ขุมทรัพย์ กาลาเทีย 6

ภาพรวม

  • ในบทนี้ อ.เปาโล ลักษณะการดำเนินชีวิตคริสเตียน ว่า ควรทำสิ่งดีแก่ผู้อื่น โดยเฉพาะกับพี่น้องคริสเตียนด้วยกัน และเน้นย้ำว่า สิ่งที่เราควรภาคภูมิใจคือข่าวประเสริฐ และสิ่งสำคัญที่สุดคือ การถูกสร้างใหม่โดยพระเจ้า

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# กท. 6:1 กล่าวว่า ถ้า​จับ​คนที่ทำผิด​ประ​การ​ใด​ได้ ไม่ควรซ้ำเติม แต่ควร​ช่วย​คน​นั้นอย่างอ่อนสุภาพ ให้สามารถกลับตัวกลับใจ เริ่มต้นชีวิตใหม่ ​
แต่ขณะเดียวกันก็ต้องคอยระวังตัวเอง ไม่ให้ถูกชักจูงเข้าไปสู่ความผิดนั้นเสียเอง​ด้วย

1.@ เมื่อพบคนทำผิด ควรให้โอกาสเขา พยายามช่วยเขาให้กลับใจ
แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ตนเองตกเข้าไปในการทดลอง

2.# กท. 6:2 บอกให้ “จง​ช่วย​รับ​ภาระ​ของ​กัน​และ​กัน” แต่ขณะเดียวกัน กท. 6:5 กล่าว่า “…​แต่​ละ​คน​ต้อง​รับ​ภาระ​ของ​ตัว​เอง”

2.@ เราสมควรช่วยแบกภาระของพี่น้องตามสมควร
แต่ในขณะเดียวกันต้องให้เขาเรียนรู้ที่จะต้องแบกภาระของตนเองด้วย

เราช่วยเท่าที่ช่วยได้ ที่เหลือ เขาต้องรับผิดชอบตัวเอง

3.# คนที่หลงตัวเอง คือ คนที่คิดว่าตนเองสำคัญกว่าที่เป็นจริงๆ
บางคนอาจจะเก่งหรือดีกว่าผู้อื่นในบางด้าน
พอเอาตัวเองไปเปรียบกับผู้อื่นจึงเข้าใจผิดคิดว่าตนดีเลิศแล้ว
ความจริงแล้ว เราไม่ควรเอาตัวเองไปเปรียบกับผู้อื่น เพราะแต่ละคนถูกสร้างมาไม่เหมือนกัน
แต่ควร​สำ​รวจ​การ​กระ​ทำ​ของ​ตน​เอง ว่าได้ทำอย่างสัตย์ซื่อ ได้ทำอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง และมีสิ่งใดที่ต้องพัฒนาขึ้นไปอีก

3.@ คนที่ชอบเอาตัวไปเปรียบกับคนอื่น จะประเมินการกระทำของตนผิดพลาดไป
เราควรสำรวจการกระทำของตัวเอง ว่า เราควรจะทำอย่างไรเพื่อให้ทำได้ดียิ่งกว่าปัจจุบันนี้

4.# กท. 6:6 “ส่วน​คน​ที่​รับ​การ​สอน​พระ​วจนะ จง​แบ่ง​สิ่ง​ดี​ทุก​อย่าง​ให้​แก่​คน​ที่​สอน​ตน​เถิด”

พระเจ้าชอบให้เรากตัญญู ดังนั้นเราสมควรทำสิ่งดี มอบสิ่งดี แก่ผู้ที่สอนเรา หรือดูแลเอาใจใส่จิตวิญญาณของเรา เช่น ศิษยาภิบาลของเรา

4.@ วันนี้ เราทำอะไรให้แก่ศิษยาภิบาลของเรา เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณพวกเขาแล้วหรือยัง?

5.# ใน กท. 6:7 กล่าวว่า “…ใคร​หว่าน​อะไร​ลง ก็​จะ​เก็บ​เกี่ยว​สิ่ง​นั้น”
พระเจ้าผู้ทรงทราบทุกสิ่ง จะเป็นผู้ประทานแก่เรา ตามที่เราได้หว่านลงไปนั้น

คนที่ทุ่มเทเวลา พลัง ลงไปกับบาปหรือการทำตามใจปรารถนาของตนเอง จะพบความสูญเปล่า ไร้ค่า
คนที่ทุ่มเทเวลา พลัง ลงไปกับเรื่องฝ่ายวิญญาณ และการทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า จะพบกับชีวิตนิรันดร์ และบำเหน็จนิรันดร์

5.@ วันนี้ เรากำลังใช้เวลา พลัง ความสามารถ และสิ่งที่เรามี ทุ่มเทให้กับสิ่งใด?
สิ่งนั้นจะมั่นคง ถาวรมากแค่ไหน?

6.# กท. 6:9 “อย่า​ให้​เรา​เมื่อย​ล้า​ใน​การ​ทำ​ดี เพราะ​ว่า​ถ้า​เรา​ไม่​ท้อ​ใจ​แล้ว เรา​ก็​จะ​เก็บ​เกี่ยว​ใน​เวลา​อัน​สม​ควร”

ในการทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ให้เรารู้ว่าในเวลาอันสมควร พระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อจะประทานการเกิดผลดีอย่างน่าชื่นใจเพราะการกระทำนั้น แก่เรา อย่างแน่นอน

6.@ สัตย์ซื่อต่อไป อย่ายอมแพ้ รางวัลกำลังออกเดินทางมาแล้ว

7.# กท. 6:10 “…​เมื่อ​เรา​มี​โอ​กาส ให้​เรา​ทำ​ดี​ต่อ​ทุก​คน และ​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง ต่อ​คน​ที่​เป็น​สมา​ชิก​ของ​ครอบ​ครัว​แห่ง​ความ​เชื่อ”

พระเจ้าประสงค์ให้เราทำการดีอยู่เสมอ และพระองค์ชื่นใจเป็นพิเศษเมื่อเราทำการดีต่อลูกของพระองค์

7.@ จงทำสิ่งดี แก่ทุกคน และขยันทำดีต่อลูกของพระองค์

8.# ใน กท. 6:14 อ.เปาโล กล่าวว่า เรื่องเดียวที่เขาปรารถนาจะอวด คือ
เรื่อง​กาง​เขน​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​ ซึ่งโดยกางเขนนั้นทำให้ อ.เปาโล ตัดสัมพันธ์กับค่านิยมของโลก เข้ามาสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้า

8.@ เรื่องข่าวประเสริฐ เรื่องไม้กางเขน เป็นเรื่องที่คริสเตียนทุกคนควรภาคภูมิใจ ควรประกาศออกไป
คนอื่นจะคิดอย่างไรก็ช่างก็ฉันเชื่อแบบนี้ และภูมิใจที่ได้เชื่อในข่าวประเสริฐนี้

9.# ใน กท. 6:15 อ.เปาโล กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิตคริสเตียน ไม่ใช่การได้รับความยอมรับจากมนุษย์เนื่องจากการทำศาสนพิธีใดๆ แต่เป็นการ​ที่​เราได้รับการ​สร้าง​ใหม่​

9.@ วันนี้ เราเป็นคริสเตียนที่ถูกสร้างใหม่ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้วหรือยัง?

คำคม

“ในพระคริสต์ ถ้าเราไม่ยอมแพ้เสียก่อน เราจะรับชัยชนะแน่นอน”

ขุมทรัพย์ กาลาเทีย 5

ภาพรวม

  • ในบทนี้ อ.เปาโลพูดถึงผู้เชื่อว่ามีเสรีภาพในพระวิญญาณ ไม่ได้อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ และมีสิทธิเลือกไม่อยู่ใต้เนื้อหนัง แต่อยู่ใต้พระวิญญาณ

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# โดยพระเยซูคริสต์ เราได้รับการไถ่ พ้นทาส เป็นไทแล้ว
เราควรจะตั้งมั่นในเสรีภาพนั้น ไม่ถอยหลังกลับไปดำเนินชีวิตเป็นทาสของบาปหรือของธรรมบัญญัติอีก

1.@ วันนี้ เราไม่จำเป็นต้องดิ้นรน หรือพยายามทำอะไร เพื่อให้เราพ้นบาป เพื่อให้เราเป็นคนชอบธรรมอีกต่อไป เพราะพระเยซูทำให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
เพียงแต่เราจะยึดมั่นในความเชื่อว่าเราได้รับแล้วจริงๆ โดยความเชื่อนี้จะนำให้เราดำเนินชีวิตสมกับเป็นคนที่เป็นคนชอบธรรมแล้ว

2.# ใน กท. 5:4 อ.เปาโล หากเราพยายามจะ​ถูก​ชำระ​ให้​ชอบ​ธรรม​โดยการพยายามทำตาม​ธรรม​บัญ​ญัติ เราก็​หล่น​จาก​พระ​คุณ​ไป​เสีย​แล้ว และถูก​ตัด​ขาด​จาก​พระ​คริสต์

ถ้าพยายามด้วยตนเอง จะหล่นจากพระคุณ
ต้องถ่อมตัวลง ยอมรับความจริงว่าเราไม่อาจทำได้ด้วยตนเอง แล้วรับพระคุณของพระเจ้าด้วยความเชื่อ

2.@ คริสเตียนไม่ควรพยายามทำตัวเป็นคนดี
แต่ควรขอพระเจ้าเปลี่ยนจิตใจภายในของเราให้เป็นคนดี แล้วจะสะท้อนออกมาเป็นการทำดี

3.# กท. 5:5 “…​โดย​พระ​วิญ​ญาณ​และ​ความ​เชื่อ เรา​ก็​รอ​คอย​ความ​ชอบ​ธรรม​ที่​เรา​หวัง​ว่า​จะ​ได้​รับ”

ชึ้ให้เห็นว่า ความชอบธรรมอย่างสมบูรณ์ยังไม่ได้เกิดขึ้นกัยเราในวันนี้
วันนี้เราชอบธรรมทางกฏหมายเรียบร้อยแล้ว(ทางนิตินัย)
แต่การดำเนินชีวิตของเรา(ทางพฤตินัย)ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้ชอบธรรมอย่างสมบูรณ์ทั้งหมด
เรากำลังรอคอยวันนั้น วันที่เราเป็นขึ้นมาจากความตาย แล้วเราจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่โดยสมบูรณ์
การรอคอยนี้ อาศัย พระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตในเรา สอนเรา นำเรา เราจึงมั่นใจว่า ในวันสุดท้ายพระองค์จะเปลี่ยนแปลงเราใหม่ เป็นกายใหม่เหมือนที่พระองค์ทรงกระทำกับพระเยซูคริสต์
และการรอคอยนี้ อาศัย ความเชื่อ แม้เรายังไม่เห็น แต่โดยความเชื่อเราก็มั่นใจในความหวังว่าจะรับการเปลี่ยนแปลงนี้

3.@ วันนี้ เราเป็นคนชอบธรรมแล้วในสายพระเนตรของพระเจ้า โดยทางพระเยซูคริสต์
แต่พฤติกรรมของเรา หลายอย่าง ยังห่างไกลกับสิ่งที่คนชอบธรรมเขาประพฤติกัน
ดังนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงเรา ในวันนี้
เพื่อให้ชีวิตของเราสมกับเป็นคนชอบธรรมมากยิ่งขึ้น
(อย่างน้อยก็ใกล้เคียงขึ้นอีกหน่อย)

เราผู้เป็นผู้ชอบธรรมแล้ว จึงสมควรดำเนินชีวิตตามการสอนและการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ตลอดเวลา

4.# ใน กท. 5:6 ชี้ให้เห็นว่า สำหรับคนที่ผู้อยู่​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​นั้น การกระทำตามพิธีกรรมของศาสนาไม่สำคัญอะไรเลย แต่​ความ​เชื่อ​ซึ่ง​แสดง​ออก​เป็น​การ​กระ​ทำ​ด้วย​ความ​รัก​นั้น​สำ​คัญ

4.@ สิ่งที่สำคัญในสายพระเนตรของพระเจ้า คือ ความเชื่อ ซึ่งความเชื่อแท้จะแสดงออกเป็นการกระทำที่เต็มไปด้วยความรัก

5.# ใน กท. 5:8 ชี้ให้เห็นว่า การ​ชัก​ชวน​ใดๆก็ตาม ที่ชวนให้เราละทิ้งความจริงแห่งข่าวประเสริฐ การชักชวนนั้นไม่​ได้​มา​จาก​พระ​เจ้า

5.@ วิธีแยกแยะวิธีหนึ่ง เพื่อให้รู้ว่า คำสอนใดไม่ได้มาจากพระเจ้าแน่ๆก็คือ ถ้าคำสอนใดบิดเบือนความจริงในข่าวประเสริฐ มั่นใจได้เลยว่าคำสอนนั้นไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่มาจากมาร

6.# กท. 5:9 “เชื้อ​เพียง​เล็ก​น้อย​ย่อม​ทำ​ให้​แป้ง​ดิบ​ฟู​ขึ้น​ได้​ทั้ง​ก้อน”
หากเราปล่อยปละละเลย บาปโดยไม่จัดการใดๆกับมัน แม้มันจะเป็นบาปเพียงเล็กน้อย
ในที่สุดมันจะนำปัญหาใหญ่มาสู่ชีวิตได้

6.@ เมื่อรู้ตัวแล้ว อย่ารอช้า จงรีบกลับใจในทันที

7.# ใน กท. 5:13 อธิบายว่า เราได้รับเสรี​ภาพโดยทางพระเยซูคริสต์
เราไม่ควรใช้เสรีภาพ​เพื่อทำสิ่งที่พระเยซูเกลียด คือ ทำบาป
แต่ควร​ใช้​เสรี​ภาพ​นั้นเพื่อ​ทำ​สิ่งที่พระเยซูชื่นใจ คือ ​รับ​ใช้​กัน​และ​กัน​ด้วย​ความ​รัก​

7.@ วันนี้ พระเยซูประทานเสรีภาพให้แก่เราแล้ว ที่จะไม่ต้องถูกฟ้องผิดเมื่อผิดพลาดพลั้งบาป
เราสมควรสมนึกพระคุณของพระองค์ ใช้พลังที่ได้จากการมีเสรีภาพนี้ ทำเพื่อพระเจ้า
โดยการปรนนิบัติลูกของพระองค์ด้วยความรัก

8.# กท. 5:14 “…​ธรรม​บัญ​ญัติ​ทั้ง​สิ้น​นั้น​สรุป​ได้​เป็น​คำ​เดียว คือ​ว่า จง​รัก​เพื่อน​บ้าน​เหมือน​รัก​ตน​เอง”
ถ้าเรารักเพื่อนบ้านจริงๆ เราก็จะไม่ทำผิดธรรมบัญญัติเลย เราจะไม่ทำร้ายเพื่อนบ้าน และ เราจะไม่ทำสิ่งใดให้เพื่อนบ้านสะดุด

8.@ คนที่เชื่อวางใจในพระเยซู ก็มีเสรีภาพ พ้นจากกฏของบาปและธรรมบัญญัติ และเขาจะมีพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตในเขา
ดังนั้นโดยการช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์จะทรงช่วยให้เขารักเพื่อนบ้านได้อย่างจริงใจ จึงเป็นผลให้ เขาสามารถทำตามธรรมบัญญัติได้อย่างครบถ้วน

9.# กท. 5:15 “…​ถ้า​ท่าน​กัด​และ​กิน​เนื้อ​กัน​และ​กัน จง​ระวัง​ให้​ดี ท่าน​จะ​ย่อย​ยับ​ไป​ด้วย​กัน”

9.@ หากเรารักกัน เราจะได้รับพระพรร่วมกัน
หากเรามัวแค่หาช่อง กล่าวโทษ โจมตีกันและกัน เกรงว่าจะตกที่นั่งลำบากไปตามๆกัน

ถ้าเขาทำผิดกับเรา แล้วไม่ยอมกลับใจ เขาจะโดนจัดการ แต่เราจะได้รับพระพร
แต่ ถ้าเขาทำผิดกับเรา แล้วไม่ยอมกลับใจ เราก็เลยทำผิดกับเขาบ้าง แบบนี้จะโดนทั้งคู่

10.# กท. 5:17 “…​ความ​ต้อง​การ​ของ​เนื้อ​หนัง​ขัด​แย้ง​พระ​วิญ​ญาณ และ​พระ​วิญ​ญาณ​ก็​ขัด​แย้ง​เนื้อ​หนัง เพราะ​ทั้ง​สอง​ฝ่าย​ต่อ​สู้​กัน …”

ในชีวิตของผู้เชื่อมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ และ เนื้อหนัง อยู่ภายใน
ทั้งสองต่อสู้กัน ไม่ได้หมายความว่า เนื้อหนังเก่งเท่าพระวิญญาณ จึงสู้พระวิญญาณได้
แต่หมายถึง ในแต่ละสถานการณ์ของชีวิตนั้น เราจะเลือกเชื่อฟังใครมากกว่ากัน

เมื่อเราเลือกเชื่อฟังพระวิญญาณ เราก็ไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ(ข้อ18) และจะไม่ทำตามเนื้อหนัง(ข้อ16)
และเมื่อเราเชื่อฟังพระวิญญาณ ผลของพระวิญญาณก็จะปรากฏในชีวิตของเรา ซึ่งผลเหล่านั้น ไม่ผิดธรรมบัญญัติเลย(ข้อ23)
แต่ถ้าเราเลือกเชื่อฟังเนื้อหนัง เราก็กลับไปอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ และไม่เดินทางพระวิญญาณ
ผลของเนื้อหนังก็จะปรากฏในชีวิตของเรา ซึ่งผลเหล่านั้นทั้งหมดล้วนผิดธรรมบัญญัติ(ข้อ19-21)

แต่เราทั้งหลายผู้เชื่อวางใจในพระเยซู พระเยซูได้เป็นตัวแทนของเรารับโทษบาปถูกตรึงตายที่กางเขนแล้ว นั่นแสดงว่า เนื้อหนังของเราก็ได้ถูกตรึงไว้ที่กางเขนร่วมกับพระคริสต์แล้ว เนื้อหนังหมดฤทธิ์แล้ว เราไม่จำเป็นต้องทำตามเนื้อหนังอีกต่อไป

เรามีชีวิตใหม่แล้วโดยพระวิญญาณ ดังนั้น “ถ้า​เรา​มี​ชีวิต​อยู่​โดย​พระ​วิญ​ญาณ ก็​จง​ดำ​เนิน​ชีวิต​ตาม​พระ​วิญ​ญาณ​ด้วย” กท. 5:25

10.@ เราผู้อยู่ในพระคริสต์ บางครั้งเนื้อหนังหรือตัวเก่าของเรา อาจเรียกร้องให้เราทำบางอย่างตามประสงค์ของมัน แต่เราไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังมันอีกต่อไป
เรามีชีวิตใหม่โดยพระวิญญาณแล้ว ดังนั้นเราจะดำเนินชีวิตใหม่ตามการสอน การนำของพระวิญญาณ และเมื่อเป็นเช่นนั้นการงานของเนื้อหนังก็จะไม่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเราอีกต่อไป

สรุปง่ายๆ “จะทำอะไรปรึกษาพระวิญญาณก่อนเสมอ”

คำคม

“เกาะติดพระวิญญาณ การงานเนื้อหนังจะถูกขจัดออกไป”

ขุมทรัพย์ กาลาเทีย 4

ภาพรวม

  • ในบทนี้ อ.เปาโลชี้ให้คริสตจักรกาลาเทียเห็นว่า พวกเขาเป็นไทแล้วโดยพระเยซูคริสต์ ไม่สมควรที่จะดำเนินชีวิตเป็นทาสของบาปหรือภูตผีอีกต่อไป

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# เมื่อก่อนมนุษย์ตก​เป็น​ทาส​อยู่​ใต้​บัง​คับ​ของ​ภูต​ผี​ที่​ครอบงำ​ของ​จักร​วาล (ข้อ 3)
แต่เมื่อถึงเวลากำหนด พระเยซูเสด็จมาช่วยเรา ให้พ้นทาส กลายมาเป็นบุตรของพระเจ้า (ข้อ4,5)
เมื่อเราเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว พระ​เจ้าจึง​ทรง​ใช้​พระ​วิญ​ญาณ​แห่ง​พระ​บุตร​ของ​พระ​องค์ เข้า​มา​ใน​ใจ​ของ​เรา (ข้อ6)
เป็นการยืนยัน รับรองว่า เราเป็นบุตรของพระเจ้าแล้วจริงๆ

1.@ ทุกคนที่มีพระวิญญาณของพระเจ้า ในชีวิตของเขา
คนนั้นเป็นบุตรของพระเจ้าอย่างแน่นอน
และ เขาพ้นจากการเป็นทาสของธรรมบัญญัติ ,ทาสของวิญญาณชั่ว และทาสของบาปแล้ว อย่างแน่นอน

วันนี้ เราเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว
วันนี้ เราเป็นครนชอบธรรมแล้ว
จงชื่นชมยินดีอย่างยิ่งเถิด

2.# อ.เปาโล เตือนคริสตจักรกาลาเทียว่า พวกเขาได้เป็นลูกของพระเจ้าแล้ว พ้นจากการเป็นทาสแล้ว
ทำไมพวกเขาจึงกลับไปสมัครเป็นทาสของวิญญาณชั่วอีก โดยการไปตามอย่างพวกที่นับถือวิญญาณชั่วเหล่านั้น(ข้อ 9 )

2.@ วันนี้ เราพ้นทาส เป็นไทในพระเยซูคริสต์แล้ว
อย่าให้เราหันกลับไป ทำในสิ่งที่คนที่เป็นทาสของสิ่งเหล่านั้น ทำกันอีกเลย

3.# ใน กท. 4:10-11 อ.เปาโล เตือนว่า หากคริสตจักรกาลาเทีย ยังคง​ถือ​วัน เดือน ฤดู และ​ปี ถือว่าวันนี้ สำคัญกว่าวันนั้น เกรงว่าสิ่งที่ อ.เปาโลทำมาเพื่อพวกเขาจะสูญเปล่าไป โดยพวกเขาจะหันกลับไปทำตามทางเดิมที่เคยทำมานั้น

3.@ ทุกวัน สำหรับผู้เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ เป็นวันที่ดี
เราจึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องฤกษ์ยาม และไม่จำเป็นต้องยกย่องวันใดให้สำคัญกว่าวันอื่นๆ

วันคริสตมาส หรือ วันศุกร์ประเสริฐ หรือ วันฟื้นคืนพระชนม์ โดยตัวของวันเองนั้นไม่สำคัญอะไรเลย แต่สิ่งที่สำคัญคือ ความหมายและสิ่งที่เกิดขึ้นในวันเหล่านั้นต่างหากที่สำคัญ

ดังนั้น ในการจัดพิธีในวันเหล่านี้ เราไม่ได้จัดเพราะเป็นวันสำคัญ แต่จัดเพื่อระลึกถึงสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่ได้เกิดขึ้นในวันเหล่านี้

4.# อ.เปาโล เตือนคริสตจักรกาลาเทียว่า บางคนเอาอกเอาใจพวกเขา ไม่ใช่เพราะหวังดี แต่เพื่อหวังผลประโยชน์จากพวกเขา โดยอยากจะชักนำพวกเขาออกจากข่าวประเสริฐแท้

4.@ บางคนอาจจะดูเหมือนหวังดีต่อเรา แต่หากการกระทำของเขาพยายามชักนำออกจากความสัมพันธ์กับพระเจ้า หรือออกจากความเชื่อในข่าวประเสริฐ
ฟันธงได้เลย นั่นไม่ใช่การหวังดีที่แท้จริง

5.# กท. 4:21-31 อ.เปาโล เปรียบเทียบว่า อิชมาเอล ลูกของอับราฮัมที่เกิดจากนางฮาการ์หญิงทาสนั้น เป็นลูกที่ได้มาตามปกติ
แต่อิสอัค ลูกของอับราฮัมที่เกิดจากนางซาราห์หญิงที่เป็นไทนั้น เป็นลูกที่ได้มาตามพระสัญญา
และลูกที่เกิดมาตามพระสัญญานั้นเป็นผู้ได้รับพระพร

5.@ หากเรายังเป็นทาสของธรรมบัญญัติ เราไม่อาจเป็นผู้รับพระพรได้
แต่บัดนี้เราเป็นไทโดยพระเยซูคริสต์แล้ว เราจึงเป็นผู้ที่จะได้รับพระพรจากพระเจ้า

แม้เราเป็นคริสเตียนแล้ว แต่ยังถูกฟ้องผิดโดยธรรมบัญญัติ เกี่ยวกับความผิดในอดีตที่เราเคยทำผ่านมา เราไม่อาจจะรับพระพรจากพระเจ้าได้อย่างเต็มที่
วันนี้ สมควรที่เราจะเชื่ออย่างสุดใจว่า บาปของเราทั้งสิ้นได้รับการอภัยแล้ว เราเป็นไทแล้ว เพื่อเราจะได้รับพระพรจากพระเจ้าอย่างบริบูรณ์

คำคม

“ไม่มีวันเป็นไท จนกว่าจะเชื่ออย่างสุดใจ ว่าได้รับการอภัยแล้ว”

ขุมทรัพย์ กาลาเทีย 3

ภาพรวม

  • ในบทนี้ อ.เปาโล อธิบายให้คริสตจักรกาลาเทีย เข้าใจว่า โดยความเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ เราทั้งหลายได้พ้นจากการอยู่ใต้กฏของธรรมบัญญัติแล้ว

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# อ.เปาโล เตือน คริสตจักรกาลาเทีย ว่า
พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาในชีวิตของเรา เมื่อเราเชื่อข่าวประเสริฐแล้วต้อนรับพระเยซูเข้ามาในชีวิตของเรา
ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการทำตามธรรมบัญญัติเลย
บัดนี้ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตในเราแล้ว
ทำไมเราถึงจะละทิ้งการพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์
แล้วย้อนกลับไปพึ่งพาการทำตามธรรมบัญญัติ เพื่อให้พระเจ้าทรงพอพระทัยอีกเล่า?

1.@ วันนี้ เราเป็นคนชอบธรรมแล้ว โดยการเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตกับเรา
ดังนั้นการดำเนินชีวิตเพื่อให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า จึงไม่ใช่การพยายามทำตามกฏเกณฑ์ต่างๆ แต่เป็นการดำเนินชีวิตตามการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์

2.# ใน กท. 3:9 “คน​ที่​เชื่อ​จึง​ได้​รับ​พร​ร่วม​กับ​อับ​รา​ฮัม​ผู้​ซึ่ง​เชื่อ”
เมื่ออับราฮัมเชื่อวางใจในพระเจ้าผู้ทรงเปิดเผยพระองค์เองแก่อับราฮัม เขาจึงได้รับพระพร
เมื่อเราเชื่อวางใจในพระเยซูผู้ทรงสำแดงพระบิดาแก่เรา เราจึงได้รับพระพร เช่นเดียวกับอับราฮัม

2.@ วันนี้ เราสามารถได้รับพระพรได้ ไม่ขึ้นอยู่กับการกระทำ แต่ขึ้นอยู่กับความเชื่อว่า โดยพระเยซูเราจึงเป็นผู้ชอบธรรมแล้ว และโดยความเชื่อเช่นนั้นเอง จะสะท้อนออกมาเป็นการกระทำที่ชอบธรรมสมกับที่เชื่อ

3.# ใน กท. 3:12 กล่าวว่า “​ธรรม​บัญ​ญัติ​ไม่​ได้​อาศัย​ความ​เชื่อ เพราะผู้​ที่​ประพฤติ​ตาม ธรรม​บัญ​ญัติ ก็​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​โดย​ธรรม​บัญ​ญัติ​นั้น”
หมายถึง การทำตามธรรมบัญญัติไม่ต้องอาศัยความเชื่อวางใจในพระเจ้าว่าจะทรงเมตตาเขา เพราะเขาจะได้รับเมตตาและพ้นการลงโทษแน่ หากเขาทำตามธรรมบัญญัติได้ครบถ้วน

ด้วยเหตุนี้ การพยายามทำตามกฏกติกาของศาสนา ในมุมหนึ่งดูเหมือนเป็นสิ่งที่ดีมาก
แต่ในอีกมุมหนึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงความเย่อหยิ่งยโสอย่างยิ่ง ที่คิดว่า ตนเองจะสามารถทำตามธรรมบัญญัติได้

3.@ เราควรถ่อมใจลง ยอมรับความจริงว่า
เราไม่มีปัญญาทำตามกฏเกณฑ์ของธรรมบัญญัติได้ เราตายแน่ เราต้องถูกพิพากษาลงโทษแน่ หากไม่ได้รับพระคุณของพระเจ้า
จากนั้นเราก็หันมาเชื่อวางใจในพระเยซูผู้ทรงสัญญาว่า ใครก็ตามวางใจในพระองค์จะรอดพ้นการพิพากษาลงโทษ

4.# กท. 3:15 “…ถึง​แม้​เป็น​พันธ​สัญ​ญา​ของ​มนุษย์ เมื่อ​ได้​รับ​รอง​กัน​แล้ว ไม่​มี​ใคร​จะ​ล้ม​เลิก​หรือ​เพิ่ม​เติม​ขึ้น​อีก” ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาแล้วจะเป็นจริงอย่างแน่นอน

พระเจ้าทรงสัญญาว่า พระ​เจ้า​ประ​ทาน​มรดก​นั้น​ให้​แก่​อับ​รา​ฮัม​และเชื้อสายของเขา
ซึ่งเชื้อสายของอับราฮัม หมายถึงผู้เชื่อวางใจในพระเจ้าเหมือนอับราฮัม

4.@ เราผู้เชื่อวางใจในพระเยซูจะได้รับพระพรอย่างแน่นอน
วันนี้ เราวางใจในพระเยซูหรือไม่ว่า สิ่งที่กำลังเกิดกับเราวันนี้ อยู่ในขั้นตอนแห่งพระพรที่พระเจ้ากำลังจะประทานให้แก่เรา

5.# กท. 3:21 กล่าวว่า “…​ธรรม​บัญ​ญัติ​ที่​ถูก​ตั้ง​ไว้​นั้น​สา​มารถ​ให้​ชีวิต ความ​ชอบ​ธรรม​ก็​จะ​มี​ได้​โดย​ธรรม​บัญ​ญัติ​นั้น​จริง”
หากมนุษย์ทำตามธรรมบัญญัติได้ทั้งหมด ก็จะรอดตายได้จริง จะได้รับพระพรจากทำตามธรรมบัญญัติได้จริง

เนื่องจากมนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป จึงไม่ได้รับพระพรจากธรรมบัญญัติ แต่ได้รับคำแช่งสาปและความตาย จากการละเมิดธรรมบัญญัติ แทน

บัดนี้พระเยซูเสด็จมาเพื่อช่วยมนุษย์ ประทานพระคุณให้แก่ทุกคนที่เชื่อวางใจในพระองค์ ได้พ้นจากกฏกติกาแห่งธรรมบัญญัติ เข้าสู่กติกาใหม่ กติกาแห่งความเชื่อ
กติกาแห่งธรรมบัญญัติ : ใครทำตามได้รับพระพร ใครละเมิดถูกแช่งสาป
กติกาแห่งความเชื่อ : ใครเชื่อวางใจได้รับพระพรและพ้นจากกติกาธรรมบัญญัติ ใครไม่เชื่อก็อยู่ในกติกาเดิมต่อไป

5.@ โดยความเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ เราได้พ้นจากกติกาของธรรมบัญญัติแล้ว เราถกนับว่าเป็นคนชอบธรรมแล้ว เราได้เป็นทายาทของพระเจ้าแล้ว
ใครก็ตามที่เชื่อเช่นนี้จริงๆใน ต่อให้เขาต้องสูญเสียทุกอย่างที่เขามีไปในวันนี้
แน่นอนเขาก็ยังจะมีความชื่นชมยินดีและสันติสุขในพระเจ้าอยู่ดี

วันนี้คุณมีความชื่นชมยินดีและสันติสุขในพระเจ้าหรือไม่????

คำคม

“ ถ้าเลือกอยู่ในกติกาของธรรมบัญญัติ เราจะถูกแช่งสาป
ถ้าเลือกอยู่ในกติกาของความเชื่อ เราจะได้รับพระพร ”

ขุมทรัพย์ กาลาเทีย 2

ภาพรวม

  • ในบทนี้ กล่าวถึง ข่าวประเสริฐแท้ที่เน้นย้ำว่า การเป็นคนชอบธรรมได้นั้น ไม่ใช่โดยการกระทำแต่โดยความเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์เท่านั้น

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# ใน กท. 2:2 อ.เปาโล กล่าวว่า อ.เปาโล ไม่ได้อวดเรื่องการรับใช้ของตนให้คนอื่นฟัง เพื่อ​จะได้ไม่ดูเหมือนเป็นการรับใช้แข่งกัน ​หรือรับใช้เพื่ออวด อันเป็นการรับใช้​อย่าง​ไร้​ประ​โยชน์

1.@ หากใครรับใช้เพื่อแข่งกับคนอื่น หรือ เพื่ออวดคนอื่น การรับใช้เช่นนั้น ไร้ประโยชน์ เพราะจะไม่ได้รับบำเหน็จ
พระเยซูพูดถึงคนเช่นนี้ว่า ” พวก​เขา​ได้​รับ​บำ​เหน็จ​ของ​พวก​เขา​แล้ว ” มธ. 6:2 “

2.# อ.เปาโล​ไม่​ได้​ยอม​อ่อน​ข้อ​ให้​กับ​พวกที่พยายามบิดเบือนข่าวประเสริฐ (ข้อ 5) ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเคยเป็นใครมาก่อน จะมีตำแหน่งใหญ่โตเพียงใดก็ตาม (ข้อ 6)
เพื่อผู้เชื่อที่ติดตาม อ.เปาโล จะสามารถตั้งมั่นคง อยู่บน​ความ​จริง​ของ​ข่าว​ประ​เสริฐ​​แท้เท่านั้น

2.@ หากใครก็ตามพยายามสอนลูกแกะของเรา ด้วยเนื้อหาที่บิดเบือนจากข่าวประเสริฐ
เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง ปกป้องลูกแกะของเรา โดยยืนยันบนจุดยืนของข่าวประเสริฐแท้

3.# ใน กท. 2:9 พูดถึงเปโตรว่า เป็นที่​นับ​ถือ​ว่า​เป็น​เสา​หลักของคริสตจักรในเยรูซาเล็ม
ต่อมาในข้อที่ 11 เมื่อเปโตรทำสิ่งที่ขัดแย้งกับข่าวประเสริฐ อ.เปาโล ก็ไม่เกรงใจเปโตรเลย แต่กล้าต่อว่าเปโตรซึ่งๆหน้า
เป็นแบบอย่างให้แก่เรา ในการกล้ายืนหยัดเพื่อข่าวประเสริฐที่ถูกต้อง

3.@ จงกล้ายืนกราน ยืนหยัด ในข่าวประเสริฐแท้ คือ เรารอดได้โดยความเชื่อวางใจในพระเยซู
ซึ่งความเชื่อแท้ จะสะท้อนออกมาเป็นการกระทำที่สอดคล้องกับความเชื่อนั้นเสมอ

4.# ไม่​มี​ใคร​ถูก​ชำระ​ให้​ชอบ​ธรรม​ได้ โดย​การ​ประ​พฤติ​ตาม​ธรรม​บัญ​ญัติ
แต่​โดย​ความ​เชื่อ​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​เท่า​นั้น
เมื่อเรา​เชื่อ​ใน​พระ​เยซู​คริสต์แล้ว เราก็จะถูก​นับ​ว่า​ชอบ​ธรรม​โดย​ความ​เชื่อ​ใน​พระ​คริสต์

4.@ วันนี้ เราผู้เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์จริงๆ เราได้ถูกนับว่าเป็นคนชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้าแล้ว
ด้วยความมั่นใจนี้ จะทำให้เราปรารถนาดำเนินชีวิตอย่างที่คนชอบธรรมเขาดำเนินกัน
แต่หาก ใครที่ไม่ได้ปรารถนาเช่นนั้น พอเดาได้ว่า เขายังไม่ได้เชื่ออย่างแท้จริงว่า เขาเป็นคนชอบธรรมแล้วโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์

5.# เราได้​ตาย​ต่อ​ธรรม​บัญ​ญัติ​แล้ว เพื่อ​จะ​ได้​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​พระ​เจ้า
เราได้ตายแล้ว เพราะพระคริสต์ถูกตรึงแทนเรา ก็กล่าวได้ว่า เราได้​ถูก​ตรึง​ร่วม​กับ​พระ​คริสต์​แล้ว
ด้วยเหตุนี้ คนตายอย่างพวกเราจึงพ้นจากกฏเกณฑ์แห่งธรรมบัญญัติแล้ว

5.@ วันนี้ เราได้พ้นจากกฏของการลงโทษ เมื่อทำผิดธรรมบัญญัติแล้ว
จิตวิญญาณของเราจะไม่ต้องถูกลงโทษในวันพิพากษา เพราะว่า เรารับการพิพากษาเรียบร้อยแล้วโดยทางพระเยซูคริสต์

6.# เรา​ไม่​มี​ชีวิต​ของตัวเองอีกต่อ​ไปเพราะเราได้ตายแล้วร่วมกับพระคริสต์บนไม้กางเขนนั้น
แต่​เนื่องจากพระ​คริสต์ได้เป็นขึ้นมาจากความตาย
ดังนั้นชีวิตของเราในวันนี้ ​พระคริสต์ต่าง​หาก​ที่​ทรง​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​เรา ไม่ใช่ตัวเราเอง
ชีวิตที่เราดำ​เนิน​อยู่​ใน​ร่าง​กาย​ขณะ​นี้ เราจึงควรดำ​เนิน​อยู่​โดย​ความ​เชื่อ​ว่าพระเยซูรักเรา และพระองค์ตายเพื่อเรา เราขอวางใจในพระองค์ในการดำเนินชีวิตและในการอดพ้นบาปทั้งสิ้น

6.@ ผู้ที่เชื่อจริงๆว่า พระเยซูรักเขาอย่างที่สุด และพระองค์ได้ตายแทนความผิดบาปของเขาแล้ว
จะดำเนินชีวิตในโลกนี้ อย่างปราศจากความกังวล เพราะเขารู้ว่า พระเยซูจะทรงช่วยเขาแน่
และจะดำเนินชีวิตในโลกนี้ อย่างปราศจากการฟ้องผิด เพราะเขารู้ว่า พระเยซูทรงรับโทษแทนความผิดบาปของเขาทั้งหมดแล้ว
วันนี้ คุณเชื่อจริงๆ แล้วหรือยัง?

คำคม

“ เมื่อเราอยู่ในพระคริสต์
พระคริสต์เป็นตัวแทนเรา ตายเพื่อเรา
เราเป็นตัวแทนพระองค์ อยู่เพื่อพระองค์ ”

ขุมทรัพย์ กาลาเทีย 1

ภาพรวม

  • อ.เปาโลได้ประกาศข่าวประเสริฐและก่อตั้งคริสตจักรในแคว้นกาลาเทียขึ้น ต่อมามีบางคนมาสอนบิดเบือนข่าวประเสริฐนั้น โดยสอนว่า หากจะได้รับความรอด นอกจากเชื่อวางใจในพระเยซูแล้ว ต้องทำตามธรรมบัญญัติของพวกยิวด้วย
    อ.เปาโล จึงเขียนจดหมายพระธรรมกาลาเทียนี้ ส่งมาเพื่ออธิบายให้คริสตจักรในกาลาเทีย ถึงความเชื่อที่ถูกต้องในข่าวประเสริฐ
  • ในบทนี้ อ.เปาโลกล่าวย้ำแก่คริสตจักรกาลาเทียว่า ไม่มีข่าวประเสริฐอื่น นอกเหนือจากข่าวประเสริฐที่เคยประกาศแก่พวกเขาไปแล้ว

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# ใน ​กท. 1:4 ​​กล่าวว่า พระ​เยซู​ทรง​สละ​พระ​องค์​เอง​ เพื่อ​ช่วย​เรา​ให้​พ้น​จาก​ยุค​ปัจจุบัน​อัน​ชั่ว​ร้าย

1.@ พระเยซูจ่ายราคาแสนแพง คือชีวิตของพระองค์เองเพื่อให้เราพ้นจากความชั่ว
บัดนี้เราพ้นจากอิทธิพลของบาปแล้ว อย่าให้เราสมัครเข้าไปเป็นทาสของบาปอีกต่อไปเลย

2.# ข่าวประเสริฐมีข่าวประเสริฐเดียว ไม่มีข่าวประเสริฐอื่น
คือ พระเยซูทรงเสด็จมารับสภาพเป็นมนุษย์ รับบาปแทนเรา โดยการตายบนไม้กางเขน และในวันที่3 ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย คนที่เชื่อวางใจในพระองค์จะได้รับการอภัยบาปทั้งหมดและมีชีวิตใหม่ในพระยซู และจะเป็นขึ้นมาจากความตายเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาอีกครั้ง

2.@ โดยการเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง เท่านั้นก็เพียงพอที่จะให้เรารอดพ้นบาป ได้เป็นคนชอบธรรม แล้ว
และโดยการเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง การดำเนินชีวิตของเราจะรับการเปลี่ยนแปลงใหม่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้ดำเนินตามน้ำพระทัยของพระเจ้า

3.# คนที่พูด​เอา​ใจ​มนุษย์​ โดยไม่สนใจว่าพระเจ้าจะพอ​พระ​ทัย​ หรือไม่ ​ไม่ใช่​ผู้รับ​ใช้​ของ​พระ​คริสต์ที่แท้จริง

3.@ เราต้องเกรงใจพระเจ้า มากกว่า เกรงใจมนุษย์

4.# เนื่องจาก เปาโลเคยกระตือรือร้นอย่างยิ่งในการข่มเหงคริสตจักร
ดังนั้นเมื่อเขากลับใจมาเชื่อในพระเยซูคริสต์ และการเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูนั้น จึงทำให้เกิดการสรรเสริญพระเจ้าอย่างมาก

4.@ เหตุการณ์ไม่น่าชื่นใจ หรือนิสัยไม่ดีของใครบางคน รอบๆเรา พระเจ้ามีวัตถุประสงค์พิเศษสำหรับสิ่งเหล่านี้ เพื่อในที่สุดแล้วจะถวายเกียรติแก่พระเจ้า
จงอดทน รอคอย เวลาของพระเจ้าเถิด

คำคม

“ โดยพระโลหิตของพระคริสต์ เท่านั้น
ก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนที่เชื่อวางใจในพระองค์จริงๆ ไปสวรรค์ได้ ”