ภาพรวม
- ในบทนี้พูดถึงชีวิตใหม่ในพระเยซูคริสต์ว่า ควรเป็นชีวิตที่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รักกัน และดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1# เมื่อพระเจ้าประทานพระคุณแก่เรามากมาย ทรงประทานให้มาเป็นบุตรของพระองค์
เราก็สมควรที่จะดำเนินชีวิตให้สมกับเกียรติที่พระเจ้าประทานให้
โดยดำเนินชีวิตให้สมกับเกียรติที่เป็นลูกของพระเจ้า ไม่ใช่ลูกพระเจ้าที่ดำเนินชีวิตดังลูกมาร
1.@ วันนี้ เมื่อคนเห็นการดำเนินชีวิตของเรา คนเขายกย่องสรรเสริญพระเจ้า หรือ ดูถูกพระเจ้า ของเรา
2.# ลักษณะการดำเนินชีวิตของลูกพระเจ้า คือ ถ่อมใจ สุภาพอ่อนโยน อดทน เต็มด้วยความรัก
2.@ พระวิญญาณบริสุทธิ์พร้อมที่จะช่วยเรา ให้เราดำเนินชีวิตอย่างลูกของพระเจ้า
เพียงแค่เราปรารถนาจริงๆที่อยากให้ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้น และร่วมมือกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงสอนเรา
3.# ใน อฟ. 4:3 กล่าวว่า ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันท่ามกลางพี่น้องคริสเตียน มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นผู้ทำให้เราผูกพันกัน
เราไม่ได้สร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันขึ้นมาเอง แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสร้างให้
หน้าที่ของเราคือ ถนอมรักษาเอาไว้ อย่าทำมันพังก็พอแล้ว
3.@ หากวันนี้ บุคลลิก นิสัย ของเรา อย่างหนึ่งอย่างใด มีแนวโน้มที่จะทำลายความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์อุตส่าห์สร้างให้แก่คริสตจักร
เราควร กลับใจเสียใหม่ จาก บุคลลิก นิสัย เหล่านั้น
วันนี้ มีบุคคลิก นิสัย อะไรบ้างที่เราควรกลับใจ?
4.# ใน อฟ. 4:6 กล่าวว่า พระเจ้าทรงมีอำนาจเหนือสรรพสิ่ง ทรงทำการผ่านสรรพสิ่งและทรงอยู่ในเราทุกคน
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น พระเจ้าทรงมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง และทรงใช้ทุกสิ่งเพื่อให้แผนการแห่งน้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จ
4.@ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราในวันนี้ ยังอยู่ในอำนาจการควบคุมของพระเจ้า ผู้ทรงรักเราอย่างที่สุด ผู้ไม่หวงแม้กระทั่งพระบุตรองค์เดียว แต่ทรงประทานพระบุตรนั้นมาตายเพื่อเรา
ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องหวาดหวั่น หรือหวั่นไหว ต่อสถานการณ์ใดๆเลยรอบตัวเรา
5.# ใน อฟ. 4:7 กล่าวว่า “…พระคุณนั้นประทานแก่เราแต่ละคนตามขนาดที่พระคริสต์ประทาน”
พระเยซูคริสต์เป็นผู้ตัดสินใจเองว่า ใครควรจะได้รับอะไรอย่างไร
หากใครได้บางอย่างมากกว่าเรา หรือเราได้บางสิ่งมากกว่าบางคน
ทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของพระเยซูผู้ทรงรักเราอย่างที่สุดและผู้ทรงสัพพัญญู
5.@ ได้ดีกว่าคนอื่นก็อย่าโอ้อวด ได้น้อยกว่าคนอื่นก็อย่าอิจฉา
เพราะพระคุณที่ประทานแก่แต่ละคนนั้น เหมาะและดีที่สุดสำหรับเราแต่ละคนแล้ว
เช่น อย่าอิจฉาหรือน้อยใจ ว่า ทำไมเราไม่ได้เกิดมาในครอบครัวแบบคนนั้นนะ เป็นต้น
6.# ของประทานทั้งหลายที่พระเจ้าประทานแก่ผู้เชื่อ ไม่ใช่มีไว้สำหรับตนเอง แต่เพื่อเตรียมผู้เชื่อคนอื่นในการปรนนิบัติรับใช้ และเพื่อการเสริมสร้างพี่น้องในคริสตจักรทั้งหลายให้เติบโตขึ้น (อฟ. 4:12)
โดยมีเป้าหมายว่า อยากจะเห็นทุกคนประสานเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์ ทั้งความเชื่อและความรู้ และนั่นคือการบรรลุถึงความเป็นผู้ใหญ่ในฝ่ายวิญญาณนั่นเอง(อฟ.4:13)
ซึ่งความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณนี้ สังเกตได้จากการมีจิตใจที่หนักแน่นมั่นคง ไม่โอนไปเอนมา ตามคำพูดของคนหรือตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป (อฟ.4:14)
ผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณจะยึดมั่นในข่าวประเสริฐอย่างไม่หวั่นไหว และประกาศข่าวประเสริฐนั้นแก่ผู้อื่นด้วยความรักที่มีต่อพวกเขา(อฟ.4:15)
6.@ จงใช้ความสามารถทั้งหมดที่พระเจ้าประทานให้ เพื่อทำให้พี่น้องคนอื่น จำเริญขึ้นในความเชื่อและการรู้จักพระเยซูมากยิ่งๆขึ้น ทำทุกวิถีทางให้พวกเขาเป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้น มากขึ้นทุกๆวัน
วันนี้ เราใช้สิ่งที่เรามีมากน้อยเพียงใด เพื่อทำให้พี่น้องมีความเชื่อมากขึ้นและรู้จักพระเยซูมากยิ่งขึ้น?
7.# ใน อฟ. 4:17 ชี้ให้เห็นว่า การดำเนินชีวิตโดยมีใจจดจ่ออยู่กับสิ่งไร้สาระ ทำให้ความคิดมืดมนไป ทำให้ขาดจากชีวิตที่มาจากพระเจ้า ทำให้ปราศจากการเหนี่ยวรั้งตน
ดังนั้นเราผู้เป็นลูกของพระเจ้าแล้ว ไม่ควรดำเนินชีวิตจดจ่ออยู่กับสิ่งไร้สาระของโลกนี้
เราควรทิ้งตัวเก่า ลักษณะการดำเนินชีวิตแบบเก่า ที่คู่กับการประพฤติแบบเดิม เสีย (อฟ. 4:22) แล้วยอมให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เปลี่ยนแปลงวิญญาณและจิตใจของเรา และสอนเรา ในการดำเนินชีวิตเป็นคนใหม่ในพระเจ้า (อฟ. 4:23-24)
7.@ วันนี้จิตใจของเราจดจ่ออยู่กับสิ่งใด สิ่งถาวรในสวรรค์สถาน หรือสิ่งไร้สาระในโลกนี้?
เราเป็นคนใหม่ในพระคริสต์แล้ว เราพร้อมที่จะเริ่มต้นวิถีชีวิตใหม่ โดยการสอนและการนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้วหรือยัง?
8.# อฟ. 4:27 “อย่าให้โอกาสแก่มาร”
1ปต. 5:8 “จงควบคุมตัวเอง จงระวังระไวให้ดี ศัตรูของพวกท่านคือมาร ดุจสิงโตคำรามเดินวนเวียนเที่ยวเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้”
8.@ มารหาโอกาสโจมตีเรา แต่ถ้าเราไม่ให้โอกาสมัน มันก็โจมตีเราไม่ได้
วิธีไม่ให้โอกาสมาร คือ ให้โอกาสพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะสอนเรา นำเรา ในทุกสถานการณ์และทุกการตัดสินใจของชีวิต
9.# พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ประทับตราเราไว้ สำหรับวันที่จะได้รับความรอดเข้าสู่สวรรค์ พระองค์ทรงคอยสอนเรา เตือนเรา เราจึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะทำให้พระองค์เสียพระทัย โดยมีใจดื้อดึง ไม่เชื่อฟังคำสอนและคำเตือน จากพระองค์
9.@ วันนี้ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเตือนสอนเรา เราตอบสนองอย่างไร?
10.# พระเจ้าทรงกรุณา ทรงสงสาร และทรงให้อภัยแก่เรา ดังนั้นเราควรทำเช่นนั้นต่อกันและกันด้วย
10.@ วันนี้เรามีน้ำใจต่อผู้อื่น แสดงความเมตตาสงสารต่อผู้อื่น และให้อภัยผู้อื่น ใกล้เคียงพระเยซู มากยิ่งขึ้นกว่าเมื่อวานแล้วหรือยัง?
คำคม
“ ผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ ไม่ได้วัดกันที่คำพูด แต่วัดกันที่ความมั่นคงของจิตใจ ”