ภาพรวม
- บทนี้กล่าวถึง ผู้เชื่อว่าเป็นลูกหลานของอับราฮัมโดยทางความเชื่อ อับราฮัมถูกนับว่าเป็นผู้ชอบธรรมโดยทางความเชืิ่อฉันใด ผู้เชื่อวางใจในพระเยซูก็ถูกนับว่าเป็นผู้ชอบธรรมฉันนั้น
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1# รม. 4:7-8 “คนทั้งหลายซึ่งพระเจ้าทรงยกการอธรรมของเขาแล้ว
และพระเจ้าทรงกลบเกลื่อนบาปของเขาแล้ว ก็เป็นสุข
บุคคลที่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงถือโทษก็เป็นสุข”
คนที่เป็นสุข หรือคนที่รับพระพร ไม่ใช่คนที่ไม่ทำบาป เพราะว่าไม่มีใครเลยไม่ทำบาป
แต่เป็นคนที่ทำบาป แล้วพระเจ้ายกโทษให้เขาแล้ว พระเจ้ากลบเกลื่อนบาปให้เขาแล้วไม่มีร่องรอยบาปนั้นแล้ว ไม่ต้องรับโทษของบาปนั้นแล้ว เขาเป็นคนที่ผิดพลาดพลั้งบาปที่พระเจ้าไม่ถือโทษเขาแล้ว
คนประเภทนี้แหละคือผู้เป็นสุขที่แท้จริง คือผู้รับพระพรที่แท้จริง
1.@ วันนี้ เราสามารถเป็นผู้รับพระพร สามารถเป็นผู้เป็นสุขที่แท้จริงได้ แม้ว่าในอดีตที่ผ่านมาเราจะผิดพลาดพลั้งบาปไปมากสักเพียงใดก็ตาม
เพียงแค่วันนี้ เรายอมเชื่ออย่างหมดใจ เชื่ออย่างไม่สงสัยว่า
“โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ พระเจ้าอภัยบาปให้ฉันทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว และพระองค์ทรงกลบเกลื่อนผลของบาปนั้นทั้งหมดแล้วเพื่อฉัน พระเจ้าไม่ถือโทษในความผิดบาปที่ฉันได้ทำไปแล้ว”
คุณต้องตัดสินใจเองในเรื่องนี้ ว่าจะยอมเชื่อเช่นนั้น อย่างสุดจิตสุดใจ จริงๆหรือไม่
2.# สำหรับคนยิวแล้ว คนในโลกนี้ มี 2 ประเภท คือ คนเข้าสุหนัตซึ่งพวกเขาถือว่าเป็นบุคคลพิเศษ และ คนไม่เข้าสุหนัตซึ่งพวกเขาถือว่าน่ารังเกียจ
ใน ปฐก. 15:6 กล่าวว่า “อับรามก็เชื่อพระยาห์เวห์ ความเชื่อนั้นพระองค์ทรงถือว่าเป็นความชอบธรรมแก่ท่าน” ซึ่งคำกล่าวนี้ เกิดขึ้นก่อนที่ อับราฮัมจะเข้าสุหนัต
นั่นคือ อับราฮัม เป็นคนชอบธรรมก่อนเข้าสุหนัต
อับราฮัม เป็นคนไม่เข้าสุหนัตที่ชอบธรรมก่อน
แล้วต่อมาเมื่อเขาเข้าสุหนัต เขาจึงกลายเป็นคนเข้าสุหนัตที่ชอบธรรม
จึงสรุปได้ว่า ความชอบธรรมตามพระสัญญาที่ทรงสัญญาไว้กับอับราฮัมนั้น ไม่เกี่ยวกับว่าคนนั้นเข้าสุหนัต(เข้าจารีตยิว)หรือไม่
แต่ใครก็ตามที่มีความเชื่อวางใจในพระเจ้าเหมือนที่อับราฮัมวางใจในพระเจ้า ก็สามารถรับความชอบธรรมนั้นได้
2.@ พระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อในพระสัญญาของพระองค์ ทรงสัญญากับอับราฮัมว่า เขาถูกนับว่าเป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ
ดังนั้น วันนี้ เราผู้เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ เราจึงถูกนับว่าชอบธรรม แบบเดียวกับที่อับราฮัมถูกนับนั้น
ดังนั้น เราผู้สมควรรับการลงโทษเพราะบาปของเรา จึงกลายมาเป็นคนที่สมควรได้รับพระพรแบบเดียวกันกับที่อับราฮัม ได้รับด้วย
3.# รม. 4:16 “การเป็นทายาทนั้นจึงขึ้นอยู่กับความเชื่อ เพื่อจะได้เป็นตามพระคุณ เพื่อรับรองพระสัญญานั้นแก่ลูกหลานของอับราฮัมทุกคน…”
การเป็นทายาทผู้รับมรดกที่ทรงสัญญาไว้กับอับราฮัมนั้น ขึ้นกับความเชื่อ
เมื่อเราเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ เราก็เป็นลูกหลานของอับราฮัมในฝ่ายวิญญาณ
ดังนั้น คำสัญญาทั้งหมดที่สัญญากับประชากรอิสราเอลในพระคัมภีร์ จึงเป็นคำสัญญาสำหรับเราด้วย
3.@ โดยพระคุณของพระเจ้า เราผู้เป็นคนต่างชาติไม่มีส่วนในพระสัญญาของพระเจ้า ได้มาเป็นชนชาติของพระเจ้า และได้รับพระพรตามพระสัญญาที่ทรงสัญญาไว้ในพระคัมภีร์ทั้งหมด
ดังนั้น วันนี้เราเป็นทายาทผู้รับมรดกแล้ว สมควรเปิดอ่านพระคำของพระเจ้า เพื่อเราจะทราบและรู้ตัวว่า อะไรบ้างที่เป็นพระสัญญาที่พระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อได้ทรงสัญญาไว้ว่าจะประทานแก่เรา
4.# พระเจ้าทรงสัญญาว่าอับราฮัมจะมีบุตร แต่เมื่ออายุเกือบ 100 ปีแล้ว ก็ยังไม่มีบุตร
ท่านไม่ได้หวั่นไหวแคลงใจในพระสัญญาของพระเจ้า
แต่ท่านมีความเชื่อมั่นคง จึงถวายเกียรติแด่พระเจ้า
ความเชื่อแท้ ไม่แปรเปลี่ยนไปตามปัจจัยภายนอก ไม่ว่าเวลาผ่านไป หรือ สถานการณ์เริ่มดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้แล้ว ก็ยังจะเชื่อมั่นคงไม่หวั่นไหวอยู่ดี
4.@ เพราะอับราฮัมมีความเชื่อแท้ จึงเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้า เพราะเป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า เขามั่นใจว่า พระเจ้าของเขาไว้ใจได้ พระเจ้าของเขาทรงสัญญา
วันนี้ ความเชื่อของเราที่มีต่อพระสัญญาของพระเจ้าเป็นเช่นไร?
กำลังถวายเกียรติแด่พระเจ้า หรือ กำลังลบหลู่พระเจ้า
5.# ตอนอับราฮัมอายุประมาณ 100 ปี สังขารของท่าน ซึ่งเปรียบเหมือนตายไปแล้ว (ข้อ 19) แต่โดยความเชื่อ กลับทำให้เกิดชีวิตใหม่ขึ้น คือ อิสอัค
พระเยซูผู้ทรงถูกมอบให้ถึงความตาย แต่พระเจ้าทรงให้เป็นขึ้นมาจากความตาย
ดังนั้น โดยความเขื่อวางใจในพระเยซู จึงทำให้เรากลับมีชีวิตใหม่
นั่นคือ อับราฮัมเชื่อว่า โดยพระเจ้า เขาที่เหมือนตายแล้ว จะมีชีวิต(มีเชื้อสาย)ได้
หากเราเชื่อว่า โดยพระเยซูคริสต์ เราที่ตายในบาปแล้ว จะมีชีวิตใหม่ได้
“อับราฮัมเชื่อมั่นว่า พระเจ้าทรงสามารถทำสิ่งที่ทรงสัญญาได้
ด้วยเหตุนี้เอง พระองค์ทรงถือว่าท่านเป็นคนชอบธรรม ” ( รม. 4:21-22)
หากเราเชื่อมั่นว่า พระเจ้าทรงสามารถทำสิ่งที่ทรงสัญญาได้ เชื่อว่าพระเจ้าทรงสามารถช่วยให้เราพ้นบาปได้
ด้วยเหตุนี้เอง พระองค์ทรงถือว่าเราเป็นคนชอบธรรม พ้นบาปได้จริงๆ
5.@ วันนี้โดยการเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ สำหรับการรอดพ้นบาปของเรา เราจึงรอดพ้นบาปได้
คำคม
“เราชอบธรรมได้โดยความเชื่อ
ดังนั้นถ้าปราศจากความเชื่อเราจะชอบธรรมได้อย่างไร”