ภาพรวม
- ในบทนี้พูดถึงการตีสอนของพระเจ้าว่าเป็นความหวังดีจากพระเจ้าเพื่อแก้ไขสิ่งบกพร่องในชีวิตของเรา และเป็นพระคุณของพระเจ้าที่ทำให้เราสามารถเข้าเฝ้าพระเจ้าได้เสมอ โดยทางพระเยซูคริสต์
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1# ใน ฮบ. 12:1-2 หนุนใจว่า เมื่อเรามีพยานมากมายในพระคัมภีร์ ที่ยืนยันว่า ถ้าเชื่อวางใจในพระเจ้า จะได้รับการรับรองจากพระเจ้า
ดังนั้น ขอให้เราละทิ้งสิ่งที่ถ่วงเราอยู่ ทั้งความกังวลหรือความโลภ รวมถึงทิ้งบาปที่ทำอยู่เป็นประจำ
แล้วเดินหน้าต่อไปในทางของพระเจ้า ด้วยความทรหดอดทน
โดยจดจ่อที่พระเยซู ระลึกถึงแบบอย่างแห่งความเชื่อที่พระองค์ได้วางไว้
แล้วพระองค์จะทำให้ความเชื่อของเรานั้นสมบูรณ์
พระเยซูทรงสู้ทนต่อกางเขน ทนต่อความอับอาย
จึงทำให้พระองค์ได้รับการยกขึ้นอย่างสูงและ ได้รับความยินดีอย่างยิ่งที่ช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นบาปได้
1.@ พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างแก่เรา ในการอดทน เพื่อสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น แล้วก็ได้รับผลแห่งการอดทนนั้น
เราควรอดทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยความเชื่อว่า ในที่สุดจะเกิดผลดี ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่เห็นผลดี หรือคิดไม่ออกว่าจะเป็นผลดีได้อย่างไร
2.# ใน ฮบ. 12:3-4 สอนว่า เมื่อเราคิดถึงการอดทนของพระเคริสต์ ก็จะช่วยทำให้เราไม่อ่อนล้าและไม่ท้อใจ ในเวลาที่เราต้องต่อสู้กับการล่อลวงให้ทำบาป หรือเวลาที่เราต้องประสบกับความทุกข์ยากลำบากเพราะเหตุการทำสิ่งที่ดี
2.@ วิธีเอาชนะการทดลอง ก็ ระลึกถึงพระเยซูว่า พระองค์ก็เผชิญการทดลองเช่นกัน แต่เมื่อพระองค์ยึดมั่นในการเชื่อฟังพระบิดา ในที่สุดก็เกิดผลดีมากมาย
ดังนั้น เราควรอดทนต่อไป สิ่งดีกำลังจะตามมาแล้ว
3.# ใน ฮบ. 12:5-12 สอนว่า การตีสอนของพระเจ้านั้น เป็นสิ่งดี และเป็นการหวังดี เพราะพระองค์รักเรา พระองค์อยากจะพัฒนา ปรับปรุง แก้ไข ชีวิตของเรา
การตีสอนนั้นเป็นกระบวนการหนึ่งในการพัฒนาชีวิตของเรา
ดังนั้น เมื่อถูกพระเจ้าตีสอน เราไม่ควรท้อใจ แต่ควรสู้ทนเอา และกลับใจเสียใหม่
การตีสอนนั้น ดูเหมือนไม่น่ายินดีเลย แต่ต่อมาจะก่อให้เกิดผล คือ สันติสุขและความชอบธรรม แก่คนที่ถูกฝึกฝนโดยการตีสอนนั้น
ด้วยเหตุนี้เราจึงควรหนุนใจให้คนที่ถูกตีสอนนั้นมีกำลังขึ้นในพระเจ้า
3.@ การตีสอนเป็นการสำแดงความรักของพระเจ้า ต่อเราผู้เป็นบุตรของพระองค์
สำหรับบางคน แค่เตือนก็เปลี่ยนแปลง พัฒนาได้แล้ว
แต่สำหรับบางคน ต้องใช้การตีสอนเท่านั้น เขาจึงจะพัฒนาได้
วันนี้ เราเป็นคนประเภทใด?
4.# ใน ฮบ. 12:14-16 สอนให้เรามุ่งมั่นที่จะได้อยู่อย่างสงบสุขกับทุกคน และมุ่งมั่นที่จะดำเนินชีวิตในทางบริสุทธิ์ (ข้อ 14)
กล่าวคือ ดำเนินชีวิตให้เป็นพรแก่ผู้อื่น และให้เป็นพรแก่ตัวเอง
ซึ่งทำได้โดย อย่าปล่อยให้มีรากขมขื่นกับใครบางคนงอกขึ้นมาในใจ
และพึ่งพระคุณของพระเจ้า อยู่เสมอ แม้พลาดพลั้งไป ก็กลับมาหาพระเจ้ารับการอภัยในทันที (ข้อ 15)
และเป็นพรแก่ผู้อื่น ด้วยการไม่ประพฤติผิดทางเพศ
เป็นพรแก่ตนเอง ด้วยการนับถือยกย่องให้เกียรติพระเจ้า (ข้อ 16)
4.@ พระเจ้าปรารถนาให้ชีวิตของเราพัฒนาขึ้นในทางชอบธรรมอยู่เสมอ
เราสมควรพัฒนาชีวอตของเรา ให้เป็นพรแก่ทั้งผู้อื่น และแก่ตนเองอยู่เสมอ
วันนี้ ชีวิตของเราเป็นพรแล้วหรือยัง?
5.# ใน ฮบ. 12:18-29 อธิบายว่า การเข้าเฝ้าพระเจ้าของเรา โดยผ่านทางพระเยซูคริสต์นั้น
ไม่ใช่สิ่งน่าสะพรึงกลัว เหมือนการเข้าเฝ้าโดยอาศัยธรรมบัญญัติ
แต่โดยทางพระเยซูคริสต์นั้น เราสามารถอยู่ต่อจำเพาะพระพักตร์ของพระเจ้าได้ ในฐานะเป็นผู้ชอบธรรมโดยสมบูรณ์แล้ว
ดังนั้น เราควรมีใจขอบพระคุณ เราควรนมัสการพระเจ้าอย่างจริงใจ ด้วยความเคารพและด้วยความยำเกรงอย่างที่สุด
5.@ วันนี้ โดยพระเยซูคริสต์ เราได้สิทธิพิเศษสามารถเข้าเผ้าพระเจ้าได้ทุกเวลา
จงใช้สิทธิพิเศษนั้นให้เต็มที่เถิด
คำคม
“ การตีสอน เป็นความรักของพระเจ้า ไม่ใช่ความเกลียดชัง ”