ขุมทรัพย์ 2โครินธ์ 9

ภาพรวม

  • ในบทนี้ อ.เปาโล พูดถึงการบริจาคเพื่อพี่น้องที่กำลังทุกข์ยากนั้น จะทำให้เกิดพระพรหลั่งไหลมาสู่ผู้บริจาค และจะทำให้เกิดการขอบพระคุณพระเจ้าแผ่กว้างออกไป

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# ความกระตือรือร้นของคริสตจักรในแคว้น​อา​คา​ยา​ อย่างคริสตจักรโครินธ์ ได้ทำให้คริสตจักรในแคว้นมาซิโดเนียกระตือรือร้นขึ้น (ข้อ1)
และ ความกระตือรือร้นของคริสตจักรในแคว้น​มาซิโดเนียที่เพิ่มขึ้นนั้น ได้ท้าทายให้คริสตจักรในแคว้นอาคายากระตือรือร้นยิ่งขึ้นอีก (2คร. 8:8 )

1.@ ความกระตือรือร้นในฝ่ายวิญญาณของเรา เมื่อถูกสำแดงออกอย่างถูกต้อง ในที่สุดจะวกกลับมา ทำให้เรากระตือรือร้นเพิ่มยิ่งขึ้นอีก

ตัวอย่างเช่น คนที่ทุ่มเทเอาใจใส่จิตวิญญาณของลูกแกะ ตนเองจะกลับมีความกระตือรือร้นฝ่ายวิญญาณเพิ่มมากยิ่งขึ้น

2.# 2คร. 9:5 “…การ​เตรียม​พร้อม​…​จะ​แสดง​ถึง​การ​ให้​ด้วย​ความ​สมัคร​ใจ ไม่​ใช่​ด้วย​ความ​ฝืน​ใจ”

การทำอย่างดี หรือเตรียมพร้อมอย่างดี ในการถวายแด่พระเจ้า สะท้อนให้เห็นถึงความเต็มใจของผู้นั้นในการถวายแด่พระองค์

2.@ วันนี้ เมื่อเรากำลังจะทำอะไรเพื่อพระเจ้า เราเตรียมพร้อมอย่างดี และทำอย่างดี มากเพียงใด?

3.# 2คร. 9:6 “นี่​แหละ​คน​ที่​หว่าน​เพียง​เล็ก​น้อย​ก็​จะ​เก็บ​เกี่ยว​ได้​เพียง​เล็ก​น้อย คน​ที่​หว่าน​มาก​ก็​จะ​เก็บ​เกี่ยว​ได้​มาก”

กฏเหล็กที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ของการหว่านและการเก็บเกี่ยว คือ
“หว่านมาก เก็บเกี่ยวมาก หว่านน้อย เก็บเกี่ยวน้อย”

3.@ คนที่แบ่งปันพระพรแก่ผู้อื่นเพียงเล็กน้อย ไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้รับพระพรมากมาย

4.# 2คร. 9:7 “แต่​ละ​คน​จง​ให้​ตาม​ที่​เขา​คิด​หมาย​ไว้​ใน​ใจ ไม่​ใช่​ให้​ด้วย​ความ​เสีย​ดาย ไม่​ใช่​ให้​ด้วย​ความ​จำ​ใจ เพราะ​ว่า​พระ​เจ้า​ทรง​รัก​คน​ที่​ให้​ด้วย​ใจ​ยินดี”

ในการถวายสิ่งใด หรือ ทำสิ่งใด แด่พระเจ้า
ดูเหมือนพระองค์ไม่ได้ดูที่ปริมาณ แต่ดูที่ท่าทีในใจว่า ได้ทำอย่างเต็มที่ ทำอย่างเต็มใจ ทำอย่างไม่นึกเสียดาย หรือไม่?

4.@ เมื่อจะถวายสิ่งใดแด่พระเจ้า จงถวายอย่างเต็มกำลังเท่าที่เรายังไม่นึกเสียดายกับสิ่งที่ถวายไปนั้น

5.# 2คร. 9:8 “…​พระ​เจ้า​สา​มารถ​ประ​ทาน​พร​ทุก​อย่าง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​อย่าง​เหลือ​ล้น เพื่อ​ว่า​เมื่อ​มี​ทุก​อย่าง​เพียง​พอ​อยู่​เสมอ ท่าน​ยัง​จะ​มี​เหลือ​ล้น​สำหรับ​การ​ดี​ทุก​อย่าง​ด้วย”

5.@ พระเจ้าประทานสิ่งต่างๆแก่เราอย่างเพียงพอ เพื่อเราจะมีเหลือพอที่จะแบ่งปันสิ่งดีนั้นแก่ผู้อื่น

6.# 2คร. 9:11 “โดย​ทรง​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​มั่ง​คั่ง​ขึ้น​ใน​ทุก​สิ่ง เพื่อ​บริ​จาค​ด้วย​ใจ​กว้าง​ขวาง​อยู่​เสมอ และ​จะ​ทำ​ให้​เกิด​การ​ขอบ​พระ​คุณ​พระ​เจ้า​ผ่าน​เรา”

เหตุผลที่พระเจ้าให้ใครมั่งคั่งขึ้น ความจริงแล้วก็เพื่อเขาจะบริจาคแก่ผู้อื่นด้วยใจกว้างอยู่เสมอ และทำให้เกิดการขอบพระคุณพระเจ้า

แต่มีคนมากมาย ที่ละเลยวัตถุประสงค์ที่แท้จริงนี้ไป

2คร. 9:12 “เพราะ​การ​ปรน​นิบัติ​ใน​งาน​รับ​ใช้​นี้ ไม่​เพียง​เป็น​การ​จัด​หา​ให้​กับ​ธรร​มิก​ชน​ที่​ขัด​สน​เท่า​นั้น แต่​ยัง​ทำ​ให้​มี​การ​ขอบ​พระ​คุณ​พระ​เจ้า​อย่าง​มาก​มาย​เหลือ​ล้น​ด้วย”

6.@ พระเจ้าให้เรามี เพื่อเราจะได้ให้ออกไป เพื่อพระองค์จะอวยพรให้เรามีมากยิ่งขึ้นอีก เพื่อจะให้ออกไปมากยิ่งขึ้นอีก ซึ่งจะทำให้เกิดการขอบพระคุณพระเจ้าขยายออกไปยิ่งๆขึ้น

คำคม

“ ยิ่งเก็บยิ่งหาย ยิ่งให้ยิ่งทวี ”

ขุมทรัพย์ 1โครินธ์ 16

ภาพรวม

  • ในบทนี้ อ.เปาโลพูดถึงการเรี่ยไรเงินเพื่อช่วยพี่น้องที่ลำบาก และการเดินทางของเขาที่จะมาที่โครินธ์ แล้วจบด้วยคำทักทายจากเขาเองและเพื่อนร่วมรับใช้

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# การเรี่ยไรเงินเพื่อช่วยเหลือพี่น้องที่ขัดสนเป็นสิ่งที่ดี แต่ควรทำโดยวิธีการที่รัดกุมและโปร่งใส มิฉะนั้นมารซาตานอาจจะใช้เป็นช่องโจมตี เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของเราได้

1.@ การเรี่ยไรเงินนั้น เสี่ยงต่อการเสียชื่อเสียงหรือถูกเข้าใจผิด แต่อ.เปาโลก็เต็มใจเข้าสู่ความเสี่ยงนั้น แต่ขณะเดียวกันก็ทำด้วยความระมัดระวัง

เราควรกล้าหาญ แต่ก็ไม่ควรโง่

2.# อ.เปาโล บอกคริสตจักรโครินธ์ว่า จะค้างอยู่ที่เมืองเอเฟซัสนานสักหน่อยหนึ่ง เพราะ​ว่า​ที่​นั่น​ประตู​เปิด​อย่าง​กว้าง​ขวาง​ที่​จะ​ทำ​งาน​เกิด​ผล ถึงแม้จะมี​คน​ขัด​ขวาง​​มาก​ด้วยก็ตาม

2.@ อ.เปาโล เต็มใจที่จะเสี่ยงอันตรายอยู่ที่เมืองเอเฟซัสเป็นเวลานาน แม้จะรู้ว่าที่นั่นมีคนเกลียดอ.เปาโลมากก็ตาม แต่เพราะว่าที่นั่นโอกาสในการประกาศข่าวประสเริฐมีมาก ดังนั้นต่อให้เสี่ยงก็คุ้มที่จะอยู่รับใช้ที่นั่นนานขึ้น

วันนี้ ประตูเปิดกว้างอย่างมากในประเทศไทย ขณะเดียวกันการข่มเหงก็ถือว่าเล็กน้อยเหลือเกิน
ดังนั้น เราจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะใช้โอกาสที่ประตูเปิดกว้างนี้ ประกาศข่าวประเสริฐไปให้ทั่วแผ่นดินไทย

3.# ในข้อ 12 นั้น เห็นได้ว่า อ.เปาโล และ อปอลโล นั้นสนิทสนมกันมาก และเป็นเพื่อนร่วมงานกัน
แต่ปรากฏว่า คริสตจักรโครินธ์ กลับพยายามแยกกลุ่มออกเป็นศิษย์เปาโล ศิษย์อปอลโล(1คร. 1:12)
สังเกตได้ว่า ผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
แต่เด็กฝ่ายวิญญาณหรือคริสเตียนเนื้อหนัง จะพยายามแตกแยกกัน

3.@ วันนี้ ในการรับใช้พระเจ้า เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับเพื่อนร่วมรับใช้ หรือ เกิดการแตกแยกกันขึ้นท่ามกลางเพื่อนร่วมรับใช้

ความเข้มแข็งของคริสตจักรไม่ได้วัดกัยที่ทำผลงานสำเร็จมากแค่ไหน
แต่วัดที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในพระคริสต์มากเพียงใด

4.# ​อ.เปาโล แนะนำว่า
– จง​ระมัด​ระวังในการดำเนินชีวิต
– จง​มั่น​คง​ใน​ความ​เชื่อ
– จง​เป็น​คน​กล้า​หาญ
– ​จง​เข้ม​แข็ง
– จง​ทำ​ทุก​สิ่ง​ด้วย​ความ​รัก

4.@ ให้เราดำเนินชีวิตอย่างระมัดวังให้อยู่ใน ความเชื่อ ความหวัง และความรัก
– ความเชื่อ ทำให้กล้าหาญ
– ความหวัง ทำให้เข้มแข็ง ไม่ย้อท้อง่ายๆ
– ความรัก ทำให้ทุกสิ่งที่ทำนั้นมีคุณค่าอย่างแท้จริง

5.# คำว่า “ขอ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​เสด็จ​มา​เถิด” ในข้อ 22 มาจากภาษาซีรีแอก(ภาษาอารเมคสำเนียงตะวันออก) ว่า Maranatha มารานาธา เป็นวลีที่นิยมกล่าวกันในสมัยนั้นเพื่อเตือนกันและกันว่า พระเยซูคริสต์ใกล้จะเสด็จกลับมาแล้ว

5.@ “มารานาธา”

คำคม

“จงกล้าหาญ จงเข้มแข็ง และเต็มไปด้วยความรัก”

ขุมทรัพย์ 1โครินธ์ 15

ภาพรวม

  • บทนี้การเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซู ว่าเป็นผลแรก และเราทั้งหลายผู้เชื่อวางใจในพระองค์จะเป็นผลที่ตามมา จะมีสภาพเป็นเหมือนพระองค์

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# ข่าวประเสริฐ คือ ข่าวที่บอกว่า “พระ​เยซูคริสต์​วาย​พระ​ชนม์​เพราะ​บาป​ของ​เรา และ​ทรง​ถูก​ฝัง​ไว้ แล้ว​วัน​ที่​สาม​พระ​องค์​ทรง​ถูก​ทำ​ให้​เป็น​ขึ้น​มา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปตามคำสัญญาของพระเจ้าที่พยากรณ์ไว้ในพระคัมภีร์”

1.@ พระเยซูตายเพื่อบาปของเราเรียบร้อยแล้ว และ พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว ด้วยเหตุนี้เราสามารถรับสิทธิพ้นบาปและมีชีวิตใหม่ได้แล้ว

ใครเชื่อข่าวนี้ จริงๆ คนนั้นจะปรารถนาที่จะได้รับสิทธินี้อย่างแน่นอน
เมื่อเขาวางใจว่า “ใช่แล้ว ข่าวนี้เป็นความจริง พระเยซูสามารถทำให้ฉันพ้นบาปและมีชีวิตใหม่ได้”
เขาก็จะยื่นมือออกไปรับสิทธินั้น ด้วยการต้อนรับพระเยซูเข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและเป็นเจ้านายในชีวิตของเขา
และนั่นเอง เขาได้รับความรอดแล้ว

2.# เมื่อเราเชื่อในข่าวประเสริฐแล้ว เราจำเป็นต้องยึดมั่นในความเชื่อนั้นจนถึงวันสุดท้ายในชีวิตของเรา(ข้อ2) เพราะว่าเราได้รอดความรอดโดยความเชื่อในข่าวประเสริฐ
หากเราโยนความเชื่อนั้นทิ้งไป เราจะรอดได้อย่างไร?

2.@ การเชื่อในข่าวประเสริฐเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่การยึดมั่นในข่าวประเสริฐจนวันตายก็สำคัญไม่แพ้กัน

3.# อ.เปาโล กล่าวว่า พระ​คุณ​ของ​พระเจ้าที่ อ.เปาโลได้รับ ​ไม่​ไร้​ประ​โยชน์ เพราะเป็นเหตุให้ อ.เปาโล​ตราก​ตรำ​อย่างสุดกำลังเพื่อข่าวประเสริฐ ซึ่งไม่​ใช่​เพราะตัว​เขา​เองดีหรือเก่ง แต่เพราะ​พระ​คุณ​ของ​พระ​เจ้า​นั้นแสนประเสริฐ

3.@ ยิ่งเราทราบซึ้งในพระคุณของพระเจ้า มากเท่าใด เราก็ยิ่งจะทุ่มเทในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น

วิธีวัดว่า เราซาบซึ้งพระคุณของพระเจ้ามากเพียงใด ไม่ได้วัดที่คำพูดหรือการร้องเพลง แต่วัดที่เราได้ทุ่มเทชีวิตในการปรนนิบัติพระองค์มากเพียงใด

4.# ข่าวประเสริฐ กล่าวว่า พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย ซึ่งเรื่องนี้ ทำให้ผู้เชื่อมีความหวังว่าจะได้เป็นขึ้นมาจากความตายเหมือนพระองค์

4.@ การไม่เชื่อว่า การเป็นขึ้นมาจากความตายมีอยู่จริง ก็เท่ากับไม่เชื่อข่าวประเสริฐนั้นเอง
ดังนั้น ผู้เชื่อที่ไม่เชื่อว่าการเป็นขึ้นมาจากความตายมีจริง ก็คือผู้ไม่เชื่อนั่นเอง

ผู้ที่เชื่อจริงๆว่าเขาจะเป็นขึ้นมาจากความตาย ย่อมดำเนินชีวิตโดยรู้ตัวว่า ความตายไม่น่ากลัวเลยสำหรับเขา และ เขาจะรู้ตัวว่าสิ่งของในโลกนี้ทั้งหมดเป็นสิ่งชั่วคราวสำหรับเขา

5.# เพราะพระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตายเป็นผลแรก เราทั้งหลายที่เชื่อวางใจในพระองค์จะเป็นผลที่ตามมา ซึ่งจะมีลักษณะแบบเดียวกับผลแรกนั้น

5.@ เราจะมีกายทิพย์(กายวิญญาณ)เหมือนพระเยซู เมื่อเราเป็นขึ้นมาจากความตาย
แต่ร่าง​กาย​สำ​หรับ​สวรรค์ และ​​ร่าง​กาย​สำ​หรับ​โลก​ คนละอย่างกัน แตกต่างกัน (1คร. 15:40)
เรายังไม่ทราบรายละเอียดมากนัก คงต้องรอพบของจริงด้วยตนเองในเวลาอีกไม่นาน

6.# วันที่พระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา เมื่อ​เป่า​แตร​ครั้ง​สุด​ท้าย หากเรายังมีชีวิตอยู่ในวันนั้น เรา​จะ​​ถูก​เปลี่ยน​ใหม่​ ใน​พริบ​ตา​เดียว แต่หากเรา​ตาย​ไปก่อนหน้านั้นแล้ว เรา​จะ​ถูก​ทำ​ให้​เป็น​ขึ้น แล้ว​เรา​จะ​ถูก​เปลี่ยน​ใหม่ รับสภาพใหม่ สภาพอมตะชั่วนิรันดร์ (ข้อ 51-52)
แล้วความตายก็จะไม่มีอิทธพลต่อเราอีกเลย ตลอดกาล (ข้อ54)

6.@ ในไม่ช้า เราจะรับสภาพอมตะชั่วนิรันดร์
อย่าให้เราสนใจ ใส่ใจ กับสิ่งของชั่วคราวในโลกนี้ จนละเลยตระเตรียมสำหรับโลกหน้า

7.# 1คร. 15:58 “…จง​มั่นคง​อยู่ อย่า​หวั่น​ไหว จง​ทำ​งาน​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ให้​บริ​บูรณ์​ทุก​เวลา ท่าน​ทั้ง​หลาย​พึง​รู้​ว่า ใน​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า การ​ตราก​ตรำ​ของ​ท่าน​จะ​ไม่​ไร้​ประ​โยชน์”

7.@ พระเจ้าทรงสัญญาว่า ทุกสิ่งที่เราทำเพื่อพระเจ้าจะไม่ไร้ผล

คำคม

“โดยความเชื่อ
อนาคตในสวรรค์เป็นสิ่งที่แน่นอนยิ่งกว่าสิ่งที่จะเกิดกับเราในวันพรุ่งนี้เสียอีก”

ขุมทรัพย์ 1โครินธ์ 14

ภาพรวม

  • ในบทนี้ กล่าวถึงการใช้ของประทานในคริสตจักรว่า ควรคำนึงถึงประโยชน์ที่สมาชิกโดยรวมของคริสตจักรจะได้รับ และคำนึงถึงความเป็นระเบียบในคริสตจักร

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# อ.เปาโล ชี้ให้เห็นว่า การใช้ของประทานในคริสตจักรนั้น สิ่งสำคัญคือใช้เพื่อทำให้คริสตจักรจำเริญขึ้น
ในคริสตจักร อ.เปาโลจึงอยากให้ใช้ของประทานการเผยพระวจนะ มากกว่าการใช้ของประทานการพูดภาษาแปลกๆแบบไม่มีการแปล

1.@ การใช้ของประทานที่เรามี จงใช้เพื่อทำให้พี่น้องในคริสตจักรจำเริญขึ้น

2.# อ.เปาโล กล่าวว่า ใน 1คร. 14:4 ว่า “คน​ที่​พูด​ภา​ษา​แปลกๆ นั้น​ก็​ทำ​ให้​ตัว​เอง​เจริญ​ขึ้น” และ ใน 1คร. 14:18 ว่า “…ข้าพ​เจ้า​พูด​ภา​ษา​แปลกๆ มาก​กว่า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​อีก”

อ.เปาโล ชี้ให้เห็นว่า การพูดภาษาแปลกๆเป็นประโยชน์มากต่อจิตวิญญาณของตนเอง และตัวอ.เปาโลเอง ก็ทำเช่นนั้นอย่างมากด้วย

2.@ การพูดภาษาแปลกๆเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อจิตวิญญาณ ดังนั้นคนที่พูดภาษาแปลกๆได้ ควรใช้การอธิษฐานภาษาแปลกๆเป็นประจำอยู่เสมอ

3.# ในการใช้ของประทานในคริสตจักร ควรใช้อย่างเป็นระเบียบ เพราะ​ว่า​พระ​เจ้า​ไม่​ใช่​พระ​เจ้า​แห่ง​ความ​วุ่น​วาย แต่​ทรง​เป็น​พระ​เจ้า​แห่ง​สันติ

3.@ พระเจ้าของเรามีระเบียบแบบแผนในการทรงสร้างสิ่งต่างๆ ด้วยเหตุนี้การสำแดงของพระเจ้า ผ่านของประทานในคริสตจักร ควรสะท้อนถึงพระลักษณะของพระองค์เสมอ

4.# อ.เปาโล ห้ามไม่ให้ผู้หญิงสอนหรือถามในคริสตจักร เนื่องจากในสมัยนั้นผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือ ไม่มีความรู้ในพระคำของพระเจ้า จึงไม่เหมาะที่จะเป็นผู้สอนในคริสตจักร และเนื่องจากผู้หญิงเหล่านั้นไม่มีความรู้ในพระคัมภีร์คำถามของพวกเธอจึงมักจะชักใบให้เรือเสียมากกว่า จะถามคำถามที่เป็นประโยชน์ ดังนั้นถ้ามีอะไรอยากจะถาม อ.เปาโล จึงบอกให้พวกเธอไปถามสามีที่บ้าน แทนที่จะถามผู้ที่กำลังสอนในคริสตจักร

4.@ เราไม่ควรให้ผู้ไม่มีความรู้ในพระคำของพระเจ้า สอนพระคำของพระเจ้า ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร มีตำแหน่งใหญ่โตเพียงใดในสังคมภายนอกก็ตาม

คำคม

“พระเจ้าประทานความสามารถให้แก่เรา เพื่อเราจะปรนนิบัติผู้อื่น”

ขุมทรัพย์ 1โครินธ์ 13

ภาพรวม

  • บทนี้ กล่าวถึงของประทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเจ้าประทานแก่เรา และพระองค์ประสงค์ให้เราใช้ของประทานนี้อย่างเต็มที่ นั่นคือ ความรัก

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ไม่ว่าจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่ถ้าปราศจากความรัก ก็ไม่มีค่าอะไรเลย

1.@ สำหรับพระเจ้า งานรับใช้ที่เราทำนั้น สิ่งสำคัญไม่ใช่ผลของงานที่ทำ แต่เป็นความรักที่มีอยู่ขณะที่ทำงานเหล่านั้น

หากความรักไม่ใช่แรงบันดาลใจในการรับใช้ ไม่ต้องรับใช้จะดีเสียกว่า

2.# ความ​รัก​
– ​อดทน​นาน​
– กระทำ​คุณ​ให้
– ไม่​อิจฉา
– ไม่​อวด​ตัว
– ไม่​หยิ่ง​ผยอง​
– ไม่​หยาบ​คาย
– ไม่​คิดเห็น​แก่​ตนเอง​ฝ่าย​เดียว
– ไม่​ฉุนเฉียว
– ไม่​ช่าง​จดจำ​ความ​ผิด​
– ไม่​ชื่น​ชม​ยินดี​เมื่อ​มี​การ​ประพฤติ​ผิด
– ​ชื่น​ชม​ยินดี​เมื่อ​ประพฤติ​ชอบ​
– ​ทน​ได้​ทุก​อย่าง​แม้​ความ​ผิด​ของ​คน​อื่น
– ​เชื่อ​ใน​ส่วน​ดี​ของ​เขา​อยู่​เสมอ
– ​มี​ความ​หวัง​อยู่​เสมอ
– ​ทน​ต่อ​ทุก​อย่าง
– ไม่​มี​วัน​สูญ​สิ้น

2.@ เราถูกพระเจ้ารักด้วยความรักเช่นนี้
และ พระองค์ประสงค์ให้เราส่งต่อความรักที่เราได้รับมานี้แก่ผู้อื่นด้วย

3.# 1คร. 13:13 “ดังนั้น​ยัง​ตั้งอยู่​สาม​สิ่ง คือ​ความ​เชื่อ ความ​หวัง​ใจ และ​ความ​รัก แต่​ความ​รัก​ใหญ่​ที่สุด​”

3.@ ความเชื่อ ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้
ความหวัง ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
ความรัก ทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์

คำคม

“ทำทุกสิ่ง โดยไร้รัก นั้นไร้ค่า”

ขุมทรัพย์ 1โครินธ์ 12

ภาพรวม

  • บทนี้กล่าวว่า เราทุกคนเป็นอวัยวะในพระกายของพระคริสต์ ซึ่งทุกคนได้รับของประทานที่แตกต่างกัน จากพระวิญญาณองค์เดียวกัน เราต้องการกันและกัน ทุกคนสำคัญ จะขาดคนใดคนหนึ่งไปไม่ได้

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# ไม่มีใครสามารถต้อนรับพระเยซูเข้ามาเป็นพระเจ้าเป็นเจ้านายในชีวิตของเขาอย่างจริงใจได้ โดยปราศจากการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของเขา

1.@ วันนี้ ที่เราต้อนรับพระเยซูเข้ามาในใจของเรา ไม่ใช่เพราะความดี ความถ่อม หรือความฉลาดใดๆของเราเลย แต่เป็นพระคุณของพระเจ้า ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำให้เราเปิดใจต้อนรับพระองค์เข้ามาในชีวิต

การที่จะให้ใครสักคน ต้อนรับพระเยซูเข้ามาในชีวิตของเขาอย่างแท้จริง จำเป็นหรือเกินที่ต้องมีใครบางคนอธิษฐานเผื่อเขา

2.# พระ​วิญญาณ​องค์​เดียว​กัน​ทรง​ประทาน​ ของประทาน ความสามารถ ให้แก่​แต่​ละ​คน แตกต่างกัน ​ตาม​ชอบ​พระ​ทัย​พระ​องค์

2.@ ความสามารถทุกอย่างที่เรามี ความจริงแล้วพระเจ้าทรงประทานให้
เราควรขอบคุณพระเจ้า ถ่อมใจลง และใช้สิ่งเหล่านั้นเพื่อพระเจ้า

พระเจ้าทรงประทานตามชอบพระทัยของพระองค์
พระองค์ตัดสินเองว่า ใครควรจะมีความสามารถอะไรอย่างไร
เราจึงไม่ควรอิจฉา หรือ น้อยเนื้อต่ำใจ หากเราไม่ได้มีความสามารถบางอย่างเหมือนบางคน
เพราะพระเจ้าผู้ทรงสรรพัญญู ทรงทราบดีว่าจะประทานความสามารถอะไรที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเรา

พระวิญญาณองค์เดียวกันเป็นผู้ประทาน ดังนั้นเราควรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
และควรภาคภูมิใจ แม้ว่าของประทานของเราไม่เหมือนกบของอีกคน เพราะของประทานที่เราและของคนอื่นๆที่ได้รับมานั้น ก็เป็นของประทานจากพระวิญญาณผู้เดียวกันนั่นเอง เพียงแค่พระองค์ประทานในลักษณะที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง

3.# 1คร. 12:7 “การ​สำ​แดง​ของ​พระ​วิญ​ญาณ​นั้น พระ​องค์​ประ​ทาน​แก่​แต่​ละ​คน​เพื่อ​ประ​โยชน์​ร่วม​กัน”

3.@ สิ่งที่พระเจ้าประทานให้แก่เรานั้น เพื่อเราจะใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
การนำเอาของประทานความสามารถ มาใช้เพื่อประโยชน์ของตนเองเท่านั้น จึงถือว่าเป็นการใช้งานผิดประเภท
เหมือนเอาน้ำจากสายดับเพลิงมาอาบน้ำตัวเอง ขณะไฟกำลังไหม้บ้านเพื่อนบ้านอยู่

4.# แม้เราแต่ละคนจะมีความสามารถที่แตกต่างกัน
แต่ก็มาจากพระวิญญาณองค์เดียวกัน
เราอยู่ในพระวิญญาณองค์เดียวกัน
เราจึงเป็นกายเดียวกันโดยทางพระวิญญาณ

แม้จะแตกต่างกัน แต่ทุกคนล้วนสำคัญ เป็นเหมือนอวัยวะในร่างกายที่ทุกส่วนล้วนสำหรับ ประกอบกันเข้าเป็นร่างกายที่สมบูรณ์ หากขาดอวัยวะใดไป ก็เรียกได้ว่าเป็นร่างกายพิการ

4.@ เราต้องการกันและกัน ทุกคนสำคัญ ไม่ว่าเขาจะรู้สึกว่าเขาไม่สำคัญสักเพียงใดก็ตาม
หากขาดใครไป หรือคนใดไม่ได้ทำหน้าที่ของตน คริสตจักรจะไม่สมบูรณ์ เปรียบเสมือนกับคริสตจักรพิการ

น่าเศร้าที่ ทุกวันนี้ หลายคริสตจักร ไม่ได้พิการแค่อวัยวะอย่างเดียวด้วยซ้ำ
แต่พิการซ้ำซ้อนหลายอวัยวะ
คริสตจักรซึ่งเป็นพระกายของพระคริสต์ ที่ควรเต็มไปด้วยฤทธานุภาพของพระเจ้า
จึงกลายเป็นคริสตจักรที่อ่อนแอ ไม่อาจมีอิทธิพลต่อสังคมได้
เพราะอวัยวะจำนวนมาก ไม่ได้ทำงานตามหน้าที่ของตน

คำคม

“ จำนวนสมาชิกที่ไม่มีส่วนร่วมในการรับใช้ตามของประทาน
เป็นตัวชี้วัดความพิการของคริสตจักร”

ขุมทรัพย์ 1โครินธ์ 11

ภาพรวม

  • ในบทนี้ อ.เปาโล สอนคริสตจักรโครินธ์ ในเรื่องการปฏิบัติอย่างถวายเกียรติแด่พระเจ้าในคริสตจักร ในเรื่องการแต่งกายและเรื่องพิธีมหาสนิท

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# อ.เปาโล บอกให้คริสตจักรโครินธ์​ทำ​ตาม​แบบ​อย่าง​ของเขา เหมือน​กับ​ที่​เขา​ทำ​ตาม​แบบ​อย่าง​ของ​พระ​คริสต์

คนที่สอนว่า อย่าทำตามอย่างผม แต่ให้ทำตามอย่างพระคริสต์ จึงเป็นคำสอนที่ขัดกับพระคำตอนนี้

ผู้สอนเรื่องพระคริสต์ ควรดำเนินชีวิตตามอย่างพระคริสต์ เพื่อให้ผู้รับคำสอนดำเนินตาม
หากเขาไม่พร้อมที่ดำเนินตามอย่างพระคริสต์ สรุปได้เลยว่า ไม่ว่าเขาจะมีความรู้มากเพียงใด เขายังไม่พร้อมสอน

1.@ เราต้องเอาใจใส่การดำเนินชีวิตของเรา ให้สอดคล้องกับสิ่งที่เราสอนผู้อื่น
ถึงแม้ว่ายังไม่สามารถทำได้ 100% แต่อย่างน้อยก็ควรดำเนินไปในทิศทางนั้น

2.# อ.เปาโลสอนว่า การมาร่วมประชุมของคริสตจักร ร่วมประชุมอธิษฐาน ทั้งชายและหญิง ควรแต่งตัวให้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า สอดคล้องกับวัฒนธรรมของสังคมนั้นๆ
เช่น สังคมผู้เชื่อในสมัยนั้น ผู้ชายไม่ควรไว้ผมยาว และไม่ควรคลุมผม
ส่วนผู้หญิงไม่ควรตัดผมสั้นหรือโกนผม และควรคลุมผม เมื่อออกจากบ้าน และเมื่อร่วมประชุมในคริสตจักร
(เพราะผู้หญิงไม่คลุมผม เมื่ออกจากบ้าน ถือเป็นการแต่งกายไม่สุภาพของสังคมในเวลานั้น และพวกผู้หญิงขายบริการทางเพศแก่พวกกะลาสีเรือสมัยนั้น ก็ไม่คลุมผมแบบนั้นด้วย)

2.@ การกระทำใดๆของเรา ควรคำนึงการถวายเกียรติแด่พระเจ้าเสมอ

บางครั้งอาจจะเป็นสิทธิของเราที่จะทำเช่นนั้น
แต่หากการทำเช่นนั้น ทำให้พระนามของพระเจ้าเป็นที่ดูถูกดูหมิ่น
จงเลิกการกระทำนั้นเสีย

3.# ใน 1คร. 6:7 อ.เปาโลบอกให้อดทนต่อกันและกัน หากพี่น้องโกงเรา เรายอมให้เขาโกงโดยไม่ฟ้องก็เป็นการดี
แต่ใน 1คร. 11:19 อ.เปาโล กลับบอกว่า จำเป็น​ต้อง​มี​การ​ขัด​แย้ง​กัน​ใน​พวก​เขา เพื่อ​ฝ่าย​ถูก​ใน​พวก​เขา​จะ​ปรา​กฏ

นั่นคือ ถ้าเป็นความขัดแย้งเรื่องทรัพย์สิน เงินทอง สิ่งของในโลกนี้ ดูเหมือน อ.เปาโล บอกยอมๆกันไปเถอะ
แต่ถ้าเป็นความไม่ถูกต้องในคริสตจักรของพระเจ้า อ.เปาโล ย้ำว่ายอมไม่ได้ ต้องยืนยันความถูกต้องเอาไว้ให้ได้ แม้จะต้องขัดแย้งกับบางคนก็ตาม

3.@ เมื่อมีสิ่งที่ขัดแย้งกับพระคำของพระเจ้า เกิดขึ้นในคริสตจักร
เราควรยืนหยัด เพื่อสิ่งที่ถูกต้องตามพระคำของพระเจ้า
ถึงแม้อาจจะต้องขัดแย้งกับบางคนในคริสตจักรก็ตาม

4.# พิธีมหาสนิทที่พระเยซูทรงตั้งขึ้นและสั่งให้เราทำเรื่อยไปนั้น เพื่อให้เราระลึกถึงพระสัญญาของพระองค์เสมอ และระลึกว่าเราเป็นที่รักของพระองค์มากเพียงใด และระลึกว่าเราเป็นกายเดียวกันในพระคริสต์ และย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าอีกไม่นานพระเยซูจะเสด็จกลับมาแล้ว

4.@ ความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีมหาสนิท ไม่ได้อยู่ที่พิธี แต่อยู่ความหมายของพิธีนั้นต่างหาก
การร่วมพิธีมหาสนิท โดยไม่ซาบซึ้งความรักของพระเยซู และ ไม่รักกันและกัน เป็นการร่วมศาสนพิธีเท่านั้น
แต่การร่วมด้วยหัวใจที่รักพระเยซู และ รักกันและกัน พิธีนี้จะเป็นประโยชน์ยิ่งต่อชีวิตฝ่ายวิญญาณของเรา

5.# การเข้าร่วมพิธีมหาสนิทอย่างถูกต้องหรือไม่นั้น พระคำของพระเจ้าบอกให้เรา “​จง​สำ​รวจ​ตัว​เอง” (1คร. 11:28) ไม่ใช่มัวแต่คอยสำรวจคนอื่น

ตรวจสอบดูใจของเราว่า เราเข้าร่วมพิธีนี้​โดย​ตระ​หนัก​ถึง​พระ​กาย​ของพระคริสต์หรือไม่?
ถ้าใช่ การร่วมพิธีนี้จะนำพระพรมากมายมาสู่ชีวิต
ถ้าไม่ การร่วมพิธีนี้จะเป็น​เหตุ​ให้​ตน​เอง​ถูก​ลง​โทษ

ตระหนักถึงพระกาย หมายถึง คิดถึงสิ่งที่พระเยซูได้กระทำเพื่อเรา และ คิดถึงพี่น้องในพระคริสต์ว่าเราเป็นกายเดียวกัน

5.@ การร่วมพิธีมหาสนิท จะนำพระพร หรือ การตีสอน มาสู่ตัวเรา ขึ้นอยู่กับท่าทีในใจของเราต่อพระกายของพระคริสต์

6.# พระเจ้า​ทรง​ตี​สอน​เรา เพื่อ​ไม่​ให้​เรา​ถูก​พิพาก​ษา​ด้วย​กัน​กับ​โลก

6.@ พระเจ้าทรงรักเราอย่างที่เราเป็น และ พระองค์ทรงรักเราจนไม่ยอมให้เราเป็นอย่างที่เราเป็น

เมื่อพระเจ้าทรงตีสอนเรานั้น เพราะพระองค์ทรงรักเรา พระองค์ปรารถนาให้เรากลับใจใหม่
หันออกจากทางหายนะ กลับมาสู่หนทางแห่งพระพร

คำคม

“ พระเจ้าตีสอนเรา เพราะรักเรา ”

ขุมทรัพย์ 1โครินธ์ 10

ภาพรวม

  • ในบทนี้ อ.เปาโล ตักเตือนให้พี่น้องในคริสตจักรโครินธ์ไม่ให้นับถือรูปเคารพ และควรถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยการกระทำของตน และทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนทั้งหลายได้รับความรอด

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# บรรพบุรุษของคนอิสราเอล ได้มีประสบการณ์กับพระเจ้ามากมาย ได้เดินผ่านทะเลแดงที่แหวกออก , ได้อยู่ใต้เสาเมฆและเสาไฟ , ได้กินมานาอาหารจากสวรรค์ , ได้ดื่มน้ำที่ไหลออกมาจากหิน
ถึง​กระ​นั้น​ก็​ดี​ พวกเขา​ส่วน​มากก็ได้ทำให้​พระ​เจ้า​ไม่​พอ​พระ​ทัย

พวกเขาละทิ้งพระเจ้าหันไปกราบไหว้รูปเคารพ
พวกเขาล่วงประเวณี
พวกเขาลองดีกับพระเจ้า
พวกเขาบ่นต่อว่าพระเจ้า

สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขาล้มตายมากมายในถิ่นทุรกันดารนั้น
สิ่งเหล่านี้จึงเป็นสิ่งเตือนสติเรา ผู้อยู่ในยุคสุดท้าย ที่จะไม่ลบหลู่พระเจ้า ไม่ละทิ้งความยำเกรงพระองค์

1.@ เราได้รับประสบการณ์การช่วยกู้มากมายในอดีตที่ผ่านมา
วันนี้ให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกอิสราเอลเตือนสติเราว่า
การช่วยกู้ที่ผ่านทั้งหมดจะสูญเปล่าไป หากวันนี้เราละทิ้งพระองค์ ผู้เป็นแหล่งแห่งการช่วยกู้ไปเสีย

เหมือนคนอิสราเอลบางคน อุตส่าห์รอดตายจากกองทัพฟาโรห์ และจากการอดตาย แต่แล้วก็ตายอยู่ดี เพราะพวกเขาละทิ้งพระเจ้า

2.# ความจริง 3 อย่างเกี่ยวกับการทดลอง
1. ไม่​มี​การ​ทด​ลอง​ใดๆ เกิด​ขึ้น​กับ​เรา ที่ไม่​เคย​เกิด​กับ​มนุษย์คนอื่นมาก่อน
ดังนั้น เราไม่ได้พบเจอสิ่งนี้แต่คนเดียว มีคนอื่นเคยเจอมาเหมือนกัน

2. พระ​เจ้า​จะ​ไม่​ทรง​ให้​เราต้อง​ถูก​ทด​ลอง​เกิน​กว่า​ที่​เราจะ​ทน​ได้
ดังนั้น การทดลองนี้ เราผ่านมันได้แน่

3. ทุกการ​ทด​ลอง​มี​ทาง​ออก​
ดังนั้น หาให้ดีๆ พึ่งพาพระเจ้าแล้วเราจะพบทางออกเสมอ

2.@ เมื่อพบกับการทดลอง หรือความทุกข์ยากลำบาก ใดๆก็ตาม จงมั่นใจเถิดว่า เราทนได้และมีทางออกเสมอ เมื่อเราหันมาพึ่งพาพระเจ้าอย่างสุดกำลัง

3.# การละทิ้งพระเจ้า หันไปพึ่งพาสิ่งอื่น อย่างเช่นอิสราเอลหันไปนับถือรูปเคารพ เป็นเหมือนการยั่วยุพระเจ้า
เพราะทั้งที่พวกเขาก็รู้แล้วว่า พระเจ้ารักพวกเขามากมาย ทรงช่วยพวกเขามากมาย
แต่ก็ยังละทิ้งพระองค์ แล้วยกการนับถือที่พวกเขาสมควรมีต่อพระเจ้า
นำไปยกให้รูปเคารพ ซึ่งไม่ได้รักพวกเขาเลยเพราะรักไม่ได้ และไม่ได้ช่วยอะไรพวกเขาเลยเพราะช่วยไม่ได้

3.@ การวางใจสิ่งอื่นมากกว่าวางใจพระเจ้า เป็นการยั่วยุพระเจ้า เพราะกำลังบอกว่า พระเจ้าสู้สิ่งนั้นไม่ได้หรอก สิ่งนั้นช่วยฉันได้มากกว่าพระเจ้า

วันนี้ ในการเผชิญกับปัญหาของเราในวันนี้ เราวางใจในสิ่งใด?

4.# เรา​ทำ​ทุก​สิ่ง​ได้ แต่​ไม่​ใช่​ทุก​สิ่ง​นั้น​จะ​เป็น​ประ​โยชน์
เรา​ทำ​ทุก​สิ่ง​ได้ แต่​ไม่​ใช่​ทุก​สิ่ง​นั้น​ทำ​ให้​เจริญ​ขึ้น
อย่า​ให้​ใคร​เห็น​แก่​ประ​โยชน์​ส่วน​ตัว แต่​จง​เห็น​แก่​ประ​โยชน์​ของ​คน​อื่นๆ

ดังนั้น ในการตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร มีหลักการง่ายๆก็คือ
1. สิ่งนั้นเป็นประโยชน์และทำให้จำเริญขึ้นในฝ่ายวิญญาณหรือไม่?
2. การทำสิ่งนั้น คนอื่นจะได้ประโยชน์หรือจำเริญขึ้นในฝ่ายวิญญาณมากกว่ายิ่งกว่าตัวเราเองหรือไม่?
ถ้าทั้ง 2 ข้อ ตอบว่าใช่ โดยทั่วไปแล้วสามารถทำได้
(อย่างไรก็ดีคงต้องพิจารณาบริบทของเรื่อง ตามแต่ละกรณีด้วย ว่าพระคำของพระเจ้า สอนอย่างไรในเรื่องนั้นๆ)

4.@ เราจะทำอะไร หรือ ไม่ทำอะไร ควรพิจารณาประโยชน์ของคนอื่นเป็นสำคัญ
เพราะว่า ยังไงๆเราก็จะได้รับพระพรจากพระเจ้ามากมายอยู่แล้ว ดังนั้นประโยชน์ของตนเองไม่ต้องห่วงมากก็ได้
ยิ่งทำเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น โดยเฉพาะพี่น้องในพระคริสต์ ยิ่งทำให้พระบิดาชื่นใจ

5.# ไม่ว่าเราจะ​ทำ​อะไร​ก็​ตาม จง​ทำ​เพื่อ​ถวาย​พระ​เกียรติ​แด่​พระ​เจ้า
อย่า​เป็น​ต้น​เหตุ​ที่​ทำ​ให้​ผู้อื่นสะดุดหรือ​หลง​ผิด​ไป
ควรพยา​ยาม​ทำ​ทุก​สิ่ง โดยไม่​ได้​เห็น​แก่​ประ​โยชน์​ส่วน​ตัว แต่​เห็น​แก่​ประ​โยชน์​ของ​คนอื่น ว่าทำอย่างไรพวกเขาจึงจะได้​รับ​ความ​รอด

5.@ พระคำของพระเจ้า สอนว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกทำสิ่งใดๆ ควรคำนึงถึงการถวายเกียรติแด่พระเจ้า และคำนึงว่าจะช่วยคนอื่นให้ได้รับความรอดได้อย่างไร

คำคม

“การยอมไม่ทำ ทั้งที่มีสิทธิทำ เพราะเห็นแก่พี่น้อง
นั่นเป็นการสำแดงความรักแท้ต่อพระเจ้า”

ขุมทรัพย์ 1โครินธ์ 9

ภาพรวม

  • ในบทนี้ อ.เปาโล กล่าวยืนยันความเป็นอัครทูตของเขา และหนุนใจให้คริสตจักรโครินธ์ทุ่มเทรับใช้พระเจ้า อย่างเดียวกับที่เขาได้ทำมา

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# มีคนกล่าวหาว่า อ.เปาโลไม่ใช่อัครทูต แต่มาประกาศข่าวประเสริฐเพื่อหวังเงินทอง อ.เปาโลจึงยืนยันความเป็นอัครทูตของเขาในบทนี้ ว่า สิ่งที่พิสูจน์ได้ดีที่สุดว่า อ.เปาโลเป็นอัครทูตก็คือ คริสตจักรโครินธ์ซึ่งเป็นผลมาจากการประกาศข่าวประเสริฐของอ.เปาโล
ดังนั้นในเมื่อ อ.เปาโลนำพระพรฝ่ายวิญญาณมาให้พี่น้องที่โครินธ์ ต่อให้อ.เปาโลจะได้รับเงินถวายจากพี่น้องที่โครินธ์ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ
ถึงกระนั้น อ.เปาโลก็ยืนยันว่า เขาไม่ขอรับการถวายจากพวกเขา เพื่อจะไม่ทำให้ใครเข้าใจผิดว่า อ.เปาโลมาประกาศข่าวประเสริฐที่นี่เพื่อเงิน

1.@ ตำแหน่งในการรับใช้พระเจ้า ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เราได้กระทำในการรับใช้พระเจ้า

เป็นการสมควรที่จะสนับสนุน ผู้ที่มีส่วนดูแลชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของเรา
การที่สมาชิกถวายทรัพย์หรือดูแลสนับสนุนศิษยาภิบาลของตน จึงเป็นการดีที่สมควรทำอย่างยิ่ง

2.# อ.เปาโล อธิบายว่า การที่เขาทุ่มเทในการประกาศข่าวประเสริฐอย่างสุดกำลังนั้น เขาไม่อาจโอ้อวดอะไรได้เลย เพราะว่าที่เขาทำนั้นเขาก็แค่ทำตามคำสั่งของพระเจ้าเท่านั้นเอง

ถ้าจะขอบคุณ ผู้ที่สมควรรับคำขอบคุณไม่ใช่อ.เปาโล แต่เป็นผู้ทรงใช้อ.เปาโลมาประกาศต่างหาก

2.@ วันนี้ พระเยซูทรงบัญชาให้ออกไปประกาศสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของพระองค์
หากเราไม่ทำ ก็คือ เราจงใจขัดคำสั่ง ต้องกลับใจโดยด่วน
หากเราทำ ก็คือ เราเพียงทำตามคำสั่ง ไม่มีอะไรที่เราจะโอ้อวดได้เลย

3.# อ.เปาโล อธิบายว่า เขายอมปรับตัวให้เข้ากับคนทุกประเภท แต่ก็จะไม่ยอมเสียจุดยืนแห่งพระคำของพระเจ้า
การยอมปรับตัวและยอมทำ​ทุก​อย่างนั้น อ.เปาโลทำเพราะ​เห็น​แก่​ข่าว​ประ​เสริฐ​ เพื่อ​ช่วย​บาง​คน​ให้​รอด​โดย​ทุก​วิถี​ทางให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

3.@ วันนี้ เรายอมปรับตัว เปลี่ยนแปลง หรือเสียสิทธิบางอย่าง เพื่อเห็นแก่ข่าวประเสริฐ เพื่อให้คนบางคนมีโอกาสได้ยินข่าวประเสริฐ บ้างหรือไม่?

4.# ในการรับใช้พระเจ้า ต้องทำตัวเหมือนนักกีฬาที่ทุ่มเทอย่างสุดกำลัง อย่างมีเป้าหมาย ระมัดระวังดูแลรักษาตัวเองอยู่เสมอให้พร้อมสำหรับการแข่งขัน

4.@ การได้มีส่วนในการรับใช้พระเจ้า เป็นสิ่งที่มีเกียรติ
เมื่อเราได้รับเกียรตินั้น ควรทำอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ทำอย่างปราณีตแบบมืออาชีพ ไม่ใช่แบบมือสมัครเล่นที่ทำแบบขอไปที
เพราะรางวัลที่จะได้รับ สำหรับการรับใช้พระเจ้านั้นยิ่งใหญ่กว่ารางวัลทั้งหมดในโลกนี้รวมกันเสียอีก

5.# อ.เปาโล เอาจริงเอาจังในการฝึกฝนตนเอง ที่จะดำเนินตามพระคำของพระเจ้า เพราะเขา​เกรง​ว่า​เมื่อเขา​ประ​กาศ​ข่าว​ประ​เสริฐ​แก่​คน​อื่น​แล้ว ตัว​เขาเอง​จะกลับ​เป็น​คน​ที่​ใช้​การ​ไม่​ได้ไป

5.@ คนที่พูด แต่ไม่ทำตามอย่างที่พูด ในที่สุดจะกลายเป็นใช้การไม่ได้สำหรับเรื่องที่พูดนั้น

คนที่ประกาศข่าวประเสริฐ แต่ไม่ดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับข่าวประเสริฐ
เขาจะเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐที่ใช้การไม่ได้
ไม่เป็นประโยชน์ต่อข่าวประเสริฐ
แต่กลับเป็นหินสะดุด ขวางกั้นข่าวประเสริฐเสียมากกว่า
และตนเองก็จะไม่มีส่วนได้รับพระคุณ ตามที่เขาได้ประกาศนั้นอีกด้วย

คำคม

“ไม่มีคำว่า มากเกินไป สำหรับการทุ่มเทเพื่อพระเจ้า”

ขุมทรัพย์ 1โครินธ์ 8

ภาพรวม

  • ในบทนี้ อ.เปาโล สอนให้ผู้มีความรู้มากกว่า มีความเชื่อเข้มแข็งกว่าคนอื่น ไม่ว่าจะทำอะไร ควรคำนึงถึงผู้ที่มีความรู้น้อยกว่า หรือผู้มีความเชื่อน้อยกว่า อยู่เสมอ

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# “ความ​รู้​นั้น​ทำ​ให้​ลำ​พอง แต่​ความ​รัก​เสริม​สร้าง​ขึ้น”
ถ้า​ใครคิด​ว่า​ตัว​รู้​สิ่ง​ใด​แล้ว แสดงว่าคน​นั้น​ยัง​ไม่​รู้สิ่งนั้น​จริงๆ เพราะมีเรื่องให้รู้มากกว่านั้นอีก มนุษย์ไม่มีทางรู้ได้หมด
แต่ถ้าใครมีความรัก กลับนำไปสู่ความรู้จัก ซึ่งเป็นขั้นที่สูงกว่าการรู้เรื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าใครมีความรักต่อพระเจ้า จะทำให้คนนั้นกับพระเจ้ารู้จักกัน
คือ เมื่อก่อนเป็นศัตรูกัน หรือ เป็นเหมือนคนแปลกหน้า แต่พอเขารักพระเจ้า เขากลับได้มาเป็นบุตรของพระเจ้า เรียกได้ว่า เขากับพระเจ้ารู้จักกัน

1.@ ความรู้หาเท่าไหร่ก็ไม่หมด ไม่พบความรู้จริงๆสักที
แต่ความรัก เพียงแต่รักก็จะพบกับการรู้จัก อันเป็นความรู้เหนือความรู้ใดๆ

เหมือน รู้เรื่องของกษัตริย์ไม่ว่ารู้มากเพียงใด หรือจะเท่ากับได้รู้จักกษัตริย์องค์นั้นเป็นส่วนตัว

ตลอดปีที่ผ่านมา ความรักที่มีต่อพระเจ้า กับ ความรู้ที่เรามีเรื่องของพระเจ้า อันไหนที่พัฒนาเติบโตมากกว่ากัน?

2.# อ.เปาโล สอนว่า สำหรับคนที่มีความรู้ความเข้าใจแล้วว่า รูปเคารพไม่มีอำนาจใดๆ พระเจ้าต่างหากมีฤทธิ์อำนาจสูงสุด
ดังนั้นเมื่อพวกเขากินอาหารที่ใช้บูชารูปเคารพมาแล้ว พวกเขาจึงไม่รู้สึกอะไร ถือว่าก็แค่อาหารเท่านั้นเอง

แต่ขณะเดียวกันก็มีพี่น้องบางคนที่ไม่มีความรู้เช่นนี้ หรือไม่ได้มีความเชื่อเข้มแข็งเท่านี้
เมื่อพี่น้องเหล่านั้นเห็นคนมีความเชื่อเข้มแข็งยังทำได้ พี่น้องเหล่านั้นจึงทำบ้าง แต่ทำด้วยใจหวาดกลัวอำนาจของรูปเคารพนั้น และรู้สึกว่าพระเจ้าคงไม่ชอบแต่ก็ยังฝืนกินไปตามพวกความเชื่อเข้มแข็ง
ดังนั้น พวกเขาจึงกำลังยำเกรงรูปเคารพ และ กำลังจงใจทำสิ่งที่เขาคิดว่าพระเจ้าไม่ชอบแต่ก็ยังจะทำ
ซึ่งจะเป็นผลร้ายต่อพวกเขาเอง

ด้วยเหตุนี้ อ.เปาโล จึงแนะนำพวกมีความเชื่อเข้มแข็งว่า ไม่ว่าจะกินอะไร หรือ ทำอะไร แม้จะมีเสรีภาพที่จะทำได้ ก็ควรจะทำด้วยการคำนึงถึงพี่น้องที่มีความเชื่อน้อยด้วย และถ้าจำเป็นจริงๆที่จะต้องงดทำบางอย่างก็ควรงดเพราะเห็นแก่พวกเขา

2.@ ตัวอย่างเปรียบเทียบ สมมติว่าคริสเตียนทุกคนมีปีก และคนที่มีปีกแข็งแรงจะสามารถบินได้ แต่คนที่ปีกยังไม่แข็งแรงจะบินไม่ได้
อ.เปาโล แนะนำว่า พวกที่มีปีกแข็งแรงว่า หากต้องการลงจากชั้น10 ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ
“ลงลิฟต์เถอะ อย่ากระโดดลงทางหน้าต่าง”

คำคม

“ ถ้าบินแล้ว ทำให้พี่น้องสะดุด จงเดินไปเถิด”

ขุมทรัพย์ 1โครินธ์ 7

ภาพรวม

  • ในบทนี้ อ.เปาโล สอนคริสตจักรโครินธ์เกี่ยวกับเรื่องการสมรส การอยู่เป็นโสดและการหย่าร้าง ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การถวายเกียรติแด่พระเจ้าในทุกการกระทำและทุกสถานะของเรา

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# สามี​มี​อำนาจ​เหนือ​ร่างกาย​ของ​ภรรยา และภรรยา​มี​อำนาจ​เหนือ​ร่างกาย​ของ​สามี​ ดังนั้นทั้งสองจึงควรปฏิบัติต่อกันอย่างเหมาะสม
ให้เกียรติกัน ทะนุถนอมกัน ดูแลอีกฝ่ายหนึ่งดังดูแลเอาใจใส่ตัวเอง

1.@ พระเจ้าได้วางแนวทางของครอบครัวไว้อย่างสวยงาม
เพียงแต่เราจะเชื่อฟังและทำตาม เราก็พบกับครอบครัวที่เต็มไปด้วยความสุขและพระพรมากมาย

2.# ทุก​คน​ก็​ได้รับ​ของ​ประทาน​จาก​พระ​เจ้า​เหมาะ​กับ​ตัว ซึ่งไม่เหมือนกัน
การอยู่เป็นโสดก็เช่นกัน สำหรับบางคนสามารถทำได้ แต่บางคนก็ทำไม่ได้

2.@ คนที่อยู่เป็นโสดไม่ได้นั้น พระเจ้าทรงรู้จักเขาดี
พระองค์จะทรงเตรียมคู่พระพรที่เหมาะสมไว้สำหรับเขาอย่างแน่นอน

3.# พระคัมภีร์ ห้ามการหย่าร้างอย่างชัดเจน
ยกเว้น คู่สมรสที่ไม่เชื่อในพระเจ้า ต้องการหย่าเพราะเหตุผลว่าอีกฝ่ายมาเป็นคริสเตียน ก็สามารถหย่าได้ แต่ห้ามแต่งงานใหม่
จนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งนั้นแต่งงานใหม่หรือจากโลกนี้ไป

3.@ จงพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะรักษาครอบครัวเอาไว้ ไม่ให้เกิดการหย่าร้าง

4.# 1คร. 7:24 “… ท่าน​ทุก​คน​ดำรง​อยู่​ใน​ฐานะ​อัน​ใด เมื่อ​พระ​เจ้า​ทรง​เรียก ​ก็​ให้​ผู้​นั้น​อยู่​กับ​พระ​เจ้า​ใน​ฐานะ​นั้น​”
ไม่ว่าเป็นทาส หรือไม่ใช่ทาส ไม่ว่าเข้าสุหนัตแล้ว หรือไม่ได้เข้าสุหนัต
สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดไม่สำคัญ เพราะสิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริงคือ ในฐานะที่เราเป็นอยู่นี้ เราจะถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้อย่างไร?

4.@ วันนี้ ไม่ว่าเราอยู่ในฐานะเช่นใดก็ตาม ร่ำรวยหรือยากจน มีการศึกษาสูงหรือไม่มีการศึกษา มีความสามารถมากมายหรือแทบจะไม่เก่งอะไรเลย โสดหรือแต่งงานแล้ว
เราสามารถถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้ ในฐานะที่เราเป็นอยู่นั้น ด้วยการเชื่อฟังทำตามพระคำของพระเจ้า

คำคม

“ไม่ว่าเราอยู่ในสถานะใด
เราสามารถถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้เสมอ ถ้าเราต้องการ”

ขุมทรัพย์ 1โครินธ์ 6

ภาพรวม

  • บทนี้ อ.เปาโล ตำหนิคริสตจักรโครินธ์ที่ปล่อยให้สมาชิกฟ้องร้องกันในศาลและปล่อยให้สมาชิกดำเนินชีวิตในทางที่ไม่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# อ.เปาโล ตำหนิคริสตจักรโครินธ์ว่า ทำไมปล่อยให้มีการฟ้องศาลระหว่างกัน เกิดขึ้นท่ามกลางสมาชิก พวกเขาควรจะให้ตัดสินกันเองภายในคริสตจักร

1.@ เมื่อเกิดความขัดแย้ง หรือปัญหาต่างๆเกิดขึ้นในชีวิตของเรา
เราควรใช้มาตรฐานของพระคำของพระเจ้า ในการตัดสินใจว่า ควรหรือไม่ควรทำอะไร

เราไม่ควรใช้มาตรฐานของโลกมาตัดสิน เพราะ มาตรฐานของพระเจ้าและมาตรฐานของโลกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

2.# อ.เปาโล แนะนำว่า เมื่อมีการร้ายเกิดขึ้น ท่าทีที่ดีที่สุดที่เราควรทำคือ อดทนต่อการร้ายนั้น โดยไม่ตอบโต้

2.@ วันนี้ หากเราถูกเอาเปรียบ ถูกทำร้าย ถูกทรยศ เราไม่ควรแก้แค้น
เราควรมอบการแก้แค้นนั้นให้เป็นของพระเจ้า ไม่ใช่ลงมือแก้แค้นเสียเอง

3.# พระคัมภีร์สอนอย่างชัดเจนว่า “พวก​ที่​ล่วง​ประ​เวณี พวก​ไหว้​รูป​เคารพ พวก​ผิด​ผัว​ผิดเมีย พวก​โส​เภ​ณี​ชาย พวก​รัก​ร่วม​เพศ พวก​ขโมย พวก​ที่​โลภ พวก​ขี้​เมา พวก​ชอบ​กล่าว​ร้าย พวก​ฉ้อ​โกง จะ​ไม่​มี​ส่วน​ใน​แผ่น​ดิน​ของ​พระเจ้า”

3.@ หากเราเคยเป็นเช่นนั้นในอดีต ไม่สำคัญเลย เพราะพระเยซูทรงอภัยบาปผิดทั้งสิ้นแก่เราแล้ว

แต่หากเรายังคงเป็นเช่นนี้ ในปัจจุบัน โดยไม่รู้สึกว่าผิด ไม่คิดจะกลับใจออกจากพฤติกรรมเหล่านี้
เรากำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างที่สุด

จงรีบหนีออกมาจากหายนะนั้น
จงกลับใจเสียใหม่ก่อนที่จะสายเกินไป

4.# เรามีเสรีภาพที่จะทำอะไรก็​ได้ แต่​ไม่​ใช่​ทุก​สิ่ง​นั้น​เป็น​ประ​โยชน์

เนื่องจาก ร่าง​กาย​ของ​เรา​เป็น​อวัยวะ​ของ​พระ​คริสต์? (ข้อ 15) พระเจ้าทรงซื้อเราไว้แล้วด้วราคาสูง(ข้อ 20)

ดังนั้น เราควรใช้เสรีภาพในพระเจ้าที่เรามีนั้น เลือกทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินของพระเจ้า เลือกทำสิ่งที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า

4.@ วันนี้ในการเลือกทำหรือไม่ทำสิ่งใด เราเลือกโดยคำนึงถึงประโยชน์ของใคร มากกว่ากัน ? ประโยชน์ของตัวเราเอง หรือ ประโยชน์ของพระเจ้า?

คำคม

“ เราผู้เป็นของพระคริสต์ ควรใช้ทั้งชีวิตถวายเกียรติแด่พระองค์”

ขุมทรัพย์ 1โครินธ์ 5

ภาพรวม

  • บทนี้ อ.เปาโล ตำหนิคริสตจักรโครินธ์ที่ปล่อยปละละเลย ไม่จัดการกับสมาชิกของคริสตจักรที่ทำบาปอย่างร้ายแรง โดยอ.เปาโลแนะนำให้ขับเขาออกจากการปกป้องดูแลฝ่ายวิญญาณของคริสตจักรเสีย

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# อ.เปาโลทราบข่าวว่ามีคนทำผิดประเวณีร้ายแรง แม้แต่คนต่างชาติก็ยังไม่ทำเช่นนั้นกันเลย

อ.เปาโล แนะนำว่า คริสตจักรควรจะโศกเศร้าเสียใจที่มีการทำผิดเช่นั้นเกิดขึ้น และคริสตจักรควรขับคนนั้นออกจากคริสตจักร

ซึ่งเป็นเหมือนการให้คนนั้นออกไปนอกการปกคลุมฝ่ายวิญญาณของคริสตจักร และเมื่อซาตานโจมตีเขา โดยเขาไม่มีการปกคลุมฝ่ายวิญญาณ เขาก็จะพบความจริงว่า การอยู่นอกการปกคลุมของคริสตจักรนั้น อันตรายมากเพียงใด
เขาจะได้กลับใจใหม่ก่อนที่จะสายเกิน เพื่อจิตวิญญาณเขาจะสามารถรอดได้เมื่อเขากลับใจนั้น

1.@ เมื่อเราพบความผิดในพี่น้องของเรา ซึ่งเป็นความผิดที่ขัดแย้งกับพระคัมภีร์ชัดเจน เราไม่ควรจะอยู่เฉย เราควรทำอะไรบางอย่าง เพื่อช่วยให้เขากลับใจเสียใหม่ก่อนที่จะสายเกินไป

คนที่อยู่เฉย เมื่อเห็นพี่น้องกำลังเดินไปสู่ความพินาศ
เขาก็กำลังดำเนินชีวิตขัดกับกฏแห่งความรักเสียแล้ว

2.# 1คร. 5:6 …”เชื้อ​ขนม​เพียง​นิด​เดียว ย่อม​ทำ​ให้​แป้ง​ดิบ​ฟู​ขึ้น​ทั้ง​ก้อน”

ความบาปของคนๆเดียว ที่คริสตจักรปล่อยปละละเลย จะทำให้บาปนั้นแพร่กระจายไปทั่วในคริสตจักรได้

2.@ เมื่อพบการทำบาปที่ร้ายแรง ในคริสตจักร ต้องรีบจัดการทันทีอย่าปล่อยทิ้งเอาไว้

เมื่อพบความบาปก่อตัวขึ้นในชีวิตของเรา เราก็ควรรีบจัดการทันทีเช่นกัน ด้วยการสารภาพบาป กลับใจใหม่ ก่อนที่มันจะลุกลามยิ่งขึ้น

3.# ขนมปังที่มีเชื้อ​เก่า​ ได้แก่ ชีวิตที่เต็มไปด้วย​ความ​ชั่ว​และ​ความ​เลว
​ขนม​ปัง​ที่​ไม่​มี​เชื้อ ได้แก่ ชีวิตที่เดินทางแห่งความ​จริง​ใจ​และ​ความจริงของพระคำของพระเจ้า

3.@ วันนี้ เราได้รับการชำระเชื้อเก่าไปหมดแล้ว กลายเป็นขนมปังไร้เชื้อที่บริสุทธิ์แล้ว
เราควรดำเนินชีวิตในทางแห่งความจริงใจต่อพระเจ้า และดำเนินตามทางแห่งพระคำของพระเจ้า
หากวันใดที่ผิดพลาดพลั้งเผลอไป เกี่ยวข้องกับเชื้อเก่าอีก
ก็จงรีบกลับใจ สารภาพบาปต่อพระเยซู แล้วรับการอภัยด้วยความเชื่อ
จากนั้นก็กลับมาดำเนินชีวิตในความจริงใจและความจริง อีกครั้ง ในทันที

4.# 1คร. 5:11 อ.เปาโลสั่งว่า ​”อย่า​คบ​คน​ที่​ได้​ชื่อ​ว่า​เป็น​พี่​น้อง​แล้ว แต่​ยัง​ล่วง​ประ​เวณี โลภ ไหว้​รูป​เคารพ ชอบ​กล่าว​ร้าย เป็น​คน​ขี้​เมา และ​เป็น​คน​ฉ้อ​โกง แม้​จะ​กิน​ด้วย​ก็​อย่า​เลย”

หมายถึง เราควรแสดงออกอย่างชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยการกระทำของพี่น้องที่ทำบาป
ไม่ใช่เพื่อตำหนิเขา แต่เพื่อให้เขาคิดได้ รู้สึกตัว เพื่อเขาจะกลับใจจากบาปนั้น

ดังนั้นท่าทีของการแสดงออกเช่นนั้นสำคัญมาก
ไม่ใช่ไม่คบเขาเพราะรังเกียจเขา แต่ไม่คบกับเขาเพราะรักเขาเหลือเกิน

4.@ วันนี้ หากเราพบพี่น้องที่กำลังจมดิ่งลงในบาป
เราควรสำรวจตัวเราเองว่า
เราได้กระทำอะไรเพื่อยั้บยั้งเขาบ้างแล้วหรือยัง?
และ เราได้กระทำอะไรที่กำลังเป็นการสนับสนุนเขาให้ทำบาปอยู่หรือเปล่า?

คำคม

“บาปนิดเดียวที่เรากอดมันไว้แน่น อาจจะทำลายทั้งชีวิตของเราได้”

ขุมทรัพย์ 1โครินธ์ 4

ภาพรวม

  • ในบทนี้กล่าวถึงการรับใช้ของอ.เปาโลว่า ท่านทำโดยเห็นแก่น้ำพระทัยของพระเจ้าเป็นหลัก แม้จะทำให้มนุษย์ไม่พอใจก็ตามเ

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# เรา​รู้ตัวว่าเราเป็น​ผู้​รับ​มอบ​ภารกิจ​ให้​ดู​แล​สิ่ง​ล้ำ​ลึก​ของ​พระ​เจ้า นั่นคือ เราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าผู้มีหน้าที่ดูแลข่าวประเสริฐนั่นเอง

บ่าวที่ดี เมื่อนายมอบเงินให้บริหารให้รับผิดชอบ ย่อมนำเงินนั้นไปลงทุนที่มั่นใจว่าจะเกิดผลทวีมากยิ่งขึ้น ไม่นำเอาเงินนั้นไปฝังดิน

เราได้รับข่าวประเสริฐมาแล้ว ไม่ควรเก็บเงียบไว้คนเดียว ควรบอกต่อไป เพื่อความรอดทางพระเยซูคริสต์ จะได้ไปถึงผู้คนมากมาย

1.@ วันนี้ เรากำลังเป็นบ่าวที่สัตย์ซื่อ อยู่หรือเปล่า?

พระเจ้าทรงไว้ใจเรา จึงมอบข่าวประเสริฐให้แก่เราก่อนคนอื่น เพื่อเราจะไปบอกคนอื่นต่อๆไป

2.# อ.เปาโลกล่าวว่า สำ​หรับเขาแล้ว การ​ที่​​มนุษย์​คน​ใด​จะ​วิพากษ์วิจารณ์หรือตำหนิติเตียนเขา เขาถือ​ว่า​เป็น​เรื่อง​เล็ก​น้อย​ที่​สุด
เพราะคนที่เขาแคร์ คือพระเจ้า
ถ้าพระเจ้าพอพระทัย คนจะพอใจหรือไม่ ก็ไม่ใช่สาระสำคัญอะไรเลย

2.@ วันนี้ เราแคร์พระเจ้า หรือ แคร์มนุษย์มากกว่ากัน?
หากการทำตามพระทัยของพระเจ้า จะทำให้มนุษย์บางคนไม่พอใจ เรายังคงเต็มใจทำหรือไม่?

3.# “อย่า​ตัด​สิน​สิ่ง​ใด​ก่อน​ถึง​เวลา” จง​คอยพระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน เพราะว่าเราเห็นไม่หมด เราเข้าใจได้แค่บางส่วน แต่พระเจ้าทรงทราบ​ความ​มุ่ง​หมาย​ของ​จิต​ใจของทุกคน

3.@ วันนี้ เมื่อเห็นบางคนทำสิ่งที่ขัดใจเรา แต่ก็ไม่ได้ขัดกับพระคำของพระเจ้า
อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่า เขาทำผิด
เพราะเราไม่รู้เรื่องราวของเขาทั้งหมด
พระเจ้าเองจะเป็นผู้ตัดสิน อย่างยุติธรรม ในเวลาของพระองค์

4.# 1คร. 4:6 …“อย่า​ออก​นอก​ขอบ​เขต​ของ​พระ​คัม​ภีร์”…
พระคัมภีร์เป็นแนวทางแก่เรา ในการดำเนินชีวิตและการตัดสินใจในเรื่องต่างๆในชีวิต
แต่การใช้พระคัมภีร์เป็นแนวทางนี้ เราต้องทำความเข้าใจพระคัมภีร์ตอนนั้น โดยดูบริบทรอบข้างของตอนนั้นด้วยว่า พระคัมภีร์กำลังกล่าวถึงเรื่องอะไร

4.@ การใช้พระคัมภีร์ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆเป็นสิ่งที่ดีเลิศ
แต่การใช้พระคัมภีร์อย่างไม่ดูบริบท เป็นการบิดเบือนออกนอกขอบเขตของพระคัมภีร์ ซึ่งจะนำปัญหามาสู่ผู้ที่กระทำเช่นนั้น

5.# 1คร. 4:7 “…ท่าน​มี​อะไร​ที่​ไม่​ได้​รับ​มา? ถ้า​ท่านได้​รับ​มา ทำไม​จึง​โอ้​อวด​เหมือน​กับ​ว่า​ท่าน​ไม่​ได้​รับ​มา?”

ทุกอย่างที่เรามีพระเจ้าทรงโปรดประทานให้ เราไม่ได้ดีกว่าคนอื่นๆเลย เพราะทุกคนเป็นคนบาปเหมือนกัน ทุกคนไม่ต่างกัน

5.@ เป็นพระคุณของพระเจ้าที่ประทานสิ่งที่เรามีแก่เรา ดังนั้นเราไม่ควรโอ้อวดในสิ่งที่เรามีหรือเราเป็น แต่ควรถวายเกียรติแด่พระเจ้า ด้วยสิ่งที่เรามีและสิ่งที่เราเป็น

6.# 1คร. 4:20 “เพราะ​ว่า​แผ่น​ดิน​ของ​พระ​เจ้า​ไม่​ใช่​เรื่อง​ของ​ถ้อย​คำ แต่​เป็น​เรื่อง​ฤทธิ์​เดช”

เรื่องของพระเจ้า ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู แต่เป็นฤทธานุภาพที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนได้จริงๆ

6.@ บางคนพูดเรื่องของพระเจ้าอย่างคล่องแคล่วแต่ชีวิตไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งตนเองและผู้ที่ฟังตน

สิ่งที่เป็นมาจากพระเจ้าจะนำการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงมาสู่ทั้งผู้พูดและผู้ฟัง

คำคม

“พระเจ้าทรงรู้สึกกับเราอย่างไร ย่อมสำคัญกว่า มนุษย์รู้สึกกับเราเช่นไร”

ขุมทรัพย์ 1โครินธ์ 3

ภาพรวม

  • ในบทนี้ อ.เปาโล ตำหนิ คริสตจักรที่โครินธ์ในเรื่องการแตกแยกแบ่งพรรคแบ่งพวก เหมือนคนที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง ทั้งที่พวกเขาได้เป็นคนฝ่ายวิญญาณแล้ว

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# อ.เปาโลพูดกับคริสตจักรที่โครินธ์ว่า พวกเขามีพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ด้วยสามารถเข้าใจความล้ำลึกฝ่ายวิญญาณได้(1คร.2:10)
แต่พวกเขากลับไม่สามารถเข้าใจเรื่องฝ่ายวิญญาณได้ เพราะพวกเขาทำตัวเป็นทารกฝ่ายวิญญาณ ด้วยการดำเนินชีวิตอยู่ฝ่ายเนื้อหนัง สนใจแต่เรื่องกายภาพ ไม่สนใจในเรื่องฝ่ายวิญญาณ

1.@ วันนี้ เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่กับเราแล้ว
หากเราสนใจจอจ่อแต่ของในโลกนี้ เราจะไม่เข้าใจสิ่งฝ่ายวิญญาณที่พระวิญญาณบริสุทธิ์พยายามสื่อสารกับเราได้

วันนี้ ไม่ว่าเรากำลังเผชิญกับสิ่งใด จงทูลขอพระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดเผยแก่เราว่า ในสถานการณ์นี้ เราจะมองด้วยมุมมองฝ่ายวิญญาณได้อย่างไร

2.# 1คร. 3:7 “​คน​ที่​ปลูก​และ​คน​ที่​รด​น้ำ​ไม่​สำ​คัญ​อะไร แต่​พระ​เจ้า​ผู้​ทรง​ให้​เติบ​โต​นั้น​ต่าง​หาก​ที่​สำ​คัญ”

ในการรับใช้พระเจ้า การเกิดผลมาจากพระเจ้า
หากพระจ้าประสงค์ให้เกิดผล ยังไงมันก็จะเกิดผล แต่ถ้าไม่ ยังไงมันก็จะไม่

ดังนั้นความสำเร็จในการรับใช้พระเจ้า จึงไม่ได้วัดที่เกิดผลมากมายเพียงใด
แต่วัดที่เราได้สัตย์ซื่อในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายนั้นเพียงใด

2.@ วันนี้ เราสัตย์ซื่อในสิ่งที่พระเจ้ามอบหมายให้เราทำมากน่้อยเพียงใด?
เราได้ใช้ เวลา ความสามารถ เงินทอง และสิ่งที่เรามี มกาเพียงใด เพื่อทำให้พระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ ที่พระองค์ทรงสั่งเราไว้นั้น สำเร็จ?

3.# ในวันสุดท้าย การ​งาน​ของ​แต่​ละ​คน​​จะ​ถูก​เผย​ให้​เห็น​ด้วย​ไฟ การงานของใครทนอยู่ได้ก็จะได้รับบำเหน็จ

ในเมื่อพระเจ้าไม่ได้ดูที่ความสำเร็จ แต่ดูที่ความสัตย์ซื่อ
ดังนั้นการงานที่ทนไฟได้นั้น จึงไม่ได้ดูที่ความยิ่งใหญ่ของงาน
แต่ดูที่ท่าทีในใจของเรา ในการทำงานนั้นๆว่า
เราได้ทำอย่างสัตย์ซื่อ ด้วยความรักที่มีต่อพระองค์ มากน้อยเพียงใด

3.@ วันนี้ ไม่สำคัญว่า สิ่งที่เราทำเพื่อพระเจ้านั้นจะใหญ่โต หรือเล็กน้อย
สิ่งสำคัญที่แท้จริงคือ แรงจูงใจที่เราทำนั้น เราทำเพราะอะไร?
เราทำเพราะความรักที่มีต่อพระเยซู หรือ เพราะเหตุผลอื่นๆ

4.# เราเป็น​วิ​หาร​ของพระ​วิญ​ญาณบริสุทธิ์
ดังนั้นเราควรดูแล เอาใจใส่ วิหารนี้ ให้บริสุทธิ์ สง่างาม ถวายเกียรติแด่พระเจ้าอยู่เสมอ
ทุกครั้งที่ทำเปื้อน ควรรีบล้างใหม่ให้สะอาดโดยพระโลหิตประเสริฐของพระเยซูคริสต์

4.@ วันนี้ เราทำตัวให้สมกับเป็นพระวิหารที่พระเจ้าใหญ่ยิ่งสูงสุดทรงสถิตอยู่ด้วย มากเพียงใด?

5.# ปัญ​ญา​ของ​โลก​นี้ เป็น​ความ​โง่​ใน​สาย​พระ​เนตร​ของ​พระ​เจ้า เพราะ​ปัญญาแห่งโลกนี้ มองแค่มิติที่มองเห็น ไม่อาจเข้าใจมิติในฝ่ายวิญญาณได้
ดังนั้น เมื่อเราดำเนินชีวิตอย่างคนฝ่ายวิญญาณ เมื่อวัดด้วยมาตรฐานปัญญาของโลกแล้ว เราจะถูกนับว่าเป็นคนโง่เขลา
ซึ่งความจริงแล้ว คนที่ดำเนินชีวิตในฝ่ายวิญญาณ เป็นคนมีปัญญาที่แท้จริงในสายพระเนตรของพระเจ้า

5.@ การเชื่อฟังพระเจ้า อาจถูกคนอื่นมองว่า โง่เขลา
แต่สำหรับพระเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสิ่ง และผู้จะทรงพิพากษาทุกคนนั้น พระองค์มองว่ามีปัญญายิ่งนัก

คำคม

“ มนุษย์ดูที่ผลงานภายนอก แต่พระเจ้าดูที่ท่าทีในจิตใจ”

ขุมทรัพย์ 1โครินธ์ 2

ภาพรวม

  • บทนี้กล่าวถึงความล้ำลึกของพระเจ้าว่า ไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยปัญญาของมนุษย์ ต้องอาศัยการเปิดเผยจากพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น จึงจะสามารถเข้าใจไ้ด้

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# การประกาศข้อล้ำลึกของพระเจ้านั้น ไม่อาจใช้สติปัญญาของมนุษย์
เพราะสติปัญญาของมนุษย์มีไม่มากพอที่จะสื่อสารความล้ำลึกของพระเจ้าได้
ดังนั้นจึงต้องอาศัยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำงานในจิตใจของผู้เชื่อ
เพื่อทำให้เขาสามารถเข้าใจความล้ำลึกนั้นได้ ผ่านทางความเชื่อ

1.@ ความล้ำลึกของพระเจ้า ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยปัญญาของมนุษย์ แต่เข้าใจได้โดยความเชื่อ
ยิ่งเราเชื่อในพระคำของพระเจ้ามากเท่าใด พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะยิ่งเปิดเผยให้เราเข้าใจพระคำของพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น

2.# 1คร. 2:9 “สิ่ง​ที่​ตา​ไม่​เห็น หู​ไม่​ได้​ยิน และ​สิ่ง​ที่​ใจ​มนุษย์​คิด​ไม่​ถึง
คือ​สิ่ง​ที่​พระ​เจ้า​ทรง​จัด​เตรียม​ไว้​สำ​หรับ​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​รัก​พระ​องค์”

พระเจ้าทรงจัดเตรียมศักดิ์ศรีไว้ในแก่เรา ตั้งแต่ในปฐมกาลแล้ว(ข้อ7) แต่ในเวลาต่อมาเราเพิ่งจะมองเห็นแล้วเข้าใจ

2.@ พระเจ้าผู้ทรงรักเรา ได้จัดเตรียมสิ่งดีทุกอย่างไว้สำหรับเราแล้ว เพียงแต่วันนี้ในหลายอย่างเราอาจจะมองไม่เห็น ยังไม่ได้ยิน หรือยังไม่เข้าใจ
แต่โดยความเชื่อ เราจึงมั่นใจว่า สิ่งที่เรากำลังประสบอยู่นี้จะนำเกียรติ ศักดิ์ศรี และพระพรมากมาย มาสู่ชีวิตของเราอย่างแน่นอน

3.# 1คร. 2:11 “อัน​ความ​คิด​ของ​มนุษย์​นั้น จะ​มี​ใคร​หยั่ง​รู้​ได้​
ถ้า​ไม่​ใช่​จิต​วิญ​ญาณ​ของ​มนุษย์​คน​นั้น​เอง
พระ​ดำริ​ของ​พระ​เจ้า​ก็​ไม่​มี​ใคร​หยั่ง​รู้​ได้
​เว้น​แต่​พระ​วิญ​ญาณ​ของ​พระ​เจ้า​เช่น​กัน”

เราไม่มีทางหยั่งรู้พระทัยของพระบิดาได้ด้วยสติปัญญา แต่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงสถิตในเรา
พระองค์ทรงเปิดเผยพระทัยของพระเจ้า ให้เรารับรู้ได้

ดังนั้น ​คน​ทั่ว​ไปเมื่อรับฟังเรื่องฝ่ายวิญญาณ พวกเขาจะไม่สามารถเข้าใจได้และเห็น​ว่า​เป็น​เรื่อง​โง่เขลา (ข้อ14)
แต่สำหรับผู้มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานความเข้าใจให้ จะเข้าใจและเห็นว่าเป็นความล้ำลึกของพระเจ้า

3.@ พระวิญญาณบริสุทธิ์พร้อมที่จะสอนเราเพื่อให้เข้าใจเรื่องฝ่ายวิญญาณ
ดังนั้นในการอ่านพระคัมภีร์และการมองสถานการณ์ต่างๆ ให้เข้าใจความล้ำลึกในฝ่ายวิญญาณนั้น เราต้องคอยถามและรับฟังการสอนจากพระวิญญาณบริสทธิ์อยู่เสมอ

คำคม

“ความเข้าใจฝ่ายวิญญาณ จะเกิดขึ้นได้
ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากพระวิญญาณเท่านั้น”

ขุมทรัพย์ 1โครินธ์ 1

ภาพรวม

  • พระธรรม 1 โครินธ์ เป็นจดหมายที่อ.เปาโลเขียนถึงคริสตจักรในเมืองโครินธ์ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆของคริสตจักรที่นั่น และ แนะนำพวกเขาในการดำเนินชีวิตติดตามพระเจ้า
  • ในบทนี้กล่าวถึง ข่าวประเสริฐว่าเป็นฤทธานุภาพและสติปัญญาของพระเจ้า ซึ่งจะรับรู้ได้ด้วยความเชื่อในคำตรัสของพระเจ้า

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# 1คร. 1:9 พระ​เจ้า​ทรง​เรียกเรา​ให้​สัม​พันธ์​สนิท​กับ​พระ​เยซู​คริสต์​

1.@ ภารกิจที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของเรา ขณะอยู่ในโลกนี้ คือ สนิทสนมกับพระเยซู

วันนี้ เราใช้เวลาและการทุ่มเทมากเพียงใด เพื่อภารกิจที่สำคัญที่สุดนี้

2.# การประกาศข่าวประเสริฐ ไม่จำเป็นต้องอาศัยเทคนิคอันชาญฉลาด เพียงประกาศได้ครบถ้วน ให้ผู้ฟังเข้าใจ ที่เหลือเป็นงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่จะทำงานในจิตใจของผู้ฟังเอง

2.@ พยานไม่จำเป็นต้องพูดเก่ง แค่เพียงพูดความจริงก็พอแล้ว
ในการประกาศข่าวประเสริฐ ไม่จำเป็นต้องพูดเก่ง เพียงพูดความจริงแห่งข่าวประเสริฐของพระเจ้าก็เพียงพอแล้ว

3.# คน​​ที่​กำ​ลัง​จะ​พินาศ​ จะ​เห็น​ว่า​เรื่อง​กาง​เขน​เป็น​เรื่อง​โง่
แต่​คน​ที่​กำ​ลัง​จะ​รอด​ จะเห็น​ว่า​เป็น​ฤท​ธา​นุภาพ​ของ​พระ​เจ้า

พวก​ยิว​เสาะหาหมาย​สำ​คัญ พวก​กรีก​เสาะ​หา​ปัญ​ญา
ดังนั้น​เรื่อง​พระเยซูถูกตรึงตายที่กางเขน
สำหรับยิวช่างไม่เป็นอัศจรรย์ ช่างเป็นความพ่ายแพ้อย่างน่าอาย
สำหรับพวกรีกช่างเป็นเรื่อง​โง่เขลา ที่จะนับถือคนที่ตายอย่างไร้เกียรติเช่นนั้น
แต่สำหรับผู้เชื่อนั้น เรื่องนี้เป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า ที่จะช่วยพวกเขาพ้นอำนาจบาปและทรงปราบมารซาตานลงอย่างราบคาบ และเป็นพระปัญญาอันสูงส่งซับซ้อนของพระเจ้า ที่ทำให้คนบาปกลายเป็นคนชอบธรรมและเข้าส่วนในพระสิริของพระเจ้าได้

นั่นก็เพราะว่าฤทธานุภาพและพระปัญญาของพระเจ้า สูงส่งกว่าของมนุษย์มากมายนัก จนเขาไม่สามารถมองเห็นหรือเข้าใจได้เอง นอกจากพวกเขาจะเชื่อในสิ่งที่พระเจ้าบอกแก่พวกเขา

3.@ เรื่องข่าวประเสริฐ สำหรับคนไม่เชื่ออาจถือว่าช่างอ่อนแอ ที่ต้องพึ่งพระเจ้าตลอดเวลา และช่างโง่เขลา ที่การตายของผู้หนึ่งช่วยอีกคนหนึ่งได้ทั้งที่อยู่คนละที่คนละเวลากัน

แต่สำหรับเราผู้เชื่อในสิ่งที่พระเจ้าบอกนั้น เรื่องข่าวประเสริฐจึงเป็นฤทธิ์เดชยิ่งใหญ่ที่ช่วยเราได้ ตามพระปัญญาอันซับซ้อนของพระเจ้า

4.# พระเจ้าทรงใช้คนที่อ่อนแอ คนที่โลกถือว่าโง่เขลา คนที่ต่ำต้อยไม่สำคัญอะไรเลย เพื่อสำแดงพระปัญญาและฤทธานุภาพของพระเจ้า
เพราะว่าพระเจ้าไม่จำเป็นต้องพึ่งพากำลัง ปัญญา หรือความสูงศักดิ์ ของมนุษย์เลย

ดังนั้นไม่ว่า เรามีฐานะเช่นใด หรือจะฉลาดเพียงใด หากเรามีโอกาสทำอะไรแด่พระเจ้าได้สำเร็จ
เราไม่มีหน้าจะอวดตัวเองเลย เพราะที่เราทำได้นั้นไม่ใช่เพราะเราเอง แต่เพราะพระปัญญาและฤทธานุภาพของพระเจ้า

4.@ เมื่อทำสิ่งใดสำเร็จ จงถ่อมตัวลงแล้วขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงโปรดประทานความสำเร็จนั้นให้แก่เรา

คำคม

“ปัญญาอันล้ำเลิศและพลังอันยิ่งใหญ่ อาจถูกมองว่าเป็นสิ่งโง่เขลาและอ่อนแอก็ได้
สำหรับคนที่โง่เขลา ที่แสนดื้อรั้น