ภาพรวม
- ในบทนี้พูดถึงคำสอนของพวกสอนเท็จว่า เป็นอันตรายและจะชักนำคนให้ละทิ้งความเชื่อในพระเยซูคริสต์ มุ่งสู่การทำตามใจตนเอง และในการทำบาป เราจึงควรระมัดระวังและยึดความเชื่อในข่าวประเสริฐเอาไว้ให้มั่นเสมอไป
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1# ใน 1ยน. 2:1-6 สอนว่า
– ถ้าเราผู้อยู่ในพระเยซูผิดพลาดทำบาป เราก็มีพระองค์ผู้ทูลขอพระบิดาเพื่อเรา และทรงเป็นผู้ลบล้างพระอาชญาเพื่อเรา
– แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไร เราอยู่ในพระองค์แล้ว?
– ก็คือ ถ้าเราอยู่ในพระองค์แล้ว เราก็จะประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์อย่างแน่นอน
– ซึ่งถ้าเราเป็นเช่นนั้น สรุปได้เลยว่า เราอยู่ในพระเยซูแล้ว และความรักของพระเจ้าก็ถึงความบริบูรณ์ในเราแล้วอย่างแน่แท้
– ใครที่พูดว่า “ฉันคุ้นกับพระองค์” “ฉันอยู่ในพระเยซู” แต่มิได้ทำตามพระบัญญัติของพระเยซู
สรุปได้เลยว่า คนนั้นพูดโกหก
สรุปว่า ใครอยู่ในพระเยซู ย่อมเดินในเส้นทางเดียวกับที่พระเยซูเดิน
1.@ “วันนี้ เราอยู่ในพระเยซูแล้วหรือยัง?”
หรือถามอีกอย่างได้ว่า “วันนี้ เราดำเนินชีวิตเชื่อฟังพระบิดาเหมือนอย่างพระเยซูแล้วหรือยัง?”
หมายถึง ตั้งใจเดินไปในทางนั้นทุกวัน แม้ผิดพลาดพลั้งบาปไป ก็จะรีบหันกลับมาเดินทางนั้นใหม่ทุกครั้งไป
2.# ใน 1ยน. 2:7-11 สอนว่า บัญญัติสั่งให้เรารักกันนั้น เป็นพระบัญญัติเก่าซึ่งพระเจ้าสั่งไว้นานมาแล้ว
ใน ลนต. 19:18 “…เจ้าจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง…”
แต่ในอีกมุมหนึ่ง บัญญัติสั่งให้เรารักกันนั้น เป็นพระบัญญัติใหม่ ด้วย เพราะเป็นคำสั่งในมาตรฐานใหม่ที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเดิม
ใน ยน. 13:34 พระเยซูตรัสว่า “เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น”
พระบัญญัติใหม่นี้เป็นบัญญัติ เมื่อความสว่างแท้ของพระเจ้ามายังโลก คือ พระเยซู
ผู้ที่อยู่ในความสว่างนี้ จะรักพี่น้อง เหมือนที่พระเยซูทรงรักเขา และจะไม่มีอะไรที่จะทำให้เขาสะดุดล้มลงได้เลย
ดังนั้น คนที่ยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็ยังอยู่ในความมืด และเดินในความมืดและไม่รู้ว่าตนกำลังไปสู่หายนะ เพราะว่าความมืดทำให้ตาของเขาบอดไปเสียแล้ว
2.@ วิธีรู้ว่า ใครอยู่พระเยซูผู้เป็นความสว่าง หรือ ใครอยู่ในความมืดแห่งโลกนี้
คือดูจาก ความรักที่เขาสำแดงออกต่อพี่น้อง ว่า เหมือนหรือใกล้เคียงกับที่พระเยซูสำแดงออกหรือไม่?
3.# ใน 1ยน. 2:12-14 สอนว่า
– พระเจ้าได้ทรงยกบาปของเราแล้ว ด้วยเห็นแก่พระนามของพระองค์
– คนที่ติดตามพระเจ้ามานานแล้ว ควรรักษาความสนิทสนมกับพระองค์ ให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
– คนที่เริ่มติดตามพระเจ้า ควรรู้ตัวว่าเราได้ชนะมารร้ายนั้นแล้ว
– ในฐานะที่เราเป็นลูก เราควรสนิทคุ้นเคยกับพระบิดา
– คนที่เป็นพ่อแล้ว ควรเรียนรู้จากพระองค์ผู้เป็นพระบิดา
– คนที่ยังหนุ่ม ยังมีกำลังวังชาดี สมองโปร่งใส ควรทุ่มเทเพื่อพระเจ้าและเพื่อการทำตามพระวจนะของพระเจ้า และเอาชนะมารร้ายด้วยพระคำของพระเจ้า
3.@ ไม่ว่าเราอยู่ในสถานะใดก็ตาม เราก็ควรที่จะใช้สถานะนั้นทำให้เราผูกพันสนิทสนมกับพระเจ้าให้มากยิ่งขึ้น
4.# ใน 1ยน. 2:15-17 สอนว่า อย่าให้เรารักค่านิยมของโลกหรือสิ่งของในโลก เพราะการรักโลก จะดึงเราออกจากความรักต่อพระบิดา
เพราะว่ากับดักของโลกนี้ คือ
– ตัณหาของเนื้อหนัง
– ตัณหาของตา
– ความทะนงในลาภยศ
ซึ่งล้วนแต่ดึงเราออกจากพระเจ้า ออกการทำตามพระทัยของพระเจ้า เข้าสู่การทำตามใจปรารถนาของตนเอง ไปสู่การจมลงสู่บาป
การดำเนินตามสิ่งที่ยั่วยวนของโลก จะล่วงไปเหมือนกับโลก
แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์
4.@ วันนี้ เราหลงรักโลกมากเพียงใด?
วันนี้ เราใช้ชีวิตของเรา เพื่อสิ่งของในโลกนี้ หรือ เพื่อพระเจ้า มากกว่ากัน?
5.# 1ยน. 2:18-29 สอนว่า ในวาระสุดท้าย ปฏิปักษ์ของพระคริสต์จะมีมา พวกเขาจะล่อลวงคนให้หลงไปจากความเชื่อในข่าวประเสริฐแท้
ปฏิปักษ์ของพระคริสต์พูดมุสา โดยกล่าวว่า พระเยซูมิใช่พระคริสต์
แต่ทั้งหลายผู้มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์จะทรงสอนเราให้มีความรู้ความจริง
และเรายึดมั่นในความจริงนั้น ว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า
ซึ่งผู้ยึดมั่นในความเชื่อนี้ จะได้รับตามพระสัญญา คือ ชีวิตนิรันดร์
ดังนั้น ขอให้เราอยู่ในพระองค์ ด้วยการยึดมั่นความเชื่อในพระองค์ เพื่อว่าเมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะได้มีใจกล้าพบพระองค์อย่างภาคภูมิใจ ไม่ต้องหลบพระพักตร์พระองค์ด้วยความละอาย
5.@ ไม่ว่า ใครหน้าไหน มาชักชวนเรา ให้ละทิ้งความเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ อย่าไปฟังเขา ขอให้เรายึดความเชื่อไว้มั่นจนวันตาย
คำคม
“ ยอมอายเพื่อพระเจ้าในวันนี้ เราจะไม่ละอายชั่วนิรันดร์ในวันสุดท้าย ”