ภาพรวม
- ในบทนี้ยอห์นบรรยายถึงนิมิตที่พระเจ้าทรงสำแดงแก่เขาว่า จะมีพยานของพระเจ้า 2 คน ปรากฏขึ้น และจะนำภัยพิบัติยิ่งใหญ่มากสู่โลกนี้
# แนวคิด
@ การประยุกต์ใช้
1# ใน วว. 11:1-19 ยอห์นได้บรรยายนิมิตที่พระเจ้าทรงสำแดงแก่เขา ไว้ดังนี้
หลังจากที่ทูตสวรรค์องค์ที่ 6 เป่าแตร และมีทูตสวรรค์ ที่มีฤทธิ์มากองค์หนึ่งปรากฏ
ทูตสวรรค์นั้นก็มอบหนังสือม้วนเล็กให้แก่ยอห์นกิน
แล้วยอห์นก็ได้รับมอบไม้อ้อท่อนหนึ่ง รูปร่างเหมือนไม้วัด
และได้รับคำสั่ง ให้ไปวัดพระวิหารของพระเจ้า และแท่นบูชา และคำนวณคนที่นมัสการในนั้น
แต่ไม่ต้องวัดลานชั้นนอก เพราะเป็นของคนต่างชาติ
และคนต่างชาติจะเหยียบย่ำวิสุทธินครตลอด 42 เดือน (3 ปีครึ่ง)
ในนิมิตนั้น มีการกล่าวถึง พยานทั้งสองของพระเจ้า ว่า
– พวกเขาได้รับฤทธานุภาพจากพระเจ้า
– พวกเขาเผยพระวจนะตลอด 1,260 วัน (3 ปีครึ่ง)
– พวกเขาแต่งตัวด้วยผ้ากระสอบ
– พวกเขา คือ ต้นมะกอกเทศ 2 ต้น และ คันประทีป 2 อันที่ตั้งอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า
– พวกเขามีไฟพลุ่งออกจากปาก เพื่อเผาผลาญศัตรู ที่คิดจะทำร้ายพวกเขา
– พยานมีสิทธิอำนาจที่จะปิดท้องฟ้า เพื่อไม่ให้ฝนตกได้
– พวกเขามีสิทธิอำนาจเหนือน้ำที่จะเปลี่ยนมันเป็นเลือดได้
– พวกเขามีสิทธิอำนาจกระหน่ำแผ่นดินโลก ด้วยภัยพิบัติทุกอย่าง กี่ครั้งก็ได้ ตามที่ต้องการ
– เมื่อพวกเขาเสร็จสิ้นการเป็นพยานแล้ว สัตว์ร้ายจากบาดาลลึกจะมาต่อสู้กับพวกเขา มันจะชนะและฆ่าพวกเสีย
– ศพของพวกเขาจะอยู่บนถนนใน”เยรูซาเล็ม” ที่เรียกเป็นคำอุปมาว่า “โสโดม และอียิปต์”
– ศพของพวกเขา จะถูกทิ้งเอาไว้ ไม่ให้เอาไปฝัง เพื่อให้คนทั่วโลกมองดู ตลอด 3 วันครึ่ง
– เนื่องจากพวกเขาได้ทรมานคนทั้งหลายที่อยู่ในโลกขณะที่พวกเขามีชีวิตอยู่ ดังนั้นคนในโลกจึงรื่นเริงและจะให้ของขวัญแก่กันและกัน เมื่อทราบว่าพวกเขาได้ตายเสียแล้ว
– พวกเขาฟื้นขึ้นมา หลังจากตายไป 3 วันครึ่ง เมื่อพวกเขาลุกขึ้นยืน คนทั้งหลายที่เห็นก็ตกอยู่ในความกลัวอย่างยิ่ง
– แล้วพระเจ้าทรงเรียกพวกเขาขึ้นสู่สวรรค์ด้วยเมฆ พวกศัตรูก็เห็นสิ่งนี้กับตา
เมื่อพยานทั้งสองถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ก็เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ยิ่ง จนเมืองเยรูซาเล็มก็ถล่มลงมาเสีย 1 ส่วน 10
มีคนตายเพราะแผ่นดินไหวนี้ 7,000 คน
คนที่เหลืออยู่นั้นก็หวาดกลัว และถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
วิบัติผ่านไป 2 อย่างแล้ว คือ เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่ 5 และ 6 เป่าแตร
นี่แน่ะ วิบัติอย่างที่ 3 ก็จะมาถึงในเร็วๆ นี้
แล้วทูตสวรรค์องค์ที่ 7 ก็เป่าแตร
มีเสียงหลายๆ เสียงกล่าวขึ้นดังๆ ในสวรรค์ว่า
“อาณาจักรของโลกนี้กลับกลายเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้ว
และเป็นของพระคริสต์ของพระองค์
และพระองค์จะทรงครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์”
แล้วผู้อาวุโส 24 คน ก็ทรุดตัวซบหน้าลงนมัสการพระเจ้า
ทูลว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด
ผู้ที่ทรงเป็นอยู่และผู้ที่ทรงเคยเป็นอยู่
พวกข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์
เพราะพระองค์ทรงถือครองฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์แล้ว
และทรงเริ่มครอบครอง
บรรดาประชาชาติมีความโกรธแค้น
แต่พระพิโรธของพระองค์มาถึงแล้ว
ถึงเวลาที่พระองค์จะทรงพิพากษาคนทั้งหลายที่ตายไป
และถึงเวลาที่จะประทานบำเหน็จแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
คือพวกผู้เผยพระวจนะและพวกธรรมิกชน
และแก่คนทั้งหลายที่ยำเกรงพระนามของพระองค์
ทั้งคนเล็กน้อยและคนใหญ่โต
และถึงเวลาแล้ว ที่พระองค์จะทรงทำลายพวกที่ทำลายแผ่นดินโลก”
แล้วพระวิหารของพระเจ้าก็เปิดออก
และหีบพันธสัญญาของพระเจ้าก็ปรากฏในพระวิหารนั้น
แล้วก็เกิดฟ้าแลบ เสียงครืนๆ ฟ้าร้อง และแผ่นดินไหว ทั้งลูกเห็บก็ตกอย่างหนัก
1.@ วิบัติที่พระเจ้าบอกไว้จะเกิดขึ้นกับโลกนี้อย่างแน่นอน
หากเราอยู่ในช่วงวิบัตินั้น สิ่งสำคัญยิ่งกว่าการอธิษฐานให้วิบัตินั้นหมดไป ก็คือ
การอธิษฐานขอให้เรายังคงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าได้ ท่ามกลางสถานการณ์นั้น
คำคม
“ พยานของพระคริสต์ ต่อให้พบกับความพ่ายแพ้ ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นชัยชนะอยู่ดี ”