ขุมทรัพย์ ทิตัส 3

ภาพรวม

  • ในบทนี้อ.เปาโลแนะนำทิตัส ให้สอนผู้อื่นให้ฝึกฝนที่จะกระทำการดีอยู่เสมอเพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติผ่านชีวิตของพวกเขา

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# ใน ทต. 3:1-2 สอนว่า
– เราควรนอบ​น้อม​ต่อ​ผู้นำของบ้าน​เมือง​ ควร​เชื่อ​ฟัง​เขา
– เราควรประกอบอาชีพที่สุจริต
– เราไม่ควร​ว่า​ร้าย​ผู้ใด
– เราไม่ควร​เป็น​คน​มัก​ทะเลาะ​วิวาท
– เราควร​เป็น​คน​สุภาพ
– เราควรเป็นคนแสดง​อัธยาศัย​ไมตรี​อัน​ดี​งาม​อยู่เสมอ

1.@ พระคัมภีร์สอนให้เราประพฤติตัวต่อผู้มีอำนาจและคนทั้งหลายอย่างถวายเกียรติแด่พระเจ้าเสมอ
วันนี้ ชีวิตของเราที่คนเห็นนั้น ถวายเกียรติแด่พระเจ้าหรือไม่?

2.# ใน ทต. 3:3-7 ชี้ให้เห็นว่า ​เมื่อก่อน​นั้น​เรา​ ดำเนินชีวิตอย่าง​โง่เขลา ไม่​เชื่อ​ฟัง​หลง​ผิด เป็น​ทาส​ของ​กิเลส​ตัณหา​และ​การ​เริง​สำราญ​ต่างๆ ใช้​ชีวิต​อย่าง​เลวร้าย ริษยา น่า​ชัง และ​เกลียด​ชัง​กัน​

แต่​เมื่อ​พระเจ้าได้ทรงสำแดงพระ​เมตตา​และ​ความ​รัก​แก่เรา พระ​องค์​ทรง​ทำให้​​ใจของเรา​บังเกิด​ใหม่ และ​ทรง​สร้าง​เรา​ขึ้น​มา​ใหม่ โดย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​

เพื่อ​เรา​จะ​ได้​เป็น​คน​ชอบธรรม​ และ​จะ​ได้​เป็น​ผู้​ได้รับ​ ​ชีวิต​นิรันดร์​

2.@ เราผู้สมควรแก่การถูกลงโทษ กลับได้รับความรักและเมตตา ได้กลายเป็นผู้ชอบธรมและได้รับชีวิตนิรันดร์
ด้วยเหตุนี้สมควรอย่างยิ่งที่เราจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในโลกนี้ ถวายเกียรติแก่พระเจ้าผู้ทรงรักและเมตตาเราอย่างหาที่เปรียบมิได้

3.# ใน ทต. 3:8-9 สอนว่า ผู้​เชื่อ​ใน​พระ​เจ้า​สมควร
– ทุ่มเทในกระทำ​การ​ดี ​และทำสิ่งที่​เป็น​ประโยชน์​แก่​คน​ทั้ง​หลาย
– หลีก​เสีย​จาก​​เถียง​กันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง

3.@ เราควรทุ่มเททำในสิ่งที่เป็นสาระเป็นพระพรแก่ผู้อื่น ไม่ใช่ทุ่มเทพลังงานและเวลาไปกับสิ่งไร้สาระ ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น หรืออาจจะเป็นโทษต่อผู้อื่นด้วยซ้ำไป

4.# ใน ทต. 3:14 ชี้ให้เห็นว่า เราควร​เรียนรู้และฝึกฝน​ที่​จะ​กระทำ​การ​ดี​อยู่เสมอ​เพื่อ​​เรา​จะ​ไม่​เป็น​คน​ที่​ไร้​ผล​

4.@ คนที่ไร้ผล คือ คนที่ไม่ฝึกที่จะทำการดี ดังนั้นพอโอกาสที่พระเจ้าประทานให้แก่เขามาถึง เขาจะไม่สามารถทำได้ตรงกับน้ำพระทัยของพระเจ้า
ในสัปดาห์นี้ เราฝึกทำการดีแล้วหรือยัง?

คำคม

“เราได้รับความรักและพระเมตตาอย่างเหลือล้น
จึงสมควรถวายเกียรติแด่พระองค์ด้วยสุดใจ”

ขุมทรัพย์ ทิตัส 2

ภาพรวม

  • ในบทนี้ อ.เปาโลสอนทิตัส ให้สอนคนกล่มต่างๆให้ดำเนินชีวิตเป็นที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ให้สมกับเป็นผู้ที่ได้รับพระคุณของพระเจ้าแล้ว

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# ใน ทต. 2:1-10 อ.เปาโลแนะนำให้ทิตัส สอนคนกลุ่มต่างๆ ดังนี้
– ผู้​ชาย​สูง​อายุ​ : สอนพวกเขาให้
>> ​รู้จัก​ประ​มาณ​ตน
>> มี​ความ​น่า​นับ​ถือ
>> มี​สติ​สัมป​ชัญญะ
>> มี​ความ​เชื่อ​ที่​ถูกต้อง
>> มี​ความ​รัก
>> มี​ความ​ทรหด​อด​ทน
– ​ผู้​หญิง​สูง​อายุ​ : สอน​พวก​นาง​ให้
>> ​ประ​พฤติ​ให้น่า​นับถือ
>> ไม่​ใส่​ร้ายคนอื่น
>> ไม่​ติด​เหล้า
>> ​เป็น​ผู้​สอน​สิ่ง​ที่​ดี​งามแก่หญิงสาว ได้แก่สอนพวกเธอให้
>>>>> รัก​สามี​และ​บุตร​ของ​พวก​ตน
>>>>> มี​สติ​สัมป​ชัญญะ
>>>>> เป็น​คน​บริ​สุทธิ์
>>>>> ดูแล​บ้าน​เรือน​อย่าง​ดี
>>>>> มี​ความ​เมต​ตา​
>>>>> ​เชื่อ​ฟัง​สามี​ของ​ตน
– ​ชาย​หนุ่ม​ : สอนพวกเขาให้
>> ​มี​สติ​สัมป​ชัญญะ
>> ​ประ​พฤติ​ตาม​แบบ​อย่าง​อันดี ที่ทิตัสได้วางแบบอย่างไว้
>> ดำเนินชีวิตอย่าง​ถูกต้อง​ที่​ไม่​มี​ใคร​จะ​ตำ​หนิ​ได้
– ​คนที่เป็นทาส​ : สอนพวกเขาให้
>> เชื่อ​ฟัง​นาย​ของ​ตน
>> ​ทำ​สิ่ง​ที่​ถูก​ใจ​นาย​ทุก​อย่าง
>> อย่า​เถียง​นาย
>> อย่า​​ยัก​ยอก​
>> ​สำ​แดง​ความ​ซื่อ​สัตย์​และ​ดี​งาม​ใน​ทุก​อย่าง

1.@ ในการสอนคนแต่ละประเภทย่อมมีความแตกต่างกัน การใช้พระคัมภีร์เป็นแนวทางในการสอนนั้นจะทำให้เราสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สิ่งที่สำคัญมากสำหรับการสอน ก็คือ การมีชีวิตที่เป็นแบบอย่างสอดคล้องกับคำสอนนั้น
วันนี้ เราทำตามสิ่งที่เราสอนหรือเปล่า?

2.# ใน ทต. 2:11 สอนว่า พระ​คุณ​ของ​พระ​เจ้าที่ทรงสำแดงแก่เรานั้น
– เพื่อ​ช่วย​ทุก​คน​ให้​รอด
– ​เพื่อ​สอน​เรา​
>>> ให้​ละ​ทิ้ง​ความ​อธรรม​และ​โล​กีย​ตัณ​หา
>>> ​ให้​ดำ​เนิน​ชีวิต​ใน​ยุค​นี้​อย่าง​มี​สติ​สัมป​ชัญญะ อย่าง​ชอบ​ธรรม​
>>> ​ให้​ดำ​เนิน​ตาม​ทาง​พระ​เจ้า
– เพื่อ​ไถ่​เรา​ให้​พ้น​จาก​การ​อธรรม​ทุก​อย่าง
– ​เพื่อ​ชำระ​เรา​ให้​บริ​สุทธิ์
– เพื่อเราจะ​ได้​เป็น​ประ​ชา​กร​ของ​พระ​องค์​ซึ่ง​มี​ใจ​กระ​ตือ​รือ​ร้น​ที่​จะ​ทำ​การ​ดี

2.@ โดยพระคุณของพระเจ้า เราจึงได้รับความรอดแล้ว
จากนี้ไป เราสมควรดำเนินชีวิตให้สมกับผู้ที่ได้รับความรอดแล้ว ด้วยการละทิ้งการอธรรมทั้งหลาย และดำเนินชีวิตในทางของพระเจ้าอย่างมีสติ รู้ว่าสิ่งสารพัดในโลกนี้เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว อีกไม่นานเราก็จะได้เข้าไปอยู่ในแผ่นดินแห่งพระบิดาของเราแล้ว

คำคม

“ ผู้มีสติ คือ ผู้ที่รู้ตัวว่าสิ่งของวันนี้นั้นชั่วคราว สิ่งของวันหน้านั้นถาวรนิรันดร์ ”

ขุมทรัพย์ ทิตัส 1

ภาพรวม

  • ​อ.เปาโล​ได้ส่งทิตัส สาวกของอ.เปาโล ​ไป​ดูแล​คริสตจักร​ที่​เกาะค​รีต ​และได้เขียนจดหมายไปถึงทิตัสเพื่อให้คำแนะนำแก่เขาในการรับใช้พระเจ้าที่เกาะครีต
  • ทิตัส​ได้​อยู่​ที่​เกาะครีต​จนกระทั่ง​อ.เปาโล​ส่ง​อาร​เท​มาส​หรือ​ทีคิกัส​มา​รับ​ช่วง​งาน​ต่อ ​(ทต.3:12) ​เขา​จึง​มี​โอกาส​เดินทาง​ไป​พบ​เปาโล​ที่​นิโคบุรี
  • ในบทนี้ อ.เปาโลแนะนำทิตัสถึงการเลือกผู้นำขึ้นมาดูแลคริสตจักรว่า ต้องเป็นคนที่มีชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า

# แนวคิด

@ การประยุกต์ใช้

1# ใน ทต. 1:2 ชี้ให้เห็นว่า ​พระ​เจ้า​ได้ทรง​สัญ​ญา​ไว้​ตั้ง​แต่​ก่อน​เริ่ม​ต้น​ของ​กาล​เวลาแล้ว ว่าจะให้เราได้รับชีวิตนิรันดร์
ก่อนที่เวลาจะถูกสร้างขึ้น ไม่มีมนุษย์คนใดได้รับรู้พระสัญญานั้น ซึ่งก็ไม่สำคัญว่ามนุษย์จะรู้หรือไม่ เพียงแต่พระเจ้าทรงสัญญา มันก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
พระเจ้าประสงค์ที่จะเมตตาเรา ตั้งแต่เรายังไม่มีตัวตนเลย
วันนี้เรามีตัวตนแล้ว พระเมตตาที่เราได้รับจึงไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำของเรา แต่เป็นพระคุณของพระองค์

1.@ พระเจ้าประสงค์ที่จะเมตตาเรา ตั้งแต่เรายังไม่มีตัวตนเลย
วันนี้เรามีตัวตนแล้ว พระเมตตาที่เราได้รับจึงไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำของเรา
แต่เป็นพระคุณของพระองค์

2.# ใน ทต. 1:6-9 อ.เปาโลแนะนำให้ทิตัส เลือกบุคคลที่จะมาเป็นผู้นำคริสตจักร โดยต้องมีคุณสมบัติดังนี้
– ​ไม่​มี​ข้อ​ตำหนิร้ายแรงใดๆ
– เป็น​สามี​ของ​หญิง​คน​เดียว
– บุตร​ของ​เขา​มี​ความ​เชื่อ และ​ไม่​เป็น​นักเลง​หรือ​เป็น​คน​ดื้อ​กระด้าง​
– ไม่​เป็น​คน​เย่อหยิ่ง
– ไม่​เป็น​คน​เลือดร้อน
– ไม่​เป็น​นักเลง​สุรา
– ไม่​เป็น​นักเลง​หัว​ไม้
– ​ไม่​เป็น​คน​โลภ​มัก​ได้​
– เป็น​คน​มี​อัชฌาสัย​รับแขก​ดี
– เป็น​ผู้​รัก​ความ​ดี
– เป็น​คน​มี​สติสัมปชัญญะ
– เป็น​คน​ยุติธรรม
– เป็น​คน​บริสุทธิ์
– เป็นคนรู้จัก​บังคับ​ใจ​ตนเอง​
– เป็น​คน​ยึด​มั่น​ใน​หลัก​คำ​สอน​ในพระคำของพระเจ้า

2.@ หากเราเป็นผู้นำฝ่ายวิญญาณ เราควรพัฒนาตนเองให้มีคุณสมบัติใกล้เคียงคุณสมบัติข้างต้นให้มากขึ้นเรื่อยๆ
หากเรายังไม่ได้เป็นผู้นำฝ่ายวิญญาณ ควรพัฒนาตนเองตามคุณสมบัติขั้นต้น เพื่อว่าเมื่อพระเจ้าทรงเห็นว่าได้เวลาที่เราจะเป็นผู้นำฝ่ายวิญญาณแล้ว เราจะได้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่พระเจ้าจะทรงใช้ให้เป็นพระพรแก่ผู้คนมากมายได้

3.# ใน ทต. 1:15-16 ชี้ให้เห็นความแตกต่างของคนบริสุทธิ์และคนชั่วช้า ไว้ว่า

คน​บริสุทธิ์​นั้น​ทุก​สิ่ง​บริสุทธิ์ ได้แก่ จิตใจ , จิตสำนึก และการกระทำ ล้วนถวายเกียรติแด่พระเจ้า

คน​ชั่ว​ช้า และ​คน​ที่​ไร้​ความ​เชื่อนั้น​ ไม่​มี​สิ่ง​ใด​บริสุทธิ์​เลย ล้วนแต่เต็มไปด้วยความชั่ว ทั้ง​จิตใจ​และ​จิตสำนึก​ผิด​ชอบ​ของ​เขา​ รวมทั้งการกระทำของเขาด้วย
เขาอาจพยายามแสดง​ตัว​ว่า ​รู้จัก​พระ​เจ้า แต่​การ​กระทำ​ของ​เขานั้น ปฏิเสธ​พระ​องค์ ไม่เชื่อฟังพระองค์

3.@ ในคริสตจักรเอง เราอาจจะพบคน 2 ประเภท คือ คนที่ชอบธรรม กับ คนที่แสดงเหมือนเป็นคนชอบธรรม
ซึ่งเราสามารถแยกแยะคน 2 ประเภทนี้แบบคร่าวๆได้ โดยดูจาก การกระทำของเขาว่าสอดคล้องกับพระคำของพระเจ้าหรือไม่ ถวายเกียรติแด่พระเจ้าหรือไม่

คำคม

“คนที่คิดว่าตนเองรู้จักพระเจ้า แต่ไม่ทำตามพระคำของพระองค์
เขายังไม่รู้จักพระองค์จริงๆ ”