ภาพรวม
- อ.เปาโลได้ส่งทิตัส สาวกของอ.เปาโล ไปดูแลคริสตจักรที่เกาะครีต และได้เขียนจดหมายไปถึงทิตัสเพื่อให้คำแนะนำแก่เขาในการรับใช้พระเจ้าที่เกาะครีต
- ทิตัสได้อยู่ที่เกาะครีตจนกระทั่งอ.เปาโลส่งอารเทมาสหรือทีคิกัสมารับช่วงงานต่อ (ทต.3:12) เขาจึงมีโอกาสเดินทางไปพบเปาโลที่นิโคบุรี
- ในบทนี้ อ.เปาโลแนะนำทิตัสถึงการเลือกผู้นำขึ้นมาดูแลคริสตจักรว่า ต้องเป็นคนที่มีชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1# ใน ทต. 1:2 ชี้ให้เห็นว่า พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นของกาลเวลาแล้ว ว่าจะให้เราได้รับชีวิตนิรันดร์
ก่อนที่เวลาจะถูกสร้างขึ้น ไม่มีมนุษย์คนใดได้รับรู้พระสัญญานั้น ซึ่งก็ไม่สำคัญว่ามนุษย์จะรู้หรือไม่ เพียงแต่พระเจ้าทรงสัญญา มันก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
พระเจ้าประสงค์ที่จะเมตตาเรา ตั้งแต่เรายังไม่มีตัวตนเลย
วันนี้เรามีตัวตนแล้ว พระเมตตาที่เราได้รับจึงไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำของเรา แต่เป็นพระคุณของพระองค์
1.@ พระเจ้าประสงค์ที่จะเมตตาเรา ตั้งแต่เรายังไม่มีตัวตนเลย
วันนี้เรามีตัวตนแล้ว พระเมตตาที่เราได้รับจึงไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำของเรา
แต่เป็นพระคุณของพระองค์
2.# ใน ทต. 1:6-9 อ.เปาโลแนะนำให้ทิตัส เลือกบุคคลที่จะมาเป็นผู้นำคริสตจักร โดยต้องมีคุณสมบัติดังนี้
– ไม่มีข้อตำหนิร้ายแรงใดๆ
– เป็นสามีของหญิงคนเดียว
– บุตรของเขามีความเชื่อ และไม่เป็นนักเลงหรือเป็นคนดื้อกระด้าง
– ไม่เป็นคนเย่อหยิ่ง
– ไม่เป็นคนเลือดร้อน
– ไม่เป็นนักเลงสุรา
– ไม่เป็นนักเลงหัวไม้
– ไม่เป็นคนโลภมักได้
– เป็นคนมีอัชฌาสัยรับแขกดี
– เป็นผู้รักความดี
– เป็นคนมีสติสัมปชัญญะ
– เป็นคนยุติธรรม
– เป็นคนบริสุทธิ์
– เป็นคนรู้จักบังคับใจตนเอง
– เป็นคนยึดมั่นในหลักคำสอนในพระคำของพระเจ้า
2.@ หากเราเป็นผู้นำฝ่ายวิญญาณ เราควรพัฒนาตนเองให้มีคุณสมบัติใกล้เคียงคุณสมบัติข้างต้นให้มากขึ้นเรื่อยๆ
หากเรายังไม่ได้เป็นผู้นำฝ่ายวิญญาณ ควรพัฒนาตนเองตามคุณสมบัติขั้นต้น เพื่อว่าเมื่อพระเจ้าทรงเห็นว่าได้เวลาที่เราจะเป็นผู้นำฝ่ายวิญญาณแล้ว เราจะได้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่พระเจ้าจะทรงใช้ให้เป็นพระพรแก่ผู้คนมากมายได้
3.# ใน ทต. 1:15-16 ชี้ให้เห็นความแตกต่างของคนบริสุทธิ์และคนชั่วช้า ไว้ว่า
คนบริสุทธิ์นั้นทุกสิ่งบริสุทธิ์ ได้แก่ จิตใจ , จิตสำนึก และการกระทำ ล้วนถวายเกียรติแด่พระเจ้า
คนชั่วช้า และคนที่ไร้ความเชื่อนั้น ไม่มีสิ่งใดบริสุทธิ์เลย ล้วนแต่เต็มไปด้วยความชั่ว ทั้งจิตใจและจิตสำนึกผิดชอบของเขา รวมทั้งการกระทำของเขาด้วย
เขาอาจพยายามแสดงตัวว่า รู้จักพระเจ้า แต่การกระทำของเขานั้น ปฏิเสธพระองค์ ไม่เชื่อฟังพระองค์
3.@ ในคริสตจักรเอง เราอาจจะพบคน 2 ประเภท คือ คนที่ชอบธรรม กับ คนที่แสดงเหมือนเป็นคนชอบธรรม
ซึ่งเราสามารถแยกแยะคน 2 ประเภทนี้แบบคร่าวๆได้ โดยดูจาก การกระทำของเขาว่าสอดคล้องกับพระคำของพระเจ้าหรือไม่ ถวายเกียรติแด่พระเจ้าหรือไม่
คำคม
“คนที่คิดว่าตนเองรู้จักพระเจ้า แต่ไม่ทำตามพระคำของพระองค์
เขายังไม่รู้จักพระองค์จริงๆ ”