แนวคิด :
– เมื่อพวกสาวกขึ้นมาถึงฝั่งพร้อมปลาจำนวนมาก
ก็พบว่าพระเยซูได้เตรียมปลาย่างและขนมปัง ไว้ให้พวกเขาแล้ว(ข้อ 9)
–
แล้วพระเยซูตรัสกับเขาว่า ให้เอาปลาที่เพิ่งจับได้เมื่อกี้มาบ้าง เพื่อทำเป็นอาหารร่วมกับปลาที่มีอยู่
–
ช่างเป็นเกียรติที่พระเยซูประทานให้แก่พวกสาวก
ที่พระองค์เปิดโอกาสให้พวกเขามีส่วนร่วมงานกับพระองค์ในการทำอาหารครั้งนี้
ทั้งที่พระองค์ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากพวกเขาเลยก็ได้
–
แต่คิดดูสิ หากพวกสาวกปฏิเสธที่จะมอบปลาบางส่วนนั้นแก่พระเยซู
จะเป็นการเสียมารยาทที่น่าเกลียดเพียงใด
– เช่น
สาวกอาจบอกว่า นี่เราอุตส่าห์จับปลามาทั้งคืนนะกว่าจะได้พวกปลานี่มา
ท่านไม่เห็นทำอะไรเลยจะให้เรานำมาให้ท่านอย่างนั้นหรือ
โดยที่ลืมไปว่าที่จะปลาได้มากเพียงนี้ก็เพราะพระเยซูทรงช่วยพวกเขา
–
หรืออาจจะกล่าวว่า ไม่เห็นจำเป็นต้องให้ท่านเลย ท่านก็มีปลาอยู่แล้วนี่นา
โดยลืมไปว่านั่นเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่พวกเขาจะมีสิทธิร่วมงานกับพระองค์
– หรือ
อาจจะกล่าวว่า นี่มันของพวกเรา ทำไมเราจึงต้องให้ท่านด้วย
โดยลืมไปว่าที่พระองค์ขอนั้น ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพระองค์เอง แต่เพื่อพวกเขาต่างหาก
และลืมไปว่าความจริงแล้วพระองค์ไม่จำเป็นต้องขออะไรจากพวกเขาเลยก็ได้
การประยุกต์ใช้
:
– กรณีสมมติข้างต้น
ไม่เกิดขึ้นจริงกับพวกสาวก พวกเขาตอบสนองต่อพระเยซูอย่างสมควร
–
แต่กรณีสมมติเหล่านั้นกลับเกิดขึ้นกับคริสเตียนจำนวนไม่น้อยในปัจจุบัน
–
พวกเขาไม่ยินดีถวายเงิน ถวายเวลา ถวายความสามารถ เพื่อจะร่วมงานกับพระองค์
ทั้งที่เป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าทรงประทานแก่พวกเขา
–
บางคนคิดว่า นี่เป็นสิ่งที่ฉันอุตส่าห์ทุ่มเทหามาได้ด้วยตนเอง แต่เขาลืมไปว่า
ความจริงแล้วพระเจ้าทรงอวยพระพรเขา
–
บางคนคิดว่า ไม่เห็นจำเป็นต้องถวายอะไรให้แก่พระองค์หรอก พระองค์มีเหลือเฟือ จะมายุ่งอะไรกับเงินทองและความสามารถเล็กๆน้อยๆของฉัน
แต่เขาลืมไปว่า ความจริงแล้วพระองค์กำลังเชิญเขามาร่วมรับเกียรติอันยิ่งใหญ่
–
บางคนคิดว่า การถวายของเขานั้นเพื่อประโยชน์ต่อพระเจ้า แต่เขาลืมไปว่า
ความจริงพระเจ้าไม่จำเป็นต้องพึ่งเขาเลย แต่พระองค์เปิดโอกาสให้เขามอบถวายแด่พระองค์ก็เพื่อชีวิตของเขาเองจะได้รับพระพรมากมาย
– วันนี้ พระเยซูกำลังตรัสกับเรา ขอปลาที่เรามีนั้นให้พระองค์บ้าง เราจะตอบสนองต่อคำขอนี้อย่างไร?