ภาพรวม
- บทนี้กล่าวถึงฐานะของเราเป็นลูกรักของพระเจ้า พระองค์จะปกป้อง คุ้มครอง ดูแล รักษาเราอย่างดีอย่างแน่นอน และพระองค์จะไม่มีวันทอดทิ้งเรา
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1# รม. 8:1) “…การลงโทษไม่มี แก่คนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์” เพราะว่าพระเยซูคริสต์ทรงรับโทษแทนเขาเรียบร้อยแล้ว
ไม่ได้หมายความว่า คนที่อยู่ในพระคริสต์จะทำบาปอย่างไร พระเจ้าก็ไม่ว่าอะไร
1คร. 13:6 “ความรักไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ”
และ ใน ฮบ. 12:6 กล่าวไว้ว่า “เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้ใดเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงตีสอนผู้นั้น”
ดังนั้น จึงหมายความว่า คนที่อยู่พระคริสต์ จะไม่ต้องถูกพิพากษา ให้ตกลงในบึงไฟนรก
แต่หากเขาดำเนินชีวิตในบาป พระบิดาผู้ทรงรักเขาก็จะทรงตีสอนเขาเพื่อให้เขากลับใจ ละทิ้งบาปนั้นเสีย
1.@ เมื่อเราอยู่ในพระคริสต์ เราได้รอดพ้นการพิพากษาลงโทษจากพระเจ้าแล้ว
เราเป็นคนชอบธรรมแล้ว เราจึงควรดำเนินชีวิตให้สมกับเป็นคนชอบธรรมด้วย
2.# การจดจ่อสนใจสิ่งซึ่งเป็นของโลกนี้ จะนำไปสู่ความตาย
แต่การจดจ่อสนใจในสิ่งซึ่งเป็นของพระวิญญาณ จะนำไปสู่ชีวิตและสันติสุข
เพราะคนที่จดจ่อแต่การแสวงหาของในโลกนี้ เขาจะไม่สามารถทำในสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยได้เลย ความสุขที่เขาพยายามไขว่คว้านั้นนอกจากจะสูญไปแล้ว มันยังทำลายชีวิตและเวลาอันล้ำค่าของเขาไปอีกด้วย
แต่สำหรับคนที่จดจ่อแสวงหาการทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า เขาจะได้พบกับความสุขแท้ พบสันติสุขที่ยั่งยืนในพระเจ้า
2.@ วันนี้ เรากำลัง ทุ่มเทเวลา ควาสามารถ และพลังที่เรามีอยู่ไปเพื่อแสวงหาสิ่งใด
สิ่งของอนิจจังแห่งโลกนี้ หรือ ศักดิ์ศรีถาวรในสวรรคสถาน?
3.# ต่อไปนี้เป็นคำอธิบายง่ายๆ ของข้อ 9-11
เมื่อเราเกิดมา จิตวิญญาณของเราบาป จึงทำให้ร่างกายของเรานี้ต้องพบกับความตาย แล้วจิตวิญญาณก็จะพบกับความตายชั่วนิรันดร์
ต่อมาเมื่อต้อนรับเชื่อพระเยซูคริสต์ พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาในจิตวิญญาณของเรา จิตวิญญาณของเราจึงกลับมีชีวิต
แต่เนื่องจากเรายังอยู่ในร่างกายเดิม ซึ่งเป็นร่างกายของจิตวิญญาณเดิม(จิตวิญญาณบาป)
ดังนั้นร่างกายนี้ในที่สุดต้องตาย
แต่จิตวิญญาณของเราจะไม่ต้องพบกับความตาย จะพบกับชีวิตชั่วนิรันดร์
แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์จะประทานร่างกายใหม่ให้แก่เราอันเป็นร่างกายที่สมกับจิตวิญญาณที่มีชีวิตของเรานี้
3.@ เรารู้ว่า สักวันหนึ่งร่างกายของเราต้องตายไปเหมือนกับคนอื่นๆ และจิตวิญญาณของเราจะมีชีวิตชั่วนิรันดร์ ในร่างกายใหม่
ด้วยเหตุนี้ เป็นการไม่ฉลาดสักเพียงใดที่เรากลับพยายาม ไล่จับสิ่งของในโลกนี้ ที่อีกไม่นานก็จะสิ้นสูญไป ไล่จับสิ่งของเพื่อบำรุงบำเรอร่างกายชั่วคราวที่อีกไม่นานเราก็ต้องทิ้งไปเสียแล้ว
จงตื่นขึ้น รู้ตัว แล้วใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีปัญญา
4.# การที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตในเรานั้น เป็นสิ่งยืนยันว่า เราชอบธรรมแล้ว เราบริสุทธิ์แล้ว พระเจ้าผู้บริสุทธิ์ผู้ชอบธรรมจึงสามารถประสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับเราได้
และยังเป็นการยืนยันว่า เราเป็นบุตรของพระเจ้า เป็นทายาทของพระเจ้า เพราะพระคัมภีร์เรียกพระองค์ว่า “พระวิญญาณผู้ทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้า”(ข้อ 15)
4.@ วันนี้ เราเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว เราเป็นทายาทผู้จะได้รับมรดกด้วยกันกับพระคริสต์
อย่ายอมให้มารซาตาน หลอกลวงเรา ให้เราทิ้งเกียรติและศักดิ์ศรี ไปไล่จับสิ่งของไร้ค่าแห่งโลกนี้ อันต้องถูกเผาไหม้ไปสิ้น
เราควรดำเนินชีวิต ให้สมกับเป็นลูกของพระเจ้า ขณะอยู่ในโลกนี้ ด้วยการเชื่อฟัง กระทำตามใจพระบิดา ไม่ใช่ตามการเย้ายวนแห่งโลกนี้
5.# พระเจ้าประสงค์ที่จะใช้ เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา มาประสานรวมกัน เพื่อก่อให้เกิดผลดีแก่เรา
5.@ พระเจ้าทรงรักเรา เราเป็นลูกของพระองค์ พระองค์ใหญ่ยิ่งครอบครองและควบคุมทุกสิ่ง
ดังนั้น ให้เราเชื่อใจพระองค์ว่า เหตุการณ์ในวันนี้ ในที่สุดจะเกิดผลดีต่อชีวิตของเราอย่างแน่นอน
6.# พระเจ้าทรงรักเราอย่างที่สุด จนกระทั่งยอมประทานพระบุตรสุดที่รักองค์เดียวของพระองค์ มาตายเพื่อช่วยเรา ในขณะที่เรายังไม่รู้จักพระองค์ อาจจะกำลังทำตัวเป็นศัตรูของพระองค์ด้วยซ้ำไป
บัดนี้เราเป็นลูกของพระองค์ แน่นอนอย่างที่สุด พระองค์จะประทานสิ่งที่ดีเลิศให้แก่เราอย่างแน่นอน และจะไม่มีวันมีอะไรมาทำให้พระเจ้าหมดรักเราได้
6.@ ความเชื่อใจในความรักของพระเจ้า จะเป็นแรงผลักดันให้เราดำเนินชีวิตในโลกนี้อย่างสง่างามสมกับเป็นลูกของพระองค์
คำคม
“เราสมควรรักตอบพระองค์ ผู้ทรงรักเราอย่างที่สุด อย่างไร?”