้ว เขาเป็นคนที่ผิดพลาดพลั้งบาปที่พระเจ้าไม่ถือโทษเขาแล้ว
คนประเภทนี้แหละคือผู้เป็นสุขที่แท้จริง คือผู้รับพระพรที่แท้จริง

1.@ วันนี้ เราสามารถเป็นผู้รับพระพร สามารถเป็นผู้เป็นสุขที่แท้จริงได้ แม้ว่าในอดีตที่ผ่านมาเราจะผิดพลาดพลั้งบาปไปมากสักเพียงใดก็ตาม
เพียงแค่วันนี้ เรายอมเชื่ออย่างหมดใจ เชื่ออย่างไม่สงสัยว่า
“โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ พระเจ้าอภัยบาปให้ฉันทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว และพระองค์ทรงกลบเกลื่อนผลของบาปนั้นทั้งหมดแล้วเพื่อฉัน พระเจ้าไม่ถือโทษในความผิดบาปที่ฉันได้ทำไปแล้ว”

คุณต้องตัดสินใจเองในเรื่องนี้ ว่าจะยอมเชื่อเช่นนั้น อย่างสุดจิตสุดใจ จริงๆหรือไม่

2.# สำหรับคนยิวแล้ว คนในโลกนี้ มี 2 ประเภท คือ คนเข้าสุหนัตซึ่งพวกเขาถือว่าเป็นบุคคลพิเศษ และ คนไม่เข้าสุหนัตซึ่งพวกเขาถือว่าน่ารังเกียจ

ใน ปฐก. 15:6 กล่าวว่า “อับ​ราม​ก็​เชื่อ​พระ​ยาห์​เวห์ ความ​เชื่อ​นั้น​พระ​องค์​ทรง​ถือ​ว่า​เป็น​ความ​ชอบ​ธรรม​แก่​ท่าน” ซึ่งคำกล่าวนี้ เกิดขึ้นก่อนที่ อับราฮัมจะเข้าสุหนัต
นั่นคือ อับราฮัม เป็นคนชอบธรรมก่อนเข้าสุหนัต
อับราฮัม เป็นคนไม่เข้าสุหนัตที่ชอบธรรมก่อน
แล้วต่อมาเมื่อเขาเข้าสุหนัต เขาจึงกลายเป็นคนเข้าสุหนัตที่ชอบธรรม

จึงสรุปได้ว่า ความชอบธรรมตามพระสัญญาที่ทรงสัญญาไว้กับอับราฮัมนั้น ไม่เกี่ยวกับว่าคนนั้นเข้าสุหนัต(เข้าจารีตยิว)หรือไม่
แต่ใครก็ตามที่มีความเชื่อวางใจในพระเจ้าเหมือนที่อับราฮัมวางใจในพระเจ้า ก็สามารถรับความชอบธรรมนั้นได้

2.@ พระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อในพระสัญญาของพระองค์ ทรงสัญญากับอับราฮัมว่า เขาถูกนับว่าเป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ
ดังนั้น วันนี้ เราผู้เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ เราจึงถูกนับว่าชอบธรรม แบบเดียวกับที่อับราฮัมถูกนับนั้น
ดังนั้น เราผู้สมควรรับการลงโทษเพราะบาปของเรา จึงกลายมาเป็นคนที่สมควรได้รับพระพรแบบเดียวกันกับที่อับราฮัม ได้รับด้วย

3.# รม. 4:16 “การ​เป็น​ทา​ยาท​นั้น​จึง​ขึ้น​อยู่​กับ​ความ​เชื่อ เพื่อ​จะ​ได้​เป็น​ตาม​พระ​คุณ เพื่อ​รับ​รอง​พระ​สัญ​ญา​นั้น​แก่​ลูก​หลาน​ของ​อับ​รา​ฮัม​ทุก​คน…”
การเป็นทายาทผู้รับมรดกที่ทรงสัญญาไว้กับอับราฮัมนั้น ขึ้นกับความเชื่อ
เมื่อเราเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ เราก็เป็นลูกหลานของอับราฮัมในฝ่ายวิญญาณ
ดังนั้น คำสัญญาทั้งหมดที่สัญญากับประชากรอิสราเอลในพระคัมภีร์ จึงเป็นคำสัญญาสำหรับเราด้วย

3.@ โดยพระคุณของพระเจ้า เราผู้เป็นคนต่างชาติไม่มีส่วนในพระสัญญาของพระเจ้า ได้มาเป็นชนชาติของพระเจ้า และได้รับพระพรตามพระสัญญาที่ทรงสัญญาไว้ในพระคัมภีร์ทั้งหมด

ดังนั้น วันนี้เราเป็นทายาทผู้รับมรดกแล้ว สมควรเปิดอ่านพระคำของพระเจ้า เพื่อเราจะทราบและรู้ตัวว่า อะไรบ้างที่เป็นพระสัญญาที่พระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อได้ทรงสัญญาไว้ว่าจะประทานแก่เรา

4.# พระเจ้าทรงสัญญาว่าอับราฮัมจะมีบุตร แต่เมื่ออายุเกือบ 100 ปีแล้ว ก็ยังไม่มีบุตร
ท่าน​ไม่​ได้​หวั่น​ไหว​แคลง​ใจ​ใน​พระ​สัญ​ญา​ของ​พระ​เจ้า
แต่​ท่าน​มี​ความ​เชื่อ​มั่น​คง จึง​ถวาย​เกียรติ​แด่​พระ​เจ้า

ความเชื่อแท้ ไม่แปรเปลี่ยนไปตามปัจจัยภายนอก ไม่ว่าเวลาผ่านไป หรือ สถานการณ์เริ่มดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้แล้ว ก็ยังจะเชื่อมั่นคงไม่หวั่นไหวอยู่ดี

4.@ เพราะอับราฮัมมีความเชื่อแท้ จึงเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้า เพราะเป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า เขามั่นใจว่า พระเจ้าของเขาไว้ใจได้ พระเจ้าของเขาทรงสัญญา

วันนี้ ความเชื่อของเราที่มีต่อพระสัญญาของพระเจ้าเป็นเช่นไร?
กำลังถวายเกียรติแด่พระเจ้า หรือ กำลังลบหลู่พระเจ้า

5.# ตอนอับราฮัมอายุประมาณ 100 ปี ​สัง​ขาร​ของ​ท่าน ซึ่ง​เปรียบ​เหมือน​ตาย​ไป​แล้ว (ข้อ 19) แต่โดยความเชื่อ กลับทำให้เกิดชีวิตใหม่ขึ้น คือ อิสอัค

​พระ​เยซู​ผู้​ทรง​ถูก​มอบ​ให้​ถึง​ความ​ตาย แต่​พระ​เจ้า​ทรง​ให้​เป็น​ขึ้น​มาจากความตาย
ดังนั้น โดยความเขื่อวางใจในพระเยซู จึงทำให้เรากลับมีชีวิตใหม่

นั่นคือ อับราฮัมเชื่อว่า โดยพระเจ้า เขาที่เหมือนตายแล้ว จะมีชีวิต(มีเชื้อสาย)ได้
หากเราเชื่อว่า โดยพระเยซูคริสต์ เราที่ตายในบาปแล้ว จะมีชีวิตใหม่ได้

“อับราฮัม​เชื่อ​มั่น​ว่า พระ​เจ้า​ทรง​สา​มารถ​ทำ​สิ่ง​ที่​ทรง​สัญ​ญา​ได้
ด้วย​เหตุ​นี้​เอง พระ​องค์​ทรง​ถือ​ว่า​ท่าน​เป็น​คน​ชอบ​ธรรม ” ( รม. 4:21-22)

หากเราเชื่อมั่นว่า พระ​เจ้า​ทรง​สา​มารถ​ทำ​สิ่ง​ที่​ทรง​สัญ​ญา​ได้ เชื่อว่าพระเจ้าทรงสามารถช่วยให้เราพ้นบาปได้
ด้วยเหตุนี้เอง พระองค์ทรงถือว่าเราเป็นคนชอบธรรม พ้นบาปได้จริงๆ

5.@ วันนี้โดยการเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ สำหรับการรอดพ้นบาปของเรา เราจึงรอดพ้นบาปได้

คำคม

“เราชอบธรรมได้โดยความเชื่อ
ดังนั้นถ้าปราศจากความเชื่อเราจะชอบธรรมได้อย่างไร”