“พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ว่าซื่อสัตย์ต่อผู้ที่ซื่อสัตย์
พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ว่าไร้ตำหนิต่อผู้ที่ไร้ตำหนิ” สดด. 18:25
แนวคิด :
• จากพระคัมภีร์ตอนนี้ เราเห็นได้ว่า
พระเจ้าจะสำแดงพระลักษณะของพระองค์ ต่อเรา ตามลักษณะการดำเนินชีวิตของเรา
• เมื่อเราดำเนินในทางแห่งความซื่อสัตย์
เราจะเห็นพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อทรงจัดเตรียมให้แก่เรา
• เมื่อเราดำเนินชีวิตอย่างดีรอบคอบ(มธ.5:48) เช่นเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
เราจะเห็นความดีรอบคอบแสนประเสริฐที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้แก่เรา
• แต่ถ้าเราดำเนินในทางแห่งความชั่วร้าย(เช่นคดโกง,ฯลฯ) เราก็จะพบพระเจ้าผู้เข้มงวดเพื่อถือไม้เรียวมาหาเรา
เพื่อให้เราผู้เป็นที่รักของพระองค์กลับใจเสียใหม่
การประยุกต์ใช้ :
• เราอยากให้พระเจ้า มาหาเราด้วยถ้าทีเช่นไร
วิถึแห่งการดำเนินชีวิตของเรา จะเป็นตัวกำหนดเรา
เราจะพบพระลักษณะของพระเจ้าเช่นไรในชีวิตของเรา
• อาหารว่างวันนี้ รับอะไรดีครับ “พระเมตตา”
หรือ “ไม้เรียว” ดีครับ?
หมวดหมู่: พระคัมภีร์เดิม
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (นหม. 3:8) { งานเล็กที่ยิ่งใหญ่ }
“ถัดพวกเขาไปคือ อุสซีเอลบุตรฮารฮายาห์พวกช่างทองได้ซ่อมแซม ถัดเขาไปคือ
ฮานันยาห์คนหนึ่งในพวกผู้ปรุงเครื่องหอมได้ซ่อมแซม
พวกเขาบูรณะเยรูซาเล็มไกลไปจนถึงกำแพงกว้าง” นหม. 3:8
แนวคิด :
– การซ่อม สร้าง กำแพงเยรูซาเล็มที่ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง
ขึ้นมาใหม่ เป็นภารกิจอันใหญ่หลวง
แต่เป็นงานสำคัญสำหรับแผนรื้อฟื้นเยรูซาเล็มให้กลับมีชีวตขึ้นอีกครั้ง
– แท้จริงคนที่มีส่วนทำงานเหล่านี้ ไม่ทราบว่า
งานของพวกเขาเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการเตรียมเยรูซาเล็มให้พร้อมสำหรับการเสด็จมาของพระผู้ช่วยให้รอดของโลก
– ในบทที่ 3 ทั้งหมด
เป็นรายชื่อของคนและส่วนงานที่เขาได้รับมอบหมายให้ซ่อมหรือสร้าง
– เมื่ออ่านมาถึง ข้อที่ 8 สะกิดใจมาก
สังเกตเห็นว่า คนที่ซ่อมกำแพงเป็นช่างทอง และอีกกลุ่มหนึ่งเป็นผู้ปรุงเครื่องหอม
ทั้งสองกลุ่มไม่น่าจะมีความรู้ความชำนาญในการซ่อมสร้างกำแพงที่ดีเลย
แต่ก็ยังคงลงมือซ่อมกำแพง….เพราะมีคนเหล่านี้ ผู้ทำอย่างเต็มที่ โดยไม่อ้างว่า “ฉันไม่มีความชำนาญ ฉันจึงไม่ทำ” การบูรณะกำแพงเยรูซาเล็ม
จึงสำเร็จในที่สุด
การประยุกต์ใช้ :
– วันนี้ ไม่สำคัญว่า เราจะมีความรู้ ความชำนาญ
ในงานที่เรารับมอบหมายให้ทำมากเพียงใด ที่สำคัญคือ เราได้ทำอย่างสัตย์ซื่อ
ทำอย่างเต็มกำลังแล้วหรือยัง? ใครจะไปรู้งานเล็กน้อยที่เราทำ
อาจกำลังเป็นส่วนหนึ่งของงานที่มีผลเปลี่ยนแปลงโลก เหมือนอย่าง
อุสซีเอลบุตรฮารฮายาห์ ช่างทองคนนั้นก็เป็นได้
– เก่ง หรือ ชำนาญ ไม่สำคัญเท่า ทำอย่างเต็มใจและสัตย์ซื่อ
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (สดด. 104:27-30) { ขึ้นกับพระเจ้า }
“เมื่อพระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์เสีย มันทั้งหลายก็ลำบากใจ
เมื่อพระองค์ทรงเอาลมหายใจมันไปเสีย มันก็ตาย และกลับเป็นผงคลี” สดด. 104:29
แนวคิด :
พระคัมภีร์ตอนนี้บรรยายให้เห็นว่า
• สิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่พระเจ้าทรงสร้าง ต้องพึ่งการเลี้ยงดู
การดูแลจากพระเจ้า
• วันเวลาของสิ่งมีชีวิตทั้งสิ้นก็อยู่ในการควบคุมและกำหนดของพระองค์
เมื่อพระองค์เอาลมหายใจไปจากสรรพสิ่งเหล่านั้น สรรพสิ่งนั้นก็จะตายไป
การประยุกต์ใช้ :
• เราไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากการช่วยเหลือจากพระเจ้า
เราอาจจะรู้หรือไม่รู้ แต่พระองค์ยังคงเมตตาเรา เราจึงยังดำรงอยู่ได้จนถึงเวลานี้
• มธ. 5:45 ..เพราะว่าพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์
ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกัน และให้ฝนตก แก่คนชอบธรรมและคนอธรรม
• แค่คนชอบธรรมรับรู้แล้วขอบพระคุณ แต่คนอธรรมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
แล้วอกตัญญู หาขอบพระคุณไม่
• วันใดก็ตามที่พระองค์เห็นสมควรว่า
ได้เวลาที่เรา(หรือคนที่เรารัก)ต้องจากโลกนี้ไปแล้ว
เรา(หรือคนที่เรารัก)ก็จะจากโลกนี้ไป ในทำนองเดียวกัน ถ้าพระเจ้ายังไม่เห็นสมควร
ก็จะไม่มีใคร ภยันอันตรายใดๆ โรคภัยไข้เจ็บใดๆ พรากชีวิตไปจากเรา(หรือคนที่เรารัก)
ได้เลย
“ชีวิตของเรา จะเป็นอยู่อย่างไร จะเป็นหรือจะตาย
ไม่ขึ้นกับการตะเกียกตะกายของเรา แต่ขึ้นกับพระประสงค์ของพระองค์เท่านั้น”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (สดด. 71:14) { ยังคงสรรเสริญ }
“แต่ข้าพระองค์จะหวังอยู่เสมอ และจะสรรเสริญพระองค์มากยิ่งๆ ขึ้น” สดด. 71:14
แนวคิด :
• ขณะที่ผู้เขียนสดุดีบทนี้กำลังพบกับความทุกข์ยาก
ศัตรูกำลังจ้องเอาชีวิตของเขา กำลังพยายามหาทางทำร้ายเขา กำลังเยาะเย้ยเขา
พยายามทำให้เขาขายหน้า
• สิ่งที่เขาทำ คือ ยังคงมีความหวังในพระเจ้าต่อไป และ
ยังคงสรรเสริญพระเจ้ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก
การประยุกต์ใช้ :
• หากเรากำลังเชิญสถานการณ์เช่นนั้น อย่าหมดหวัง
อย่าทิ้งความหวังในพระเจ้า จงหวังใจในพระองค์ต่อไป แล้ว เปลี่ยนเสียงบ่น
เสียงโอดครอวญ เสียงท้อแท้หมดกลังใจ
เป็นเสียงสรรเสริญพระเจ้า….แล้วในเวลาไม่นานเกินรอ
เราจะเห็นการช่วยกู้อย่างสง่างามจากพระเจ้าของเรา
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( อมส. 5:8) { พระเจ้าทรงควบคุมอยู่ }
“พระองค์ผู้ทรงสร้างกลุ่มดาวลูกไก่และดาวไถ
ผู้ทรงเปลี่ยนความมืดทึบให้เป็นรุ่งเช้า ทรงทำให้กลางวันมืดเป็นกลางคืน
ผู้ทรงเรียกน้ำของทะเล และเทลงบนพื้นดิน พระยาห์เวห์คือพระนามของพระองค์” อมส. 5:8
แนวคิด :
• อาโมส(ผู้เผยพระวจนะที่เป็นคนเลี้ยงแกะ) พูดถึง
กลุ่มดาวที่โดดเด่นที่ผู้เลี้ยงแกะรู้จักดี คือ หมู่ดาวลูกไก่(มองด้วยตา จะเห็น7ดวง แต่ความจริงมีกว่า200ดวง) หมู่ดาวไถ
• ในข้อนี้ บริบทกำลังพูดว่า พระเจ้าผู้ทรงยุติธรรม
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์
Ø ผู้สร้างดวงดาวทั้งหลาย
Ø ผู้ควบคุมทุกสิ่งไม่ว่าในเวลามืดหรือเวลาสว่าง
Ø ผู้ควบคุมสิ่งต่างๆในโลกทั้งสิ้น(เอาน้ำในทะเล
มารดใส่แผ่นดิน มากจนท่วมโลกก็ยังได้)
การประยุกต์ใช้ :
– ทุกอย่างที่เกิดขึ้น รอบตัวเรา และในโลกนี้
อยู่ภายใต้การควบคุมของพระเจ้า
– พระเจ้าทรงยุติธรรม
– พระองค์คือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเรา
พระองค์จะประทานความยุติธรรมแก่เราอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องตกใจ พระเจ้าทรงควบคุมอยู่”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (2พศด. 34:1-7) { แผนของพระเจ้า }
“พระองค์ยังทรงเผากระดูกของพวกปุโรหิตบนแท่นบูชาของพวกเขาและทรงชำระยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม”
2พศด. 34:5
แนวคิด :
• 300 ปีก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ตอนนี้
อิสราเอลถูกแยกออกเป็น 2 อาณาจักร
เหนือ-ใต้(เหมือนเกาลีเหนือ-เกาหลีใต้) ถือคนละประเทศกันเลย
ในเวลานั้นมีผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งเดินทางจากทางใต้มายังอาณาจักรเหนือ
ประกาศเกี่ยวกับแท่นบูชารูปเคารพในอาณาจักรเหนือว่า
“โอ แท่นบูชา แท่นบูชา พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘นี่แน่ะ เด็กชายคนหนึ่งชื่อโยสิยาห์จะเกิดมาในราชวงศ์ของดาวิด และบนเจ้า
คือบนแท่นนี้ เขาจะฆ่าปุโรหิตแห่งปูชนียสถานสูงผู้เผาเครื่องหอมบนเจ้า
และเขาจะเผากระดูกคนบนเจ้า’ ” 1พกษ. 13:2
• คำพยากรณ์นี้ แทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะ เหนือ-ใต้
เป็นคนละประเทศกันแล้ว แล้วกษัตริย์ของใต้(ราชวงศ์ดาวิด)
จะมายุ่งอะไรกับแท่นบูชารูปเคารพในอาณาจักรเหนือได้เล่า พวกเขาไม่มีวันยอมแน่
• คำพยากรณ์นี้ ระบุชื่ออีกต่างหาก “โยสิยาห์”
และปรากฏว่า ตลอด 300 ปีหลังจากการพยากรณ์
ไม่มีกษัตริย์ทางใต้องค์ใดที่ชื่อนี้เลย…จนถึงเวลาที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้…. 2พศด. 34:1 “โยสิยาห์มีพระชนมายุ 8 พรรษา เมื่อทรงเป็นกษัตริย์”
• เมื่อโยสิยาห์ ขึ้นครองราชนั้น อาณาจักรเหนือ
ได้ถูกอัสซีเรียทำลายสิ้นแล้วกวาดต้อนประชาชนไปเป็นเชลยหมดแล้ว
• ดังนั้น เมื่อพระเจ้าทรงทำงานในจิตใจของโยสิยาห์
เขาจึงนำคนอิสราเอลกลับมาหาพระเจ้า ทำลายรูปเคารพทั้งสิ้นในอาณาจักรใต้เสีย
และเผากระดูกของพวกปุโรหิตของรูปเคารพนั้น บนแท่นบูชาของมัน
เมื่อครบแล้ว ก็ไม่สาแก่ใจ
บุกขึ้นไปทั่วอาณาจักรเหนือแล้วก็ทำแบบเดียวกัน
• เป็นจริงดังพระวจนะของพระเจ้า ที่ได้บอกไว้ เมื่อ 300 ปีก่อน ทั้งสิ้น
การประยุกต์ใช้ :
• พระเจ้า ระบุชื่อ “โยสิยาห์” และสิ่งที่เขาจะกระทำไว้แล้ว 300 ปีก่อนเขาเกิด…พระเจ้าทรงมีแผนการสำหรับชีวิตของเขา…..ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด
เราผู้ได้เชิ่อว่า “เป็นบุตรของพระเจ้า” พระองค์ทรงจัดเตรียมแผนการอันดีเลิศไว้สำหรับชีวิตของเรา
ล่วงหน้ามานานแล้ว ก่อนที่ปู่ของทวดเราจะถือกำเนิดมาเสียอีก…สรรเสริญพระเจ้า
• ดังนั้นอย่ามัวแต่กลัว มัวกังวล กับการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้
เพราะ ทั้งหมดอยู่ในแผนของพระเจ้า
พระองค์จัดเตรียมไว้เพื่อสิ่งดีสำหรับลูกที่รักของพระองค์อย่างเรา…สรรเสริญพระเจ้า
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( นหม. 2:10-16 ) { เริ่มเลย }
“แล้วข้าพเจ้าลุกขึ้นในเวลากลางคืน
คือข้าพเจ้ากับชายบางคนที่อยู่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ได้บอกให้ใครเนหะมีย์ทราบเรื่องที่พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงดลใจให้ข้าพเจ้าทำเพื่อเยรูซาเล็ม
ข้าพเจ้าไม่ได้นำสัตว์อื่นไปกับข้าพเจ้านอกจากสัตว์ที่ข้าพเจ้าขี่อยู่” นหม. 2:12
แนวคิด :
• เนหะมีย์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า
ให้กลับมาซ่อมสร้างกำแพงเมืองเยรูซาเล็มที่ถูกทำลายไปนั้น ขึ้นมาใหม่
• เมื่อเขามาถึงเยรูซาเล็ม สิ่งแรกที่เขาเริ่มทำ
ไม่ใช่เชิญชวนประชาชนให้ร่วมกันสร้างกำแพง
ทั้งที่สำคัญมากเพราะถ้าประชาชนไม่ร่วมมือ เขาไม่มีทางทำสำเร็จได้
ซึ่งอาจเป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้ใครมาเป็นอุปสรรคหรือทำให้หมดกำลังใจ
ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นทำตามการดลใจจากพระเจ้า
• เขาเริ่มงานแรก ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ประชาชนอื่นๆพร้อมก่อน
คืนนั้นเขาออกสำรวจกำแพงรอบเยรูซาเล็ม ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง ทางลำบาก(ข้อ14
บางช่วงถึงขนาดม้าหรือลาที่ขี่ก็ผ่านไปไม่ได้) และ
เต็มไปด้วยอันตรายจากการศัตรู(ข้อ10 พวกเขาไม่พอใจอย่างยิ่ง)
• เนหะมีย์ ไม่ได้รอให้คนอื่นพร้อมก่อน แล้วจึงทำตามพระเจ้า
เขาเริ่มเลยเท่าที่เขาจะสามารถทำได้
แล้วพอมาถึงขั้นตอนที่เขาต้องพึ่งคนอื่นหรือรอคนอื่น เขาก็ค่อยมาพึ่งคนอื่น
(ตั้งแต่ข้อ 17 เป็นต้นไป)
การประยุกต์ใช้ :
• อย่ารอให้พร้อมทุกอย่างก่อน
แล้วจึงเริ่มทำตามสิ่งที่พระเจ้าสั่งเรา
• อย่ารอให้คนอื่นพร้อมก่อน อย่ารอให้ปลอดภัยก่อน
อย่ารอให้มันไม่ลำบากก่อน..ลุยเลย
• “เริ่มวันนี้ได้เลย เริ่มจากเท่าที่มี เริ่มจากเท่าที่เราทำได้
แล้วพระเจ้าผู้จัดเตรียม จะทรงเพิ่มเติมสิ่งที่จำเป็นที่เหลือให้แก่เราเอง”
ตัวอย่าง
• เรารู้ว่าพระเจ้าอยากให้พี่ของเรามาเชื่อพระเจ้า…อย่ารอให้พร้อมกว่านี้
วันนี้เริ่มบางอย่างได้เลย เพื่อให้น้ำพระทัยของพระเจ้าในเรื่องนี้สำเร็จ เช่น
อธิษฐานเผื่อพี่อย่างจริงจัง ,โทรหาพี่ให้กำลังใจ , เอาหนังสือหรือใบปลิวให้พี่ , เลือกบทความคริสเตียนที่เราชอบ
หรือลิ้ง youtube ที่เราชอบ แล้วส่งให้พี่ , เริ่มขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยเราอะไรบางอย่างเล็กๆน้อยๆให้พี่ฟัง , ฯลฯ
“เริ่มได้แล้ว พรุ่งนี้ช้าเกินไป”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( อาโมส 1:2 ) { พระพิโรธของพระเจ้า }
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( อาโมส 1:2 ) { พระพิโรธของพระเจ้า }
ท่านกล่าวว่า “พระเจ้าทรงเปล่งพระสิงหนาทจากศิโยน
และทรงเปล่งพระสุรเสียงของพระองค์จากเยรูซาเล็ม ลานหญ้าของผู้เลี้ยงแกะโศกเศร้า
และยอดภูเขาคารเมลก็เหี่ยวไป” อมส. 1:2
แนวคิด :
• เปล่งพระสิงหนาท หมายถึง “เสียงคำรามของสิงโตก่อนจะตะครุบเหยื่อ”
เล็งถึง เสียงที่ทำให้ทุกคนที่ได้ยินต้องหวาดกลัว
• ศิโยน หมายถึง เยรูซาเล็ม (ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาศิโยน)
• ขนาดแค่สิงห์แผดเสียงคำรามผู้คนยังตกใจกลัว
แล้วถ้าพระเจ้าเปล่งพระสุรเสียงด้วยพระพิโรธเล่า สิ่งใดจะตั้งมั่นอยู่ได้
• เมื่อพระเจ้าทรงเปล่งเสียง ทุกสิ่งก็สั่นสะท้าน ตั้งแต่ลานหญ้า
ยันยอดเขาคารเมล(สถานที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในอิสราเอล)
• ใครเล่าจะยืนอยู่ได้ ต่อการพิพากษาด้วยพระพิโรธของพระเจ้า
การประยุกต์ใช้ :
• การพูดถึงพระเจ้าเพียงด้านความรักพระเมตตาของพระองค์เพียงด้านเดียว
อาจเรียกได้ว่าเป็นการกล่าวอย่างไม่สมดุล
• ความจริงในพระคัมภีร์ ระบุหลายต่อหลายครั้ง ถึงความน่าสะพรึงกลัว
ของพระพิโรธของพระเจ้า โดยเฉพาะเมื่อพระองค์ทรงพระพิพากษา
• ขอบคุณพระเจ้า วันนี้โดยพระคุณของพระเจ้า
เรารอดพ้นการพิพากษาเข้ามาอยู่ในร่มพระคุณความรักเมตตาของพระเจ้า
วันนี้เป็นวันแห่งพระเมตตา
• แต่ วันนั้นจะมาถึง เมื่อพระองค์จะทรงพิพากษามนุษย์
ด้วยพระโรธต่อความบาปชั่วของมนุษย์ ในวันนั้น
ไม่ใช่วันแห่งพระเมตตาสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นคนชอบธรรม
วันนั้นเป็นวันแห่งพระพิโรธอันน่าสะพรึงกลัว สำหรับพวกเขา
และเตรียมตัวสู่การลงโทษในบึงไฟนรกชั่วนิจนิรันดร์
• อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเราไม่พบคนเหล่านี้บนสวรรค์ แม่ของ พ่อของเรา
น้องของเรา พี่ของเรา น้าของเรา ญาติของเรา เพื่อนของเราสมัยเรียน
เพื่อนที่ทำงานของเรา คนที่เรารู้จักที่อยู่ใกล้บ้านเรา ?
• อย่างเดียวที่พวกเขาต้องเผชิญ หากเราไม่พบพวกเขาในสวรรค์ ก็คือ
พระพิโรธอันน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุดขององค์พระผู้เป็นเจ้า
• คำถามสำหรับวันนี้ : “เราจะพบ ………..
ในสวรรค์หรือเปล่านะ?”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( 2พศด. 34:29-33 ) { การฟื้นฟูที่แท้จริง }
“และพระราชาประทับยืนอยู่ในพระที่ของพระองค์ และกระทำพันธสัญญาต่อพระพักตร์พระเจ้า
ที่จะทรงดำเนินตามพระเจ้าและรักษาพระบัญญัติพระโอวาท
และกฎเกณฑ์ของพระองค์ด้วยสุดพระจิตสุดพระทัย
ที่จะทรงประกอบกิจตามถ้อยคำของพันธสัญญา ซึ่งบันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้” 2พศด. 34:31
แนวคิด :
• เกิดการฟื้นฟูครั้งใหญ่ขึ้นในสมัยของ กษัตริย์โยสิยาห์
เมื่อมีการค้นพบหนังสือธรรมบัญญัติในพระนิเวศของพระเจ้า แล้ว นำมาให้โยสิยาห์
เมื่อโยสิยาห์ฟังแล้วก็กลับใจ ฉีกฉลองพระองค์(ข้อ19) แล้วก็ทรงทำพันธสัญญาต่อพระเจ้า
ว่าจะ ดำเนินตามพระเจ้าและรักษาพระโอวาทและกฏเกณฑ์ของพระเจ้า ด้วยสุดจิต สุดใจ
• แล้วโยสิยาห์ ก็เอาสิ่งน่าเกลียดน่าขังทั้งปวง
ไปเสียจากเขตแดนทั้งสิ้น(ข้อ33)
• แล้วการฟื้นฟูที่แท้จริงก็เกิดขึ้น
การประยุกต์ใช้ :
• การฟื้นฟูที่แท้จริง เกิดเมื่อพระวจนะของพระเจ้าถูกอ่าน(ถูกกล่าว)
แล้วเรากลับใจ แล้วเราตั้งใจที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ไม่ทำตามใจของตัวเองอีกต่อไป
• โดยการพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์
พระองค์จะช่วยให้ความตั้งใจของเรานี้เกิดขึ้นเป็นจริงได้
เมื่อเราเริ่มลงมือทำอะไรบางอย่างในภาคปฏิบัติที่สอดคล้องกับการกลับใจนั้น
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( สดด. 58:11 ) { พระเจ้ายุติธรรม }
จะมีคนกล่าวว่า “แน่แล้ว มีบำเหน็จให้แก่คนชอบธรรม
แน่แล้ว มีพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาโลก” สดด. 58:11
แนวคิด :
• สักวันหนึ่งมนุษย์ทุกวันจะเห็น
(โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีปัญญาจะเห็นก่อนคนอื่น) แล้วจะสรุปได้ว่า “พระเจ้าทรงยุติธรรม”
>>> คนชอบธรรม จะได้รับรางวัล
>>> คนชั่วร้าย จะรับการพิพากษา
• สดุดีบทนี้ ดาวิดแต่งขึ้น
ร้องทุกข์ต่อพระเจ้าในสถานการณ์ที่เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม
แต่โดยร้องทุกข์ต่อพระเจ้าถึงความชั่วร้ายของคนอธรรม แล้ว
จบลงด้วยความเชื่อมั่นว่า
ในท้ายที่สุดความยุติธรรมของพระเจ้าจะปรากฏให้ประจักษ์แก่ทุกคนเป็นแน่
การประยุกต์ใช้ :
• วันนี้ หากเราเห็นความอยุติธรรม
หรือเราเองกำลังไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงฉลาดและรับรู้เถิดว่า อีกไม่นาน
พระเจ้าผู้ทรงยุติธรรม จะสำแดงความยุติธรรมของพระองค์ให้ปรากฏ
• เพียงแต่ว่า
เพราะพระเจ้าทรงมีแผนการอันลึกซึ้งเกินความเข้าใจของเรา ดังนั้น เวลาของพระเจ้า
มักไม่ตรงใจของเรา พระองค์ทรงทราบดีที่สุดว่า เวลาใดเป็นเวลาที่ดีที่สุด
ที่จะสำแดงความความยุติธรรมให้เป็นที่ประจักษ์
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยรม. 23:16-18 ) { ตอแหล }
พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า “อย่าฟังถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ
ผู้เผยให้ท่านฟัง ทำให้ท่านเต็มด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ
เขากล่าวถึงนิมิตในใจของเขาเอง ไม่ใช่จากพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์” ยรม. 23:16
แนวคิด
# อย่าฟังคำโกหก ต่อไปนี้ มันไม่ได้มาจากพระเจ้า(ข้อ16)
• “ท่านผู้ดูหมิ่นพระพระวจนะของพระเจ้าเอ๋ย…ท่านจะสุขสบาย”(ข้อ17) ไม่เป็นไรหรอก ยังไงพระเจ้าก็รักท่าน
ไม่ว่าท่านจะทำตัวยังไงพระเจ้าก็จะอวยพรท่านอยู่ดี
• “ท่านผู้ดื้อดึงทำตามใจตัวเองเอ๋ย…จะไม่มีเหตุร้ายใดๆมาถึงท่านหรอก”(ข้อ17) ไม่เป็นไร พระเจ้าเข้าใจเราดี
พระองค์เห็นใจเรา แม้เราทำตามใจไม่ทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า
ถึงกระนั้นพระเจ้าก็ยังจะปกป้องเราอยู่ดี เราจะปลอดภัยจากเหตุร้ายต่างๆแน่นอน
# อะไรคือการดูหมิ่นพระวจนะของพระเจ้า?
>>> ก็คือ
การไม่ใส่ใจในพระวจนะของพระเจ้าและการไม่เชื่อฟัง(ข้อ18)
# อะไรคือการดื้อดึง
>>> ก็คือ รู้ทั้งรู้ว่าพระเจ้าเสียใจถ้าเราทำแบบนั้น
รู้ทั้งรู้พระเจ้าอยากให้เราทำแบบนี้…แต่เราก็ไม่สนใจ
ไม่ได้มีความตั้งใจแม้เพียงสักนิดที่จะทำสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย
ไม่แม้แต่จะเริ่มต้นด้วยการอธิษฐานขอพระเจ้าช่วยให้เราสามารถทำสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยได้…
“ฉันไม่แคร์ ก็ฉันชอบ ฉันอยากทำแบบนี้ มีอะไรมั้ย?”
การประยุกต์ใช้ :
• พระเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง วานนี้ วันนี้ และสืบๆไปเป็นนิตย์
• พระองค์ไม่เปลี่ยนนิสัย ไม่เปลี่ยนพระลักษณะ
• พระองค์เคยรังเกียจท่าทีเช่นใด พระองค์ยังคงรังเกียจท่าทีเช่นนั้น
ในวันนี้
• พระองค์เคยพอพระทัยท่าทีเช่นใด พระองค์ยังคงพอพระทัยท่าทีเช่นนั้น
ในวันนี้
• สิ่งที่เปลี่ยนไป จากพระคัมภีร์เดิม สู่พระคัมภีร์ใหม่
ไม่ใช่พระเจ้า พระองค์ไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่เปลี่ยนคือ มนุษย์
• มนุษย์ถูกชำระให้เป็นชอบธรรมได้ โดยทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์
• เมื่อเราชอบธรรมแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์จีงสถิตในเรา เพื่อช่วยเรา
ให้สามารถทำสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยได้
• พระวิญญาณสุทธิ์ทรงอ่อนสุภาพ พระองค์ไม่ถือวิสาสะ
ทำสิ่งใดในชีวิตของเรา
หากเราไม่เต็มใจเปิดประตูต้อนรับพระองค์ให้เข้าไปเปลี่ยนแปลงในแต่ละห้องของจิตใจ
• ดังนั้น เราควรมอบถวายชีวิตจิตใจของเราพระองค์แด่พระองค์ เสมอๆ
เพราะแม้เมื่อเช้าเรายอมต่อพระองค์ แต่เป็นไปได้ว่า สายๆ
เราไล่พระองค์ลงจากบัลลังก์ใจ แล้วขึ้นนั่งแทน
• สรุป : เราผู้ชอบธรรม
ควรเอาใจใส่พระวจนะของพระเจ้าและตั้งใจที่จะเชื่อฟัง
โดยการพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อให้สิ่งเหล่านี้เกิดเป็นจริงในชีวิตของเรา
“พระเจ้ารักเรามาก จนพระองค์ไม่มีวันยอมอยู่เฉย แล้วปล่อยให้เรา
ไม่ใส่ใจพระวจนะและไม่เชื่อฟัง เป็นแน่ พระองค์จะสะกิดเราด้วยอะไรบางอย่าง
จนกว่าเราจะกลับใจ”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( อสย. 7:1-9 ) { ถ้าเจ้าไม่เชื่อมั่น เจ้าก็ไม่อาจตั้งมั่น }
“… ถ้าเจ้าไม่เชื่อมั่น เจ้าก็ไม่อาจตั้งมั่น”
อสย. 7:9
แนวคิด
• ช่วงเวลานั้น เรซีนกษัตริย์แห่งซีเรีย
และเปคาห์กษัตริย์แห่งอิสราเอล ขึ้นมา ทำสงครามกับเมืองเยรูซาเล็ม(ข้อ1) ดังนั้น กษัตริย์อาหัสและชาวเมืองจึงตกใจกลัวอย่างยิ่ง(ข้อ2)
• กษัตริย์ทั้งสองวางแผนชั่ว(ข้อ5) ที่จะบุกยึดเยรูซาเล็ม
แล้วตั้งกษัตริย์เหนือเยรูซาเล็มขึ้นใหม่(ข้อ6)
• แต่พระเจ้าตรัสกับ อาหัสว่า
“ตั้งใจฟัง”
“จงสงบ”
“อย่ากลัว”
“อย่าให้ใจขลาดกลัว” = อย่าให้ใจ “สั่นเหมือนต้นไม้ในป่าสั่นขณะต้องแรงลม”(ข้อ2)
“เพราะแผนชั่วมันจะไม่เกิดขึ้น แผนนั้นจะไม่สำเร็จ”
• แต่พระเจ้าตรัสเตือน อาหัสว่า “ถ้าเจ้าไม่เชื่อมั่น
เจ้าก็ไม่อาจตั้งมั่น”
>>> ถ้าเขาไม่เชื่อ ไม่วางใจในพระเจ้าแต่ผู้เดียว (ขณะนั้น
อาหัส คิดจะหันไปพึ่งอัสซีเรีย=ไว้วางใจในอัสซีเรียแทนพระเจ้า)
ต่อให้ศึกนี้จะผ่านไปได้ แต่ต่อมาเขาจะพ่ายแพ้อยู่ดี
การประยุกต์ใช้ :
• หากปัญหากระหน่ำเข้ามาในชีวิต อย่าหันไปพึ่งสิ่งอื่น
จงยึดความเชื่อและความไว้วางใจในพระเจ้า ไว้มั่น
แล้วเราจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าท่ามกลางสถานการณ์นั้นๆ
• ยึดมั่นไว้ แล้ว เราจะผ่านมันไปได้
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อมั่น เจ้าก็ไม่อาจตั้งมั่น”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( อสย. 32:17 ) { หลงทางอยู่หรือเปล่า? }
“ผลงานของความชอบธรรมจะเป็นสันติสุข
และผลลัพธ์ของความชอบธรรมคือความเงียบสงบและความวางใจเป็นนิตย์” อสย. 32:17
แนวคิด
• ความชอบธรรม ไม่อาจเกิดได้โดยมนุษย์ แต่เกิดได้โดยพระเจ้า
• เมื่อมีความชอบธรรม ผลที่ตามมา คือ
>>> มีสันติสุข
>>> มีความสงบทั้งภายในและภายนอก(จิตใจและการกระทำ)
>>> มีความวางใจเป็นนิตย์ ไม่ใช่แค่วางใจบ้างไม่วางใจบ้าง
ไม่ใช่วางใจชั่วครั้งชั่วคราว แต่วางใจตลอดเวลาตลอดไป
การประยุกต์ใช้ :
• ตัวชี้วัด ว่า หนทางที่เรากำลังเดินไปนั้น
เป็นทางแห่งความชอบธรรมหรือไม่
>>> สังเกตง่ายๆ เรากำลังมีสันติสุข
มีความสงบทั้งใจและพฤติกรรม มีความวางใจในพระเจ้าอยู่หรือไม่
>>> ถ้าใช่ จงดำเนินต่อไปในวิถีทางนั้น
>>> ถ้าไม่ เป็นไปได้ว่าเรากำลังหลงทาง เมื่อรู้ว่าหลงทาง
“จงหยุดเดินต่อ”
“ยูเทิร์น (กลับใจ)”
“กลับไปที่จุดเริ่มต้น หรือจุดสุดท้ายที่เรารู้ว่ายังถูกทางอยู่”…วิธีเดิมๆที่เราเคยมีสันติสุข สงบสุข และไว้วางใจในพระเจ้า
(อาจจะเป็นการร้องเพลงพระเจ้า ทั้งวัน , อาจจะเป็นการใช้เวลาพิเศษทุกเช้ากับพระเจ้า
ก่อนทำสิ่งอื่นใด , อาจจะเป็นการอธิษฐานในพระวิญญาณเสมอๆ
บ่อยๆตลอดวัน,ฯลฯ)
หันกลับมาเดินในทางแห่งความชอบธรรมกันเถอะ**
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( สดด. 69:30-31 ) { ฉันยังคงจะสรรเสริญพระเจ้า }
“ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระนามพระเจ้าด้วยบทเพลง
ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์ด้วยการขอบพระคุณ” สดด. 69:30
แนวคิด
• สดด.69 ดาวิดบรรยายถึงความทุกข์ระทมที่ตนประสบ
พอมาถึงข้อที่ 30 เขากล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระนามพระเจ้า
ด้วยบทเพลง”
• ท่ามกลางความทุกข์ ดาวิด ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า
ดาวิดยกย่องพระเจ้าด้วยการขอบคุณ โดยไม่ได้มองที่สถานการณ์
แต่มองที่พระเจ้าด้วยความเชื่อ
• การทำเช่นนั้น พระเจ้าพอพระทัย (ข้อ31) มากยิ่งการถวายเครื่องบูชาแพงๆอย่างวัวผู้เสียอีก
การประยุกต์ใช้ :
• วันนี้ หากเรากำลังเผชิญความทุกข์ ท่ามกลางความทุกข์นี้
เราสามารถทำสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยได้ โดยการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า
ด้วยการขอบพระคุณพระเจ้าด้วยความเชื่อ
เชื่อมั่นว่าสิ่งนี้ในที่สุดพระเจ้าจะเปลี่ยนให้กลายเป็นสิ่งดีแน่นอน
“จงเปลี่ยนเสียงโอดครวญ เป็นเสียงสรรเสริญ”
“จงเปลี่ยนบ่น เป็นเสียงขอบพระคุณ”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยรม. 36:27-32) { เตือนแล้วไม่ฟัง }
“เราจะลงโทษท่านและเผ่าพันธุ์ของท่านและข้าราชการของท่าน
เพราะความผิดบาปของพวกเขา เราจะนำเหตุร้ายทั้งสิ้นที่เราได้ประกาศลงโทษเขา
แต่เขาไม่ฟังนั้น ให้ตกลงบนเขา และบนชาวกรุงเยรูซาเล็ม และบนคนยูดาห์” ยรม. 36:31
แนวคิด
• ก่อนหน้านี้ พระเจ้าทรงให้เยเรมีย์ เขียนคำเตือน
มาถึงกษัตริย์เยโฮยาคิมและคนอิสราเอลในยูดาห์
แต่พวกเขากลับไม่ฟังหรือหาเกรงกลัวไม่(ยรม. 36:24) แถมกษัตริย์ยังลบลู่คำเตือนนั้น
ด้วยการเผาหนังสือม้วนนั้นทิ้งเสีย
• พระเจ้าจึงให้เยเรมีย์ เขียนหนังสือม้วนขึ้นมาอีกฉบับ
ด้วยข้อความเดิมแล้วเพิ่มข้อความถึงกษัตริย์เยโฮยาคิม
เกี่ยวกับการลงโทษที่จะมาถึงเขา
การประยุกต์ใช้ :
• พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยความรักและพระเมตตา
ขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงเข้มงวดและเที่ยงตรง
• พระเจ้าเตือนประชากรของพระองค์ เพื่อเขาจะถ่อมใจ กลับใจ
แล้วรับการอภัย เราเรียนจากเรื่องของกษัตริย์เยโฮยาคิม ว่า ถ้าไม่กลับใจ
เย่อหยิ่งยโส ดูหมิ่นดูแคลน
การตักเตือนของพระเจ้า…ความเข้มงวดของพระองค์ก็น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
• วันนี้ เมื่อพระวจนะของพระเจ้ามาถึงเรา
>>> เราถ่อมใจลง หรือ เรายโสต่อไป
>>> เรายำเกรงแล้วกลับใจ หรือ เราลบหลู่แล้วมองข้ามไป “นี่ไม่เกี่ยวกับฉันหรอก”
>>> เราเปิดใจสำรวจชีวิต หรือ เราดูหมิ่นถ้อยคำเหล่านั้น
โดยคิดเสียว่า “ไม่ได้มาจากพระเจ้าหรอก”เพราะมันขัดใจเรา
1ธส. 5:20-21 “อย่าดูหมิ่นถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ
จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น”
ขอพระเจ้าทรงช่วยเรา ให้เราถ่อมใจลง
ต่อพระคำของพระเจ้าที่มาถึงเราในวันนี้(ที่คริสตจักรหรือที่ใดๆ)
เพื่อพระคำของพระเจ้าจะสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราในวันนี้ได้
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ดนล. 2:20-23 ) { สาธุการแด่พระเจ้าเป็นนิตย์สืบไป }
“ดาเนียลกล่าวว่า “สาธุการแด่พระนามของพระเจ้าเป็นนิตย์สืบไป
ปัญญาและฤทธานุภาพเป็นของพระองค์” ดนล. 2:20
แนวคิด
– พระเจ้าทรง เป็นเจ้าของ ปัญญา และ ฤทธานุภาพ ทั้งสิ้น
– พระเจ้าทรงเป็นผู้กำหนดและควบคุม วาระ ฤดูกาล ในธรรมชาติ
– พระเจ้าทรงเป็นผู้กำหนดและควบคุม อำนาจการปกครองทั้งสิ้น ในโลกนี้
– พระเจ้าทรงเป็นผู้ประทาน ปัญญาและความรู้
แก่ใครก็ตามที่พระองค์ประสงค์
– พระเจ้าทรงทราบทุกสิ่ง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะลึกซึ้งหรือลี้ลับเพียงใด
– พระเจ้าประสงค์จะประทาน ปัญญาและกำลังแก่ผู้ใด
พระองค์ก็ให้แก่ผู้นั้น…สรรเสริญพระเจ้า
การประยุกต์ใช้ :
– เมื่อพบคนมีปัญญา จงสรรเสริญพระเจ้า เพราะพระองค์ประทานให้เขา
– เมื่อเห็นฤดูกาลเปลี่ยน จงสรรเสริญพระเจ้า
เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้กระทำ
– เมื่อเห็นสถานการณ์รอบข้างในชีวิตเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องตกใจ
จงสรรเสริญพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงกำหนดและควบคุม ให้มันเป็นเช่นนั้นเอง
– เมื่อขาดปัญญา ในการเผชิญเหตุการณ์ในวันนี้
จงทูลขอต่อพระองค์ผู้เป็นเจ้าของปัญญาทั้งสิ้น แล้วพระองค์จะทรงโปรดประทานให้
“ยก. 1:5 แต่ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา
ให้คนนั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานให้กับทุกคนด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิ
แล้วเขาก็จะได้รับตามที่ทูลขอ”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( โยบ 14:1-5) { เตรียมเผชิญความตาย }
“มนุษย์ที่เกิดมาโดยผู้หญิงก็อยู่แต่น้อยวัน และเต็มไปด้วยความยุ่งยากใจ”
โยบ 14:1
แนวคิด
ในยามที่โยบทุกข์ระทมใจอย่างที่สุด ทำให้เขาคิดได้ ว่า
– ชีวิตมนุษย์นั้นสั้นนัก แต่มีปัญหามาก ซึ่งตรงข้ามกับ
การมีชีวิตยืนยาว แต่ปัญหาน้อย(ข้อ1)
– ชีวิตมนุษย์เหมือนดอกไม้ แปบเดียวก็เหี่ยวไป(ข้อ2)
– ชีวิตมนุษย์เหมือนเงา อยู่ไม่นาน และพอเงาผ่านไปก็ไม่เหลือร่องรอยของเงาเอาไว้เลย(ข้อ2)
– ชีวิตมนุษย์ที่เปราะบางนี้ พอจบลง หนำซ้ำยังต้อพบกับการพิพากษาอันเข้มงวดของพระเจ้าอีก(ข้อ3)
– ชีวิตมนุษย์เกิดมาในบาป เต็มไปด้วยมลทิน จึงไม่สามารถรอดพ้นได้แน่
ในวันพิพากษา(ข้อ4)
– ชีวิตของมนุษย์ถูกพระเจ้ากำหนดไว้แล้วว่า อยู่ได้กี่เดือนกี่ปี
ไม่มีทางที่จะเลยไปได้(ข้อ5)
การประยุกต์ใช้ :
– ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระธรรมโยบ
เราไม่ต้องรอเจอเหมือนกับโยบก่อนแล้วจึงคิดได้ ท่านโยบช่วยเจอให้เราแล้ว
เราแค่เรียนจากเขา ง่ายกว่ากันเยอะ
– ชีวิตนั้นสั้นนัก วันนี้เราเข้าใกล้ความตายเข้าไปมากกว่าเมื่อวาน
อีก 24 ชม.แล้ว
– เราควรใช้เวลาในโลกอย่างคุ้มค่า
ชีวิตของเราอีกไม่นานก็จะผ่านโลกนี้ไป เหมือนเงาไร้ร่องรอย ไม่มีใครจดจำได้อีก
แต่เราทุกคนต้องยืนอยู่ต่อหน้าบัลลังก์ของพระเจ้า
– ขอบคุณพระเจ้า โดยพระเยซูคริสต์เราจึงรอดพ้นการพิพากษาลงโทษ
แต่ถึงกระนั้นเราทุกคนต้องยืนเสนอรายงานต่อพระเจ้า ถึงสิ่งที่เราได้ทำไปในโลกนี้
(ฮบ. 13:17 … เสมือนหนึ่งผู้ที่จะต้องเสนอรายงาน) ดังนั้น
เราจะใช้อีกไม่กี่นาทีที่เหลืออยู่ในโลกนี้ของเราทำสิ่งใด
[สภษ. 23:4 อย่าทำงานเพื่อเห็นแก่ทรัพย์ศฤงคาร
จงฉลาดพอที่จะยับยั้งไว้]
“วันเวลาที่กำหนดไว้สำหรับเรา ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
จงใช้ชีวิตอย่างฉลาดเถิด”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( สภษ.11:1-3 ) { รัก หรือ เกลียด }
“พระยาห์เวห์ทรงเกลียดชังตาชั่งขี้โกง
แต่ทรงปีติยินดีในตุ้มน้ำหนักที่ยุติธรรม” สภษ. 11:1
แนวคิด
– อยากรู้มั้ย พระเจ้าชอบอะไร
พระองค์เกลียดอะไร…พระคัมภีร์ตอนนี้บอกเอาไว้(บางประการ)
# พระเจ้าเกลียด ความไม่ยุติธรรม (ข้อ1)
# พระเจ้าเกลียด ความเย่อหยิ่งยโส (ข้อ2)
# พระเจ้าเกลียด ความคดโกง (ข้อ3)
• พระเจ้าชอบ ความยุติธรรม (ข้อ1)
• พระเจ้าชอบ ความถ่อมใจ (ข้อ2)
• พระเจ้าชอบ ความซื่อสัตย์ (ข้อ3)
>>> ผู้ที่ดำเนินชีวิตในทางที่พระเจ้าเกลียด…จะพบกับความอัปยศและการถูกทำลาย
>>> ผู้ที่ดำเนินชีวิตในทางที่พระเจ้าชอบ…จะพบกับการอวยพร
ปัญญา และความปลอดภัย
การประยุกต์ใช้ :
? วันนี้ มีความลำเอียงใดๆ ที่เราต้องกลับใจหรือไม่
? วันนี้ มีความยโสใดๆ ที่เราต้องกลับใจหรือไม่
(หมายเหตุ : ถ้าตอบว่า “ไม่มี” นั่นแหละมีแน่นอน 555)
? วันนี้ มีความไม่ซื่อสัตย์ใดๆ ที่เราต้องกลับใจหรือไม่
“กลับใจวันนี้ ยังทัน ยังไม่สายเกินไป แต่พรุ่งนี้ไม่แน่”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ฮชย. 12:6) { จงกลับใจ }
“แต่ส่วนเจ้า จงกลับมาหาพระเจ้าของเจ้า จงรักษาความเมตตาและความยุติธรรม
และจงรอคอยพระเจ้าของเจ้าอยู่เสมอ” ฮชย. 12:6
แนวคิด
– พระเจ้าบอกให้อิสราเอลประชากรของพระองค์ ทำ 3 สิ่ง
1. กลับมาหาพระเจ้าของเจ้า… “กลับมา”
แปลว่า เมื่อก่อนเคยอยู่แต่เดี๋ยวนี้ไม่อยู่แล้ว
อิสราเอลเผชิญปัญหา(ตกเป็นทาส) พระเจ้าทรงช่วยเขา เขาจึงพ้นปัญหา
พระเจ้าอวยพรเขา แล้วเขาก็ลืมพระองค์
เขาจึงกลับพ่ายแพ้ต่อศัตรูและกำลังจะตกเป็นเชลยอีกครั้ง
(ฮชย. 13:6 เมื่อเขารับประทานจนอิ่มหนำ
เขาอิ่มหนำแล้ว ใจก็ผยองขึ้น ฉะนั้นเขาจึงลืมเรา)
2. รักษาความเมตตาและความยุติธรรม…เพราะเขาไร้เมตตาทั้งที่พระเจ้าทรงเมตตาเขาและบิดเบือนความยุติธรรมเพราะเห็นแก่สินบน
“เมตตา” คือ มันสมควรโดนแล้ว(อยากโง่เอง,อยากจนเอง,อยากชั่วเอง,ฯลฯ)
แต่ก็ให้อภัย สำแดงความรัก ความสงสารแก่เขา
“ยุติธรรม” คือ เขาสมควรได้รับสิ่งดี
แต่เขาไม่ได้รับ เราจึงช่วยให้เขาได้รับสิ่งดีนั้น
3. รอคอยพระเจ้าของเจ้าอยู่เสมอ…บัดนี้เขาละทิ้งพระเจ้า
ไปพึ่งพาสิ่งอื่น(รูปเคารพ,การเป็นพันธมิตรขอความช่วยเหลือจากคนต่างชาติ)
“รอคอย”…รออย่างไว้ใจ เชื่อใจ ในการช่วยกู้ของพระเจ้าที่กำลังจะมา
“พระเจ้าของเจ้า”…พระเจ้าเป็นพระเจ้าของเขา
เขาเป็นประชากรของพระองค์ แต่ปรากฏว่าเขาไม่สนใจสิ่งนี้
หรือลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลยว่า เขามีพระเจ้าจอมทัพผู้ทรงฤทธานุภาพ
เป็นพระเจ้าของเขาเชียวนะ
(ฮชย. 12:5 พระยาห์เวห์พระเจ้าจอมทัพ
พระยาห์เวห์เป็นพระนามของพระองค์)
“อยู่เสมอ”…. เขาเคยรอคอยพระเจ้า แปบนึง
เห็นท่าไม่ดี ชักเสียวไปพึ่งสิ่งอื่นดีกว่า
การประยุกต์ใช้ :
– จงกลับใจ..หากเราถอยห่างพระเจ้าไปไกล จนพ่ายแพ้ต่อปัญหาอีกครั้ง
– จงกลับใจ…หากเราไม่ยอมอภัยต่อคนอื่นอย่างที่พระเจ้าอภัยให้เรา
หรือ เราไม่ได้ทำสิ่งดีต่อผู้ที่สมควรจะทำสิ่งดีให้(เช่น พ่อแม่,ผู้มีพระคุณ,เพื่อนที่ทำดีต่อเรา,ลูกน้องผู้ตั้งใจทำงานอย่างดีแม้ผลออกมาไม่ดีนัก,ลูกของเราที่ตั้งใจทำดีแต่ก็ยังพลาดอยู่,ฯลฯ) [>> เราควรกล่าวขอบคุณหรือพูดให้กำลังใจคนเหล่านั้น]
– จงกลับใจ…หากเราไม่รอพระเจ้าละ หันไปพึ่งพาสิ่งอื่น แทน
พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ซึ่งจะเป็นการดูถูกพระองค์อย่างยิ่ง
(เมื่อลูกของมหาเศรษฐี ไปขอข้าวขอทานกิน
แต่ไม่ยอมขอจากพ่อหรือไม่ยอมรอข้าวจากพ่อ ช่างเป็นการกระทำที่ลบหลู่พ่อ
อะไรขนาดนั้น)
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( สดด.70 ) { พระเจ้า ช่วยด้วย }
“แต่ข้าพระองค์ยากจนและขัดสน ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงรีบมาช่วยข้าพระองค์เถิด
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงรอช้า พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์และผู้ช่วยกู้ของข้าพระองค์”
สดด. 70:5
แนวคิด
คำอธิษฐานของดาวิด ยามที่กำลังพบกับอันตรายและความยากลำบาก
“ข้าแต่พระเจ้า ช่วยด้วย”
“ข้าพระองค์ ทุกข์ใจมากเหลือเกิน
อันตรายเข้ามาใกล้ข้าพระองค์เหลือเกินแล้ว”
“ขอพระองค์ เปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี ขอให้คนสิ่งมุ่งทำร้าย
เอาเปรียบ ข่มเหง เยาะเย้ยข้าพระองค์ ต้องพ่ายแพ้ไปและอับอายเสียเอง”
“ข้าพระองค์ ขอแสวงหาพระองค์
ข้าพระองค์จะหาการช่วยกู้จากพระองค์เท่านั้น
ข้าพระองค์จะเลือกยินดีในพระองค์ท่ามกลางเหตุการณ์เช่นนี้”
“ขอพระเจ้าทรงกระทำให้เหตุการณ์นี้ ให้กลายเป็น การสรรเสริญ
ความยิ่งใหญ่ของพระองค์เถิด”
“ข้าพระองค์ ช่วยตัวเองไม่ได้แล้ว
ข้าพระองค์จะรอคอยการช่วยกู้จากพระองค์เท่านั้น ขอพระองค์รีบมาด้วยเถิด”
การประยุกต์ใช้ :
สิ่งที่ฉลาดที่สุด ดีที่สุด
ที่เราจะทำได้ยามต้องเผชิญเหตุการณ์ในวันนี้ คือ “อธิษฐาน”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยรม. 48:1-47 ) { พระพิโรธของพระเจ้า }
“โมอับจะถูกทำลายและไม่เป็นชนชาติอีกต่อไป
เพราะว่าเขายกตัวขึ้นต่อพระยาห์เวห์” ยรม. 48:42
แนวคิด
– เยเรมีย์พยากรณ์ถึงการพิพากษาของพระเจ้า ที่จะลงมาเหนือโมอับ เมื่อพระเจ้าเทพระพิโรธลงมาเหนือชนชาติที่ชั่วร้าย
ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
เช่น ยรม. 48:39 “โมอับแตกแล้วหนอ
เขาทั้งหลายคร่ำครวญ โมอับหันหลังกลับอย่างอับอาย
ดังนั้นแหละโมอับได้กลายเป็นที่เยาะเย้ย
และเป็นที่หวาดเสียวแก่บรรดาผู้ที่อยู่ล้อมรอบเขา”
การประยุกต์ใช้ :
– มนุษย์เอ๋ย!!! เจ้าช่างไม่รู้เอาเสียเลยว่า
ทุกคนต้องยืนอยู่หน้าพระเจ้าเพื่อรับการพิพากษา
แล้วพระเจ้าจะเทพระพิโรธอันน่าสะพรึงกลัวนั้น
ลงมาตามการกระทำอันชั่วร้ายของมนุษย์แต่ละคน
คิดดูสิ!!! ขนาดว่าเทลงมาบนทั้งชนชาติยังหนักหน่วงจนรับไม่ไหว
แล้วถ้าเทพระโรธลงมาบนคนนั้น จะน่าหวาดเสียวและน่าสะพรึงกลัวเพียงใด…แล้วจะพบว่า
นรกจริงๆมันน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
– หลายคน (รวมทั้งเราเอง ในหลายครั้ง) กร่างต่อพระเจ้า
ไร้ความยำเกรงต่อพระองค์ โดยหารู้ไม่ว่า พระเจ้าทรงฤทธิ์ใหญ่ยิ่งเพียงใด
พระพิโรธอันรุนแรงที่พระองค์ทรงอดกลั้นพระทัยไว้อยู่นั้น
น่าตกใจและน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
– สรรเสริญพระเจ้า โดยทางพระเยซูคริสต์
เราได้รอดพ้นการพิพากษานั้นแล้ว แต่สิ่งนี้ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ อาจจะง่ายสำหรับเรา
แต่สุดแสนจะหนักหน่วงสำหรับพระเยซูคริสต์ผู้ทรงรักเรา
ผู้เอาตัวของพระองค์มาแทนที่เราแล้วรับการพระพิโรธอันหนักหน่วงนั้นแทนเราบนไม้กางเขน
พระเยซูคริสต์ผู้มารับสภาพมนุษย์
ต้องรับพระโรธอันน่าสะพรึงกลัวบนไม้กางเขนนั้น
เราคงไม่มีวันรับรู้หรือเข้าใจความรู้สึกของพระองค์ได้
แต่เรารับรู้ได้ถึงความรักอันใหญ่หลวงที่พระองค์ทรงรักเรา ที่บนไม้กางเขนนั้น
“พระเยซู สมควรเป็นผู้ที่เรารักมากที่สุดมากกว่าใครๆ
หรือสิ่งใดในโลกนี้”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( มคา. 3:4) { ทำไมพระเจ้าไม่ตอบ ? }
“แล้วพวกเขาจะร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์
แต่พระองค์จะไม่ทรงตอบพวกเขา คราวนั้นพระองค์จะซ่อนพระพักตร์เสียจากเขาทั้งหลาย
เพราะพวกเขาได้ก่อกรรมชั่วไว้หลายอย่าง” มคา. 3:4
แนวคิด
– อธิษฐานแล้วพระเจ้าไม่ตอบ
พระเจ้าซ่อนพระพักตร์จากประชากรของพระองค์
– ก่อนหน้านี้ไม่กี่ข้อ (มคา.2:12-13) พระเจ้าเพิ่งบอกว่าในอนาคตจะช่วยกู้ประชากรของพระองค์
พระเจ้ารัก เมตตา และสงสารประชากรของพระองค์
– แต่ในข้อนี้ พระเจ้าบอกว่า พระเจ้าไม่ตอบคำอธฺษฐานของพวกเขา
พระเจ้าจะซ่อนพระพักตร์ไม่ให้เขาหาได้พบ “ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?”
– ก็เพราะพระเจ้ารัก เมตตา สงสารพวกเขานั่นเอง พวกเขายังอยู่ในทางชั่ว
ไม่คิดจะกลับใจใหม่ พระเจ้าจึงจงใจทำเช่นนั้นกับพวกเขา ไม่ใช่เพราะเกลียด แต่
เพราะรัก พระองค์ต้องการสะกิดให้เขาระลึกได้ และกลับใจเสียใหม่
การประยุกต์ใช้ :
– หากวันนี้มีสถานการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา
ทั้งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเพราะเราเป็นที่รักของพระเจ้านี่นา เป็นไปได้ว่า
พระเจ้ากำลังสะกิดเรา
– ให้เราพิจารณาตนเอง ว่ามีทางชั่วใดๆในเรา ที่เรายังใจแข็งกระด้าง
ไม่ยอมกลับใจใหม่อยู่หรือไม่
– หากพบว่ามี ต้นปี 2017 นี้
เหมาะเหลือเกินที่เราจะเริ่มต้นใหม่ กลับใจใหม่ หันจากทางเก่า เดินไปในหนทางใหม่ในพระเจ้า
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( สภษ. 3:21-35) { ของขวัญวันสิ้นปี }
“ลูกเอ๋ย อย่าให้สิ่งต่อไปนี้คลาดสายตาของเจ้า แต่จงเฝ้ารักษาไว้
คือสติปัญญาและความเฉลียวฉลาด” สภษ. 3:21
แนวคิด
วันนี้พระเจ้าให้ของขวัญวันสิ้นปีแก่ผม ซึ่งจะทำให้ผมปลอดภัย
ไม่สะดุด ไม่ต้องหวาดหวากับสิ่งใดๆ แต่หลับสบาย(ข้อ23-24)
พระเจ้าให้เฝ้า 2 สิ่ง แบบอย่าให้คลาดสายตาเลย
เฝ้ารักษาเอาไว้ชั่วชีวิต แล้วจะเป็นพรวิเศษแก่ชีวิตของผมเสมอไป
จะให้ชีวิตที่เต็มไปด้วยพระพร และรางวัลจากพระเจ้า(ข้อ22)
สองสิ่งนั้น คือ สติปัญญา และ ความเฉลียวฉลาด
ผมจึงถามพระเจ้าว่า “แล้ว
ทั้งสองอย่างนี้คืออะไร?”…พระเจ้านำให้ผมอ่านต่อไปในข้อต่อๆมา
จนเข้าใจ
อ๋อ!!! … แบบนี้นี่เอง
สติปัญญา คือ การปฏิบัติต่อพระเจ้าด้วยท่าทีที่ถูกต้อง…ก็คือ
ด้วยท่าทียำเกรงพระองค์เสมอ
[ดูได้จากข้อ 25,26,32,33,34]
(สภษ. 9:10 ความยำเกรงพระเจ้า
เป็นที่เริ่มต้นของปัญญา …)
ความเฉียวฉลาด คือ การปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยท่าทีที่ถูกต้อง…ก็คือ
ด้วยท่าทีรักเพื่อนบ้านเสมอ
[ดูได้จากข้อ 27-31]
สรุปก็คือว่า “ถ้าผมทำตาม
จะได้รับเกียรติเป็นมรดก และสืบต่อไปยังชั่วลูกชั่วหลาน
แต่ถ้าทำตรงกันข้ามจะได้พบกับความอัปยศ”
การประยุกต์ใช้ :
ผมต้องเฝ้าคอยระมัดระวัง ที่จะให้ความคิด คำพูด การกระทำ
มีความยำเกรงพระเจ้าและเต็มไปด้วยความรักต่อผู้อื่นตลอดวันคืนชีวิตของผม
แล้วชีวิตของผมจะได้รับพระพรและเป็นพระพรต่อผู้คนมากมาย…อาเมน
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( มลค. 3:17-18) { วันที่พระเจ้าประกอบกิจ }
“แล้วเจ้าจะสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างคนชอบธรรมและคนอธรรม
ระหว่างคนที่ปรนนิบัติพระเจ้ากับคนที่ไม่ปรนนิบัติพระองค์ได้อีกครั้งหนึ่ง”
มลค. 3:18
แนวคิด :
– ในวันนี้ อาจมองไม่เห็นความแตกต่าง ระหว่าง คนชอบธรรม และ คนอธรรม
คนชอบธรรมบางคนก็พบสิ่งดี บางคนก็พบสิ่งไม่ดี
คนอธรรมบางคนก็พบสิ่งดี บางคนก็พบสิ่งไม่ดี
– แต่พระเจ้าทรงสัญญา ในวันที่พระเจ้าประกอบกิจนั้น(ข้อ17) พระเจ้าจะสำแดงพระเมตตาต่อคนของพระองค์ เหมือนพ่อที่เมตตาลูกของตน(ข้อ17)
แล้วในวันที่พระเจ้าทรงสัญญานั้น จะเห็นได้ถึงความแตกต่าง
ผลลัพท์ของชีวิต ระหว่างคนชอบธรรม(ด้วยความเชื่อ) กับคนอธรรม(ข้อ18)
การประยุกต์ใช้ :
– วันนี้เราอาจรู้สึกว่ากำลังพบกับความไม่เป็นธรรม แต่พระทรงสัญญา
จะมีวันที่พระองค์ทรงประกอบกิจ แล้วความเป็นธรรมจะเกิดขึ้น วันนี้ที่ยังดูเหมือนรอช้าอยู่
เพราะพระองค์มีแผนการอันล้ำเลิศ ที่ดีเลิศ และเกินที่เราจะเข้าใจได้
ซ่อนอยู่ในสถานการณ์ในวันนี้
“จงรอคอยพระเจ้า พระองค์ทรงทราบว่า เวลาใดเหมาะสมที่สุด ดีที่สุด
สำหรับเรา”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ฮกก. 1:7-11) { จงพิจารณาความเป็นอยู่ของเจ้า}
“พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า จงพิจารณาดูว่าเจ้ามีความเป็นอยู่อย่างไร”
ฮกก. 1:7
แนวคิด :
– พระเจ้าบอกให้คนอิสราเอล พิจารณาความเป็นอยู่ของเขาในขณะนั้น
• เจ้าหวังได้มาก แต่นี่แน่ะก็ได้น้อย
• เมื่อเจ้านำผลมาบ้านของเจ้า เราก็เป่ามันไปเสีย…ทำงานแทบตาย
แต่ไม่มีอะไรเหลือ
– พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า ทำไมเป็นอย่างนั้นเล่า
ก็เพราะนิเวศของเราพังทลายอยู่ ฝ่ายเจ้าต่างก็สาละวนอยู่กับเรื่องบ้านของตน
• ที่เป็นเช่นนั้นเพราะพวกเขาสนใจแต่เรื่องของตนเอง
แต่ละเลยเรื่องของพระเจ้า พวกเขาจึงขาดพระพรจากพระเจ้า
– พระเจ้าสั่งให้เขา หยุดสนใจเรื่องของตนเองก่อน
แล้วมาสนใจเรื่องของพระเจ้า
เพื่อพระเจ้าจะอวยพรชีวิตของเขาและการงานที่เขาได้กระทำ
การประยุกต์ใช้ :
– เราควรพิจารณาตนเองในวันนี้ว่า “พระเจ้ากำลังสะกิดเราด้วยการงดพระพรสำหรับเราชั่วคราว
เพื่อให้เราหันกลับมาหาพระองค์อยู่ หรือเปล่า?”
– ถ้าตอบ “ใช่” > “กลับใจด่วน”
เพื่อเราจะกลับสู่เส้นทางแห่งพระพรอีกครั้ง
– ถ้าตอบ “ไม่ใช่” > “ถ่อมใจด่วน” เพื่อเราจะสามารถสังเกตเห็นสัญญาณเตือนจากพระเจ้าได้ชัดเจนขึ้น
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (อมส. 3:7-8) { เมื่อสิงโตคำราม }
“สิงห์แผดเสียงร้องแล้ว ผู้ใดจะไม่กลัวบ้าง พระเจ้าตรัสแล้ว
จะมีผู้ใดที่จะไม่เผยพระวจนะหรือ” อมส. 3:8
แนวคิด
– อาโมสเป็นชาวบ้านธรรมดา เป็นคนเลี้ยงแกะในเมืองเล็กๆชื่อเทโคอา
แต่อาจหาญกล่าวคำพยากรณ์กล่าวโทษประเทศต่างๆในช่วงเวลานั้น
– เหตุผลเดียวของเขาคือ “พระเจ้าสั่ง
ฉันต้องทำ”
– ขนาดสิงโตคำราม ผู้คนยังไม่ตกใจกลัวเลย แล้วนี่ พระเจ้าสั่งให้พูด
เขาจะกล้าไม่พูดหรือ?
– เมื่อพระเจ้าจะทรงกระทำสิ่งใด
พระเจ้าจะเปิดเผยแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ คือผู้เผยพระวจนะก่อน เพื่อ แจ้งและบอกแก่ประชาชน
เพื่อให้ประชาชนกลับใจ
การประยุกต์ใช้ :
– วันนี้พระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่กับเรา
เราเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ได้รับมอบหมายให้ประกาศข่าวประเสริฐของพระองค์
(กจ. 2:18 ในคราวนั้น
เราจะเทฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของเราบนทาสทาสีของเรา และคนเหล่านั้นจะกล่าวคำพยากรณ์)
(1คร. 4:1 ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นคนเช่นนี้คือเป็นเหมือนคนรับใช้ของพระคริสต์
และเป็นผู้รับมอบฉันทะให้ดูแลสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า)
– ไม่สำคัญว่าเราเป็นใครแต่เมื่อพระเจ้าสั่ง จงลงมือกระทำ
“จงประกาศข่าวประเสริฐเรื่องของพระยซูคริสต์ ให้ผู้คนได้รับรู้เถิด”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (สภษ. 5) { ตายเพราะขาดวินัย }
“เขาจะตายเพราะขาดวินัยในชีวิต และเพราะความโง่อย่างยิ่งของเขา
เขาจึงหลงเจิ่นไป” สภษ. 5:23
แนวคิด
– พ่อผู้มีปัญญา สอนลูกเพื่อจะฉลาด ไม่โง่และไม่ตาย (ข้อ1-2)
ว่า
– การล่วงประเวณี ตอนแรกดูเหมือนหอมหวาน แต่มันคือกับดัก
มันคือยาพิษ ที่จะนำความขมขื่นและความตายมาสู่ชีวิต วนเวียนไร้ทางออก(ข้อ3-2)
– ดังนั้น อย่าเข้าไปใกล้ อย่าเฉียดเข้าไปใกล้
ประตูของการล่วงประเวณี มิฉะนั้น ทั้งเกียรติ ศักดิ์ศรี
สิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะสูญสิ้นไป
แล้วพบกับบั้นปลายชีวิตที่เจ็บปวดและเสียใจอย่างที่สุด
เวลานั้นแม้มาเสียใจกับสิ่งที่ทำไปแต่มันก็จะสายเกินไปแล้ว (ข้อ7-14) – ด้วยเหตุนี้ ควรชื่นชมกับสภาพที่พระเจ้าให้เราได้เป็นอยู่ในขณะนี้
มีความสุขกับมัน อย่าโลภ อย่าอยากได้ อย่าเกี่ยวข้อง
กับดักแห่งการล่วงประเวณีนั้น(ข้อ15-22) – ถ้าขาดวินัย
ด้วยการปล่อยใจ ปล่อยเนื้อ ปล่อยตัว ในที่สุด จะหลงเจิ่นไป แล้วพบกับความตาย(ข้อ23)
การประยุกต์ใช้ :
– ความบาปทั้งหลาย ที่เราพ่ายแพ้ ที่เราล้มลง ก็เพราะเราหย่อนยานวินัยในชีวิต
ก่อนหน้านี้เราอาจเคยเอาจริงเอาจัง หลีกห่าง
ไม่เข้าไปใกล้หรือเกี่ยวข้องกับบาปเหล่านั้น แต่จำไว้เสมอ
วันใดที่เราเริ่มหย่อนยาน อลุ่มอล่วย แก่บาป วันนั้นความพ่ายแพ้ การล้มลง
และความขมขื่นมันกำลังย่างกายเข้ามา
“กลับใจก่อนจะสายเกินไป”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (อมส. 9:11-15) { ทรงซ่อมได้ }
พระยาห์เวห์ตรัสว่า
“นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง
เมื่อคนที่ไถจะทันคนที่เกี่ยว และคนที่ย่ำผลองุ่นจะทันคนที่หว่านเมล็ดองุ่น
จะมีน้ำองุ่นหยดจากภูเขา เนินเขาทั้งสิ้นจะมีน้ำองุ่นไหลลงมา” อมส. 9:13
แนวคิด
– อิสราเอลหลงเจิ่นออกห่างจากพระเจ้า จึงชาดจากการอวยพรของพระเจ้า
และพบกับเหตุร้าย
– พระเจ้าทรงสัญญาว่า จะซ่อมและสร้าง สิ่งที่พังลง
สิ่งที่เขาสูญเสียไปขึ้นมาใหม่(ข้อ11)
– พระเจ้าจะทำให้ประชากรของพระองค์กลับสู่สภาพดี
เหมือนกับไม่เคยถูกทำให้เสียหายมาก่อนเลย(ข้อ14)
– พระเจ้าจะปลูกเขาไว้ และจะไม่ถอนเขาอีกเลย คือ
สภาพดีที่เกิดขึ้นกับเขาแล้วนั้น จะอยู่กับเขาตลอดไป ไม่ถูกเอาไปจากเขาอีกเลย(ข้อ15)
– อมส. 9:13 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง เมื่อคนที่ไถจะทันคนที่เกี่ยว
และคนที่ย่ำผลองุ่นจะทันคนที่หว่านเมล็ดองุ่น จะมีน้ำองุ่นหยดจากภูเขา
เนินเขาทั้งสิ้นจะมีน้ำองุ่นไหลลงมา”
เป็นการพยากรณ์ว่าพระพรแห่งการเชื่อฟัง
จะสำเร็จและเกิดขึ้นกับพวกเขา พระพรนี้อ้างอิงมาจาก
ลนต. 26:5 “เวลานวดข้าวจะยาวนานถึงฤดูเก็บผลองุ่น
ฤดูเก็บผลองุ่นจะยาวนานไปถึงฤดูหว่าน พวกเจ้าจะรับประทานอาหารอย่างอิ่มหนำ
และอยู่ในแผ่นดินของเจ้าอย่างปลอดภัย”….หมายถึง
มีความอุดมสมบูรณ์พูนสุข
การประยุกต์ใช้ :
– พระเจ้าสัญญา ว่าจะซ่อมชีวิตของเรา จะสร้างชีวิตของเราขึ้นใหม่
ให้อยู่ในสภาพดีเหมือนกับที่ไม่เคยบอบช้ำมาก่อนเลย
พระองค์จะทำให้เราได้รับพระพรแห่งการเชื่อฟัง โดยทางพระเยซูคริสต์
– สิ่งที่เราควรทำคือ รอคอยพระเจ้า อย่างเชื่อมั่น ไร้ความกังวล
เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและชื่นชมยินดี มั่นใจอย่างไม่เคลือบแคลงสงสัย
ในคำสัญญาของพระเจ้าที่มีต่อเรา
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ยรม. 23:1-4) { ผู้เลี้ยงแกะ }
“เราจะตั้งผู้เลี้ยงแกะไว้เหนือเขา ผู้จะเลี้ยงดูเขา
และเขาทั้งหลายจะไม่ต้องกลัวหรือครั่นคร้ามหรือขาดแคลนเลย” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ”
ยรม. 23:4
แนวคิด
– พระเจ้าทรงกล่าวโทษ ผู้เลี้ยงแกะ(ข้อ1) ซี่งหมายถึง
ผู้นำ และ พวกผู้เผยพระวจนะ ในเวลานั้น ที่ไม่ได้ดูแลเอาใจใส่ประชากรของพระเจ้า
ไม่ได้สอนทางที่ถูกต้องให้กับพวกเขา
แต่กลับชักนำให้ไปทำในสิ่งที่เลวร้ายและเอารัดเอาเปรียบ กดขี่ขมเหง
ประชากรของพระเจ้า
– ดังนั้น พระเจ้าจะลงโทษพวกเขา และพระเจ้าจะส่งผู้เลี้ยงที่แท้จริงมาให้ประชากรของพระองค์เอง(เล็งถึงพระเยซูคริสต์)
เพื่อประชากรของพระเจ้า จะไม่ต้องกลัวหรือครั่นคร้ามหรือขาดแคลนอีกเลย(ข้อ4)
การประยุกต์ใช้ :
– ในฐานะเป็นผู้เลี้ยง หรือ เป็นผู้นำ ในคริสตจักร
เราต้องรับผิดชอบต่อฝูงแกะของพระเจ้า หมายถึง “รับผิด”
และ “รับชอบ” สำหรับสิ่งที่เรากระทำแก่ลูกแกะของพระเจ้า
ดังนั้น เราควรดูแลเอาใจใส่ ให้อาหารฝายวิญญาณแก่น้องเลี้ยงของเรา อยู่เสมอ
และใส่ใจในความทุกข์ร้อนของพวกเขา
– ถ้าเราไม่ทำ พระเจ้าจะส่งคนอื่นมาทำแทนเรา
– พระเยซูคริสต์เป็นผู้เลี้ยงที่ดีเลิศ เราควรสอนและชี้นำ ให้น้องเลี้ยงของเรา
พึ่งพาพระเยซู ติดสนิทกับพระเยซุ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะที่นั่น
เขาจะไม่ต้องกลัว และ เขาจะไม่ขาดแคลนสิ่งดีใดๆ
(และตัวเราก็สมควรทำเช่นนั้นเหมือนกัน)
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ยอล. 2:25-27) { ช่างคุ้มค่า }
“เราจะชดเชยปีเดือน ที่ตั๊กแตนวัยบินได้กินเสียให้แก่พวกเจ้า
และที่ตั๊กแตนวัยกระโดด ตั๊กแตนตัวอ่อน และตั๊กแตนวัยเดินได้กิน คือกองทัพใหญ่ของเราที่เราส่งมาต่อสู้พวกเจ้านั้น”
ยอล. 2:25
แนวคิด
– เมื่อการช่วยกู้จากพระเจ้ามาถึง
พระองค์ไม่ได้เพียงแต่อภัยบาปผิดของเรา และ
ช่วยเราให้พ้นจากเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับเราอันเนื่องมาจากผลแห่งบาปของเราเท่านั้น
– แต่พระองค์จะทรงชดเชย สิ่งที่ราสูญเสียไป ขาดหายไปจากชีวิต
ให้แก่เราอีกด้วย (ข้อ25)
“สรรเสริญพระเจ้า !!!”
– เราจะไม่ต้องอับอายอีกต่อไป เราจะได้รับพระพรอย่างบริบูรณ์(ข้อ26)
“สรรเสริญพระเจ้า ผู้ทรงกระทำแก่เราอย่างอัศจรรย์ !!!”
– เพราะพระเจ้าผู้ทรงอยู่ท่ามกลาง ทรงช่วยเราให้ไม่ต้องอับอายอีกเลย
พระองค์เป็นพระเจ้าของเรา ไม่มีพระใดดีเลิศแสนประเสริฐเหมือนดั่งพระองค์
การประยุกต์ใช้ :
– หากเราหันมาหาพระเจ้า พึ่งพาพระองค์ รอคอยการช่วยกู้จากพระองค์
เมื่อการช่วยกู้จากพระเจ้ามาถึง เราจะพบความจริงว่า “ช่างคุ้มค่าแก่การรอคอย”
สรรเสริญพระเจ้า !!!
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (อสย. 55:10-11) { พระสัญญาจะสำเร็จ }
“ทำนองเดียวกัน คำของเราที่ออกจากปากของเรา จะไม่กลับมาสู่เราเปล่าๆ
แต่จะทำให้สิ่งที่เราพอใจนั้นสำเร็จ และให้สิ่งที่เราใช้ไปทำนั้นเสร็จสิ้น”
อสย. 55:11
แนวคิด
– ฝนและหิมะ เมื่อลงจากฟ้า จะไม่กลับไปบนฟ้าใหม่
จนกว่าจะได้รดแผ่นดิน และทำให้พื้นดินเกิดพืชผล ฉันใด
– คำที่พระเจ้าตรัส สิ่งที่พระเจ้าสัญญาไว้แล้ว
จะไม่กลับไปหาพระเจ้า (หมายถึงสิ้นสุดหน้าที่ของมัน) จนกว่าสิ่งเหล่านั้นจะสำเร็จตามที่พระเจ้าได้ลั่นวาจาไว้
การประยุกต์ใช้ :
– สิ่งที่พระเจ้าสัญญากับเรา จะสำเร็จอย่างแน่นอน
– วันนี้เราอาจไม่เข้าใจ
วันนี้เราอาจมองไม่เห็นทางเลยว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร
– ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว ถ้าเรามองเห็นแผนอันล้ำลึกของพระเจ้าได้
พระองค์จะเป็นพระเจ้าหรือ?
– ไม่ใช่ธุระของเราที่จะรู้ว่าหรือเข้าใจว่าพระองค์จะใช้วิธีการใดเพื่อให้พระสัญญาของพระองค์สำเร็จ
– ธุระของเรามีเพียงประการเดียว คือ
รอคอยอย่างเชื่อมั่นในพระสัญญานั้น
– ที่เหลือปล่อยให้เป็นธุระของพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อและสัตย์จริง ทำหน้าที่ของพระองค์
เพื่อให้พระสัญญาของพระองค์สำหรับชีวิตของเราสำเร็จ
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (นฮม. 1:2-3) { อย่าแก้แค้น }
“พระยาห์เวห์กริ้วช้า และทรงฤทธานุภาพใหญ่ยิ่ง พระยาห์เวห์จะไม่ทรงปล่อยให้คนผิดลอยนวล
พระมรรคาของพระองค์อยู่ในพายุหมุนและพายุ และเมฆเป็นผงคลีแห่งพระบาทของพระองค์”
นฮม. 1:3
แนวคิด
– พระเจ้ายุติธรรม พระองค์ทรงรักหวงแหนคนของพระองค์
และพระองค์ทรงกริ้วช้า
– พระองค์จะไม่ปล่อยให้คนผิดลอยนวล หากเขาไม่ยอมกลับใจ วันนี้ที่เขายังลอยนวลเพราะพระเจ้าทรงใจดี
เหลือเกิน
– แต่เมื่อวันเวลามาถึง หากเขายังไม่กลับใจ
ใครก็ตามที่บังอาจทำร้ายลูกของพระองค์ พระเจ้าจะเทพระพิโรธลงบนคนนั้น
พระองค์จะแก้แค้นแทนคนของพระองค์ อย่างสาสมและยุติธรรม
(รม. 12:19 นี่แน่ะ
ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าแก้แค้น แต่จงมอบการนั้นไว้
แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงโทษ เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “การแก้แค้นเป็นของเรา
เราเองจะตอบแทน” )
การประยุกต์ใช้ :
อย่าคิดแก้แค้น นั่นมันงานของพระเจ้า ไม่ใช่ของเรา
งานของเรา คือ ให้อภัย เพื่อพระเจ้าจะทรงอวยพรเราเพราะเหตุที่เราเชื่อฟังพระองค์
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ลนต. 14:1-7) { สะอาดแล้ว }
“ให้ปุโรหิตประพรมคนที่จะรับการชำระจากโรคเรื้อนนั้นเจ็ดครั้ง
แล้วประกาศว่า เขาสะอาด ให้ปล่อยนกตัวที่ยังมีชีวิตนั้นออกไปในท้องทุ่ง” ลนต. 14:7
แนวคิด
– พระคัมภีร์ตอนนี้พูดถึงการชำระตัวของคนที่หายจากโรคเรื้อน
– ในพระธรรมเลวีนิติ “โรคเรื้อน” เล็งถึง “บาป” , “สัตว์ที่ใช้ในพิธี”
เล็งถึง “พระเยซู”
– ในการชำระตัวนี้ ปุโรหิตให้เอานกมา 2ตัว
> ตัวหนึ่งฆ่าบนน้ำสะอาด เล็งถึงพระเยซู
ตายเพื่อชำระบาปบาปของเรา
> อีกตัวหนึ่งเอามาจุ่มน้ำและเลือด นั้น แล้วประพรม บนคนนั้น 7
ครั้ง แล้วปุโรหิตจะประกาศว่า “เขาสะอาดแล้ว”
และปล่อยนกตัวนั้นให้บินออกไป (เล็งถึงพระเยซู
ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย)
1ยน. 5:6 นี่แหละคือผู้ที่ได้มาด้วยน้ำและพระโลหิต
คือพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ด้วยน้ำเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยน้ำและพระโลหิต …
พระเยซู ทรงชำระเราให้สะอาด ด้วยน้ำและเลือด อย่างสมบูรณ์ (เลข 7
หมายถึง ความสมบูรณ์) เราจึงได้รับการประกาศว่า “สะอาดแล้ว” “ไม่มีมลทินใดๆแล้ว” ขอบคุณพระเจ้า !!!
การประยุกต์ใช้ :
– อย่ายอมให้ความผิดพลาดของเราในอดีตของเรา ถ่วงชีวิตของเราอีกต่อไป
พระเยซูตายเพื่อเราแล้วและพระองค์เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว
พระเยซูประกาศแล้วว่า “เราสะอาดแล้ว” “บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว”
เราจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้แล้ว
ไม่ต้องจมอยู่กับความผิดพลาดของเราในอดีตอีกต่อไป
สรรเสริญพระเยซู !!!
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ลนต. 22:31-33) { คนของพระเจ้า }
“ห้ามทำให้นามบริสุทธิ์ของเราเป็นที่เหยียดหยาม
แต่ให้เราเป็นที่สรรเสริญในหมู่คนอิสราเอล เราคือยาห์เวห์ ผู้ชำระเจ้าให้บริสุทธิ์”
ลนต. 22:32
แนวคิด
– โดยพระคุณของพระเจ้า พระเจ้าผู้บริสุทธิ์
ทรงชำระคนบาปชั่วอย่างเราให้บริสุทธิ์และทรงนำออกมาจาการเป็นทาสบาป
ดังนั้น เราต้องไม่ทำให้พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ถูกเหยียดหยาม
ต้องไม่ทำให้พระเจ้าเสียชื่อ
ซึ่งพระนามของพระเจ้าจะเป็นที่สรรเสริญ เมื่อเรารักษาและทำตามพระคำของพระองค์
การประยุกต์ใช้ :
– วันนี้ หากชีวิตของเราทำให้พระนามของพระเจ้าเป็นที่ดูถูกดูหมิ่น
เราต้องกลับใจใหม่ ขอโทษต่อพระเจ้า แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างถ่อมใจ
ขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า พึ่งพาพระองค์ พระองค์จะทรงยินดีช่วยเราให้สำเร็จได้เป็นแน่
หากแรงบันดาลใจของเราคือ เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระองค์
-วันนี้ คนเห็นชีวิตของเราแล้ว
พวกเขาพูดว่า “นี่แหละ!!! คนของพระเจ้า”
หรือ พวกเขาพูดว่า “นี่หรือ?? คนของพระเจ้า”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (อสค. 35:10-15) { ไม่ซ้ำเติม }
“เช่นเดียวกับที่เจ้าร่าเริงเมื่อมรดกของพงศ์พันธุ์อิสราเอลนั้น
ต้องถูกทำให้ร้างเปล่าไป เราก็จะทำเช่นนั้นกับเจ้า โอ ภูเขาเสอีร์และเอโดมทั้งหมด
คือทั้งหมดของมันจะเป็นที่ร้างเปล่า แล้วพวกเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์” อสค. 35:15
แนวคิด :
– ภูเขาเสอีร์ หมายถึง เอโดม (เอโดมตั้งอยู่บนภูเขาเสอีร์)
– เอโดม
ซ้ำเติมอิสราเอลในช่วงเวลาที่พระเจ้าลงโทษอิสราเอลเพราะบาปของคนอิสราเอล
– พระเจ้า ไม่พอพระทัยเอโดมอย่างยิ่ง และให้เอเสเคียลพยากรณืว่า
เอโดมจะถูกทำลายเพราะสาเหตุนี้
– ในเวลาต่อมา ตามประวัติศาสตร์ เอโดม ถูกทำลายเสียสิ้น
ไม่มีชนชาตินี้ในโลกอีกเลย
การประยุกต์ใช้ :
เมื่อพี่น้องของเราคนใด ผิดพลาดพลั้งไป จนเขาพบกับปัญหา
ความยากลำบาก หรืออุบัติเหตุของชีวิต
• สิ่งที่ต้องไม่ทำ คือ สมน้ำหน้า สะใจ ซ้ำเติม ดีใจ ฯลฯ
เพราะนั่นจะทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัยอย่างมาก
• สิ่งที่เราควรทำ คือ เห็นใจ ช่วยเหลือ ให้กำลังใจ
หนุนใจให้เขากลับมีกำลังขึ้นใหม่อีกครั้ง หันมาพึ่งพาพระเจ้าอีกครั้ง อธิษฐานเขา
ห่วงใยเขา แม้กระทั่งร้องไห้เพื่อเขา เพราะนั่นจะทำให้พระเจ้าพอพระทัยอย่างยิ่ง
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ลนต. 7:22-24) { เชื่อฟัง ได้รับพระพร }
“ไขมันของสัตว์ที่ตายเอง และไขมันของสัตว์ที่ถูกสัตว์อื่นกัดตาย
จะนำไปใช้อย่างอื่นก็ได้ แต่ห้ามรับประทานเป็นอันขาด” ลนต. 7:24
แนวคิด :
– พระเจ้าให้โมเสสสั่งห้าม ไม่ให้คนอิสราเอล
รับประทานไขมันของสัตว์ที่ตาย และสัตว์ที่ถูกสัตว์อื่นกัดตาย ไม่ว่าจะเป็น
แกะแสนอร่อย หรือ โคขุนอันน่ารับประทานก็ตาม
– ทำไมเป็นเช่นนั้น? ทำไมต้องห้าม? ทำไมต้องบังคับจิตใจกันด้วย?
– ทุกวันนี้ เราคงทราบแล้วว่า เพราะในไขมันของสัตว์เหล่านั้น
มีเชื้อโรคสูงมาก และ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานั้นอิสราเอลกำลังอยู่ในถิ่นทุรกันดาร น้ำมีน้อย
วิทยาการทางการแพทย์ สุขอนามัยก็ยังไม่ดี จึงเป็นกฏที่เหตุผลมากมายซ่อนอยู่ในนั้น
เพื่อประโยชน์ของคนอิสราเอลเอง
– แต่พระเจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบาย และ อิสราเอลไม่จำเป็นต้องรู้
ไม่ต้องเข้าใจก็ได้ “แค่เชื่อฟัง ก็ได้รับพร จบ.”
การประยุกต์ใช้ :
– อย่างในพระคำของพระเจ้า หลายอย่างที่พระเจ้าทรงนำให้เราทำ
เราไม่เข้าใจ “ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย?” “คนอื่นเขาไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย?” “ทำแบบนั้น
คนอื่นเขาอาจหาว่าเราโง่นะ!” ฯลฯ
– สิ่งที่พระเจ้าให้เราทำ
ไม่เห็นจำเป็นที่พระองค์ต้องอธิบายเราก็ได้ และ
ไม่จำเป็นที่เราต้องเข้าใจก่อนก็ได้ แค่ “เชื่อฟัง ได้รับพระพร”
จบ. ง่ายๆแค่นี้เอง
ทำไปก่อน เชื่อฟังไปก่อน แล้วสักวันจะเข้าใจ
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (สภษ. 24:1-2) { อย่าอิจฉาคนชั่ว }
“อย่าอิจฉาคนชั่ว หรือปรารถนาอยู่ร่วมกับเขา” สภษ. 24:1
แนวคิด :
– พระคำของพระเจ้าสอนเราให้ระวัง อย่าไปอิจฉาคนชั่ว หรือ
ปรารถนาเป็นแบบเขา โดยคิดในใจว่า “ทำไมเขาทำชั่วแล้วได้ดี?
ทำชั่วแล้วไม่เห็นได้รับผลอะไรเลย อยากได้ดีแบบเขาจัง ดังนั้น
เราทำแบบเขาบ้างดีกว่า”
– เพราะว่า ทั้งใจ ทั้งปาก ของคนชั่วร้ายนั้นกำลัง วางระเบิดเวลาให้กับตัวเอง
รอวันถึงเวลามันระเบิดเท่านั้นเอง
สภษ. 24:20 เพราะคนชั่วไม่มีอนาคต
ประทีปของคนอธรรมจะถูกดับเสีย
อีกไม่นาน เขาก็จะเก็บเกี่ยวผลที่เขาได้หว่านไว้
ดังนั้น อย่าไปอิจฉาเขา หรือ อยากทำตามอย่างเขาเลย
การประยุกต์ใช้ :
ใครอยากชั่วนัก ก็ปล่อยให้ชั่วให้เข็ด
อีกไม่นาน ก็จะรู้ซึ้งเอง
วันนี้ เราเองก็ควรระมัดระวังจิตใจ
อย่าให้มีใจปรารถนาที่จะทำแบบพวกเขา
“ใครจะทำชั่วก็ทำได้ ส่วนฉันจะทำตามน้ำพระทัย
เพื่อให้พระเยซูที่ฉันรักพอพระทัย”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (โยบ 42:2) { พระเจ้าทรงรู้ พระองค์ทรงฤทธิ์}
“ข้าพระองค์ทราบว่า พระองค์ทรงทำทุกสิ่งได้
และพระประสงค์ของพระองค์จะสำเร็จ” โยบ 42:2
แนวคิด :
– โยบผู้กำลังเผชิญความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส
และเมื่อพระองค์ก็ตรัสกับเขา มาถึงตอนนี้เขาตระหนักและยอมรับแล้ว่า “พระเจ้าทรงทราบทุกสิ่ง” “ไม่มีใครขัดขวางพระประสงค์ของพระองค์ได้”
ซึ่งการตระหนักเช่นนี้ ทำให้เขาผ่านพ้นวิกฤตของเขาได้ในที่สุด
– “พระเจ้าทรงทราบทุกสิ่ง” :
• แม้คนไม่เข้าใจเรา เข้าใจผิดเรา พระองค์ทรงทราบ
พระองค์ทรงเข้าใจเราเป็นอย่างดี
• พระเจ้าทรงทราบว่า อะไรเกิดขึ้นกับเราบ้าง
ทรงทราบว่าเราเจ็บปวดแค่ไหน
• พระเจ้าทรงทราบว่า จะต้องทำอย่างไรเพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลง
ชีวิตของเรา และสถานการณ์ของเรา
• พระองค์ทรงทราบว่า
อะไรเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราในเวลานี้และในอนาคต
* พระองค์ทรงทราบ ความชั่วร้ายในชีวิต
ในความคิดจิตใจของเรา…ไม่ต้องปิดบังพระองค์ สารภาพต่อพระองค์ แล้วรับการอภัย
– “ไม่มีใครขัดขวางพระประสงค์ของพระองค์ได้” :
• อะไรคือพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเรา?
ยรม. 29:11 พระยาห์เวห์ตรัสว่า ‘เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับพวกเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ
ไม่ใช่เพื่อทำร้ายเจ้า เพื่อจะให้อนาคตและความหวังแก่เจ้า
• แผนของพระเจ้าในชีวิตของเรา เพื่อให้เราพบสวัสดิภาพ
ไม่เพื่อทำร้ายเรา เพื่อให้อนาคตที่ดี และให้ความหวังที่จะได้รับพระพร แก่เรา
• เมื่อพระเจ้ามีแผนดังนี้ ใครหน้าไหนจะขัดขวางพระองค์ได้
มันจะสำเร็จอย่างแน่นอน
การประยุกต์ใช้ :
จงตระหนักและยึดมั่น ท่องให้ขึ้นใจ
“พระเจ้าทรงรู้ พระเจ้าทรงฤทธิ์ และ พระเจ้าทรงรักเรา
แผนของพระองค์เพื่อเราจะสำเร็จแน่นอน”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ลนต. 8:31-36) { สงบสักนิด ก่อนเริ่มภารกิจดีไม๊? }
“ท่านจงอยู่ที่ประตูเต็นท์นัดพบทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดเจ็ดวัน
ทำภารกิจที่พระยาห์เวห์ทรงกำชับไว้ เพื่อท่านจะไม่ต้องตาย
เพราะนี่เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับพระบัญชามา” ลนต. 8:35
แนวคิด :
– ก่อนหน้านี้เป็นพิธีชำระตัวเพื่อสถาปนาอาโรนและบุตรให้ทำหน้าที่ปุโรหิต
ซึ่งพิธีดูเหมือนเสร็จแล้ว อาโรนและบุตร พร้อมทำหน้าที่แล้ว
แต่พระเจ้ากลับให้พวกเขา อยู่ในเต็นท์นัดพบต่อไปอีก 7 วัน
ห้ามออกไปไหน
– เพื่อพวกเขาจะทบทวนชีวิตของตน และ เฝ้าใกล้ชิดกับพระเจ้า
ก่อนทำภารกิจ (ในตั้งแต่บทที่ 9 เป็นต้นไป)
การประยุกต์ใช้ :
– ก่อนเลือกสาวก 12 คน
พระเยซูขึ้นภูเขาไปอธิษฐานคืนยันรุ่ง
– ในเวลาเช้าพระเยซู เสด็จออกไปที่สงบเพื่ออธิษฐาน
(มก. 1:35 ในเวลาเช้ามืดพระองค์ทรงลุกขึ้นเสด็จออกไปยังที่สงบ
และทรงอธิษฐานที่นั่น)
(ลก. 4:42 พอถึงรุ่งเช้า
พระองค์เสด็จออกไปยังที่เงียบสงัด …)
– ก่อนเริ่มภารกิจ พระเจ้าสั่งให้ อาโรนและบุตร
อยู่ในเต็นท์นัดพบก่อน ถึง 7 วัน เพื่อพวกเขาจะไม่ตาย
– ก่อนเริ่มภารกิจ ในแต่ละวันของเรา ควรจัดเวลา
(แม้จะช่วงสั้นๆก็ยังดี) เพื่อสงบใจ อ่านพระคำและอธิษฐาน ฝากมอบภารกิจแต่อย่างที่เราต้องเผชิญในวันนี้ไว้กับพระเจ้า
เพื่อเราจะไม่เหนื่อยแทบตายตลอดวันนี้
“สงบสักนิดกับพระเจ้า ก่อนเริ่มภารกิจในวันนี้
เพื่อไม่ต้องเหนื่อยแทบตาย”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (สภษ. 15:8-9) { พระองค์ดีใจ}
“พระยาห์เวห์ทรงเกลียดชังเครื่องบูชาของคนอธรรม
แต่ทรงปีติยินดีในคำอธิษฐานของคนเที่ยงธรรม” สภษ. 15:8
แนวคิด :
– การกระทำใดๆก็ตาม แม้กระทั่งเป็นการทำตามกฏเกณฑ์ของพระเจ้า
เช่นถวายเครื่องบูชา หรือ แม้แต่การอธิษฐาน ก็เป็นที่เกลียดชังของพระเจ้า ถ้าผู้นั้นจงใจเดินไปในทางของความอธรรม
(เย่อหยิ่ง ยโส เห็นแก่ตัว เกลียดชังผู้อื่น ไม่แคร์พระเจ้า
ทำตามใจปรารถนาของตนเอง)
– แต่ผู้ที่ติดตามทางของคนชอบธรรม (ถ่อมใจต่อพระเจ้า ยอมรับผิด
สารภาพ รับการอภัย ตั้งใจเดินในทางที่พระเจ้าพอพระทัยโดยการช่วยเหลือจากพระองค์)
คำอธิษฐานของเขาพระเจ้าอยากฟัง พระเจ้าปิติยินดี ดีใจ ชื่นใจ
เมื่อเขาอธิษฐานต่อพระองค์
การประยุกต์ใช้ :
– วันนี้ หากเรายังจงใจเดินในทางอธรรมต่อไป จงรีบกลับใจ
เพราะไม่ดีแน่ๆ ถ้าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงเกลียดชังทุกอย่างที่เราทำ
“พระพรห่างหาย พระเพลิงมาหา”
– ขอบคุณพระเจ้า วันนี้ โดยพระคุณของพระเจ้า
โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ เราเป็นคนชอบธรรมแล้วในสายพระเนตรของพระเจ้า ดังนั้น
เมื่อเราอธิษฐานพระเจ้าจะดีใจ อยากฟัง และอยากตอบคำอธิษฐานของเรา
“เร็วๆเข้า มาทำให้พระเจ้าดีใจกันเถอะ!!!”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ปฐก. 3:8-10) { เจ้าอยู่ที่ไหน? }
พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงเรียกชายนั้นและตรัสถามเขาว่า
“เจ้าอยู่ที่ไหน?”
ปฐก. 3:9
แนวคิด :
– เมื่ออาดัมล้มลงในบาป พอพระเจ้าเรียก เขาก็กลัว เขาก็อาย
เขาก็ซ่อนตัวเสีย
นั่นเป็นผลของบาปมนุษย์(อาดัม)ผู้ซึ่งเมื่อก่อนเคยสนิทสนมกับพระเจ้า
บัดนี้เขาขาดจากความสัมพันธ์กับพระเจ้าแล้ว บัดนี้เขากลัว เขาอาย
เขาซ่อนตัวเสียจากพระเจ้า
– เมื่อเราเชื่อวางใจพระเยซูคริสต์
คนบาปอย่างเราได้กลับกลายมาเป็นคนชอบธรรม
เราสามารถมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้แล้ว เราไม่จำเป็นต้องกลัวพระเจ้า
ไม่ต้องอายพระเจ้า ไม่ต้องซ่อนตัวจากพระเจ้าอีกต่อไป
ดังนั้น วันนี้เราควรเข้าหาพระองค์ อย่าซ่อนตัวเสียจากพระองค์
ทำผิดพลาดสิ่งใดนำมาสารภาพต่อพระองค์
หวาดกลัวสิ่งใดนำมาร้องทูลต่อพระองค์
กลับมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับพระองค์อีกครั้ง อย่ายอมให้บาปใดๆ
หรือสิ่งใดๆกีดขวางเราไว้จากความสัมพันธ์กับพระเจ้าอีกต่อไป
การประยุกต์ใช้ :
วันนั้น พระเจ้าเรียกอาดัม เขาซ่อนตัว เพราะบาปของเขา
วันนี้ พระเจ้ายังคงเรียกเรา “เจ้าอยู่ที่ไหน?”
โดยพระเยซูคริสต์เราพ้นบาปแล้ว อย่าให้เราซ่อนตัวของเราต่อพระเจ้า
รีบเข้ามาหาพระองค์โดยพลัน
พระองค์กำลังทรงอ้าแขนคอยต้อนรับเราอยู่ทุกเวลา
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (อสค.34:1-10) { ผู้เลี้ยงจอมปลอม }
“ตัวที่อ่อนเพลียเจ้าก็ไม่ได้เสริมกำลัง ตัวที่เจ็บเจ้าก็ไม่ได้รักษา
ตัวที่กระดูกหักเจ้าก็ไม่ได้พันผ้า ตัวที่หลงทางไปเจ้าก็ไม่ได้ไปตามกลับมา
ตัวที่หายไปเจ้าก็ไม่ได้เสาะหา แต่เจ้าได้ควบคุมแกะทั้งหลายด้วยการบังคับ
และด้วยความเกรี้ยวกราด” อสค. 34:4
แนวคิด :
– พระเจ้าตำหนิผู้นำของอิสราเอล(เปรียบเหมือนผู้เลี้ยงแกะ)
ที่ไม่ดูแลเอาใจใส่ประชากรของพระเจ้า เหมือนผู้เลี้ยงแกะจอมปลอม
ที่ไม่ได้ดูแลเอาใจใส่ เลี้ยงดูแกะ อย่างแท้จริง
– พวกเขาสนใจแต่ตัวเอง ไม่สนใจฝูงแกะของพระเจ้า
เป็นเหตุให้ฝูงแกะกระจัดกระจายไป(ข้อ5)
– พระเจ้าตรัสว่า พระองค์จะเรียกร้องค่าเสียหายจากพวกเขา คือ
พระเจ้าจะคิดบัญชีกับพวกเขานั่นเอง (ข้อ10)
การประยุกต์ใช้ :
– เราควรพิจารณาตัวเองอยู่เสมอ ว่า เราทำตัวอย่างไร
ในฐานะผู้เลี้ยงแกะ(ในฐานะรุ่นพี่คริสเตียน)
• เราทำอย่างไร กับแกะที่อ่อนเพลีย (พี่น้องที่กำลังรู้สึกอ่อนกำลัง)
ตัวที่อ่อนเพลียเจ้าก็ไม่ได้เสริมกำลัง
• เราทำอย่างไร กับแกะที่เจ็บ (พี่น้องที่กำลังเจ็บปวด)
ตัวที่เจ็บเจ้าก็ไม่ได้รักษา
• เราทำไอย่างไร กับแกะที่กระดูกหัก (พี่น้องที่กำลังสะดุดล้มลง
ไม่อยากจะติดตามพระเจ้าอีกต่อไป)
ตัวที่กระดูกหักเจ้าก็ไม่ได้พันผ้า
• เราทำอย่างไร กับแกะหลงทางไป
(พี่น้องที่กำลังหลงออกห่างไปจากทางของพระเจ้า)
ตัวที่หลงทางไปเจ้าก็ไม่ได้ไปตามกลับมา
• เราทำอย่างไร กับแกะที่หายไป (ผู้คนที่ยังไม่รู้จักกับพระเจ้า
พระผู้สร้างพวกเขา)
ตัวที่หายไปเจ้าก็ไม่ได้เสาะหา
– ขอพระเจ้าเมตตา ที่เราจะรู้ตัว สำนึกได้ และกลับใจใหม่
ลุกขึ้นมาทำหน้าที่ผู้เลี้ยงแกะที่ดีของพระเจ้า
ร่วมมือกับพระเจ้าดูแลฝูงแกะของพระองค์
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (สดด.57) { รักใหญ่ยิ่งถึงฟ้าสวรรค์ }
“เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ใหญ่ยิ่งถึงฟ้าสวรรค์
ความซื่อสัตย์ของพระองค์สูงถึงเมฆ” สดด. 57:10
แนวคิด :
ยามทุกข์ใจ ยามเผชิญอันตราย ดาวิดทำเช่นไร?
ขณะแต่งสดุดีบทนี้ดาวิดหนีตายจากาการตามล่าของกษตริย์ซาอูลผู้อิจฉาเขา
ซึ่งมาพร้อมเหล่าทหารอีก 3,000 คน
ดาวิดหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ ท่ามกลางความทุกข์และอันตรายนั้น
ดาวิดแต่งสดุดีบทนี้ขึ้น
ยามทุกข์ ดาวิด
– ร้องทูลพระเจ้า ขอพระกรุณาจากพระเจ้า
– ลี้ภัยใต้ร่มปีกของพระเจ้าจนกว่าภัยอันตรายจะผ่านพ้นไป
– ระลึกถึงพระลักษณะของพระเจ้า มีความรักมั่นคงและสัตย์ซื่อ
– สรรเสริญพระเจ้าท่ามกลางสถานการณ์นั้น
จากประวัติศาสตร์เราพบว่า เมื่อดาวิดทำเช่นนั้น
พระเจ้าส่งซาอูลเข้ามาถ่ายทุกข์ในถ้ำนั้นคนเดียว แล้วดาวิดก็ไว้ชีวิตซาอูล
ซาอูลขายหน้ามาก แต่ดาวิดได้รับเกียรติและการยกย่อง
การประยุกต์ใช้ :
– พระเจ้าของเรานั้น “ความรักมั่นคงของพระองค์ใหญ่ยิ่งถึงฟ้าสวรรค์
ความซื่อสัตย์ของพระองค์สูงถึงเมฆ” เราสามารถเชื่อใจ วางใจ
ในพระองค์ได้
– วิธีตรวจดูว่าเราวางใจในพระเจ้าหรือไม่ คือ ยามทุกข์ใจ
??? เราร้องทูลพระองค์หรือเปล่า?
??? เรารอคอยจนกว่าการช่วยเหลือจากพระองค์จะมาหรือเปล่า?
??? เรายังสรรเสริญพระเจ้าได้ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนั้นหรือไม่?
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ฮบก. 3:17-19) { ถึงกระนั้น ฉันจะร่าเริงในพระเจ้า }
“ถึงกระนั้น ข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระยาห์เวห์
ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า” ฮบก. 3:18
แนวคิด :
– ในพระเจ้ามีความหวังและความชื่นชมยินดีเสมอในทุกสถานการณ์
– ขณะนั้นบ้านเมืองของผู้เผยพระวจนะฮาบากุก กำลังพบกับความยากลำบาก
ความทุกข์กังวลมากมาย เขาจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าร้องทูลความในใจต่อพระเจ้า (ในบทที่1)
และต่อมาเมื่อพระเจ้าตอบเขาว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่เวลาของพระองค์
อยู่ในการควบคุมของพระองค์ (ในบทที่ 2)
– ในบทที่ 3 นี้ เขาจึงมีความหวังในพระเจ้า
และอธิษฐานว่า
“แม้ต้นมะเดื่อไม่มีดอกบาน หรือเถาองุ่นไม่มีผล ผลมะกอกก็ขาดไป
ทุ่งนามิได้ผลิตอาหาร แม้ฝูงแพะแกะขาดไปจากคอก และไม่มีฝูงวัวที่ในโรง” ฮบก. 3:17
>>> แม้จะดูสิ้นหวัง แม้จะดูหมดหวัง
เมื่อมองดูไปรอบข้างล้วนแต่เป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่
“ถึงกระนั้น ข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระยาห์เวห์
ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า” ฮบก. 3:18
>>> แม้สิ่งที่เห็นรอบข้างจะเป็นเช่นนั้น
แต่ใจของฉันจะร่าเริงยินดีเปรมปรีดิ์
เพราะฉันมีความหวังใจในพระเจ้าว่าพระเจ้าจะเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี
ฉันมีความมั่นใจในพระเจ้าของฉัน
* “พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงเป็นกำลังของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงทำให้เท้าของข้าพเจ้าเหมือนตีนกวางตัวเมีย
พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าเดินไปบนที่สูงทั้งหลาย” ฮบก. 3:19
>>> พระเจ้าใหญ่ยิ่งสูงสุดเป็นผู้เสริมกำลังฉัน
พระองค์จะทำให้หนทางในอนาคตของฉันมั่นคง
พระองค์ทำให้ฉันเดินหน้าต่อไปท่ามกลางความยากลำบากทั้งหลาย อย่างสง่างาม
การประยุกต์ใช้ :
– ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่ายอมสิ้นหวัง
แม้สถานการณ์รอบข้างจะดูหมดหวังสักเพียงใดก็ตาม ในพระเจ้า เรามีความหวังอยู่เสมอ
– ในยามทุกข์ยากของเรา จงร้องทูลต่อพระเจ้า
พระองค์จะทรงตอบเราเป็นแน่
พระเยซูตรัสว่า “…ผู้ที่มาหาเรา
เราก็จะไม่ทิ้งเขาเลย” ยน. 6:37
ร้องทูลต่อพระเจ้า แล้วหวังใจในพระองค์
“เพราะพระเจ้าทรงสามารถ ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เกิดขึ้น”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ลนต. 1:1) { เต็นท์นัดพบ }
“พระเจ้าทรงเรียกโมเสสตรัสกับท่านจากเต็นท์นัดพบว่า” ลนต.
1:1
แนวคิด :
– พระเจ้าตรัสกับโมเสสหลายครั้ง เช่น ที่พุ่มไม้ไฟ , ในอียิปต์ตอนเกิดภับพิบัติ10ประการ , ตอนแหวกทะเลแดง , ตอนให้น้ำออกมาจากหิน , ฯลฯ แต่ส่วนใหญ่การตรัสเหล่านั้น มักเป็นคำสั่งสั้นๆ
ให้ทำบางสิ่งบางอย่างเมื่อต้องเปชิญกับสถานการณ์นั้นๆ
– แต่ในครั้งนี้ เมื่อพระเจ้าจะสอนโมเสสเป็นขั้นเป็นตอน
มีรายละเอียดมากมาย ที่ปรากฏในหนังสือเลวีนิติตลอดทั้งเล่ม พระเจ้าตรัสกับโมเสส ใน
“เต็นท์นัดพบ” หรือ ที่เรียกว่า “พลับพลา”
– เป็นช่วงเวลาพิเศษ ที่โมเสส แยกตัวออกจากสถานการณ์รอบตัว
เข้าเฝ้าพระเจ้า ใช้เวลากับพระเจ้า และ ณ ที่นั่น “เต็นท์นัดพบ”
พระเจ้าทรงสอนโมเสสมากมาย
การประยุกต์ใช้ :
– เราควรคุยกับพระเจ้า ทุกเวลา ทุกสถานการณ์ ตลอดวันคืนขอชีวิต แต่
ขณะเดียวกันเราก็ไม่ควรละเลยการจัดเวลาเป็นพิเศษ เพื่อฟัง เพื่อเรียนรู้
เพื่อรับการสอน จากพระเจ้าเป็นพิเศษ (บางคนเรียกว่า “เฝ้าเดี่ยว”
แต่ บางคนก็เรียกอย่างอื่น)
– พระเยซูเองก็คอยกับพระบิดาเสมอ ตลอดเวลา แต่
พระเยซูเองยังคงจัดเวลาพิเศษ เสด็จไปที่เปลี่ยวแต่ลำพังเพื่ออธิษฐาน
เพื่อใช้เวลาส่วนตัวกับพระบิดา เราเองก็ควรทำเช่นนั้นเหมือนกัน
– วันนี้ เต็นท์นัดพบของเรากับพระเจ้าอยู่ที่ไหน? เราปล่อยให้พระองค์คอยเก้ออยู่เสมอหรือเปล่า? พระองค์กำลังรอเราอยู่ที่นั่น
ที่ที่เราจัดเอาไว้สำหรับใช้เวลากับพระองค์แต่ผู้เดียว
เลิกใส่ใจกับทุกสิ่งที่ไม่ใช่พระองค์
– โมเสส ไปเต็นท์นัดพบ , พระเยซู
เสด็จไปที่เปลี่ยว , เปโตร ขึ้นไปบนดาดฟ้า , เหล่าสาวก ไปห้องชั้นบน
แล้ว เต็นท์นัดพบของเรากับพระเจ้า อยู่ที่ไหน?
พระองค์กำลังเรารอเราอยู่ที่นั่น
รีบไปเร็วพลันอย่าปล่อยให้พระองค์รอเก้อ
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (สดด. 31:7) { พระองค์ทรงรู้และเข้าใจ }
“ข้าพระองค์จะเปรมปรีดิ์และยินดีในความรักมั่นคงของพระองค์
เพราะพระองค์ทอดพระเนตรความทุกข์ใจของข้าพระองค์
พระองค์ทรงทราบเรื่องความทุกข์ยากของข้าพระองค์” สดด. 31:7
แนวคิด :
– ท่ามกลางความทุกข์ใจ ท่ามกลางความทุกข์ยากของเรา พระเจ้าทรงทราบ
พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็น
เพราะผู้เขียนพระคำสดุดีตอนนี้ตระหนักว่า
พระเจ้าผู้ทรงรักเขาอย่างที่สุด ทรงทราบ ทรงเห็น ความทุกข์ของเขา
เขาจึงมั่นใจว่าพระเจ้าจะไม่อยู่เฉยเป็นแน่ พระองค์จะมาช่วยเขาเป็นแน่
ดังนั้น ท่ามกลางความทุกข์นั้นเอง เขากลับเปรมปรีดิ์ได้เพราะเขารู้ว่าเขามีพระเจ้า
ท่ามกลางความทุกข์ยากนั่นเองเขากลับยินดีได้เพราะเขารู้ว่าพระเจ้าทรงรักเขาด้วยความรักมั่นคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
การประยุกต์ใช้ :
– ยามที่เรากำลังทุกข์โศกนี้ ใครเล่าจะเข้าใจเราได้ดีเท่ากับ
พระองค์ผู้ทรงสร้างเรา พระเจ้าทรงทราบ พระเจ้าทรงเห็น
พระเจ้าทรงเข้าใจความรู้สึกของเรา
เราสามารถระบายความในใจ ความทุกข์ใจของเราต่อพระองค์ได้
แล้วพระองค์จะทรงโปรดประเล้าประโลมจิตใจของเรา
– วันนี้ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นใด ให้เราตระหนักว่า
พระเจ้าทรงอยู่กับเรา พระเจ้าทรงรักเราอย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
แล้วโดยความมั่นใจนี้ จะนำความเปรมปรีดิ์และยินดี
กลับคืนสู่ชีวิตของเรา ไม่ว่าสถานการณ์รอบข้างในชีวิตของเราจะเป็นเช่นไรก็ตาม
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (สดด. 30:5) { อ้อยอิ่งอยู่สักคืนหนึ่ง }
“…การร้องไห้อาจจะอ้อยอิ่งอยู่สักคืนหนึ่ง แต่ความชื่นบานจะมาเวลาเช้า”
สดด. 30:5
แนวคิด :
– ในพระวจนะของพระเจ้า
เราจะพบถ้อยคำแห่งกำลังและถ้อยคำแห่งความหวังมากมาย
ในคำตอนนี้บอกว่าแม้บางช่วงของชีวิตเราจะพบกับความโศกเศร้า พบกับการร้องไห้
ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่วันเวลาจะมาถึง เมื่อความโศกเศร้าผ่านพ้นไป
การร้องไห้ผ่านเลยไป ในพระเจ้าเรามีหวังเสมอ
พระเจ้าจะโปรดอวยพระพรและนำความชื่นบานกลับมาสู่หัวใจของเราอีกครั้ง
การประยุกต์ใช้ :
– ยามนี้ประเทศไทยกำลังพบกับความโศกสลดครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของชาติไทย
เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของคนทั้งชาติ เป็นเวลาแห่งการร้องไห้ โศกเศร้าเสียใจ
อย่างไรก็ตาม ในพระเจ้ามีการเล้าโลมใจ มีการปลอบประโลมใจ
และพระองค์จะนำความชื่นบานกลับมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง
โดยการอวยพระพรเหนือประเทศนี้ เมื่อถึงเวลาของพระองค์
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (สดด. 22:24) { พระองค์ทรงฟัง }
“เพราะพระองค์มิได้ทรงดูถูกหรือสะอิดสะเอียน ต่อความทุกข์ยากของผู้ทุกข์ใจ
และมิได้ซ่อนพระพักตร์จากเขา เมื่อเขาทูลขอความช่วยเหลือ พระองค์ทรงฟัง” สดด. 22:24
แนวคิด :
– พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความรักและพระเมตตา พระองค์ไม่เคย ดูถูก
ซ้ำเติม หรือ รังเกียจ ความทุกข์ใจของบรรดาคนทั้งหลายที่กำลังทุกข์ใจ พระองค์ทรงเข้าใจเขา
และพระองค์พร้อมที่จะรับฟังเขา เล้าโลมจิตใจของเขา
ให้ความช่วยเหลือแก่เขาเมื่อเขาร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์
(สดด. 46:1 พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยและเป็นกำลังของเรา
เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่ในยามยากลำบาก)
การประยุกต์ใช้ :
– ยามนี้เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนในประเทศไทยกำลังทุกข์โศก
พระเจ้าทรงทราบ พระองค์ทรงเข้าใจ และพระองค์พร้อมที่จะปลอบประโลมจิตใจของเรา เพียงแต่เราร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์
“ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ ให้พ้นจากความทุกข์โศกนี้ด้วยเถิด”
แล้วพระเจ้าแห่งการชูใจ แห่งการเล้าโลมใจ
พระองค์จะทรงชูใจและเล้าโลมจิตใจของเรา ให้มีกำลังขึ้นใหม่อีกครั้ง
– ในอีกแง่หนึ่ง หากวันนี้เรากำลังเผชิญกับความทุกข์ใจ
อย่างหนึ่งอย่างใดก็ตาม พระเจ้าไม่ดูถูกเรา พระองค์ไม่ซ้ำเติมเราว่า “ทำไมอ่อนแอแบบนี้!!!” แต่พระองค์ทรงพร้อมที่จะสดับฟังคำร้องทูลของเรา
พร้อมที่จะช่วยเหลือในให้พ้นจากสถานการณ์ที่ทำให้เราทุกข์ใจอยู่ในปัจจุบันนี้
“พระองค์เป็นความช่วยเหลือ ที่พร้อมอยู่แล้ว ในยามยากลำบากของเรา”
เชิญร้องทูลต่อพระองค์เถิด
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (อสค.20:1-32) { กลับใจก่อน แล้วค่อยว่ากัน }
“และเรากล่าวแก่เขาว่า ‘พวกเจ้าแต่ละคนจงทิ้งสิ่งที่น่าขยะแขยงซึ่งนัยน์ตาของเจ้าจ้องมองอยู่เสีย
อย่าทำตัวเจ้าให้มลทินไปด้วยรูปเคารพของอียิปต์ เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า”
อสค. 20:7
แนวคิด :
คราวนั้นผู้พวกใหญ๋ของอิสราเอล มาหาเอเสเคียลเพื่อทูลถามพระเจ้า
แต่ปรากฏว่า พระเจ้าไม่ยอมให้พวกเขาถาม
[ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าพระเจ้าจะตอบเขาหรือไม่
เพราะขนาดจะถามพระเจ้ายังไม่ให้ถามเลย]
??? เป็นไปได้อย่างไร ? ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?
ก็เพราะ พวกเขาทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน เหมือนกับบรรบุรุษของเขา
– พระเจ้าปฏิญาณว่าจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา อวยพรพวกเขา
จะช่วยเขาจาการเป็นทาสในอียิปต์
– พระเจ้าสั่งให้เขา “แต่ละคน
จงทิ้งสิ่งที่น่าขยะแขยงซึ่งนัยน์ตาของเจ้าจ้องมองอยู่เสีย
อย่าทำตัวเจ้าให้มลทินไปด้วยรูปเคารพของอียิปต์”
• ปรากฏว่า พวกเขา ไม่ยอมทำตาม
พระเจ้าลงโทษพวกเขาให้ตกเป็นทาสในอียิปต์เป็นเวลานาน
Ø
แต่พระเจ้าก็ยังคงเมตตาเขานำเขาออกมาจากอียิปต์ อยู่ดี
– พระเจ้าปฏิญาณว่าจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา อวยพรพวกเขา
จะนำเขาไปยังดินแดนที่ แผ่นดินมีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์
เป็นแผ่นดินงามที่สุดของแผ่นดินทั้งหมด
– พระเจ้าประทานกฏเกณฑ์ที่ดำรงชีวิต ให้เขา ทำตาม
• ปรากฏว่า พวกเขา ไม่ยอมทำตาม
พระเจ้าลงโทษพวกเขาให้วนเวียนอยู่ในถิ่นทุรกันดารอยู่นาน(40ปี)
Ø
แต่พระเจ้าก็ยังคงเมตตาเขานำเขาเข้าไปยังแผ่นดินคะนาอันอยู่ดี
– พระเจ้าปฏิญาณว่าจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา อวยพรพวกเขา
ในแผ่นดินคะนาอันนี้
– พระเจ้าสั่งเขาว่า “อย่าดำเนินตามกฎเกณฑ์บรรพบุรุษของเจ้า
หรือรักษากฎหมายของเขา หรือทำให้ตัวเจ้าเป็นมลทินไปด้วยรูปเคารพของเขา”
• ปรากฏว่า พวกเขา ไม่ยอมทำตาม แต่กลับทำทุกอย่างที่พระเจ้าห้าม สิ่งต่างๆที่พระเจ้าเกลียดชัง
และทำชั่วร้ายหนักกว่าบรรพบุรุษของเขาเสียอีก(เช่น เอาคนไปเผาบูชายันต์รูปเคารพ
เป็นต้น) พระเจ้าลงโทษพวกเขาพ่ายแพ้ต่อศัตรู บ้านเมืองถูกทำลาย
• มาถึงตอนนี้ พวกเขาไม่คิดจะหลับใจแต่ยังมีหน้ามาถามพระเจ้า
ขอพระเจ้าช่วยเขาโดยที่เขาไม่ต้องกลับใจ
– แต่พระเจ้าจึงบอกกับพวกเขาว่า ไม่ต้องมาถามแล้ว
เราไม่ให้พวกเจ้าถาม และเราจะไม่ตอบคำร้องทูลของพวกเจ้า
การประยุกต์ใช้ :
– เราไม่อาจมาหาพระเจ้า ด้วยความตั้งใจว่า “จะไม่กลับใจ”
ได้ เพราะพระองค์จะไม่ฟังคำร้องทูลของเรา
– อดีตที่ผ่านมาเราอาจ รอดพ้นมาได้ พบกับสิ่งที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งที่เราไม่ได้กลับใจ เหมือน อิสราเอล ตั้งแต่เป็นทาส พ้นทาสเป็นไท
ได้เข้าสู่ดินแดนอุดมสมบูรณ์ ได้ชันชนะเหนือเมืองต่างๆ
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพวกเขาและเรา เป็นเพราะพระเมตตาอันล้นพ้นของพระเจ้า
– วันเวลาจะมาถึง(ซึ่งอาจจะหมายถึงวันนี้สำหรับใครบางคน)
วันที่พระเจ้าไม่ฟังพวกเขาหรือเราแล้ว ไม่ใช่เพราะพระองค์หมดพระเมตตา
แต่เพราะพระองค์ประสงค์ที่จะเรียกร้อง ให้พวกเขาและเรา กลับใจเสียใหม่
หันกลับจากทางที่พระเจ้าไม่พอพระทัยเหล่านั้น
“พระเจ้ารอให้พวกเขาและเรา กลับใจก่อน แล้วค่อยมาว่ากัน”
– อิสราเอล : ตาของเขาจับจ้องสิ่งที่น่าขยะแขยง
# เรา : จดจ่อกับสิ่งที่พระเจ้า รังเกียจอยู่หรือเปล่า?
– อิสราเอล : ทำตัวเจ้าให้มลทินไปด้วยรูปเคารพของอียิปต์
# เรา : ลุ่มหลงในสิ่งของอนิจจัง สิ่งเย้ายวนของโลกนี้
อยู่หรือเปล่า?
– อิสราเอล : ไม่ยอมให้พระเจ้าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา
# เรา : ยอมให้พระเจ้า เป็นเจ้านายของเรา จริงๆ อยู่หรือเปล่า?
“กลับใจก่อน เรื่องอื่นๆแล้วค่อยมาว่ากัน”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (โยบ. 36:19-23) { แม้ต้องทุกข์ใจ }
“ระวังให้ดี อย่าหันไปหาความชั่ว เพราะเหตุนี้
ท่านจึงถูกทดสอบด้วยความทุกข์ใจ”โยบ 36:21
แนวคิด :
– ในวันแห่งพระพิโรธของพระเจ้า ความร่ำรวยไร้ประโยชน์(สภษ.11:4)
ในวันแห่งการลงโทษของพระเจ้า ความร่ำรวย หรือ ความพยายามสุดกำลังใดๆ
ก็ไม่สามารถช่วยมนุษย์ในพ้นการลงโทษของพระเจ้าได้
– ดังนั้น อย่าปรารถนาค่ำคืนแห่งความมืดชีวิต
ดำเนินชีวิตในความมืดมิด แต่ จงระวังอย่าหันไปหาความชั่ว
อย่าเลือกความชั่ว มากกว่า ความทุกข์ใจ
ยอมทุกข์ใจวันนี้ เพราะไม่ยอมทำชั่ว ดีกว่า ยอมทำชั่ววันนี้
มีความสุขปลอม(ความสุขพลาสติค) แล้วพบกับความทุกข์ระทมใจอย่างแสนสาหัสที่แท้จริง
– พระเจ้าทรงพลานุภาพ วิธีการของพระองค์เกินที่จะหยั่งรู้ได้ การสอนของพระองค์ไม่มีใครเหมือน
ไม่มีใครกำหนดให้พระองค์ว่าพระองค์ต้องสอนแบบนี้หรือแบบนั้น
และไม่มีใครหน้าไหนสามารถพูดได้ว่า พระองค์ทำผิดแล้ว วิธีสอนของพระองค์ไม่ถูกต้อง
– โยบ 36:15 “พระองค์ทรงช่วยกู้ผู้ทุกข์ยากไว้ด้วยความทุกข์ยากของเขา
และทรงให้ความลำเค็ญเบิกหูของเขา”
พระเจ้าสอน ผู้ทุกข์ยาก ด้วยผ่านความทุกข์ยากจของเขา ทรงทำให้ความลำเค็ญทำให้เขาเข้าใจและพบปัญญา
การประยุกต์ใช้ :
– อย่าแสวงหาทางออกของชีวิตผิดทาง เงิน หรือ
ความพยายามมากๆอย่างสุดกำลัง ก็ช่วยเราไม่ได้ จงหันมาหาพระเจ้า
พึ่งพาพระองค์อย่างสุดใจ
– เมื่อต้องตัดสินใจ ระหว่าง ความทุกข์ใจ กับ การทำชั่ว จงเลือก
ความทุกข์ใจ เพราะในที่สุดพระเจ้าเองจะเปลี่ยนให้ความทุกข์ใจนั้นเป็นพระพรและความชื่นชมยินดีใหญ่โต
-วันนี้ ถ้าพระเจ้าอนุญาตให้ความทุกข์ใจเกิดกับเรา “จงเปิดหู เปิดตา เปิดใจ” สังเกตและเรียนรู้
สิ่งที่พระองค์กำลังสอนเราจากเหตุการณ์ในวันนี้ พระเจ้ากำลังสอนเราผู้ที่พระองค์ทรงรัก
ด้วยวิธีการที่เกินความเข้าใจของเรา
ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยเรา
ให้เราเข้าใจและขอบพระคุณสำหรับเหตุการณ์ในวันนี้ได้ด้วยเถิด
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (สดด.140) { ศัตรู }
“ข้าพระองค์ทราบว่า พระยาห์เวห์ทรงให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ทุกข์ยาก
และทรงให้ความยุติธรรมแก่คนขัดสน” สดด. 140:12
แนวคิด :
บทเพลงพระธรรมสดุดีบทนี้เป็นคำอธิษฐานของดาวิดยามที่เขากำลังเผชิญกับศัตรู
คนชั่วร้าย ที่จ้องจะทำร้ายเขา
– เขาฟ้องพระเจ้า เรื่องที่เขาถูกรังแก (1-3) – เขาขอความช่วยเหลือและการปกป้องจากพระเจ้า เพราะเขาป้องกันตัวเองไม่ได้
ไม่รู้ว่าศัตรูจะมาไม้ไหนอีก (4-5) – เขาระลึกถึงพระเจ้า ว่า
พระองค์เป็นใครในชีวิตของเขา
“พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเขา”(6)
“พระองค์ทรงเป็นกำลังแห่งความรอดของเขา” (7)
“พระองค์เป็นผู้ปกป้องเขาในยามศึก” (7)
– เขามอบการแก้แค้นให้เป็นของพระเจ้า(9) เขาไม่ได้ขอให้พระเจ้าให้กำลังแก่เขาเพื่อไปแก้แค้นพวกมัน
แต่มอบการแก้แค้นนั้นให้พระเจ้าเป็นผู้จัดการเอง(10-11) ตามความยุติธรรมของพระองค์(12)
– ส่วนตัวเขาแทนที่จะจดจ่ออยู่ที่ความอยุติธรรมที่เขาได้รับ หรือ
จดจ่ออยู่ที่ความคิดแค้นเคืองพวกมัน เขากลับหันมาจดจ่อที่จะยกย่องพระเจ้า
สรรเสริญพระองค์ อยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ ใกล้ชิดสนิทพระองค์ แทน(13)
หมายเหตุ :
“เส-ลาห์” คือ อะไร
คำว่า “เส-ลาห์” นี้
ปรากฏอยู่แต่เพียงในพระธรรมสดุดี และคำอธิษฐานของฮาบากุก เท่านั้น
จึงยากที่จะสรุปชัดเจนว่าหมายถึงอะไร
Ø นักวิชาการส่วนใหญ่ คิดว่าน่าจะ
เครื่องหมายทางดนตรี หรือ ตัวกำหนดโทนเสียงของบทเพลง
Ø แต่บางคน ก็คิดว่าน่าจะ เป็นเครื่องหมาย หยุด
หรือ full-stop ชั่วขณะหนึ่งก่อนขึ้นเพลงท่อนต่อไป
Ø และมีบ้างที่คิดว่า อาจจะเป็น วลีย้ำว่า “เป็นความจริง” เหมือนคำว่า “อาเมน”
Ø มีนักวิชาการบางคนเสนอว่า มันแปลว่า “ตลอดไป”
ส่วนเราจะชอบแบบไหน จะเลือกแบบไหนก็ตามอัธยาสัยนะครับ ไม่ผิดไม่บาป 555
การประยุกต์ใช้ :
วันนี้ หากเราได้รับความอยุติธรรม ถูกรังแก ถูกเอาเปรียบ
มีคนจ้องจำทำร้ายทำลายเรา จงทำเหมือนดาวิด
• ฟ้องพระเจ้า ให้หมด ใครทำอะไรกับเรา หรือ กำลังจะคิดทำอะไรแก่เรา
• ขอความช่วยเหลือ การปกป้องจากพระเจ้า อย่างถ่อมใจ
ยอมรับความจริงว่า เราปกป้องตัวเองไม่ไหว ปกป้องตัวเองตามลำพังไม่ได้
เพราะไม่รู้พวกนั้นจะมาไม้ไหนอีก เราต้องการพระองค์สถิตกับเรา ควรปกป้องเรา
คอยช่วยเหลือเรา [ซึ่งในเรื่องนี้พระองค์เต็มใจอย่างยิ่งแน่นอน]
• ระลึกถีงว่า พระเจ้าเป็นใครในชีวิตของเรา
“พระเจ้าเป็นพ่อของฉันเชียวนะ”
“พระเจ้าพระบิดาของฉัน ไม่เคยหลับ หรือเผลอเลย พระองค์คอยเฝ้าระวัง
ปกป้องฉันไว้ ตลอดเวลา”
“แม้ฉันจะอ่อนแอ แต่พระเจ้าพระบิดาผู้ทรงรักฉัน ทรงฤทธิ์เข้มแข็ง
ไม่มีใครอาจต่อกรกับพระองค์ได้” ฯลฯ
• มอบการแก้แค้นครั้งนี้ เป็นของพระเจ้า ยกให้พระเจ้าจัดการเอง
อย่าคิดแก้แค้นเสียเองเพราะมิฉะนั้นเราจะผิดพิษของความแค้น
เข้ามาทำร้ายทำลายจิตใจของเราเสียเอง พระเจ้าจัดการอย่างยุติธรรมแน่นอน
ไว้ใจพระองค์ได้
• ส่วนตัวเรา แทนที่จะมัวหดหู่ เศร้าสร้อย ท้อแท้ใจ สำหรับเรื่องนี้
ก็ให้เราหันมา ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ยกย่องพระองค์ คิดถึงพระองค์
ให้เวลากับพระองค์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่าไปเสียเวลา คิดแค้นเคือง ท้อแท้ หมดกำลังใจ
ซึ่งเปลืองเวลาไปเปล่าๆ เอาเวลานั้น มาสรรเสริญพระเจ้า และคิดถึงพระเจ้า
พูดคุยกับพระองค์กันดีกว่า
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (สดด.103:15-18) { จากไร้ค่า สู่ล้ำค่า }
“แต่ความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์นั้นดำรงอยู่
ตั้งแต่นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาลต่อผู้ที่ยำเกรงพระองค์
และความชอบธรรมของพระองค์ต่อหลานเหลน” สดด. 103:17
แนวคิด :
– สำหรับแต่ละคน วันเวลาของเขาผ่านไปอย่างรวดเร็ว(15) และอีกไม่นานอีกเพียบเดียวก็จะไม่มีเขาบนโลกนี้อีก
และโลกนี้ก็จะไม่รู้จักเขาอีกต่อไป(16)
เหมือนกับที่วันนี้ ไม่มีใครจดจำได้ว่า “พ่อของทวด”ของเราเป็นใคร ท่านเป็นคนอย่างไร ท่านชอบทำงานอดิเรกอะไร ฯลฯ
ทั้งที่ท่านเคยมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ เคยทำอะไรโน่นนี่นั่นหลายอย่างทีเดียว
– มนุษย์ ช่างไร้ค่า ไร้ความหมาย เมื่อเทียบกับ
นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาลของกาลเวลา
– แต่ มีสิ่งหนึ่ง ที่คงอยู่ “ตั้งแต่นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาล”
นั่นคือ “ความรักมั่นคงของพระเจ้า”
(17)
ด้วยเหตุนี้ “ความรักมั่นคงของพระองค์”
ซึ่งอยู่ตลอดนิรันดร์กาล ถ้าเอาไปผูก/เกี่ยวข้อง/สัมพันธ์
กับมนุษย์ผู้ไร้ค่าคนใด
คนนั้นจะกลายเป็นมนุษย์ผู้มีค่าในนิรันดร์กาลของกาลเวลาขึ้นมาทันที
– กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า
มนุษย์ผู้ไร้ค่าเพราะมีตัวตนอยู่แค่ประเดี๋ยวของนิรันดร์กาล แต่เนื่องจากเขาถูกรัก
“ตั้งแต่นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาล” ดังนั้น
เขาจึงมีความหมายอย่างยิ่งในตลอดช่วงเวลาทั้งหมดของนิรันดร์กาลนั้น
– ว้าว !!!! สุดๆๆปเลย ขอบคุณพระเจ้า
??? แล้วใครเล่า
จึงมีคุณสมบัติเช่นนั้นที่คามรักมั่นคงของพระเจ้าจะผูกติดกับเขาไปตลอดนิรันดร์กาล
>>> ก็คือ ผู้ที่ยำเกรงพระเจ้า (17)
??? แล้วรู้ได้ยังไงว่า คนไหนยำเกรงพระเจ้า
>>> คนที่ยำเกรงพระเจ้านี้
สังเกตได้จากคนนั้นจะรักษาพันธสัญญาของพระเจ้า
คนนั้นจะยินดีและเต็มใจทำตามสิ่งที่พระเจ้าสั่งเขาไว้(18)
การประยุกต์ใช้ :
มนุษย์ทั่วไป = 0 (ไร้ค่า)
มนุษย์ที่ยำเกรงพระเจ้า = 0 (ไร้ค่าเช่นกัน)
แต่
มนุษย์ที่ยำเกรงพระเจ้า ได้สิทธิพิเศษ คือ
จะพบกับความรักมั่นคงของพระเจ้าได้
ดังนั้น
มนุษย์ที่ยำเกรงพระเจ้า + ความรักมั่นคงของพระเจ้า =
ดำรงอยู่นิรันดร์กาล
0 + ∞ = ∞
[ศูนย์ + จำนวนอนันต์ = จำนวนอนันต์]
“จงยำเกรงพระเจ้าเถิด”
แล้วพระองค์จะทำให้มนุษย์ที่ไร้ค่าอย่างเรา
กลายเป็นสิ่งล้ำค่าตลอดนิรันดร์กาล
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (พคค.3:25-33) { รอคอยพระเจ้า }
“พระยาห์เวห์ทรงดีต่อผู้ที่คอยพระองค์ และต่อผู้ที่แสวงหาพระองค์” พคค. 3:25
แนวคิด :
– ยามที่แสนทุกข์ระทมใจ ที่บ้านเมืองถูกทำลายเสียสิ้น
ประชาชนถูกจับไปเป็นเชลยนแดนไกล เยเรมีย์ผู้เขียนพระคำตอนนี้ กล่าวว่า
– พระเจ้าทรงแสนดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้ที่รอคอยและแสวงหาพระองค์
(25) ด้วยความมั่นใจในพระเมตตาของพระองค์
– การรอคอยและแสวงหาพระเจ้า ทำได้โดย
• รออย่างเงียบๆ(26) อย่างไว้วางใจ ไม่บ่น
ไม่ตีโพยตีพายสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรานี้
• ยอมรับ(27) ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
ยังคงอยู่ในการควบคุมของพระเจ้า แม้สาเหตุจะมาจากความบาป ความอ่อนแอ ความใจง่าย
ความไม่อดทน ฯลฯ ของเราก็ตาม ถึงกระนั้นก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของพระเจ้า
[แอก คือ การฝึกวินัยของชีวิต]
• สงบต่อพระเจ้า(28) นั่งเงียบๆลำพัง
ใช้เวลากับพระเจ้า
• ถ่อมใจลงต่อพระเจ้า (29 – เอาปากจดผงคลีดิน)
ยอมรับว่า ชีวิตของฉันจะเป็นจะตาย จะเป็นอย่างไร
ขึ้นกับว่าพระเจ้าจะเมตตามากเพียงใด
[1คร. 14:25 … เขาก็จะทรุดตัวลงซบหน้านมัสการพระเจ้ากล่าวว่า
พระเจ้าสถิตอยู่ท่ามกลางพวกท่านอย่างแน่นอน]
– เพราะเยเรมีย์รู้แน่ว่า พระเจ้าจะไม่ทิ้ง(31)ประชากรของพระองค์ผู้ รอคอยและแสวงหาพระองค์เป็นแน่
– แม้วันนี้พระเจ้า
จำเป็นต้องอนุญาตให้เหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับเรา เพื่อหยุดยั้งเราไม่ให้เดินต่อไปถึงความพินาศ
แต่ในที่สุดพระองค์ก็ยังจะทรงพระกรุณาต่อเราอยู่ดี
ตามความรักมั่นคงของพระองค์ที่ไม่มีสิ้นสุดนั้น(32)
การประยุกต์ใช้ :
– วันนี้ เรากำลังรอคอยพระเจ้าและแสวงหาพระองค์ หรือเปล่า?
หรือ กำลังดิ้นรนอย่างสุดกำลังด้วยกำลังของตนเอง
• จง เลิกบ่น แต่ ขอบพระคุณ
• จง เลิกโทษคนอื่น แต่ ยอมรับแล้วปรับปรุงตัว
• จง เลิกวิ่งพร่าน แต่ คุกเข่าลง
• จง เลิกยโส แต่ ถ่อมลงพึงพาพระองค์เพียงผู้เดียว
แล้วเราจะพบว่า พระกรุณาของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก และ
ความรักมั่นคงของพระองค์ไม่มีสิ้นสุด
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (อสค.35:1-15) { ระวังตัวให้ดี!!! }
“และกล่าวกับมันว่า
พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ ภูเขาเสอีร์ เราเป็นปฏิปักษ์กับเจ้า
และเราจะเหยียดมือเราต่อสู้เจ้า แล้วเราจะทำให้เจ้าร้างเปล่าและถูกทิ้งร้าง”
อสค. 35:3
แนวคิด :
– ภูเขาเสอีร์ หมายถึง ชนชาติเอโดม (ปฐก. 36:9 ต่อไปนี้เป็นลำดับพงศ์ของเอซาว บิดาคนเอโดม ในเทือกเขาเสอีร์) ซึ่ง เอโดม
เป็นเชื้อสายของเอซาว ส่วนอิสราเอลเป็นเชื้อสายของยาโคบน้องชายของเอซาว
ดังนั้นทั้งสองชนชาติเป็นญาติกัน
– เอโดม แค้นอิสราเอลมานาน(5) พอมีโอกาสเมื่ออิสราเอลถูกพระเจ้าลงโทษ
(5) แทนที่เขาจะช่วยอิสราเอล แต่กลับซ้ำเติมอิสราเอล
เมื่อคนอิสราเอลพ่ายแพ้และหนีศัตรู พวกเขาดักจับคนที่หนีนั้น
แล้วนำตัวไปมอบไว้แก่ศัตรูของอิสราเอล(5)
– เอโดม เยาะเย้ยอิสราเอลเมื่ออิสราเอลพลาดพลั้ง
และเข้ายึดเอาดินอดนและทรัพย์สินของอิสราเอล(10)
– เอโดม ร่าเริงยินดี เมื่ออิสราเอลถูกทำลาย(15)
## พระเจ้าตรัสว่า พระองค์รู้สิ่งที่พวกเขาทำทั้งหมด(12) รู้คำเยาะเย้ยทั้งหมดของเพวกเขา(13) และพระองค์จะตอบสนองเขา
ด้วยสิ่งร้ายที่เขาทำกับอิสราเอลและจะหักหน่วงยิ่งกว่าสิ่งที่เขาทำเสียอีก(15)
การประยุกต์ใช้ :
– วันนี้ หากเราถูกเยาะเย้ย ถูกเอาเปรียบ ถูกข่มเหง ถูกทำร้าย
ถูกพูดถากถาก ถูกพูดเสียดสี ถูกดูถูกดูหมิ่น ถูกโกง ถูกนินทาว่าร้าย
ถูกทรยศหักหลัง
คนเหล่านั้นที่ทำเช่นนั้น จงระวังตัวให้ดี เพราะว่า “เราเป็นประชากรของพระเจ้า”
(อสค. 34:31 เจ้าทั้งหลายเป็นแกะของเรา
เป็นแกะในทุ่งหญ้าของเรา เจ้าทั้งหลายเป็นคนของเรา และเราเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า”
พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ)
พระเจ้าเอง จะเป็นผู้ตอบแทนเขาอย่างสาสม ในเวลาของพระองค์ วันนี้ที่ยังรอดพ้นเพราะว่าพระเจ้าของเรามีพระเมตตามหาศาล
แต่วันเวลาจะมาถึงหากพวกเขายังไม่กลับใจใหม่
“จงระวังตัวให้ดี!!!”
– ในทำนองเดียวกัน เราต้องระมัดระวังในการดำเนินชีวิต
ไม่ทำตัวเหมือนกับชาวเอโดม ที่ไม่ช่วยเหลือพี่น้องตามทุกข์ยากของเขา
และยังซ้ำเติมด้วย การกระทำ ท่าที คำพูด(เยาะเย้ย,นินทา,ฯลฯ) หรือแม้แต่สายตาที่ดูถูกเขา รวมทั้งการร่าเริงยินดีเมื่อพี่น้องพบเจอสิ่งร้าย
วันนี้หากเรากำลังทำเช่นนั้นแล้วยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ก็เพราะพระเมตตาของพระเจ้ามีมหาศาลนั่นเอง แต่ถ้าเราไม่กลับใจใหม่
ไม่ยอมรักพี่น้องอย่างจริงใจ
วันเวลาแห่งการตีสอนของพระเจ้าจะมาถึงชีวิตของเราเช่นกัน
“จงระวังตัวให้ดี!!!”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ยรม. 23:16-32) { วันนี้!!! เราจะเอายังไง? }
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
“เราเป็นพระเจ้าที่อยู่ใกล้
ไม่ใช่พระเจ้าที่อยู่ไกลด้วยหรือ?” ยรม. 23:23
แนวคิด :
– ผู้เผยพระวจนะเท็จ/ผู้สอนเท็จ
จะบอกกับคนที่ ดูหมิ่นพระวจนะว่า “ท่านจะสุขสบาย”
จะบอกกับคนที่ดื้อทำตามใจตัวเองว่า “จะไม่มีเหตุร้ายมาถึงเจ้า”
(17)
– นั่นแสดงว่า ผู้เผยพระวจนะแท้
จะบอกกับคนที่ดูหมิ่นพระวจนะว่า “ท่านจะตกที่นั่งลำบาก”
จะบอกกับคนที่ดื้อทำตามใจตัวเอง จงไม่เชื่อฟังพระเจ้า
ไม่ใส่ใจกับการเตือน การสอนของพระเจ้า ว่า “จะมีเหตุร้ายมาถึงเจ้าแน่ๆ
ระวังตัวให้ดี !!!”
– พายุแห่งความโกรธของพระเจ้าได้ออกมาแล้ว
และจะพัดอยู่เหนือชีวิตของคนเหล่านั้น(19)
ผู้ที่ดูถูกพระคำของพระเจ้าว่า “ไม่ได้เรื่อง”
“ใช้ไม่ได้” “ล้าสมัยแล้ว” “วิธีของฉันดีกว่า”
ผู้ที่จงใจไม่เชื่อฟังพระเจ้า ไม่ยอมกลับใจ
แม้ว่าพระเจ้าจะเตือนแบบตรงๆกี่ครั้งแล้วก็ตาม(รวมทั้งครั้งนี้ด้วย)
– พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “เราเป็นพระเจ้าที่อยู่ใกล้
ไม่ใช่พระเจ้าที่อยู่ไกลด้วยหรือ?”
พระเจ้าอยู่ใกล้ : พระองค์ทราบทุกสิ่ง ทั้งสิ่งที่ทำในที่ลี้ลับ
หรือสิ่งที่อยู่ในจิตใจของเรา
พระเจ้าอยู่ไกล : พระองค์ซ่อนตัวเสีย ไม่ช่วยกู้
ไม่ฟังร้องขอความช่วยเหลือ หากไม่ยอมกลับใจ
การประยุกต์ใช้ :
– “วันนี้!!! เราจะเอายังไง?”
หมายเหตุ : วันนี้พระเจ้าสอนมากมายเขียนไม่หมด
ไปอ่านใคร่ครวญจากพระคัมภีร์กันเองนะครับ
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (สภษ. 12:25) { กังวลแล้วขาดทุน }
“ความกระวนกระวายในใจคนถ่วงเขาลง แต่ถ้อยคำที่ดีทำให้เขายินดี” สภษ. 12:25
แนวคิด :
– พระคัมภีร์เตือนเราว่า
หากเราเก็บความกังวล ความกระวนกระวาย ไว้ในใจของเรา
มันจะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น แต่มันจะเร่งให้ทุกอย่างแย่ลง
แต่ ถ้อยคำแห่งกำลังใจ จะช่วยให้เกิดผลในทางตรงกันข้ามกับความกังวล
จะเร่งให้ทุกอย่างดีขึ้น ไม่ใช่แค่ดีขึ้นเท่านั้น
แต่จะนำไปจนกระทั่งเกิดความชื่นชมยินดีในชีวิต
การประยุกต์ใช้ :
– วันนี้ เราควรตัดสินใจ เลิกเก็บความกังวลไว้ในใจ เพราะมันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเลย
แต่จะทำให้ก่อเกิดปัญหาที่ใหญ่ขึ้น
– วันนี้ เราควรเลิกพูดถ้อยคำแห่งความกังวลใจ เช่น บ่น
ตัดพ้อต่อว่าตนเองหรือผู้อื่น แล้วหันมาพูดหรือรับฟังถ้อยคำแห่งกำลังใจ เช่น
พูดกับตัวเองว่า “แล้วมันจะผ่านไป” , “แล้วมันจะดีขึ้น”
, “มันต้องดีแน่นอน”
– โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้อยคำแห่งกำลังใจ ที่เต็มด้วยสิทธิอำนาจ
มาจากพระคำของพระเจ้า เช่น
สดด. 55:22 “จงมอบภาระของท่านไว้กับพระเจ้า
และพระองค์จะทรงค้ำจุนท่าน พระองค์จะไม่ทรงยอมให้ คนชอบธรรมคลอนแคลนเลย”
รม. 8:37 “แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้
เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ทรงรักเราทั้งหลาย”
ฟป. 4:13 “ข้าพเจ้าเผชิญได้ทุกอย่างโดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ฮชย.14:1-9) { คุ้ม }
“โอ อิสราเอลเอ๋ย จงกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
เจ้าสะดุดก็เพราะบาปผิดของเจ้า” ฮชย. 14:1
แนวคิด :
(1)- พระเจ้าเรียกประชากรของพระองค์ให้กลับมาหาพระเจ้า
(1)- พระเจ้าบอกให้พวกเขารู้ว่า เหตุที่เขาสะดุดล้มลง พบกับอุบัติเหตุของชีวิต
ก็เพราะความบาปผิดของเขาเอง จึงไม่ใช่เวลาโทษคนอื่น แต่เป็นเวลา กลับใจใหม่
กลับมาหาพระเจ้า
– พระเจ้าบอกให้เขา กลับมาหาพระองค์ แล้วร้องทูลต่อพระเจ้า ว่า
(2)>>> “ขออภัยบาปทั้งสิ้นของข้าพระองค์” : [ยอมรับด้วยปากของเรา ว่าเราทำบาป ขอการอภัยจากพระเจ้า]
(2)>>> “ขอทรงรับ ข้าพระองค์ ด้วยพระคุณของพระองค์”
[ข้าพระองค์ไม่คู่ควร ที่พระองค์จะเมตตา
ข้าพระองค์ไม่คู่ควรที่พระองค์จะสดับฟังคำร้องทูล ข้าพระองค์ขอเมตตาจากพระองค์]
(2)>>> “ข้าพระองค์ขอการสรรเสริญแด่พระองค์
เพราะพระองค์ทรงอภัยบาปแล้ว พระองค์ทรงรับข้าพระองค์แล้ว”
(3)>>> “ข้าพระองค์ขอโทษต่อพระองค์
ที่พึ่งพาและไว้ใจมนุษย์ (อัสซีเรีย) แทนที่จะพึ่งพาและวางในพระองค์”
– แล้วพระเจ้าทรงสัญญาว่า
(4)### พระเจ้าจะรักษาเขาให้หาย จากการทรยศของเขา
ให้อภัยการทรยศของเขา
(4)### พระเจ้าจะรักเขาด้วยเต็มใจ เอาการลงโทษไปไกลจากชีวิตของเขา
(5)### พระเจ้าจะให้การอวยพรแก่เขา(น้ำค้าง)
(5)### พระเจ้าจะทำให้เขาเบิกบานอีกครั้ง(ลิลลี่)
(5)### พระเจ้าจะทำให้เขามั่นคง(หยั่งราก)
(6)### พระเจ้าจะทำให้เขาเจริญก้าวหน้า(ขยายกิ่งก้าน)
(6)### พระเจ้าจะทำให้เขาสง่างาม(มะกอก)
(6)### พระเจ้าจะทำให้ชื่อเสียงของของเลื่องลือออกไป(กลิ่นหอม)
(7)### พระเจ้าจะทำให้เขาอยู่ใต้การปกป้องของพระจ้าตลอดเวลา(ร่มเงา)
(7)### พระเจ้าจะทำให้เขาเจริญขึ้นเกิดผลมากมาย(ข้าว)
(7)### พระเจ้าจะทำให้ผู้ที่อ่อนแออย่างเขา
ก็ผลอย่างดีภายใต้การดูแลของพระองค์(องุ่น)
(7)### พระเจ้าจะทำให้เขาเกิดผลดีที่สุดในที่ที่เขาอยู่นั้น(ไวน์แห่งเลบานอน:ไวน์ที่มีชื่อเสียงว่าหอมที่สุดในแถบนั้น)
(8)### พระเจ้าจะทำให้เขาไม่พึ่งพาและเกี่ยวข้องกับรูปเคารพ(สิ่งที่เขาเคยพึ่งพา)
อีกต่อไป
(8)### พระเจ้าจะเป็นผู้ตอบคำอธิษฐานและดูแลเขาเอง
(8)### พระเจ้าจะยืนเคียงข้างเขาเสมอ(สนสามใบ
ซึ่งใบไม่ร่วงแม้แต่ในฤดูหนาว)
(8)### พระเจ้าจะเป็นแหล่งแห่งพระพรทุกด้านในชีวิตของเขา
(9) “ผู้ใดฉลาด ก็ให้เข้าใจสิ่งเหล่านี้เถิด ผู้ใดช่างสังเกต
ก็ให้เขารู้”
การประยุกต์ใช้ :
“คุ้ม”
จงฉลาด เลือกกลับมาหาพระเจ้ากันเถิด
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ยรม.23:5-6){ กษัตริย์ผู้ชอบธรรม }
“พระยาห์เวห์ตรัสว่า “นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง
เมื่อเราจะให้กิ่งชอบธรรมงอกออกมาสำหรับดาวิด
ผู้ที่จะทรงเป็นกษัตริย์และทรงครองราชย์อย่างสุขุมรอบคอบ และจะทรงนำความยุติธรรมและความชอบธรรมมาสู่แผ่นดินนั้น”
ยรม. 23:5
แนวคิด :
– ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ พยากรณ์ถึงเหตุการณ์กำลังจะเกิดขึ้น
อีกประมาณ 500ปีข้างหน้าของเขา คือ พระเยซูคริสต์
ผู้เป็นกิ่งชอบธรรม จะปรากฏ เพื่อมาเป็นกษัตริย์และครอบครอง โดยพระปัญญา (1คร. 1:30 ..ในพระเยซูคริสต์
ผู้ทรงเป็นพระปัญญาจากพระเจ้าสำหรับเรา…)
พระเยซูกษัตริย์ผู้ครอบครอง จะนำ ความยุติธรรมและความชอบธรรม
มาสู่มนุษย์ในโลก
ความยุติธรรมและความชอบธรรม : มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป
ต้องรับโทษในบึงไฟนรก แต่พระเยซูนำความรอด การอภัย นำความชอบธรรม มาถึงทุกคน
ด้วยช่องทางที่ยุติธรรมที่สุด ไม่ว่า จน รวย , ฉลาด โง่เขลา ,
จิตใจเข้มแข็ง หรืออ่อนแอ ไม่ว่าเป็นคนเช่นไร
มีสิทธิรับหรือไม่รับการยกโทษนี้เท่าๆกัน คือ รับเอาโดยทาง ความเชื่อ
>> เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์
ยอมให้พระองค์เป็นผู้ช่วยให้รอดและเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าในชีวิตของเขา
– พระนามของพระองค์คือ “พระเจ้าทรงเป็นความชอบธรรมของเรา”
พระองค์ทรงเป็นความรอดของเรา พระองค์เป็นการช่วยกู้ของเรา
– ในสมัยของพระองค์ ยูดาห์(อาณาจักรทางใต้) เชื้อสายของดาวิดจะรอด
และ อิสราเอล (อาณาจักรทางเหนือ) ไม่ใช่เชื้อสายของดาวิด และกษัตริย์ที่ปกครองชั่วร้ายทุกพระองค์
จะได้รับความรอดจะปลอดภัยเช่นกัน นั่นคือ เมื่อพระเยซูคริสต์เข้ามาในโลกแล้ว
ไม่ว่าชั่วแค่ไหน ถ้ากลับใจใหม่ หันมาเชื่อวางใจในพระเยซู
ก็จะได้รับการอภัยและได้รับความรอด
สรรเสริญพระเจ้า !!!
การประยุกต์ใช้ :
– พระเยซู มาเพื่อเป็นกษัตริย์ ครอบครองในชีวิตของเรา
ไม่ใช่มาเพื่อเป็นคนใช้ หรือ คนเฝ้าบ้าน คนเฝ้ารถ ให้แก่เรา
จงให้พระเยซูครอบครองทุกส่วนในบัลลังก์ใจของเรา ให้พระองค์สำคัญที่สุด
เรื่องของพระองค์ต้องมาก่อนทุกเรื่อง
– วันนี้ ไม่ว่า เราผิดพลาดพลั้งบาปมาเพียงใด พระองค์พร้อมที่จะให้อภัยแก่เรา
และให้เราเริ่มต้นชีวิตใหม่ไปกับพระองค์ ให้พระองค์เป็นกษัตริย์ผู้ครอบครอง
พระองค์จะเป็นผู้นำความชอบธรรมมาสู่ชีวิตของเรา
และพระองค์มีสิทธิครอบครองในหัวใจของเราแล้ว
พระองค์เองจะทำให้ลักษณะชีวิตที่ชอบธรรมนั้นรากฏในการดำเนินชีวิตของเราในแต่วัน
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ปญจ.3:1) { มีวาระสำหรับทุกสิ่ง }
“มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์”
ปญจ. 3:1
แนวคิด :
– พระคัมภีร์สอนว่า พระเจ้าได้กำหนดวาระไว้สำหรับทุกสิ่งแล้ว
มนุษย์ไม่รู้วันนั้นๆแต่พระเจ้าทรงทราบ และพระองค์ทรงทาบดที่สุดว่า
เหตุการณ์ใดควรเกิดขึ้นในวันใด และทั้งหมดที่เกิดขึ้นยังคงอยู่ในแผนการนิรันดร์ของพระเจ้าเสมอ
การประยุกต์ใช้ :
– วาระนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมที่เห็นคนไทยทั้งชาติ
รู้สึกอย่างเดียวกัน รู้สึกอาลัยอาวรณ์
สำหรับการเสด็จจากไปของพระองค์ผู้เป็นที่รักของพวกเรา
– ขอขอบพระคุณพระเจ้า สำหรับกษัตริย์ที่แสนดี
ที่พระเจ้าทรงประทานแก่ประเทศไทยของเรา ตลอด 70 ปีที่ผ่านมา “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี
จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร” ในหลวงผู้เป็นที่รักของพวกเรา
– วันนี้เป็นวาระร้องไห้ วันนี้เป็นวาระโศกเศร้า
วันนี้เป็นวาระไว้ทุกข์ ของปวงชนชาวไทย
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (มีคา. 3:1-7) { อย่าทำตามพวกเขา }
“แล้วพวกเขาจะร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์
แต่พระองค์จะไม่ทรงตอบพวกเขา คราวนั้นพระองค์จะซ่อนพระพักตร์เสียจากเขาทั้งหลาย เพราะพวกเขาได้ก่อกรรมชั่วไว้หลายอย่าง”
มีคา. 3:4
แนวคิด :
– พระคัมภีร์ตอนนี้ บอกว่า
มีบางคน ร้องขอความช่วยเหลือแต่พระเจ้าไม่ตอบเขา
เมื่อเขาแสวงหาพระเจ้า พระองค์ซ่อนพระพักตร์เสียจากเขา (4)
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?
เพราะ พวกเขาก่อกรรมชั่ว (4)
– ผู้เผยพระวจนะมีคาห์ ตำหนิพวกผู้นำและพวกพวกเผยพระวจนะที่ชั่วร้าย
ผู้ทำสิ่งชั่วร้ายและไม่คิดจะกลับใจ
>>> พระเจ้าสั่งให้เขาสำแดงความยุติธรรม
แต่พวกเขาลำเอียงเห็นแก่เงิน (1)
>>> พระเจ้าสั่งให้เขารักความดี เกลียดความชั่ว
แต่พวกเขาเกลียดความดี รักความชั่ว (2)
>>> พระเจ้าสั่งให้เขาดูแล เอาใจใส่ประชาชน
แต่พวกเขาเอาเปรียบ ทำร้าย ข่มเหง ประชาชน (3)
>>> พระเจ้าสั่งให้เขานำประชาชนมาหาพระเจ้า
แต่พวกเขานำประชาชนหลงไปจากพระเจ้า ไปกราบไหว้รูปเคารพ (5)
>>> พระเจ้าสั่งให้เขาเตือนประชาชนให้กลับใจ
แต่พวกเขากลับบอกประชาชนไม่เป็นไร ทำชั่วต่อไปได้ (6)
– ดังนั้นพระเจ้าจะไม่ตอบคำอธิษฐานของเขา
พระเจ้าจะซ่อนพระพักตร์จากเขา(3) พระเจ้าจะทำให้เขาอับอายขายหน้า
(7) พระเจ้าจะทำให้ชีวิตของเขามืดมนอับจนหนทาง (6)
การประยุกต์ใช้ :
– เราคงไม่อยากเป็นเหมือนพวกเขาเป็นแน่ ดังนั้นอย่าทำเหมือนพวกเขา
เพราะว่า หว่านถั่วเขียว จะได้ถั่วเขียว ไม่มีวันได้ถั่วแดง
หากเราทำเหมือนพวกเขา ผลที่เกิดขึ้นกับเรา จะเหมือนกับพวกเขาเป็นแน่
– ความผิดพลาดที่หนักที่สุดของพวกเขา ไม่ใช่การทำผิดต่างๆที่กล่าวมา
แต่เป็นการทำผิดแล้วไม่ยอมกลับใจ แม้พระเจ้าจะส่งคนมาเตือนพวกเขา วันแล้ววันเล่า ก็ตาม
แม้พวกเขาทำผิดพลาดไป หากพวกเราสารภาพบาปและกลับใจใหม่
พระเจ้าผู้ทรงพระเมตตาจะทรงโปรดอภัยและเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในชีวิตของพวกเขาเป็นแน่
– พระเจ้าสั่งให้รัก เขาก็เกลียด พระเจ้าสั่งให้เกลียดบาปเขาก็รัก
พระเจ้าสั่งซ้าย เขาไปขวา พระเจ้าสั่งเดินหน้า เขาถอยหลัง
และพวกเขาไม่ยอมฟังคำเตือน ไมยอมกลับใจใหม่
– วันนี้หากเราทำผิดเหมือนพวกเขาไปแล้ว ด้วยการขัดขืน
ไม่เชื่อฟังพระเจ้า
ขอให้เราอย่าทำพลาดเหมือนพวกเขา คือไม่ยอมฟังคำเตือน
ไม่ยอมกลับใจใหม่
– ให้เรากลับใจใหม่ สารภาพความผิดบาป ความดื้อดึง
ไม่เชื่อฟังพระเจ้า สารภาพต่อพระเจ้า
ขอโทษพระองค์ แล้วขอพระองค์ช่วยเราในการกลับตั้งตัวใหม่
แล้วรับการอภัย แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ไปในทางของพระเจ้าที่พระเจ้าชื่นใจ
“พระองค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา
จะทรงกระทำแก่เราตามพระเมตตาอันอุดมของพระองค์อย่างแน่นอน”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (โยบ 37:23) { ทรงรู้ดีที่สุด }
“องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์นั้น เราไม่อาจค้นพบพระองค์ได้
พระองค์ใหญ่ยิ่งในเรื่องฤทธานุภาพ และโดยความยุติธรรมและความชอบธรรมเป็นอันมากยิ่ง
พระองค์จะไม่ทรงกดขี่”
โยบ 37:23
แนวคิด :
– พระเจ้าทรงฤทธิ์ใหญ่ยิ่งสูงสุด
จนมนุษย์ไม่มีทางที่จะค้นพบพระองค์ด้วยความสามารถของมนุษย์เองได้
เปรียบเหมือนกับ เชื้อโรคตัวหนึ่งในเม็ดทรายเม็กหนึ่ง
ท่ามกลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาล มิอาจจะเข้าใจผู้สร้างทะเลทรายทั้งหมดนั้นได้
ฉันใดก็ฉันนั้น
– พระเจ้าทรงยุติธรรมและชอบธรรม ดังนั้น
ด้วยฤทธานุภาพใหญ่ยิ่งของพระองค์และความยุติธรรมกับความชอบธรรมของพระองค์
การตัดสินของพระองค์จะไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน ทุกสิ่งที่ทรงให้เกิดขึ้นนั้น
ยุติธรรมแล้ว
การประยุกต์ใช้ :
– ตลอดทั้งชีวิตของเรา เราไม่อาจจะรู้จักกับพระเจ้าได้เลย
ไม่ว่าเราจะตะเกียกตะกายมากเท่าใดก็ตาม
แต่ด้วยพระคุณของพระเจ้า โดยทางพระเยซูคริสต์
เราสามารถรู้จักกับพระเจ้าได้แล้ว
พระเยซู พระเจ้าผู้ทรงมารับสภาพเป็นมนุษย์
ได้ทรงสำแดงพระเจ้าพระบิดาให้เรารู้จักแล้ว (ยน.14:9)
และโดยทางพระเยซูคริสต์
ไม่เพียงแต่เราจะสามารถรู้จักกับพระเจ้าได้เท่านั้น เรายังรับการอภัยโทษบาป
หน่ำซ้ำ เรายังได้ถูกทำให้ชอบธรรม
แล้วถูกนับว่าเป็นประชากรของพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นโดยพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้า บัดนี้
เราได้สิทธิพิเศษแบบสุดๆ จนบรรดาเหล่าทูตสวรรค์ต้องตกตะลึง อ้าปากค้าง คือ เรา
มนุษย์ผู้เป็นแต่ผงคลี กลับได้รับสิทธิเป็นบุตรของพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด
และเป็นทายาทผู้จะรับมรดกร่วมกันกับพระคริสต์
สรรเสริญพระเจ้า !!!
– พระเจ้า พระบิดาของเรา ทรงฤทธิ์และยุติธรรม
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราในวันนี้ พระองค์ทรงรู้ดีที่สุด ว่าควรจะออกมาอย่างไร
เราแค่ไว้ใจในพระบิดาผู้ทรงรักเราอย่างที่สุด นั่นก็เพียงพอแล้ว
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ศฟย.3:1-20) { พระเมตตาแสนอัศจรรย์ }
“นี่แน่ะ ในเวลานั้น เราจะจัดการกับทุกคนที่กดขี่เจ้า เราจะช่วยคนขาพิการ
และรวบรวมผู้ที่ถูกขับไล่ไป และเราจะเปลี่ยนความอายของเขาให้เป็นความน่าสรรเสริญ
และให้เป็นชื่อเสียงที่เลื่องลือไปทั้งโลก”
ศฟย. 3:19
แนวคิด :
– พระเจ้าติหนิ เยรูซาเล็ม (1) เพราะ
> พวกเขากบฏต่อพระเจ้า
> ดำเนินชีวิตในบาปที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง
> กดขี่ขมเหงคนที่อ่อนแอกว่า
> แม้พระเจ้าส่งคนมาเตือนพวกเขาก็ไม่ฟัง
> แม้พระเจ้าตีสอนเขาด้วยความยากลำบากต่างๆพวกเขาก็ยังไม่ยอมกลับใจ
> พวกเขาไม่วางใจในพระเจ้า
> และไม่ยอมเข้ามาใกล้พระเจ้า
[รู้สึกเหมือนเรา ยังไงก็ไม่รู้ 555]
>>>> เพราะพวกเขา ล้มเหลว ในการยำเกรงพระเจ้า
แล้วพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตา ตรัสว่า
“เพราะฉะนั้นจงคอยเรา…”(8)
“ในเวลานั้น เราจะเปลี่ยนริมฝีปากของประชากรทั้งหลาย
ให้เป็นริมฝีปากที่บริสุทธิ์…”(9)
“ในวันนั้น เจ้าจะไม่ถูกทำให้อับอาย
จากการกระทำทั้งสิ้นซึ่งเจ้าได้กบฏต่อเรา…” (11)
“บรรดาคนที่เหลืออยู่ในอิสราเอล จะไม่ทำความผิดบาป
และจะไม่กล่าวคำโกหก…” (13)
“เขาทั้งหลายจะหากินและนอนลง และไม่มีใครทำให้เขาหวาดหวั่น”
(13)
“ พระยาห์เวห์ทรงยกเลิกการลงโทษเจ้าแล้ว” (15)
“พระองค์ทรงขับไล่ศัตรูของเจ้าไปแล้ว” (15)
“กษัตริย์แห่งอิสราเอลคือพระยาห์เวห์ทรงอยู่ท่ามกลางเจ้า เจ้าจะไม่กลัวภัยพิบัติอีกต่อไป”
(15)
“นี่แน่ะ ในเวลานั้น เราจะจัดการกับทุกคนที่กดขี่เจ้า” (19)
“เราจะช่วยคนขาพิการ และรวบรวมผู้ที่ถูกขับไล่ไป” (19)
“ และเราจะเปลี่ยนความอายของเขาให้เป็นความน่าสรรเสริญ” (19)
“และให้เป็นชื่อเสียงที่เลื่องลือไปทั้งโลก” (19)
“ในเวลานั้น เราจะนำพวกเจ้าเข้ามา
คือในเวลาที่เรารวบรวมเจ้าเข้าด้วยกัน” (20)
“เราจะทำให้เจ้ามีชื่อเสียงและเป็นที่สรรเสริญ
ท่ามกลางประชากรทั้งสิ้นในโลก” (20)
“เราให้เจ้ากลับสู่สภาพเดิมต่อหน้าต่อตาเจ้า” (20)
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
!!!! โอ้ว….อะไรกันเนี่ย !!!!
ประชากรของพระเจ้า ทำตัวไม่ได้เรื่อง แต่
พระองค์ตอบสนองด้วยการอวยพรมากมายเพียงนี้
!!!! ช่างเป็นพระคุณ พระเมตตา อะไรขนาดนี้ !!!!
คำถาม : ใครคือผู้ที่ได้รับพระคุณนี้ ?
คำตอบ : ผู้ที่ถ่อมใจ และ เจียมตัว ผู้ที่แสวงหาที่จะมาพึ่งพิง
ลี้ภัยในพระเจ้า (12)
คำสัญญานี้เกิดขึ้นเป็นจริงทางพระเยซูคริสต์
ผู้ที่ ถ่อมใจลง ยอมรับความอ่อนแอของตน แล้ว มาหาพระเยซู
แสวงการช่วยกู้จากพระองค์ จะได้รับการช่วยกู้
### พระเยซูตรัสว่า “…ผู้ที่มาหาเรา
เราก็จะไม่ทิ้งเขาเลย” ยน. 6:37 ###
การประยุกต์ใช้ :
– ไม่ว่าเราจะอ่อนแอสักเพียงใด ก็ไม่สำคัญ เพราะว่า
พระเจ้าของเราทรงเข้มแข็ง ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ทรงเปี่ยมด้วยพระคุณ
พระเมตตาไม่มีที่สิ้นสุด
– จงเข้ามาหาพระองค์ ด้วยใจถ่อม ยอมรับความอ่อนแอของเราต่อพระองค์
ทูลขอการช่วยกู้จากพระองค์ พระเยซูผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตาต่อเราอย่างที่สุด
พระองค์จะไม่รอช้า พระองค์รีบมาช่วยเราอย่างแน่นอน
– แต่ ถ้าเราไม่ยอมถ่อมใจลง ไม่ยอมพึ่งพาพระองค์แต่เพียงผู้เดียว
ยังคงพยายามแก้ไขหรือต่อสู้สิ่งที่เผชิญด้วยกำลังของตนเอง
ไม่ยอมถ่อมใจลงคุกเข่าอธิษฐาน ไม่ยอมทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์อย่างจริงใจ
อย่างสุดใจ
เราก็จะเป็นเพียงผู้ที่ได้อ่านพระสัญญาของพระเจ้าเท่านั้น
แต่สิ่งนั้นจะไม่ผลต่อชีวิตของเราเลย
ช้าอยู่ใย ถ่อมใจลง คุกเข่าลง
ร้องทูลขอความช่วยเหลือจกาพระองค์อย่างสุดใจเถิด
### ไม่สำคัญว่าเราอ่อนแอแค่ไหน รู้แต่ว่า
พระเจ้าของเราทรงฤทธิ์เข้มแข็ง นั่นก็เพียงพอแล้ว ###
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (อสค. 40:4) { อยู่ที่นี่เพื่อพระเจ้า }
และชายผู้นั้นกล่าวกับข้าพเจ้าว่า
“บุตรมนุษย์เอ๋ย
จงมองดูด้วยตาเจ้าเอง และจงฟังด้วยหูของเจ้า
และจงเอาใจใส่ทุกสิ่งที่เราจะสำแดงแก่เจ้า เพราะว่าที่เรานำเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อจะสำแดงแก่เจ้า
จงประกาศทุกสิ่งที่เจ้าเห็นนั้นแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล”
อสค. 40:4
แนวคิด :
– 25 ปีหลังจาก เอเสเอียคถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลยในกรุงบาบิโลน
ขณะนั้นพระวิหารได้ถูกทำลายและทิ้งล้าง มาเป็นเวลากว่า 14 ปีแล้ว
(อสค. 40:1)
พระเจ้าได้สำแดงนิมิตแก่เอเสเคียล
นำเขาโดยนิมิตกลับไปยังแผ่นดินอิสราเอล และได้เห็นนิมิตพระนิเวศน์หลังใหม่
และที่ได้ทรงสำแดงรายละเอียดเกี่ยวกับพระนิเวศน์นั้นมากมาย ในบทที่ 40-47 –
ในข้อ 40 นี้ พระเจ้าบอกให้เอเสเคียลรู้ว่า
ที่พระเจ้าทรงนำเขาโดยนิมิต ยังสถานที่นี้
เพื่อให้เขาประกาศสิ่งที่ได้เห็นแก่ประชากรของพระเจ้า ดังนั้น เขาต้อง มองดูด้วยตา
, ฟังด้วยหู และ เอาใจใส่ทุกสิ่งที่ได้พบเจอ
การประยุกต์ใช้ :
– วันนี้ ที่พระเจ้าทรงนำเราให้พบ เจอ และเผชิญกับเหตุการณ์ในขณะนี้
เราควรสังเกตให้ดี ตั้งใจฟังสิ่งที่ได้ยิน เอาใจใส่สิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามา
ที่พบเจอในวันนี้ ไม่ใช่บังเอิญแต่พระเจ้าจงใจนำเข้ามาหรืออนุญาตให้มันเกิดขึ้น
เพื่อให้เราได้เห็น เพื่อให้เราได้มีประสบการณ์กับพระเจ้า
> ในความรักของพระองค์
> ในฤทธานุภาพของพระองค์
> ในความสัตย์ซื่อของพระองค์
> ในการจัดเตรียมของพระองค์
> ในพระเมตตาและพระคุณของพระองค์
ฯลฯ
เมื่อเราเอาใจใส่ ตั้งใจสั่งเกต เราจะเห็นได้
เมื่อเราเห็นแล้ว จงประกาศออกไป โดยการเป็นพยาน โดยการขอบคุณพระเจ้า
ให้คนรอบข้างได้รับรู้ถึงความแสนดีของพระเยซูในชีวิตของเรา
วันนี้ ไม่ใช่บังเอิญที่เรามาอยู่ที่นี่ แต่
เพราะพระเจ้ามีแผนการพิเศษสำหรับเรา เพื่อให้เราถวายเกียรติแด่พระเจ้า ณ
ที่แห่งนี้
“Bloom where you are planted” Saint Francis de Sales
“จงเบ่งบานในที่ที่คุณถูกปลูกไว้”
วันนี้ ไม่ว่าพระเจ้านำคุณมาปลูกไว้ที่ใดก็ตาม
จงเบ่งบานถวายเกียรติแด่พระเจ้าที่นั่น
แม้ที่นั่นจะเป็นกองขยะ
ก็จงเป็นดอกไม้ที่เบ่งบานอย่างสวยงามอย่างที่สุดท่ามกลางกองขยะเหล่านั้น
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ยรม. 23:1-4) { ไม่ขาดแคลนสิ่งใดเลย }
“เราจะตั้งผู้เลี้ยงแกะไว้เหนือเขา ผู้จะเลี้ยงดูเขา และเขาทั้งหลายจะไม่ต้องกลัวหรือครั่นคร้ามหรือขาดแคลนเลย”
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ”
ยรม. 23:4
แนวคิด :
– ผู้นำ และ ปุโรหิต ไม่ได้เลี้ยงดู ไม่ได้เอาใจใส่ ไม่ได้สั่งสอน
ไม่ได้ปลูกฝังทางของพระเจ้าแก่ประชาชน
แต่กลับนำประชาชนให้ละทิ้งพระเจ้า หันไปกราบไหว้รูปเคารพ
หันไปทำสิ่งชั่วร้ายที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง
พระเจ้าจึงจะลงโทษผู้นำเหล่านั้น
และทำให้ประชาชนเหล่านั้นต้องกระจัดกระจายไป ตกเป็นเชลยในต่างแดน
แล้วพระองค์จึงจะรวบรวมประชากรของพระองค์กลับมาอีกครั้ง
และจะอวยพระพรแก่พวกเขา
และพระองค์จะตั้งผู้เลี้ยงแกะที่ประเสริฐ(พระเยซูคริสต์)
เพื่อจะคอยดูแล เลี้ยงดูพวกเขา
เพื่อพวกเขาจะไม่ต้องครั่งคร้ามหรือขาดแคลนสิ่งดีใดๆเลย
การประยุกต์ใช้ :
– ในฐานะผู้เลี้ยง : เรามีความรับผิดชอบต่อลูกแกะของพระเจ้า
เราต้องดูแล เอาใจใส่ ลูกแกะของเรา สั่งสอนและนำทางพวกเขาไปในทางของพระเจ้า
ไม่งั้นพระเจ้าจะเรียกร้องให้เราต้องรับผิดชอบต่อหายนะของพวกเขา
– ในฐานะผู้เลี้ยง : เราต้องไม่พยายามให้เขาต้องพึ่งพาเราตลอดไป แต่
ควรชี้นำให้เขาพบกับพระผู้เลี้ยงที่แท้จริงของเขา คือ พระเยซูคริสต์ โดยมีความสัมพันธ์กับพระองค์
ใกล้ชิดพระองค์ ติดสนิทพระองค์ เชื่อฟังพระองค์
– ในฐานะแกะ : เราไม่ควรมองที่มนุษย์ ไม่งั้นสักวันเราจะสะดุดล้มลง
เพราะมนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป เราควรจับจ้องไปที่พระเยซู
ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างที่พระเยซูทรงวางไว้
– ผู้ที่ให้พระเยซูทรงเป็นผู้เลี้ยงของเขา ฟังเสียง
เชื่อฟังและเดินตามพระองค์ จะไม่ต้องกลัวสิ่งใดเลย และ จะไม่ขาดแคลนสิ่งดีใดๆเลย
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (อสค.20:27-44) { พระเจ้าไม่ทิ้งคนของพระองค์ }
“เราจะโปรดปรานพวกเจ้าดั่งกลิ่นที่น่าพึงพอใจ
เมื่อเรานำเจ้าออกมาจากชนชาติทั้งหลาย
และรวบรวมเจ้าออกมาจากประเทศที่เจ้าถูกกระจัดกระจายไปอยู่นั้น
แล้วเราจะสำแดงความบริสุทธิ์ของเราท่ามกลางเจ้า
ต่อหน้าต่อตาประชาชาติทั้งหลาย” อสค. 20:41
แนวคิด :
– คนอิสราเอลละทิ้งพระเจ้า
และหันไปทำสิ่งตรงกันข้ามกับที่พระเจ้าสั่ง ทำสิ่งที่พระเจ้าทรงรังเกียจ
เช่น การนำบุตรของเขาไปลุยไฟจนตาย เพื่อบูชายันต์แก่รูปเคารพ (31)
ดังนั้น พระเจ้าจึงไม่ช่วยเขาปล่อยให้เขาพ่ายแพ้ต่อศัตรู
เมื่อเขาร้องทูลพระเจ้า พระองค์ก็ไม่ตอบ เขา (31)
เพื่อเขาจะกลับใจใหม่ละทิ้งทางชั่วของเขา
พวกเขาพ่ายแพ้ต่อศัตรู จนประเทศถูกทำลายสิ้น
ประชาชนถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยในแดนไกล
– สิ่งที่น่าสนใจคือ ตลอดประวัติศาสตร์จากนั้นมา
ไม่พบว่าอิสราเอลกลับใจ แต่ถึงกระนั้นพระเจ้าก็ทรงสัญญาช่วยกู้เขา
นำเขากลับมายังประเทศของอีกครั้ง
>>> และแล้วพระองค์ก็ทรงรักษาสัญญา
นำเขากลับมายังบ้านเมืองของเขาอีกครั้ง
ที่น่าสนใจก็คือ “ตั้งแต่วันนั้นจนถึงทุกวันนี้
คนอิสราเอลไม่กราบไหว้รูปเคารพอีกเลย”
ชี้ให้เห็นว่า พระเจ้าทรงทราบดีว่า “ติสอนเขาขนาดไหน
ที่นานพอที่จะทำให้เขากลับใจได้พอดี”
– และพระองค์ทรงสัญญาว่า
“อิสราเอล(ประชากรของพระเจ้า)จะเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าดั่งกลิ่นหอมที่น่าพอใจ(41)
พระเจ้าจะรับของถวายของพวกเขา [ซึ่งก่อนหน้านี้พระองค์ไม่รับแล้ว]
และจะสำแดงความบริสุทธิ์ให้แก่พวกเขา (41)
>>> ซึ่งพระสัญญานี้เป็นจริง
เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาในโลกนี้ ตายบนไม้กางเขนเพื่อมนุษย์ทุกคน
เพื่อทุกคนที่วางใจในพระองค์ได้เข้ามาเป็นประชากรของพระองค์และรับมรดกในพระสัญญานี้ด้วยกัน
กับคนอิสราเอล[ซึ่งในวาระสุดท้ายคนอิสราเอลทั้งชาติจะกลับมาหาพระเจ้า]
– ที่พระเจ้าทรงทำเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะคนอิสราเอลเป็นคนดี
หรือทำดีได้มากพอสมควร
แต่ เพราะพระองค์เห็นแก่พระนามของพระองค์
พวกเขาได้ชื่อว่า “ประชากรของพระเจ้า”
ดังนั้น พระเจ้าจะทรงช่วยกู้และอวยพระพรพวกเขา
แม้เขาทำตัวไม่คู่ควรจะได้รับการอวยพร
พระเจ้าเองจะจัดฉาก(ตีสอน)และทำกิจ
จนกระทั่งพวกเขาสมกับพระพรที่จะประทานให้นั้น
การประยุกต์ใช้ :
– พระเจ้าทรงรักเรา แต่บางครั้งที่พระเจ้าปล่อยให้เรา
พ่ายแพ้ต่อศัตรู พ่ายแพ้ต่อปัญหา และพระองค์ไม่ได้ตอบคำอธิษฐานของเรา
ก็เพื่อเรียกร้องให้เรากลับใจเสียใหม่
– เมื่อการตีสอนหนักพอ นานพอ จนถึงที่สุดแล้ว เราจะกลับใจใหม่ได้
ดังนั้น วิธีให้การตีสอนไม่หนัก และไม่นาน คือ
“กลับใจวันเลยดีกว่า!!!”
แล้วการตีสอนก็จะจบลง
– วันนี้โดยพระคุณของพระเจ้า เราเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าแล้ว
โดยทางพระเยซูคริสต์
พระเจ้ายินดีเต็มใจรับเครื่องบูชาของเราแล้ว
จงถวายเครื่องบูชาแห่ง การสรรเสริญ การขอบพระคุณ การอธิษฐาน(วว.5:8)
การปรนนิบัติรับใช้
อย่างเต็มใจ เต็มที่ และเต็มกำลังเถิด
จงจำไว้ว่า
“เมื่อเราเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ เราก็เป็นประชากรของพระเจ้า”
“เมื่อเราเป็นประชากรของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงช่วยเราเป็นแน่
ไม่ใช่เพราะเห็นแก่คุณงามความดี
ของเรา แต่ เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์เอง”
### พระเจ้าไม่ทิ้งประชากรของพระองค์แน่นอน ###
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (สดด.34:1-22)
{ ชิมความประเสริฐของพระเจ้า
}
“พระยาห์เวห์ทรงอยู่ใกล้ผู้ที่ใจแตกสลาย และทรงช่วยผู้สิ้นหวัง ” สดด. 34:18
แนวคิด :
– ดาวิดหนีตายจากกษัตริย์ซาอูล เข้ามาในเมืองกัท ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้ฆ่าทหารเอกของเมืองนี้
(โกลิอัท) เมื่ออยู่ต่อหน้า อาคีช[อาบีเมเลค]กษัตริย์เมืองกัท มีคนจำเขาได้
เขากลัวมาก จึงแกล้งเป็นบ้า และปล่อยน้ำลายไหลเปรอะเครา
เมื่อกษัตริย์เห็นว่าเขาเป็นบ้า
จึงขับไล่เขาออกไป (1ซมอ.21)
– ท่ามกลาง “ความกลัวยิ่งนัก” “ความอดสูอย่างยิ่ง” “ไร้ญาตขาดมิตร” ดาวิดร้องบทเพลงว่า
“ข้าพเจ้าจะถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์ตลอดไป
คำสรรเสริญพระองค์อยู่ที่ปากข้าพเจ้าเสมอ”(1)
“จิตใจข้าพเจ้าสรรเสริญพระยาห์เวห์ ให้ผู้ทุกข์ใจได้ฟังและยินดี” (2)
“จงถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์ พร้อมกับข้าพเจ้า
ให้เรายกย่องพระนามของพระองค์ด้วยกัน” (3)
ขออุทานหน่อย ๐๐๐
สุดยอด!!!! ๐๐๐
### ท่ามกลางความกลัว ###
• เขาแสวงหาพระเจ้า => พระเจ้าทรงตอบเขา
ทรงช่วยกู้เขา (4)
### ท่ามกลางความอดสู ###
• เขาเพ่งดูที่พระเจ้า แทนที่จะเพ่งที่ตัวเอง หรือมัวแต่สงสารตัวเอง => พระเจ้าทำให้เขาเบิกบาน (5)
### ท่ามกลางความลำบาก ยากจนข้นแค้น ###
(ขนาดถึงกับต้องไปขอขนมปังจากปุโรหิตในพลับพลา เพื่อบรรเทาความหิว 1ซมอ.21)
• เขาร้องทูลต่อพระเจ้า => พระเจ้าทรงฟังและทรงช่วยกู้เขาให้พ้นความยากลำบากทั้งสิ้น
(6)
<<<จากประสบการณ์เหล่านี้ ดาวิดสอนเรา ว่า
>>>
>> ถ้าเรายำเกรงพระเจ้า พระองค์จะให้ทูตสวรรค์ตั้งค่ายล้อมปกป้องเราไว้ (7)
>> ถ้าเรา ลองชิมความประเสริฐของพระเจ้า (ลองพึงพาพระองค์อย่างสุดหัวใจสักครั้ง)
เราจะรู้ว่าพระเจ้านั้นประเสริฐ แสนดีเพียงใด (8)
>> ถ้าเรา แสวงหาพระเจ้าก่อน แม้เหตุการณ์จะเลวร้ายจน
คนอื่นๆที่เก่งกว่าเรา รวยกว่าเรา มีกำลังมากกว่าเรา
จะขาดแคลน แต่เราก็จะไม่ขาดสิ่งดีใดๆเลย (10)
>> และดาวิดสอนอีกหลายประการซึ่งสุดยอดมากๆ (11-22)
สดด. 34:18 “พระยาห์เวห์ทรงอยู่ใกล้ผู้ที่ใจแตกสลาย
และทรงช่วยผู้สิ้นหวัง”
วันใดที่ใจเราแตกสลาย วันใดที่เราสิ้นหวัง
มองไปทางไหนก็ไม่มีใครอยู่เคียงข้างเรา ไม่มีใครเข้าใจเราจริงๆ
>>> จงจำไว้ว่า “พระเจ้าอยู่อยู่ใกล้เรา” สรรเสริญพระเจ้า
การประยุกต์ใช้ :
– วันนี้หากเราเผชิญสถานการณ์คล้ายๆดาวิด ก็
“จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด” “จงยกย่องพระนามของพระองค์เถิด”
วันที่ดาวิดแต่งเพลงบทนี้
เขายังคงไม่ปลอดภัย แต่เขาสรรเสริญพระเจ้าด้วยความเชื่อ
### ท่ามกลางความกลัว => จงแสวงหาพระเจ้า
### ท่ามกลางความอดสู => เขาเพ่งดูที่พระเจ้า
อย่ามัวแต่สงสารตัวเอง
### ท่ามกลางความลำบาก => จงร้องทูลต่อพระเจ้า
เมื่อลงมือทำอย่างสุดจิตสุดใจ
สักครั้งหนึ่ง เราจะได้ชิมว่า
“แท้จริงแล้วพระเจ้าประเสริฐมากเพียงใด”
ท่ามกลางสถานการณ์ในวันนี้
เป็นโอกาสดีที่สุด ที่เราจะได้ชิมความประเสริฐของพระองค์
<<< หาพระเจ้าก่อน เพ่งดูที่พระองค์ ร้องทูลต่อพระเจ้า >>>
เพราะพระองค์ทรงอยู่ใกล้
พร้อมแล้วที่จะยื่นพระหัตถ์มาช่วยเราในทันที
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ยรม. 28:1-17)
และผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ได้พูดกับฮานันยาห์ผู้เผยพระวจนะว่า “ฮานันยาห์ขอท่านฟัง พระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงใช้ท่านและท่านได้ทำให้ชนชาตินี้วางใจในความเท็จ
เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ตรัสว่า ‘นี่แน่ะ เราจะกำจัดเจ้าไปจากพื้นโลก ในปีนี้เองเจ้าจะต้องตาย เพราะเจ้าได้กล่าวถ้อยคำเป็นการกบฏต่อพระยาห์เวห์’
ยรม. 28:15-16
แนวคิด :
– เยเรมีย์ ให้ข่าวร้ายว่า อิสราเอลจะพ่ายแพ้ต่อศัตรู ดังนั้นพวกเขาต้องถ่อมใจ
กลับใจใหม่
แต่ ฮานันยาห์ ให้คำหวาน
ศัตรูจะพ่ายแพ้ กษัตริย์ของเขาจะได้รับการปล่อยตัวกลับมา ยังไงพระเจ้าก็จะช่วยอิสราเอลอยู่ดี
– พระเจ้าไม่พอใจ ฮานันยาห์อย่างยิ่งและลงโทษเขาอย่างรุนแรง
จนถึงแก่ความตายในอีกไม่นานต่อมา เพราะว่า
>>> เขาทำให้ชนชาตินี้วางใจในความเท็จ แทนที่จะนำคนอิสราเอลกลับใจหันกลับมาหาพระเจ้า
กลับนำไปในทางที่ผิด ว่า ไม่ต้องกลับใจก็ได้ ยังไงพระเจ้าก็จะอวยพร
>>> เขาบอกว่าพระเจ้าตรัส ทั้งที่พระองค์ไม่ได้ตรัสเช่นนั้น
การประยุกต์ใช้ :
– คำพูดหนุนใจ ให้กำลังใจ อาจจะไม่ได้มาจากพระเจ้าเสมอไป
วิธีสังเกตคือ
สิ่งที่มาจากพระเจ้า จะนำเราให้เข้าใกล้พระเจ้า
– บางครั้งพระเจ้าจงใจ อนุญาตให้บางสิ่งเกิดขึ้นกับเรา เพื่อเราจะถ่อมใจลง และหันกลับจากการทำตามใจตนเอง หันมาแสวงหาพระเจ้า และทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
– การแอบอ้าง ถ้อยคำว่าเป็นมาจากพระเจ้า
ทั้งที่มาจากความคิดของตนเองเป็นอันตรายอย่างมาก ทั้งต่อผู้ฟังและต่อตัวเอง
– วิธีป้องกัน คือ
>>> เราต้องหาหลักการ/แนวคิดจากพระคำตอนนั้นๆให้พบ แล้วประยุกต์ใช้จากหลักการนั้น ก็จะป้องกันการประยุกต์ผิดเพี๊ยนได้ระดับหนึ่ง
>>> เราต้องอธิษฐานพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อช่วยเราให้สามารถเข้าใจพระคำของพระเจ้า อย่างที่พระองค์ประสงค์จะบอกเราจริงๆ
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (โยบ 14:4)
{สิ่งสะอาดที่มลทิน}
“ผู้ใดจะเอาสิ่งสะอาดออกมาจากสิ่งมลทินได้? ไม่มีสักคน” โยบ 14:4
แนวคิด :
– โยบระบายความในใจต่อพระเจ้า ว่า “มนุษย์เกิดมาในบาป
แล้วใครเล่าจะสามารถทำสิ่งดีแท้ที่จริงได้ ใครเล่าจะรอดพ้นการพิพากษาได้”
– สิ่งที่เป็นมลทินอย่างชีวิตของมนุษย์ ไม่สามารถทำสิ่งที่บริสุทธิ์และดีงามที่แท้จริงได้
การประยุกต์ใช้ :
– วิธีเดียวที่จะให้เราทำสิ่งบริสุทธิ์ได้ คือ เราต้องบริสุทธิ์ เสียก่อน
ซึ่งเรื่องนี้ ไม่มีมนุษย์คนใด มีปัญญาทำด้วยตัวเองได้
ขอบคุณพระเจ้า
โดยทางพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงชำระเราให้บริสุทธิ์ โดยพระโลหิตของพระองค์
วันนี้ เราผู้เกิดมาในบาป จึงบริสุทธิ์แล้ว ไม่ใช่ด้วยความพยายามหรือการตะเกียกตะกายของเราเอง
แต่โดยพระคุณของพระเจ้า ที่ทรงประทานแก่เราอย่างเหลือล้น
??? แต่ในชีวิตปัจจุบัน เหตุใดสิ่งที่ออกมาจากตัวเรา
การกระทำและคำพูด บ่อยครั้ง จึงเป็นสิ่งที่เต็มด้วยมลทิน(บาป)
ทั้งที่เราสะอาดแล้ว(เป็นผู้ชอบธรรมแล้ว) ???
* ก็เพราะ เราเป็นผู้ชอบธรรม ที่มักเผลอทำตัวให้มีมลทิน
แทนที่จะรักษาสิ่งสะอาดเอาไว้ *
เมื่อข้างในใจมีมลทิน
สิ่งที่ออกมาจึงไม่อาจสะอาด จึงมีมลทิน
“ผู้ใดจะเอาสิ่งสะอาดออกมาจากสิ่งมลทินได้? ไม่มีสักคน” โยบ 14:4
คำว่าบริสุทธิ์
ในพระคัมภีร์ มีความหมายว่า “แยกกอกเพื่อพระเจ้า”
ภาชนะที่ล้างแล้ว ไม่ได้ถือว่าภาชนะนั้นบริสุทธิ์ จนกว่าภาชนะถูกแยกออก มาใช้เพื่อพระเจ้าเท่านั้น ห้ามให้กับสิ่งอื่น
หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น
– ในชีวิตของเรา หลายครั้งที่เราถวายตัวแด่พระเจ้าอย่างจริงใจ ให้ชีวิตของเรา “อยู่เพื่อพระองค์เท่านั้น”
>>>เมื่อเรามองย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น จะพบว่า การประพฤติของเรา สะอาด
เป็นพระพร และได้รับพระพรมากมาย
– แต่ ท่าทีเช่นนี้ เมื่อเกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดตลอดไป
เมื่อวานเราอาจมีท่าทีเช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งรับประกันว่า
วันนี้เราจะมีท่าทีเช่นนั้น (“อยู่เพื่อพระองค์เท่านั้น” – แยกออกเพื่อพระเจ้า)
– วันนี้ แม้เราจะเป็นคนชอบธรรมแล้วโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์
แต่หากเราไม่ดำเนินชีวิต “*ให้พระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญสิ่งเดียวในชีวิต*” เราก็ไม่อาจให้พระลักษณะของพระเจ้าปรากฏออกมาในชีวิตของเราจนผู้คนสังเกตเห็นได้
– เมื่อเนื้อหนังครองใจ การแสดงออกมาก็เป็นการงานของเนื้อหนัง(กท.5:19-21)
เมื่อพระวิญญาณครอบครองทุกส่วนในหัวใจ
การแสดงออกมาก็จะเป็นผลของพระวิญญาณ (กท.5:22-23)
“ผู้ใดจะเอาสิ่งสะอาดออกมาจากสิ่งมลทินได้? ไม่มีสักคน” โยบ 14:4
### เราไม่อาจให้พระลักษณะของพระเจ้าแสดงออกมาในเราได้
หากภายในไม่ให้พระองค์เป็นกษัตริย์ครอบครอง
###
วันนี้ให้เรากลับไปที่เดิมกัน
“ที่ที่ชีวิตนี้อยู่เพื่อพระองค์เท่านั้น”
แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว (ศคย. 10:1-11)
ศคย. 10:3 “เราโกรธพวกผู้เลี้ยงแกะอย่างรุนแรง และเราจะลงโทษบรรดาผู้นำทั้งหลาย …”
แนวคิด :
!!!!!!! ใครทำให้พระเจ้า โกรธอย่างรุนแรง ขนาดนั้น !!!!!!!
– พระเจ้าโกรธผู้เลี้ยง
> ผู้เลี้ยงที่ไม่ดูแลแกะ(2)
> ผู้เลี้ยงที่ไม่ชี้นำทางแกะให้กลับมาหาพระเจ้า(2)
> ผู้เลี้ยงที่ให้ความหวังลมๆแล้งๆ ให้คำหวานปลอบใจอย่างไร้ประโยชน์(2) ว่า “แล้วมันจะดีขึ้น” แต่ไม่ได้นำทางแกะให้มาพึ่งพาพระเจ้า
> ผู้เลี้ยงที่อ้างพระเจ้าตรัส ทั้งที่พระองค์ไม่ได้พูดเช่นนั้น
> ผู้เลี้ยงผู้นำแกะออกห่างจากพระองค์ แทนที่จะนำเข้ามาใกล้
– พระเจ้าเรียกให้ประชากรของพระองค์ ขอฝน(การอวยพร/การช่วยกู้/การเจิม เสริมกำลัง) จากพระองค์(1)
ขอในสิ่งที่เกินกำลังของเรา จากพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ผู้ทรงควบคุมทุกสิ่ง
(มนุษย์ไม่มีปัญญา ทำฝนชุก ฝนตกหนักแบบฝนปลายฤดู)
– พระเจ้าสัญญาว่า “พวกเขาจะผ่านข้ามทะเลแห่งความระทม…” ศคย. 10:11
ผู้ขอฝนจากพระเจ้า จะสามารถข้ามผ่านพ้น ทะเลแห่งความระทมได้
และ พระเจ้าทำให้เขาเข้มแข็ง ในพระเจ้า (เมื่อเขาเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในพระเจ้า พึ่งพาพระองค์แต่เพียงผู้เดียว เขาจะเข้มแข็ง)
แล้ว เขาจะอวดให้คนอื่นฟัง ว่า “พระเจ้าของเขาว่า ยิ่งใหญ่เพียงใด” “เมื่อดำเนินในพระเจ้าชีวิตของเขาพบสิ่งดีมากมายเพียงใด”
การประยุกต์ใช้ :
– พระเยซู ตรัสกับเปโตรว่า “เจ้ารักเราหรือ”… “จงดูแลแกะของเราเถิด”
พระเจ้าตั้งเราเป็นผู้เลี้ยงคอยดูแลแกะของพระเจ้า(รุ่นน้องๆในความเชื่อ)
เราปฏิบัติอย่างไรต่อแกะของพระเจ้า ?
??? วันนี้พระเจ้ากำลังพอพระทัย หรือ กำลังโกรธอย่างรุนแรง ในการกระทำของเรา ???
– ให้เราขอสิ่งใหญ่จากพระเจ้า คาดหวังการช่วยกู้อย่างอัศจรรย์ ที่เกินกำลังของเรา
กล้าขอ พระเจ้าก็กล้าอวยพร
– วันใดที่เราพบกับ “ทะเลแห่งความระทม”
ร้องทูลต่อพระองค์ รีบวิ่งเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในพระองค์
เพราะที่นั่นเราจะเข้มแข็งขึ้นอย่างมหาศาล
แล้วพระองค์จะช่วยกู้เรา และเราจะเล่าถึงการช่วยกู้อย่างอัศจรรย์ เหนือทะเลแห่งความระทมนั้น