แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:1) { ทำตามแต่ไม่ได้อยู่ใต้บังคับ }



[แนวคิด] :

– ตามบัญญัติของโมเสส ชายยิวทุกคนต้องไปเฝ้าพระเจ้าปีละ 3 เทศกาล คือ ​เทศ​กาล​กิน​ขนม​ปัง​ไร้​เชื้อ เทศ​กาล​สัปดาห์ และ​เทศ​กาล​อยู่​เพิง(ฉธบ. 16:16)ถ้าไม่ทำตามบัญญัติจะถูกลงโทษ

– พระเยซูก็ทำตามธรรมบัญญัติ แต่ไม่ได้อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ พระองค์ทำตามพระประสงค์ของพระบิดา (ยน.5:17) พระองค์กำลังไปรักษาคนที่นั่นในวันสะบาโต

[การประยุกต์ใช้] :
– เราผู้อยู่ในพระเยซูคริสต์ก็เป็นเช่นนั้น เราทำตามบัญญัติของพระเจ้า ไม่ใช่เพราะกลัวว่าถ้าไม่ทำจะถูกลงโทษ แต่เพราะเรารู้ว่าเป็นพระประสงค์ของพระบิดาที่รักของเรา ให้เราทำ เราจึงทำตาม

– วันนี้ อะไรเป็นแรงจูงใจให้เราทำอะไรๆ หรือไปที่ใดๆ ?

– เพราะความกลัวว่า คนอื่นจะหาว่าเราไม่ได้เป็นคริสเตียนที่ดี หรือ เพราะความรักที่เรามีต่อพระบิดา

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:2) { บ้านแห่งเมตตา }



[แนวคิด] :

– ประตูแกะ สร้างขึ้นสมัยเนหะมีย์ (นหม. 3:1​) เพื่อนำแกะหรือโคที่จะใช้เป็นเครื่องถวายบูชาเข้ามาในเมือง

– เบธซาธา แปลว่า บ้านแห่งเมตตา

– ที่นั่นมีศาลา 5 หลัง สร้างขึ้นเพื่อให้คนหลบแดด หลบฝน

– ณ บ้านแห่งเมตตา ที่นั่นพบเมตตาของมนุษย์ที่พยายามช่วยคน(ป่วย) คือสร้างศาลา 5 หลัง เพื่อหลบแดด หลบฝน ซึ่งช่วยคนป่วยได้บ้าง ไม่ให้ยากลำบากไปกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาหายโรค

– แต่ พระเยซู ลูกแกะของพระเจ้า(พระเมษโปดก) มาที่ประตูแกะ เพื่อนำความเมตตาของพระเจ้ามาถึงคนง่อยคนนั้น ซึ่งโดยพระเมตตาจากพระเจ้า ช่วยเขาให้พ้นความทุกข์ระทมที่แท้จริงของเขาได้

[การประยุกต์ใช้] :
– ความเมตตาจากมนุษย์อาจช่วยเราบรรเทาความทุกข์ได้บ้าง แต่พระเมตตาจากพระเจ้าจะช่วยให้พ้นจากปัญหาและความทุกข์ได้อย่างแท้จริง

– วันนี้ ขอให้เราทุ่มเทแสวงหาพระเมตตาจากพระเจ้า มากกว่ากระเสือกกระสนหาความช่วยเหลือจากมนุษย์

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:3-4) { ไม่ใช่ทำเยอะ แต่ทำสิ่งที่ใช่ }



[แนวคิด] :

– ที่เบธซาธา มีคนป่วยจำนวนมากอยู่ที่นั่น

– แต่พระเยซู รักษาแค่คนเดียว ไม่เหมือนบางตอนที่พระเยซูรักษาให้หายทุกคน (เช่น มธ.12:15 , ลก.4:40 , ฯลฯ)

– เพราะการรักษาคนนั้นคนเดียวนั้น ทำให้แผนการแห่งประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ คือสร้างความเกลียดชังให้แก่พวกยิวในเยรูซาเล็ม เป็นเหตุให้พวกยิวเริ่มข่มเหงพระเยซู(ข้อ16) และหาโอกาสฆ่าพระเยซู(ข้อ18)

– แต่ถ้ารักษาคนจำนวนมากในคราเดียว จะเกิดคนชื่นชมพระองค์มากเกินไป ในเยรูซาเล็ม จะกลายเป็นอุปสรรคสำหรับแผนการไถ่ของพระองค์ในอนาคต

[การประยุกต์ใช้] :
– งานรับใช้พระเจ้า ไม่สำคัญว่าทำได้มาก หรือได้ผลที่ดีมากน้อย เพียงใด

– สิ่งสำคัญคือการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า

– การทำมากเกินกว่าพระประสงค์ของพระเจ้า บางครั้งอาจเป็นการเกะกะ ขวางแผนการของพระเจ้าโดยเราไม่รู้ตัว

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:5) { 38 ปี }



[แนวคิด] :

– 38 ปีก่อน เมื่อชายคนนี้เริ่มป่วย เป็นเวลาก่อนที่พระเยซูประสูติไม่นานนัก ในช่วงเวลานั้นพระเจ้าได้เตรียมมารีย์เอาไว้แล้ว ผู้ที่อีกไม่นานจะคลอดพระเยซู ผู้จะมาช่วยชายคนนี้ให้พ้นโรคร้ายนี้

– 38 ปี เป็นเวลาที่ยาวนานพอที่จะทำให้ คนจำนวนมากรู้จักอาการป่วยของชายคนนี้ ดังนั้นเมื่อเขาหายป่วยจึงเป็นเรื่องที่เล่าลือกันพอสมควร มากพอเพื่อให้แผนการของพระเจ้า ผ่านทางการหายโรคของเขาสำเร็จ

[การประยุกต์ใช้] :
– ปัญหาที่เรากำลังประสบวันนี้ พระเจ้าได้เตรียมคำตอบ ทางออก การช่วยกู้ไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่รอถึงเวลาที่เหมาะสม เราก็จะได้พบคำตอบนั้น

– บ่อยครั้งที่เวลาของพระเจ้า กับเวลาของเรามักไม่ตรงกันเสียด้วย

– สิ่งที่สำคัญที่เราพึงรู้ก็คือ ในเวลาของพระเจ้านั้น สถานการณ์ที่เราประสบนั้นจะกลายเป็นพระพรยิ่งใหญ่ สำหรับตัวเราเองและสำหรับแผ่นดินของพระเจ้า

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:6) { พระเยซูกำลังเรียกให้สนใจ }



[แนวคิด] :

– ท่ามกลางคนป่วยมากมาย ชายผู้สิ้นหวัง ผู้ทรมานกับความเจ็บป่วยมากว่า 38ปี ได้ยินเสียงหนึ่ง ถามเขาด้วยคำถามที่เขาจำต้องละความสนใจจากการเฝ้ารอบ่อน้ำกระเพื่อม แล้วพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่เจ้าของคำถามนั้น “ท่าน​อยาก​จะ​หาย​เป็น​ปกติ​หรือ​เปล่า?”

– ชายคนนั้นทำถูกต้องอย่างที่สุด ที่ละความสนใจจากบ่อน้ำ แล้วหันมาตอบสนองการตรัสของพระเยซู หากเขาไม่สนใจการตรัสพระเยซู “เอ้ย! อย่ามายุ่ง ฉันกำลังจดจ่อกับการเฝ้าดูบ่อน้ำ” เห็นเหตุการณ์คงออกมาคนละแบบที่ปรากฏในพระคัมภีร์

[การประยุกต์ใช้] :
– วันนี้ เรากำลังละเลย เสียงตรัสของพระเยซู ผู้เป็นแหล่งแห่งการแก้ไขสถานการณ์ทั้งสิ้นในชีวิตของเรา แล้วมัวจดจ่อกับ การพยายามแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง อยู่หรือเปล่า?

– จงฉลาดพอที่จะละความสนใจจากทุกสิ่ง แล้วหันมาใส่ใจคำตรัสของพระเยซูที่มีกำลังตรัสกับเรา

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:7) { พระเจ้ากับมนุษย์ ใช้คนละวิธี }



[แนวคิด] :

– เราไม่ได้เป็นชายคนนั้น เราไม่มีทางเข้าใจเขาได้หรอก เขาเฝ้ารอที่จะลงไปในน้ำเมื่อมันกระเพื่อมมานาน วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า นั่นเป็นความหวังเดียว เป็นทางออกเดียวสำหรับเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

– ดังนั้นเมื่อพระเยซูถามว่า “อยากหายไหม?” แทนที่เขาจะตอบว่าอยาก หรือ ขอให้พระเยซูช่วยรักษา เขากลับพยายามอธิบายว่า “ไม่มีใครช่วยพาฉันลงไปในน้ำเลย” โดยหวังว่าท่านจะเมตตาช่วยพาเขาลงไปในน้ำ เพราะสำหรับเขา นั่นเป็นวิธีเดียวที่เขาจะหายโรคได้

[การประยุกต์ใช้] :
– หลายครั้ง เราเป็นเหมือนชายคนนี้ เมื่อเราร้องทูลต่อพระเยซู ขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เรามีวิธีการแก้ปัญหาของเราไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว และเรามักคิดว่านั่นเป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะพ้นปัญหาที่เราเผชิญได้

– แต่วิธีของพระเจ้า มักไม่ค่อยเหมือนวิธีของเรา

– อสย. 55:9 “เพราะ​ฟ้า​สวรรค์​สูง​กว่า​แผ่น​ดิน​โลก​อย่างไร ทาง​ของ​เรา​ก็​สูง​กว่า​ทาง​ของ​พวกเจ้า และ​ความ​คิด​ของ​เรา​ก็​สูง​กว่า​ความ​คิด​ของ​เจ้า​อย่าง​นั้น”

– ร้องทูล แล้ววางใจ รอคอยพระองค์แก้ไขปัญหาของเรา ด้วยวิธีการของพระองค์ ในเวลาของพระองค์

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:8) { 3 คำสั่งช็อคโลก }



[แนวคิด] :

– สิ่งที่พระเยซูตอบชายคนนั้น ไม่เหมือนดังที่เขาคาดคิด

– พระเยซูสั่งให้เขา “ลุกขึ้น”…ลุกขึ้น!!! เขาเคยลองลุกมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน มันไม่ได้ผล ตลอด 38ปี ถ้าเขาพยายามลองลุกแค่วันละครั้ง อย่างน้อยเขาได้พยายามมาแล้วมากกว่า 13,000 ครั้ง

– พระเยซูสั่งให้เขา “ยกแคร่”…โอ้ว!!! เอาละ ตลอด 38ปี อาจจะเคยมีสักครั้งที่เขาลุกขึ้นได้ โดยมีคนใจดีสองคน ช่วยหิ้วปีกเขาให้ลุกขึ้น แต่ถ้าจะให้เขายกแคร่ นั่นมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

– พระเยซูสั่งให้เขา “เดินไป”…ทางเดียวที่เขาจะทำตามคำสั่งนี้ได้ คือ เขาต้องหายเป็นปกติแล้ว คำสั่งนี้เป็นคำสั่งให้พิสูจน์ตัวเอง ว่าตนเองหายเป็นปกติแล้ว

[การประยุกต์ใช้] :
– วันนี้ ถ้าการทำตามพระคำของพระเจ้า เราอาจเคยลองแล้ว มันไม่ได้ผล จงทำใหม่ด้วยความเชื่อ

– วันนี้ ถ้าการทำตามพระคำของพระเจ้า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จงลงมือทำ ด้วยความเชื่อ

– วันนี้ จงลงมือทำในสิ่งที่พิสูจน์ว่า เราเชื่อในคำตรัสของพระเยซูว่า มันเป็นไปได้ มันเกิดขึ้นได้

“จงกล้าเชื่อ แล้วลงมือเชื่อฟังด้วยความเชื่อ”

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:9) { คำตรัสของพระเยซู }



[แนวคิด] :

– เมื่อพระเยซูตรัส สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็เกิดขึ้น สิ่งที่เขาเคยทำไม่ได้เขาก็ทำได้ ลุกขึ้น ยกแคร่ เดินไป

– เราไม่ทราบแน่ว่า ชายคนนั้นจำได้หรือจำไม่ได้ ว่า วันนั้นเป็นวันสะบาโต ตามกฏของพวกฟาริสีซึ่งขยายเพิ่มเติมจากธรรมบัญญัติของโมเสสนั้น กล่าวว่า “​ห้าม​แบก​ที่​นอน​จาก​บ้าน​หนึ่ง​ไป​ยัง​อีก​บ้าน​หนึ่ง​”​

– ชายคนนั้น ไม่ได้ใส่ใจกับกฏเกณฑ์แห่งศาสนา แต่ทำตามคำสั่งของพระเยซู

[การประยุกต์ใช้] :
– เมื่อพระเยซูตรัส มันจะเกิดขึ้น สิ่งที่กล่าวไว้ในพระคำของพระเจ้า จะเป็นจริงเสมอ

– การทำตามคำสั่งของพระเยซู ทำตามพระคำของพระเจ้า บางครั้งอาจทำให้บางคนไม่สบายใจหรืออาจจะไม่พอใจเลยก็เป็นได้

– จงเกรงใจพระเยซู มากกว่า เกรงใจคน

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:10) { มองต่างมุม }



[แนวคิด] :

– หลังจากที่พระเยซู รักษาชายผู้น่าสงสาร ผู้ป่วยมานาน 38 ปี ซึ่งน่าจะนานกว่าชีวิตของหลายคนที่ผู้บริเวณนั้น

– แล้วชายคนนั้นก็ได้แสดงให้เห็นถึง พระหัตถกิจยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในชีวิตของเขา ด้วยการ ลุกขึ้นยืน หลังจากไม่ได้ยืนมานาน 38 ปี ยิ่งกว่านั้น เขายังมีกำลังที่จะยกแคร่ขึ้นได้ หน่ำซ้ำยังสามารถเดิน เป็นปกติได้อีกด้วย

– ช่างเป็นเรื่องน่ายินดี น่าสรรเสริญพระเจ้า ยิ่งนัก

– แต่แทนที่พวกยิว จะเห็นพระคุณยิ่งใหญ่เหนือชายคนนี้ แทนที่พวกเขาจะสรรเสริญพระเจ้า พวกเขากลับเห็น ชายคนหนึ่งที่กำลังทำผิดกฏแห่งศาสนาที่พวกเขาได้ตั้งขึ้นมา แล้วเริ่มตำหนิชายคนนั้น

[การประยุกต์ใช้] :
– วันนี้เมื่อเรามองสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับเรา เราเห็นอะไร?

– เห็นพระคุณของพระเจ้า แล้วสรรเสริญพระองค์ หรือ มัวแต่เห็นสิ่งโน่นนี่นั่นที่ไม่ได้ดังใจจนละเลยการสรรเสริญขอบพระคุณพระเจ้า จมอยู่กับการตำหนิสิ่งต่างๆที่ยังไม่ได้ดังใจ

– เมื่อเราพบดอกไม้ดอกหนึ่ง เราอาจพูดได้ 2 แบบ

“ดอกไม้นี้งาม แต่ก็ยังมีตำหนินะ” หรือ “ดอกไม้นี้มีตำหนิ แต่ก็ยังงามนะ”

– จงมองให้เห็นพระหัตถกิจของพระเจ้า อย่ามัวแต่มองสิ่งที่ไม่ได้ดังใจ

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:11) { อย่าอกตัญญู }



แนวคิด :
– ชายผู้ป่วยมา 38 ปี เพิ่งพบการรักษาอย่างอัศจรรย์จากพระเยซู แต่ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เมื่อเขาต้องเผชิญปัญหา พวกยิวตำหนิเขาที่ยกแคร่ เขาก็ลืมพระคุณโดยพลัน แล้วหันมาชี้ความผิดไปที่พระเยซูแทน
– สังเกตท่าทีของเขาได้จากข้อ 15 เมื่อเขารู้ชื่อพระเยซูแล้ว เขาก็กลับมาบอกพวกยิว เพื่อตัวเองจะพ้นจากการถูกตำหนิ ซึ่งทำให้พวกยิวแค้นและคิดจะฆ่าพระเยซู

การประยุกต์ใช้ :
– บางครั้งเราก็เป็นเหมือนชายคนนี้
– เมื่อพระเจ้าทรงช่วยเรา เราก็ดีใจขอบคุณพระเจ้า แต่ต่อมาไม่นานเมื่อดูเหมือนมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นจากเหตุการณ์นั้น เราก็หันมาบ่น หันมาต่อว่าพระเจ้าเสียแล้ว
– ขอพระเจ้าทรงช่วยและทรงเตือนเรา ไม่ให้มีท่าทีเช่นนั้นต่อพระองค์
– อย่าลืมพระคุณ อย่าอกตัญญู

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:12) { แสวงหาพระเยซู }



แนวคิด :
– พวกยิวถามหาพระเยซู แต่ที่ใช่เพื่อจะเรียนรู้จากพระองค์ หรือ จะชื่นชมพระองค์ที่ทำการอัศจรรย์

– แต่เพื่อที่จะตำหนิ จับผิด แล้วกล่าวโทษพระเยซู


การประยุกต์ใช้ :
– วันนี้เราแสวงหาพระเยซู เพื่อวัตถุประสงค์อะไร?

– เพื่อจะได้ทำหรือได้รับในสิ่งที่ตนเองปรารถนา หรือ เพื่อที่จะรู้จักกับพระเยซูมากยิ่งขึ้น

– จงแสวงหาพระองค์เพื่อจะรู้จักกับพระองค์ ไม่ใช่เพื่อจะทำตามใจตนเอง

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:13) { ยังไม่ถึงเวลา }



แนวคิด :
– เมื่อชายคนนั้นรับการรักษา ขณะที่กำลังดีใจจึงลืมถามชื่อพระเยซู

– พระเยซูก็เดินไปท่ามกลางฝูงชน จนคนนั้นหาไม่เจอ

– เหตุที่พระเยซูทำเช่นนั้น น่าจะเป็นเพราะภารกิจของพระองค์ยังไม่เสร็จ ยังไม่ใช่เวลาของการถูกตรึงบนไม้กางเขน พระองค์จึงยังไม่เปิดเผยพระองค์เองต่อพวกยิว


การประยุกต์ใช้ :
– พระเยซู ยังไม่เปิดเผยตนเอง เมื่อยังไม่ถึงเวลา

– พระเจ้ามีเวลาของพระองค์

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:14) { ทำตัวให้สมกับที่หายแล้ว }



แนวคิด :
– ข้อนี้ทำให้เรารู้ว่า ความเจ็บป่วยของชายคนนี้เกิดจากความบาปของเขาเอง (ไม่ใช่ทุกความเจ็บป่วยมาจากบาปแต่กรณีคนนี้ “ใช่”) พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ที่ป่วยมา 38 ปี นี้ก็สมควรแล้ว อยากทำชั่วเอง

– ถึงกระนั้น พระเยซูยังทรงเมตตาเขา แม้เขาไม่สมควรรับเมตตา

– พระเยซูตรัสกับเขาว่า เขาหายแล้ว จึงทำตัวสมกับที่หายแล้ว สมกับที่ได้รับพระคุณ


การประยุกต์ใช้ :
– วันนี้ เราได้รับชีวิตใหม่แล้วในพระคริสต์ ทั้งที่คนชั่วๆอย่างเราไม่สมควรจะได้รับเลย

– ดังนั้น เราควรดำเนินชีวิตให้สมกับเป็นคนใหม่แล้ว ละทิ้งวิถีชีวิตแบบเก่าๆ ความแบบเก่าๆ หันมาดำเนินชีวิตใหม่ในพระคริสต์ ตามการสอนของพระวิญญาณบริสุทธิ์

– หายแล้ว หลุดพ้นแล้ว อย่ากระเสือกกระสน เข้าไปติดบ่วงอีกเลย

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:15) { เพื่อตนเอง }



แนวคิด :
– ชายที่หายโรค จงใจออกไปหาพวกยิว เพื่อบอกให้พวกยิวรู้ว่า คนที่รักษาเขาให้หายคือพระเยซู

– เหตุใดชายคนนั้นต้องไปบอกด้วย? ไม่ต้องไปบอกก็ได้นี่นา

– ก็เพราะเขาต้องการโยนความผิดที่เขาแบกแคร่ในวันสะบาโต ไปที่พระเยซูผู้มีพระคุณต่อเขา

– การที่เขาทำเช่นนั้น จึงเป็นผลทำให้พวกยิวข่มเหงพระเยซู ซึ่งเรื่องนี้ไม่บอกก็รู้ ชายคนนั้นพอเดาได้แน่นอนว่า ผลการบอกของเขาจะเกิดอะไรขึ้นกับพระเยซู

– เขาเรียกได้ว่า เป็นคนหนึ่งที่ “ประกาศถึงการอัศจรรย์ของพระเยซู แต่เพื่อประโยชน์ของตัวเอง”


การประยุกต์ใช้ :
– เมื่อพระเยซู ทำสิ่งดีให้แก่ผู้คน มีคนตอบสนอง 3 แบบ

  1. ซาบซึ้งและขอบพระคุณ แล้วทำบางอย่างเพื่อตอบแทนพระคุณ(คนผีทั้งกองเข้าสิง)
  2. ดีใจแล้วก็จากไป (เรื่องคนโรคเรื้อน 10 คน)
  3. ไม่ซาบซึ้ง แล้วยังหันกลับมาใช้ประโยชน์จากพระองค์อีก (ชายคนนี้,ยูดาส)

– วันนี้ เราเป็นคนไหน?

– เราทำสิ่งต่างๆ ที่ดูเหมือนเพื่อพระองค์ แต่เพื่อเราเอง อยู่หรือเปล่า?

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:16) { ข่มเหงพระเยซูเพื่อพระเจ้า }



แนวคิด :
– พวกยิวเริ่มข่มเหงพระเยซู เพราะเขาคิดว่า เขาทำเพื่อพระเจ้าที่จะปกป้องกฏเกณฑ์ของพระเจ้า

– เขารับใช้พระเจ้า ด้วยการข่มเหงพระบุตรของพระองค์

– เพราะว่าเขายึดติดกับธรรมเนียมปฏิบัติของศาสนา ที่ทำสืบต่อกับมา (​ “​ห้าม​แบก​ที่​นอน​จาก​บ้าน​หนึ่ง​ไป​ยัง​อีก​บ้าน​หนึ่ง​”​  กฎ​นี้​ไม่​ได้มา​จาก​ธรรมบัญญัติ​ของ​โมเสส​โดยตรง ​แต่​เป็น​กฎ​ที่​พวกฟาริสี​ตีความ​และ​บัญญัติ​ขึ้น​มาเอง) จนหลับหูหลับตา ไม่สังเกตสิ่งที่พระเจ้ากำลังทำและไม่ได้ยินที่พระองค์กำลังตรัส


การประยุกต์ใช้ :
–  วันนี้ สิ่งที่เราทำจนคุ้นเคย จนเคยชิน กำลังเป็นการปรนนิบัติพระเจ้าที่พระองค์พอพระทัย หรือ กำลังเป็นการขัดขวางการทำงานของพระเจ้าอยู่ กันแน่?

– การทำสิ่งใดๆ โดยไม่คอยฟังการสอน การเตือน จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่คิดเอง เออเอง ว่า แบบนี้พระเจ้าต้องชอบแน่ๆ เราเองอาจกำลังขัดขวางของพระเจ้าโดยไม่รู้ตัว

– เมื่อเราจะทำอะไร ควรอธิษฐานถามพระเจ้าอยู่เสมอ และอนุญาตให้พระวิญญาณ แทรกแซง ขัดจังหวะ ทุกการกระทำของเราได้ เพื่อเราจะได้ยังคงอยู่ในศูนย์กลางแห่งน้ำพระทัยของพระเจ้าเสมอไป

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:17) { ทำเหมือนพระบิดา }



แนวคิด :
–  พระเยซูตอบพวกยิว ย้อนกลับไปถึงที่มาของวันสะบาโตเลย คือ การทรงสร้าง เมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลกเสร็จใน 6 วัน ในวันที่ 7 พระองค์หยุดพักการทรงสร้าง แต่พระองค์ไม่ได้หยุดนิ่ง ไม่ทำอะไรอีกเลย พระเจ้ายังคงทรงกระทำพระราชกิจแห่งความรักและเมตตา มาจนถึงทุกวันนี้  และพระเยซูเองก็ทรงกระทำตามพระบิดา

– พูดง่ายๆก็คือ พระองค์ตรัสว่า  “งานของพระบิดาของฉันคือสำแดงความเมตตาต่อผู้คนในวันสะบาโต ฉันในฐานะเป็นลูกพระบิดา จึงทำตามพระบิดา”


การประยุกต์ใช้ :
–  พวกยิว ตาบอดจึงมองไม่เห็น ความหมายที่แท้จริงของวันสะบาโต

– ครั้นพอพระเยซูมาอธิบายให้เขาฟัง พวกเขาก็หูหนวก ไม่ได้ยิน ไม่รับรู้ สิ่งที่พระเยซูอธิบายให้เขาฟัง

– ขอพระเจ้าช่วยเราที่จะ เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า จากพระวจนะของพระองค์ โดยการช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่จากการคิดเอง เออเอง

– เราเป็นลูกของพระบิดา เราสมควรทำในสิ่งที่พระบิดาทรงทำ คือสำแดงความรักและเมตตาต่อผู้คน อ่อนโยนแก่คนบาป ให้โอกาสแก่คนที่ทำผิดพลาดพลั้งไป

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:18) { ถลำลึก }



แนวคิด :
– หลังพวกยิวได้รับการอธิบายเรื่องความหมายที่แท้จริงของสะบาโตแล้ว แทนที่จะซาบซึ้ง หรือกลับใจ พวกเขากลับคิดอยากจะฆ่าพระเยซูขึ้นมาแทน

– เพราะพวกเขาไม่พอใจมากที่พระเยซูเรียกพระเจ้าว่าพระบิดา

– แท้จริงพระเยซูไม่เพียงแต่เรียกพระเจ้าว่าพระบิดาเท่านั้น พระองค์ยังสอนสาวกของพระองค์ให้เรียกพระเจ้าเช่นนั้นอีกด้วย

– “เพราะ​ฉะนั้น​พวก​ท่าน​จง​อธิษ​ฐาน​เช่น​นี้​ว่า ‘ข้า​แต่​พระ​บิดา​ของ​ข้า​พระ​องค์​ทั้ง​หลาย ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์ …’”  มธ. 6:9


การประยุกต์ใช้ :
– เหตุที่พวกยิวไม่เข้าใจในสิ่งที่พระเยซูได้ตรัส ก็เพราะเขามีความคิดของเขาเอง เมื่อคำตรัสของพระเยซูขัดกับความคิดของเขา เขาจึงไม่ฟัง และเมื่อเขาเลือกการกระทำตามความคิดของเขานั้น เขาจึงกลับยิ่งถลำลึกกว่าเดิม ….”ฆ่ามันซะ!!!”

– หากเราไม่ถ่อมใจลงไม่ฟัง พระคำของพระเจ้า ที่พระเจ้าเตือนเราหรือบอกเรา แต่เรายังคงดื้อดึง ทำตามความคิดของตนเอง เราจะถลำลึกในความผิดมากขึ้นไปทุกทีๆ

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:19) { บุตรของพระเจ้า }



แนวคิด :
– พระเยซูตอบพวกยิว โดยไม่ได้ปฏิเสธหรือแก้ตัวว่าไม่ได้อ้างตัวว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้า แต่ทรงอธิบายให้เขาฟังถึงสิ่งที่พระบุตรของพระเจ้าทรงกระทำ

– พระเยซูวางแบบอย่างแห่งการเป็นบุตรของพระเจ้าเอาไว้ คือ พระบุตรจะไม่ทำตามใจปรารถนาของตัวเอง แต่ทำตามใจพระบิดา และ จะทำเหมือนอย่างที่พระบิดาทำ


การประยุกต์ใช้ :
–  เราผู้เป็นบุตรของพระเจ้าทางพระเยซูคริสต์ เราสมควรที่จะทำตามใจพระบิดา ไม่ทำตามใจปรารถนาของตัวเอง และ เราสมควรทำสิ่งที่ดี เหมือนอย่างที่พระบิดาของเราทรงกระทำ

– มธ. 5:16 “ทำ​นอง​เดียว​กัน​พวก​ท่าน​จง​ส่อง​สว่าง​แก่​คน​ทั้ง​ปวง เพื่อ​ว่า​เมื่อ​เขา​ทั้ง​หลาย​ได้​เห็น​ความ​ดี​ที่​ท่าน​ทำ พวก​เขา​จะ​ได้​สรร​เสริญ​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์”

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:20) { บุตรที่รัก }



แนวคิด :
– ข้อนี้อธิบายถึงความสัมพันธ์ของพระบิดากับพระบุตร

– พระบิดาทรงรักพระบุตร

– พระบิดาสำแดงทุกสิ่งที่ทรงกระทำให้พระบุตรได้เห็น

– พระบิดาทรงทำให้พระบุตรกระทำสิ่งยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้นอีก(ซึ่งขยายความในข้อต่อมา ข้อ21)

การประยุกต์ใช้ :
–  ขอบคุณพระเจ้า โดยทางพระเยซูคริสต์ เราจึงได้กลายเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว

– (ยน. 1:12 แต่​ส่วน​บรรดา​ผู้​ที่​ต้อนรับ​พระ​องค์ ผู้​ที่​เชื่อ​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​องค์ ​พระ​องค์​ก็​ทรง​ประทาน​สิทธิ​ให้​เป็น​บุตร​ของ​พระ​เจ้า​)

– พระบิดาทรงรักเรา พระบิดาจะทรงสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์ให้เราประจักษ์ และพระบิดาจะทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของเรา บุตรที่รักของพระองค์

– สรรเสริญพระเจ้า!!!

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:21) { ​ฟื้น​ขึ้น​มา​มี​ชีวิต​ }



แนวคิด :
– พระบิดาทำให้คนเป็นขึ้นมาจากความตายในอดีต เช่น ลูกของหญิงม่ายชาวเศราฟัส (1พกษ. 17:22) , ลูกของหญิงชาวชูเนม (2พกษ. 4:32-35)

– พระเยซูก็จะทำเช่นกัน เช่น บุตรชายหญิงม่ายชาวนาอิน (ลก 7:11-17) , บุตรสาวของไยรัส (มธ. 9:18-26) , ลาซารัส (ยน. 11:43-44)

– และพระเยซูจะการ​ที่​ยิ่งใหญ่​กว่า​นั้น​อีก(ข้อ20) คือ ให้คนที่จิตวิญญาณตายแล้วในบาป กลับกลายเป็นผู้มีชีวิตขึ้นอีกครั้ง ตามแต่ที่พระองค์จะปรารถนา

การประยุกต์ใช้ :
–  พระเยซูปรารถนาให้ ใครเป็นขึ้นมาจากความตาย?

– ก็คือ เราทั้งหลายผู้ที่เชื่อวางใจในพระองค์นั่นเอง

– ดังนั้น มันจึงเกิดขึเนอย่างแน่นอน

– วันนี้เราเป็นขึ้นมาจากความตาย ฝ่ายจิตวิญญาณแล้ว จิตวิญญาณของเรามีชีวิตแล้ว สามารถสัมพันธ์กับพระเจ้าได้แล้ว และในวันที่พระเยซูเสด็จกลับมาอีกครั้งเราจะเป็นขึ้นมาจากความตายโดยมีกายใหม่

– วันนี้เราเป็นผู้มีชีวิตแล้ว จึงไม่สมควรดำเนินตามทางของคนตายอีกต่อไป

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:22) { ​ผู้ทรงพิพากษา​ }



แนวคิด :
– ในข้อนี้ไม่ได้หมายความว่า “พระบิดาไม่พิพากษา” แต่หมายความว่า “พระบิดาพิพากษาโดยทางพระบุตร”

– พระเยซูตอบเช่นนี้ เพื่อให้เห็นสิทธิอำนาจของพระบุตร ว่าเทียบเท่าพระบิดา พระบุตรจึงเป็นเจ้านายเหนือกฏวันสะบาโต

– ในวันพิพากษา พระบุตรจะพิพากษา ด้วยสิทธิอำนาจที่พระบิดาประทานให้ (มธ. 25:31-46)

การประยุกต์ใช้ :

– 1ยน. 4:15 “ผู้​ที่​ยอม​รับ​ว่า​พระ​เยซู​เป็น​พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า พระ​เจ้า​ทรง​อยู่​ใน​คน​นั้น และ​คน​นั้น​อยู่​ใน​พระ​เจ้า”

– 1ยน. 4:17 “ความ​รัก​ของ​เรา​จึง​สม​บูรณ์​ใน​ข้อ​นี้ เพื่อ​เรา​จะ​มี​ความ​มั่น​ใจ​ใน​วัน​พิพาก​ษา…”

– ในเมื่อพระเยซูทรงเป็นผู้พิพากษา แล้วเราอยู่ในพระเยซู เราจึงมั่นใจได้เลยว่าเรารอดพ้นการลงโทษเป็นแน่ สรรเสริญพระเจ้า!!!

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:23) { พระบิดาส่งมา​​ }



แนวคิด :
– ข้อนี้ต่อเนื่องจากข้อ 22 เพื่อบอกพวกยิวให้รู้ว่า พระบุตร มีสิทธิอำนาจในโลกนี้และในสวรรค์ จึงมีสิทธิอำนาจเหนือกฏเกณฑ์ต่างๆของมนุษย์

– ให้เกียรติพระบุตร ก็เป็นการถวายเกียรติพระบิดา เพราะพระบิดาทรงใช้พระบุตรมา

– ดูถูกพระบุตร ก็กำลังดูถูกพระบิดา

การประยุกต์ใช้ :

– เราไม่อาจถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้ หากเราไม่เชื่อวางใจในสิ่งพระเยซูคริสต์ทรงกระทำเพื่อเรา เพราะการวางใจเป็นการถวายเกียรติ

– อีกมุมหนึ่ง(ตามบริบทไม่ได้พูดเรื่องนี้ แต่อ่านแล้วทำให้ระลึกถึง) คือ

– เราเป็นบุตรของพระเจ้า พระองค์ส่งเราไปเป็นตัวแทนของพระองค์ เพื่อสำแดงความรักและประกาศข่าวประเสริฐ

– ใครต้อนรับเรา ก็เป็นการต้อนรับพระเจ้า พระเจ้าจะอวยพรเขา

– ใครดูถูก ข่มเหงเรา ผู้ที่เป็นพระบุตรของพระเจ้า ที่พระเจ้าส่งมา เราไม่จำเป็นต้องเดือดเนื้อร้อนใจอะไร เขาต่างหากที่ต้องเดือดร้อน และกลับใจโดยด่วน เพราะเขากำลังดูถูกพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:24) { พ้นตาย สู่ชีวิตแล้ว​​ }



แนวคิด :
– การรับชีวิตนิรันดร์ ต้องการ 2 สิ่ง คือ “ยอมรับรู้เรื่องเกี่ยวกับพระบุตร(ข่าวประเสริฐ)” และ “เชื่อในพระองค์ ซึ่งแสดงออกมาเป็นการวางใจในพระองค์”

– ใครที่มี 2 สิ่งนี้ ก็ได้รับชีวิตนิรันดร์ทันที และจะไม่ถูกลงโทษในวันพิพากษา และได้ผ่านพ้นความตาย(ซึ่งติดตัวมาตั้งแต่เกิดเพราะบาป) เข้าสู่ทางแห่งชีวิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

การประยุกต์ใช้ :

– เพื่อนและญาติของเรา จำเป็นต้องได้ยินข่าวประเสริฐอย่างน้อยสักครั้ง เพื่อเขาจะมีโอกาสเลือกที่จะเชื่อวางใจในพระเยซูหรือไม่

– เราผู้ได้เชื่อว่า “คริสเตียน” วันนี้ เรายังคงเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ อยู่หรือเปล่า?

– เราผู้เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ เราได้พ้นความตายมาสู่ชีวิตแล้ว อย่าให้เราดำเนินในวิถีแห่งความตายอีกต่อไป แต่ขอควรพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยเราให้ดำเนินในเส้นทางแห่งชีวิตตลอดไป

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:25) { ​บัด​นี้​ก็​ถึง​แล้ว​​ }



แนวคิด :
– เวลากำหนดใกล้จะถึงแล้ว : เวลาแห่งการไถ่มนุษย์พ้นโทษบาป จากคนตายฝ่ายวิญญาณกลับมีชีวิตนิรันดร์

– บัดนี้ก็ถึงแล้ว : บัดนี้ช่วงแห่งเวลานั้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

– คนตายฝ่ายวิญญาณกลับชีวิตฝ่ายวิญญาณขึ้นมาได้ เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่พระเยซูตรัส(ข่าวประเสริฐ) แล้วเชื่อและรับเอาด้วยความเชื่อ

การประยุกต์ใช้ :

– เวลาแห่งความรอดเริ่มต้นขึ้นแล้ว ปัจจุบันนี้เป็นเวลาแห่งความรอด เวลาแห่งพระเมตตาของพระเจ้า

– แต่วาระแห่งพระเมตตาเช่นนี้ไม่ได้มีตลอดไป เพราะจากนั้นจะเข้าสู่วาระแห่งการพิพากษา พอถึงวันนั้น จะพบแต่การตัดสินอันเข้มงวดและยุติธรรมของพระเจ้า

– ปัจจุบันนี้ จึงเป็นวาระแห่งการกลับใจ วาระแห่งการประกาศข่าวประเสริฐ

– ขอพระเจ้าช่วยเราให้ตื่นจากการหลับไหล ลุกขึ้นมาประกาศให้คนกลับใจ ในขณะที่พวกเขายังมีโอกาสอยู่

– เพื่อคนเหล่านั้น เมื่อเขาได้ยินข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ แล้วเชื่อและรับไว้ พวกเขาจะได้ พ้นจากความตายกลับมาเป็นผู้ที่มีชีวิต

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:26) { พระเยซูทรงเป็นแหล่งแห่งชีวิต​ ​​ }



แนวคิด :
– พระบิดา มีชีวิตในพระองค์เอง พระบิดาจึงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิต

– พระบิดา ทรงให้พระบุตรมีชีวิตในพระองค์เอง พระบุตรจึงสามารถทำให้คนตายไปแล้ว(ทั้งฝ่ายร่างกายและฝ่ายวิญญาณ) กลับมีชีวิตได้

– (พระเยซูอธิบายสิ่งนี้แก่พวกยิว เพื่อบอกพวกเขาว่า พระบุตรมีสิทธิอำนาจ เหมือนอย่างพระบิดา)

การประยุกต์ใช้ :

– อาดัม ทำบาป จึงแยกขาดจากพระเจ้า ความตายจึงครอบงำชีวิตของมนุษย์ทุกคน

– เราผู้มาหาพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นแหล่งแห่งชีวิต เราจึงสามารถมีชีวิตใหม่ในพระเยซูคริสต์ได้

– แต่หากเราผู้มีชีวิตในพระคริสต์ ดำเนินชีวิตออกห่างจากพระคริสต์ เราก็จะกลายเป็นผู้มีชีวิต แต่ดำเนินชีวิตเหมือนคนที่ยังตายอยู่

– หากปรารถนาให้ชีวิตในพระคริสต์ปรากฏในชีวิตของเรา เราจำเป็นต้องใกล้ชิดติดสนิทกับพระองค์ผู้เป็นแหล่งชีวิต

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:27) { สมเหตุสมผล }



แนวคิด :
– พระเยซูอธิบายถึงเหตุผลที่พระบิดา มอบสิทธิอำนาจแก่พระบุตรในการพิพากษา ก็เพราะว่า พระบุตรทรงเป็นมนุษย์ (พระเจ้าผู้ทรงมารับสภาพเป็นมนุษย์)

– ผู้พิพากษา เป็นผู้ที่มีลักษณะสภาพเดียวกับ ผู้ถูกพิพากษา ช่างเป็นคุณสมบัติที่เหมาะสมอย่างแท้จริง

– ด้วยเหตุนี้ พระบุตรจึงมารับสภาพมนุษย์ และพระบิดาจึงทรงมอบสิทธิอำนาจการพิพากษาแก่พระบุตร

การประยุกต์ใช้ :

– เหตุผลของพระเจ้า ที่ทรงกระทำสิ่งใดๆ จะเห็นเหตุผลที่ที่งดงาม ลงตัว สวยงาม และลึกซึ้ง เกินกว่ามนุษย์จะเข้าใจได้

– เราพอจะเข้าใจได้ ก็ต่อเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว และพระองค์ทรงเปิดเผยให้เราเข้าใจ

– วันนี้ หากเรายังไม่เข้าใจ ถึงเหตุผลที่พระเจ้าอนุญาตให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเรา ขอให้เรายังคงเชื่อใจในพระเจ้าว่า ที่พระองค์อนุญาตให้สิ่งนี้เกิดขึ้น พระองค์มีเหตุผลที่งดงาม ลงตัว เป็นพระพร และสอดคล้องกับแผนการนิรันดร์ของพระองค์อย่างแน่นอน

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:28-29) { ปลายทางไปสู่ที่ใด }



แนวคิด :
– พระเยซู บอกพวกยิวว่า อย่าประหลาดใจ ที่เห็นคนป่วยมา 38 ปีหายเป็นปกติ , ที่ได้ยินว่าบุตรของพระเจ้าถูกเรียกว่าบุตรมนุษย์ และที่ได้ยินว่าบุตรมนุษย์จะพิพากษาโลก เพราะนั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น

– เมื่อถึงวันพิพากษา คนที่ตายไปแล้วจะเป็นขึ้นมาแล้วเข้าสู่การพิพากษา

– วว. 20:13 “ทะเล​ก็​ส่งคืน​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​ตาย​ใน​ทะเล ความ​ตาย​และ​แดน​มรณา​ก็​ส่งคืน​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​อยู่​ใน​แดน​นั้น และ​คน​ทั้ง​หลาย​ก็​ถูก​พิพากษา​ตาม​การ​กระทำ​ของ​ตน​หมด​ทุก​คน​”

– คนที่ประพฤติดี ไม่ใช่เพราะการกระทำดี แต่เพราะความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ที่สำแดงออกเป็นการกระทำที่ดีในตัวเขา (มธ. 25:34-36)จะเข้าสู่ชีวิต

– คนที่ประพฤติชั่ว (มนุษย์ทุกคนล้วนมีบาป) จะเข้าสู่การพิพากษาแล้วรับการลงโทษชั่วนิจนิรันดร์

การประยุกต์ใช้ :

– พระเยซูเตือนว่า เวลาใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าวันนั้นพระเยซูบอกว่า ใกล้เข้ามาแล้ว มาถึงวันนี้ ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี อาจจะเรียกว่า “ใกล้สุดๆๆๆๆๆแล้วนะ”

– มนุษย์คนจะเป็นขึ้นมา แล้วจะไปยังไม่สวรรค์ ก็นรก

– วันนี้เรารอดแล้ว อย่าคิดเอาตัวรอดคนเดียว

– เราอยากให้คนที่เรารัก เมื่อเขาเป็นขึ้นมาเขาไปสู่ที่ใด?

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:30) { การตัดสินใจแบบไม่มีวันผิดพลาด }



แนวคิด :
– พระเยซูทรงยืนยันว่า การพิพากษาของพระองค์นั้นจะยุติธรรมและไม่มีข้อผิดพลาด เพราะพระองค์จะไม่ทำตามใจปรารถนาของพระองค์เอง แต่จะทำตามประสงค์ของพระบิดาเท่านั้น

การประยุกต์ใช้ :

– การตัดสินใจที่ไม่มีวันผิดพลาด คือ การตัดสินใจทุกอย่างนั้น บนพระประสงค์ของพระเจ้า โดยไม่ใส่ใจ สนใจ หรือให้ความสำคัญแก่ความปรารถนาของตนเองเลย

– พระประสงค์ของพระเจ้า พระองค์ได้ทรงสำแดงออกแก่เราแล้ว

>> โดยทางพระเยซูคริสต์ เราสังเกตจากลักษณะชีวิตของพระเยซู เราก็จะรู้ได้ว่าพระบิดาชอบให้เราทำอะไร

>> โดยทางพระคำของพระเจ้า เมื่อเราค้นดูในพระคำของพระเจ้า เราก็จะรู้ว่าพระเจ้าชอบให้เราทำอะไร ไม่ชอบให้เราทำอะไร

>> โดยทางพระวิญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงสถิตในใจของเรา เพียงแต่เราจะถ่อมใจลง ถามพระองค์เสมอ ให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ พระองค์จะทรงสอนจิตใจของเรา ให้รู้ได้อย่างแน่นอนว่า สิ่งที่กำลังจะทำนั้น พระบิดาพอพระทัย หรือ ไม่พอพระทัย

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:31) { เป็นพยานให้แก่ใคร }



แนวคิด :
– พระเยซูทรงอธิบายหลักการเป็นพยานที่ถูกต้อง คือ ไม่สามารถเป็นพยานให้แก่ตัวเองได้

– การเป็นพยานให้แก่ตัวเอง ถือว่า เป็นคำพยานที่ไม่เป็นความจริง

การประยุกต์ใช้ :

– เราสมควรใช้ชีวิตของเราเป็นพยานให้กับพระเยซู แต่ปรากฏว่า บ่อยครั้งเรากลับเป็นพยานให้กับตัวเอง

– วันนี้เมื่อคนเห็นสิ่งดีที่เราทำ พวกเขาตบมือให้เรา หรือตบมือให้พระเยซูผู้ทรงโปรดประทานให้เราทำสำเร็จ

– เมื่อคนเห็นสิ่งที่เราทำ เขาเห็นว่า “เราเก่งแค่ไหน” หรือเขาเห็นว่า “พระเยซูประเสริฐเพียงใด”

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:32) { ผู้สนับสนุนหลัก }



แนวคิด :
– ผู้ที่เป็นพยานให้แก่พระเยซูนั้น คือ พระบิดา (ข้อ37)

– เนื่องจากพระบิดาใช้พระเยซูมา พระบิดาจึงทรงเป็นพยานให้กับพระเยซู ว่า “พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า” ด้วยหมายสำคัญที่ทรงมอบให้พระเยซูทำนั้น

การประยุกต์ใช้ :

– ขอเพียงให้เรารู้ว่า สิ่งที่เรากำลังทำนั้น พระเจ้าทรงใช้ให้เราทำ เพียงเท่านี้ เราก็ไม่ต้องกลัว หรือ กังวลอะไรอีกต่อไปแล้ว

– เพราะว่า ถ้าเป็นเช่นนั้น พระเจ้าเองจะทรงเป็นผู้สนับสนุนเราในการทำสิ่งนั้น

– ดังนั้น ปัญหา หรือ อุปสรรค ใดๆ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องน่าวิตกอีกต่อไป เพราะเรามีพระเจ้าเป็นผู้สนับสนุนหลักของเรา

– สิ่งที่พระเจ้าทรงใช้ให้เราทำ ได้แก่ รักกัน(ยน.13:34) , ประกาศฯ และ สร้างสาวก (มธ.28:19-20) , อธิษฐาน (มธ.6:9-13), เป็นต้น

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:33) { จัดฉาก }



แนวคิด :
– พวกยิวใช้คนไปหายอห์น เพื่อถามหาพระมาซีฮา(ยน.1:19) ยอห์นก็ชี้มาที่พระเยซู ว่าพระเยซูเป็นผู้นั้น

– แต่พวกยิวก็ไม่เชื่ออยู่ดี

การประยุกต์ใช้ :

– เมื่อพระเจ้าทรงใช้เรา และยินดีให้พระองค์ทรงใช้ เราการทำตามพระทัยของพระองค์ พระองค์จะจัดฉากสถานการณ์ทุกอย่างเพื่อสนับสนุนการทำตามน้ำพระทัยของพระองค์

– เหมือนการจัดฉาก แม้พวกยิวไม่มาหาพระเยซูแต่ไปหายอห์น พระเจ้าก็ทรงจัดฉาก เตรียมยอห์นให้สนับสนุนงานของพระเยซู อยู่นั่นเอง

– เราก็แค่เชื่อฟัง ทำตามพระองค์ ที่เหลือพระองค์จะจัดฉากสิ่งที่จำเป็นให้แก่เราเอง

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:34) { ถึงกระนั้นก็ยังรัก }

แนวคิด :

– เมื่อมีพระบิดาเป็นพยานให้พระเยซูแล้ว คำพยานของมนุษย์ธรรมดาอย่างยอห์น ก็ไม่จำเป็นเลย

– ไม่ว่าจะมีคำยืนยันจากยอห์นหรือไม่  พระเยซูก็เป็นพระบุตรของพระเจ้าอยู่ดีไม่เปลี่ยนแปลง

– แต่การที่พระเยซูอ้างอิงถึงคำพยานของยอห์น ก็เพราะ พระเยซูรักพวกยิวผู้ใจแข็งกระด้าง พวกเขาไม่สนใจการรับรองจากสวรรค์ บางทีใจเขาอาจจะเปิดเพื่อได้รับความรอดก็ได้ หากได้ยินคำพยานจากมนุษย์

การประยุกต์ใช้ :

– แม้แต่พวกยิวที่กำลังจ้องจับผิดพระองค์ กำลังต่อต้านพระองค์ และพยายามหาทางฆ่าพระองค์ พระองค์ยังทรงรักพวกเขาและปรารถนาให้พวกเขา พบความรอดเลย

– ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด เราผู้เป็นลูกของพระองค์ พระองค์จะไม่ทรงรักและห่วงใยเรามากยิ่งกว่านั้นอีกหรือ?

– อย่ากังวลไปเลย พระเยซูทรงรักเรา

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:35) { แค่ชั่วขณะหนึ่ง }

แนวคิด :

– พวกยิวชื่นชมยอห์น และติดตามยอห์น เพราะดูเหมือนยอห์นจะนำความสว่างในเรื่องของพระเจ้ามาสู่พวกเขา

– แต่ความสว่างที่ยอห์นจุดขึ้น เป็นเพียงโคมชั่วคราว

– ความสว่างที่แท้จริงมาถึงแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่สนใจ

การประยุกต์ใช้ :

– สิ่งที่มนุษย์มองว่า “ใช่” สิ่งที่คนส่วนใหญ่บอกว่า “ใช่” อาจจะไม่ใช่ก็ได้

– ถ้าเรามองสถานการณ์ด้วยสายตาอย่างโลก เราจะเห็นของชั่วคราว ประเดี๋ยวเดียว

– ถ้าเรามองสถานการณ์ด้วยสายตาของพระเจ้า(ตามพระคำและการสอนของพระวิญญาณบริสุทธิ์) เราจะมองเห็นและเข้าใจว่าอะไรเป็นสิ่งที่แท้จริง อะไรเป็นสิ่งที่ถาวร

– วันนี้ ตาของเราเห็นสิ่งถาวร หรือ เห็นแค่ของอนิจจัง

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:36) { กำลังทำงานของใคร? }

แนวคิด :

– พระเยซูกล่าวถึงคำพยานที่ยิ่งใหญ่กว่าคำพูดยืนยันจากยอห์น ก็คือ คำพยานจากงานที่พระองค์ทรงทำ เป็นตัวบ่งชี้ว่า พระบิดาใช้พระองค์มา

– พระเยซูทำงานที่พระบิดาพอพระทัย พระบิดาประสงค์ แสดงให้เห็นว่าพระเยซูถูกใช้มาโดยพระบิดา

การประยุกต์ใช้ :

– คนที่เจ้าของบริษัท A ส่งมา ย่อมทำงานที่เจ้าของบริษัท A ประสงค์ งานที่เจ้าของบริษัท A พอใจ

– วันนี้ เราเป็นคนของใคร ของพระเจ้า ของโลกนี้ หรือ ของมารซาตาน ?

– วิธีสังเกต ไม่ได้ดูที่เราพูดว่าเราเป็นคนของใคร แต่ดูได้จาก งานที่เราทำนั้น ทำให้ใครพอใจ “พระบิดา” หรือ “โลกนี้” หรือ “มารซาตาน”

– “วันนี้ เรากำลังทำอะไรอยู่?”

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:37) { ไม่เชื่อก็จะไม่ได้ยิน }

แนวคิด :

– พยานยิ่งใหญ่กว่ายอห์น ก็คือพระบิดานั่นเอง เนื่องจากพระบิดาใช้พระเยซูมา พระบิดาจึงสนับสนุนเต็มที่

– แต่พวกยิวไม่เคยได้ยินเสียงพระบิดา ทั้งที่พระองค์ตรัสกับพวกเขาตลอดพระคัมภีร์เดิม เพราะพวกเขาไม่เชื่อสิ่งที่พระคัมภีร์บอกเอาไว้

– พวกเขาไม่เคยเห็นพระบิดา ทั้งที่พระองค์ได้สำแดงพระลักษณะของพระองค์ผ่านพระราชกิจของพระองค์ ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา

– ดังนั้น พวกยิวจึงไม่อาจรับรู้ คำพยานของพระบิดาได้

การประยุกต์ใช้ :

– เมื่อพระเจ้าทรงใช้ให้เราทำอะไร พระองค์จะสนับสนุนเราอย่างแน่นอน

– ถ้าเราไม่เชื่อ คำของพระเจ้าที่กล่าวไว้ในพระคำของพระองค์ เราก็จะไม่สามารถรับรู้สิ่งที่พระเจ้า ประสงค์จะบอกแก่เราได้

– พวกยิวอ่านและท่องพระคำได้ แต่ไม่เข้าใจที่สิ่งพระเจ้าบอก เพราะพวกเขาไม่เชื่อ

– วันนี้ เราเชื่อมั่นจริงๆหรือไม่ว่า สิ่งที่พระคำของพระเจ้าบอกจะเป็นจริง? จะเกิดขึ้นจริงๆ?

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:38) { มีพระคำในชีวิต }

แนวคิด :

– พวกยิวรู้จักพระคัมภีร์ ท่องจำพระคัมภีร์ พูดข้อความในพระคัมภีร์ สอนพระคัมภีร์แก่ผู้อื่น

– แต่พระเยซู ตรัสกับเขาว่า “ไม่​มี​พระ​ดำ​รัส​ของ​พระ​องค์​อยู่​ใน​ตัว​ท่าน”

– เพราะเขาไม่ได้เชื่อวางใจในพระเยซู ผู้ที่พระคัมภีร์ได้เป็นพยานถึง

– รู้พระคัมภีร์มากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่ได้วางใจในพระเยซูคริสต์

การประยุกต์ใช้ :

– เราไม่อาจมีประสบการณ์กับพระคำของพระเจ้าจริงๆได้ หากเราไม่ได้วางใจในพระเยซูอย่างแท้จริง

– วันนี้ เราเป็นเพียงผู้อ่านพระคำ หรือ เป็นผู้มีพระคำในชีวิตด้วยการวางใจในพระเยซู

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:39) { เข้าใจผิด }

แนวคิด :

– พวกยิว พยายามค้นหาชีวิตนิรันดร์จากพระคัมภีร์ แต่ไม่พบ เพราะชีวิตนิรันดร์ไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์ แต่อยู่ในผู้ที่พระคัมภีร์เป็นพยานถึง คือ พระเยซู

– พวกยิว สนใจพระคัมภีร์ แต่กลับปฏิเสธพระเยซู ผู้ที่พระคัมภีร์พูดถึง พวกเขาจึงไม่อาจพบชีวิตนิรันดร์ได้

การประยุกต์ใช้ :

– ตำราอาหารมีประโยชน์อย่างมาก แต่ผู้ที่สนใจแค่ตำราอาหาร ไม่สนใจทานอาหาร ผู้นั้นจะอดตาย

– พระคัมภีร์สำคัญมาก ช่วยให้เรารู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้า แต่การอ่านพระคัมภีร์เท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้เราพบชีวิตที่แท้จริงในพระคริสต์

– เราจำต้องมีความสัมพันธ์กับพระเยซูเป็นส่วนตัว และทำตามแบบอย่างที่พระเยซูได้วางแบบเอาไว้ คือ ทำตามพระคำของพระเจ้า

– ยน. 4:34 “พระ​เยซู​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “อาหาร​ของ​เรา​คือ​การ​ทำ​ตาม​พระ​ประสงค์​ของ​ผู้​ที่​ทรง​ใช้​เรา​มา​และ​ทำ​ให้​งาน​ของ​พระ​องค์​สำ​เร็จ”

– อย่าอ่านพระคัมภีร์ โดยไม่สนใจพระเยซู ผู้ที่พระคัมภีร์พูดถึง

– ระวัง อย่าอ่านพระคัมภีร์เพื่อให้รู้สึกว่า “ฉันเป็นคริสเตียนที่ดี ”

– แต่ควรอ่านเหตุเพราะ รักพระเยซู หรือ อยากจะรู้จักกับพระองค์มากขึ้น

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:40) { ดูเหมือนมีชีวิตแต่ไร้ชีวิต }

แนวคิด :

– แม้ว่าพระคัมภีร์จะบอกชัดเจนถึงเรื่องของพระเยซูคริสต์ แต่พวกยิวก็ยังไม่ยอมมาหาพระเยซูคริสต์อยู่ดี เพราะพระเยซูไม่ได้มาในแบบที่พวกเขาต้องการ

– และเมื่อไม่ยอมมาหาพระเยซูคริสต์ผู้เป็นแหล่งแห่งชีวิตเพียงแหล่งเดียว พวกเขาจึงไม่พบชีวิต พวกเขาจึงยังคงอยู่ในความตาย

การประยุกต์ใช้ :

– ถ้าไม่ยอมมาหาพระเยซู ไม่มีทางที่จะพบชีวิต

– ต่อให้ไปโบสถ์ ทำกิจกรรมของคริสตจักร หรือแม้แต่ทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณต่างๆ แต่ไม่ยอมมาหาพระเยซู สิ่งที่เราทำนั้นก็ไร้ชีวิตอยู่ดี

– วันนี้ เรามาหาพระเยซูหรือยัง?

– วันนี้ เรามาหาพระเยซู เพื่อสนทนากับพระองค์ เพื่อมีความสัมพันธ์กับพระองค์แล้วหรือยัง?

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:41) { อยากได้เกียรติจากใคร? }

แนวคิด :

– พระเยซูไม่สนใจ ไม่ให้ความสำคัญแก่ เกียรติจากมนุษย์ สิ่งที่พระองค์ใส่ใจมีสิ่งเดียวคือการกระทำตามพระทัยพระบิดา

การประยุกต์ใช้ :

– ขนาดพระเยซู ยังให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการทำให้พระบิดาพอพระทัย และไม่ไยดีต่อเกียรติจากมนุษย์

– เราสมควรดำเนินชีวิตตามแบบอย่างที่พระเยซูวางไว้

– น่าเศร้าที่หลายครั้ง เราไม่ใส่ใจ ไม่ไยดีต่อการทำให้พระบิดาพอพระทัย แต่กลับกระตือรือร้นอย่างยิ่งในการทำสิ่งที่ทำให้ได้เกียรติจากมนุษย์

– เราควรเกรงกลัวที่จะทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัย มากกว่า กลัวว่าจะทำให้มนุษย์ไม่พอใจ

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:42) { รักไม่จริง }

แนวคิด :

– พวกยิวทำราวกับรักพระเจ้ามากมาย ด้วยการพยายามทำโน่นนี่มากมาย พยายามค้นหาความรอดในพระคัมภีร์

– แต่พระเยซู ตรัสว่า พวกเขาไม่มีความรักต่อพระเจ้าจริงๆ เพราะเขาทำสิ่งที่อยากทำ แต่ไม่สนใจว่าพระเจ้าตรัสอะไร

การประยุกต์ใช้ :

– การทำอะไร มากมาย ที่ดูเหมือนทำเพื่อพระเจ้า ไม่อาจเป็นสิ่งยืนยันว่าเรารักพระเจ้า

– การกระทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า มากกว่าการทำตามใจของตนเองต่างหาก ที่พิสูจน์ว่าเรารักพระเจ้าจริงๆ

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:43) { ไม่ได้รับการยอมรับ }

แนวคิด :

– พระเยซูมาในนามของพระบิดา ทำทุกสิ่งเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า

– พวกยิว อ้างตัวว่าแสวงหาพระเจ้า กลับไม่ยอมรับพระเยซู

– แต่เมื่อผู้อื่นมาในนามของเขาเอง อ้างตัวว่าเป็นพระคริสต์ มาเพื่อปลดปล่อยยิวจากการปกครองของโรม พวกยิวกลับยอมรับพวกเขาเหล่านั้น เพราะตรงกับใจปรารถนาของพวกเขา

[ตามประวัติศาสตร์ ในช่วงเวลานั้น มีหลายคนอ้างตัวว่าเป็นผู้มาปลดปล่อยยิว และพวกยิวจำนวนมากก็ยอมรับและติดตามคนเหล่านั้น]

การประยุกต์ใช้ :

– การทำตามพระเจ้า มักจะไม่ถูกใจของมนุษย์ และไม่ได้รับความนิยมชมชอบจากคนทั้งหลาย

– แม้การกระทำของพระเยซู จะทำให้พระองค์ไม่ได้รับการยอมรับ พระองค์ยังคงทำต่อไป เพราะพระองค์ไม่สนใจการจากยอมรับจากมนุษย์ พระองค์ขอทำตามพระทัยของพระบิดาก็เป็นพอ

– วันนี้ การกระทำของเราเพื่อให้มนุษย์ยอมรับ หรือเพื่อให้พระเจ้ารับรอง ?

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:44) { หาเกียรติจากใคร? }

แนวคิด :

– พระเยซูตรัสกับพวกยิวว่า หากเขามัวแต่หาเกียรติจากมนุษย์ เขาไม่มีทางจะเชื่อวางใจในพระเยซูได้เลย

– พวกยิว ทำเหมือนกับว่ายกย่องเทิดทูนธรรมบัญญติ สุดยอดธรรมบัญญัติคือบัญญัติ 10 ประการ ข้อแรกของบัญญัติ 10ประการ คือ “ห้าม​มี​พระ​เจ้า​อื่น​ใด​นอก​เหนือ​จาก​พระองค์” อพย. 20:3

– แต่สิ่งที่พวกยิวทำคือ เขาไม่สนใจเกียรติจาก พระเจ้าผู้เป็นพระเจ้าแต่พระองค์เดียว โดยไม่สนใจสิ่งที่พระองค์กล่าวไว้เกี่ยวกับพระบุตร แต่ แสวงหาเกียรติจากโลกนี้ จากมนุษย์  สิ่งที่เขาทำเหมือนกับประกาศว่า โลกนี้ หรือ มนุษย์บางคนเป็นพระเจ้าของเขา

การประยุกต์ใช้ :

– หากเราหา เกียรติ คำยกย่อง การยอมรับจากมนุษย์ เราห่างไกลไปจากการรู้จักและทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าไปทุกที

– สิ่งที่เราพยายามทำวันนี้ ใครจะตบมือให้เรา พระเจ้าแต่ผู้เดียว หรือ มนุษย์

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:45) { ระวังถูกฟ้อง }

แนวคิด :

– พระเยซูตรัสกับพวกยิว ว่าพระองค์จะไม่ฟ้องเขาต่อพระเจ้า แม้พวกเขาจะพยายามฟ้องพระองค์ ต่อกฏธรรมบัญญัติของโมเสส

– พระเยซูเตือนพวกเขาว่า พวกเขาจะถูกฟ้องโดย กฏธรรมบัญญัติของโมเสสผู้ที่พวกเขาตั้งความหวังไว้ นั่นแหละ

– พวกเขา บอกว่านับถือธรรมบัญญัติ แต่ไม่ทำตามบัญญัติ

– พวกเขา บอกว่านับถือโมเสส แต่ไม่เชื่อที่โมเสสบอกไว้ เรื่องของพระบุตร

การประยุกต์ใช้ :

– นอกจากพระคริสต์แล้ว สิ่งใดก็ตามที่เราไว้วางใจ สิ่งนั้นจะฟ้องกล่าวโทษเรา ในที่สุด

– “วางใจในการทำดี” การทำดีจะทำให้เราถูกฟ้องกล่าวโทษ เพราะทำดีไม่ได้

– “วางใจในเงินทอง” เงินทองจะทำให้เราถูกฟ้องกล่าวโทษ เรื่อง การใช้ชีวิต และ การใช้เงินทองของเรา

– “วางใจในความสำเร็จ” ความสำเร็จนั่นแหละ จะทำให้เราถูกฟ้องกล่าวโทษ เรื่องการใช้เวลาของเราทุ่มเทแสวงหามัน ทั้งที่มันเป็นเพียงสิ่งอนิจจัง

– “วางใจในพระคริสต์” พระองค์ทรงรับโทษแทนเรา และประทานชีวิตนิรันดร์ให้แก่เรา

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.5:46) { ท่านน่าจะเชื่อเรา }

แนวคิด :

– พวกยิวกล่าวว่า ตนเชื่อโมเสส แต่กลับไม่เชื่อสิ่งที่โมเสสพูด…[งงเลย แล้วเรียกว่าเชื่อได้ยังไงหว่า?]

– โมเสสกล่าวถึงพระเยซู (เช่น ฉธบ. 18:15,18-19) แต่พวกยิวก็ไม่เชื่อ จึงไม่ยอมเชื่อพระเยซู

การประยุกต์ใช้ :

– เราผู้เรียกตัวเองว่า “ผู้เชื่อวางใจในพระเยซู” เราได้เชื่อวางใจในสิ่งที่พระเยซูบอกไว้หรือเปล่า?

– เชื่อจริง หรือ เชื่อปลอม ไม่ได้วัดที่ปาก แต่ วัดที่จิตใจ

– แม้ใจจะมองไม่เห็น แต่จะส่งผลออกมาเป็นการกระทำให้เห็นเสมอ โดยเฉพาะยามเผลอ

– วันนี้ เราเชื่อวางใจ ในคำที่พระเยซูตรัสไว้หรือเปล่า?

เช่น

มธ. 6:33   “แต่​พวก​ท่าน​จง​แสวง​หา​แผ่น​ดิน​ของ​พระ​เจ้า และ​ความ​ชอบ​ธรรม​ของ​พระ​องค์​ก่อน แล้ว​พระ​องค์​จะ​ทรง​เพิ่ม​เติม​สิ่ง​ทั้งปวง​นี้​ให้”

มธ. 6:34  “เพราะ​ฉะนั้น อย่า​กระ​วน​กระ​วาย​ถึง​วัน​พรุ่งนี้ เพราะ​ว่า​พรุ่ง​นี้​ก็​มี​เรื่อง​กระ​วน​กระ​ว