ภาพรวม
- ในบทนี้ อ.เปาโล ตำหนิ คริสตจักรที่โครินธ์ในเรื่องการแตกแยกแบ่งพรรคแบ่งพวก เหมือนคนที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง ทั้งที่พวกเขาได้เป็นคนฝ่ายวิญญาณแล้ว
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1# อ.เปาโลพูดกับคริสตจักรที่โครินธ์ว่า พวกเขามีพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ด้วยสามารถเข้าใจความล้ำลึกฝ่ายวิญญาณได้(1คร.2:10)
แต่พวกเขากลับไม่สามารถเข้าใจเรื่องฝ่ายวิญญาณได้ เพราะพวกเขาทำตัวเป็นทารกฝ่ายวิญญาณ ด้วยการดำเนินชีวิตอยู่ฝ่ายเนื้อหนัง สนใจแต่เรื่องกายภาพ ไม่สนใจในเรื่องฝ่ายวิญญาณ
1.@ วันนี้ เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่กับเราแล้ว
หากเราสนใจจอจ่อแต่ของในโลกนี้ เราจะไม่เข้าใจสิ่งฝ่ายวิญญาณที่พระวิญญาณบริสุทธิ์พยายามสื่อสารกับเราได้
วันนี้ ไม่ว่าเรากำลังเผชิญกับสิ่งใด จงทูลขอพระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดเผยแก่เราว่า ในสถานการณ์นี้ เราจะมองด้วยมุมมองฝ่ายวิญญาณได้อย่างไร
2.# 1คร. 3:7 “คนที่ปลูกและคนที่รดน้ำไม่สำคัญอะไร แต่พระเจ้าผู้ทรงให้เติบโตนั้นต่างหากที่สำคัญ”
ในการรับใช้พระเจ้า การเกิดผลมาจากพระเจ้า
หากพระจ้าประสงค์ให้เกิดผล ยังไงมันก็จะเกิดผล แต่ถ้าไม่ ยังไงมันก็จะไม่
ดังนั้นความสำเร็จในการรับใช้พระเจ้า จึงไม่ได้วัดที่เกิดผลมากมายเพียงใด
แต่วัดที่เราได้สัตย์ซื่อในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายนั้นเพียงใด
2.@ วันนี้ เราสัตย์ซื่อในสิ่งที่พระเจ้ามอบหมายให้เราทำมากน่้อยเพียงใด?
เราได้ใช้ เวลา ความสามารถ เงินทอง และสิ่งที่เรามี มกาเพียงใด เพื่อทำให้พระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ ที่พระองค์ทรงสั่งเราไว้นั้น สำเร็จ?
3.# ในวันสุดท้าย การงานของแต่ละคนจะถูกเผยให้เห็นด้วยไฟ การงานของใครทนอยู่ได้ก็จะได้รับบำเหน็จ
ในเมื่อพระเจ้าไม่ได้ดูที่ความสำเร็จ แต่ดูที่ความสัตย์ซื่อ
ดังนั้นการงานที่ทนไฟได้นั้น จึงไม่ได้ดูที่ความยิ่งใหญ่ของงาน
แต่ดูที่ท่าทีในใจของเรา ในการทำงานนั้นๆว่า
เราได้ทำอย่างสัตย์ซื่อ ด้วยความรักที่มีต่อพระองค์ มากน้อยเพียงใด
3.@ วันนี้ ไม่สำคัญว่า สิ่งที่เราทำเพื่อพระเจ้านั้นจะใหญ่โต หรือเล็กน้อย
สิ่งสำคัญที่แท้จริงคือ แรงจูงใจที่เราทำนั้น เราทำเพราะอะไร?
เราทำเพราะความรักที่มีต่อพระเยซู หรือ เพราะเหตุผลอื่นๆ
4.# เราเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ดังนั้นเราควรดูแล เอาใจใส่ วิหารนี้ ให้บริสุทธิ์ สง่างาม ถวายเกียรติแด่พระเจ้าอยู่เสมอ
ทุกครั้งที่ทำเปื้อน ควรรีบล้างใหม่ให้สะอาดโดยพระโลหิตประเสริฐของพระเยซูคริสต์
4.@ วันนี้ เราทำตัวให้สมกับเป็นพระวิหารที่พระเจ้าใหญ่ยิ่งสูงสุดทรงสถิตอยู่ด้วย มากเพียงใด?
5.# ปัญญาของโลกนี้ เป็นความโง่ในสายพระเนตรของพระเจ้า เพราะปัญญาแห่งโลกนี้ มองแค่มิติที่มองเห็น ไม่อาจเข้าใจมิติในฝ่ายวิญญาณได้
ดังนั้น เมื่อเราดำเนินชีวิตอย่างคนฝ่ายวิญญาณ เมื่อวัดด้วยมาตรฐานปัญญาของโลกแล้ว เราจะถูกนับว่าเป็นคนโง่เขลา
ซึ่งความจริงแล้ว คนที่ดำเนินชีวิตในฝ่ายวิญญาณ เป็นคนมีปัญญาที่แท้จริงในสายพระเนตรของพระเจ้า
5.@ การเชื่อฟังพระเจ้า อาจถูกคนอื่นมองว่า โง่เขลา
แต่สำหรับพระเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสิ่ง และผู้จะทรงพิพากษาทุกคนนั้น พระองค์มองว่ามีปัญญายิ่งนัก
คำคม
“ มนุษย์ดูที่ผลงานภายนอก แต่พระเจ้าดูที่ท่าทีในจิตใจ”