แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:1) { นัดหมายแห่งสวรรค์ }

แนวคิด :

– พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว ทรงปรากฏแก่สาวกหลายครั้ง แต่ยอห์นเลือกบันทึกการปรากฏครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้าย ครั้งนี้เป็นการปรากฏตัวต่อพวกสาวกเป็นครั้งที่3 (ยน.21:14)

– ครั้งนี้พระเยซูปรากฏแก่เหล่าสาวกที่​ทะเล​ทิเบ​เรียส หรือ ทะเลสาบกาลิลี

– การปรากฏครั้งนี้ เป็นไปตามที่พระเยซูได้ ฝากพวกผู้หญิงที่พระเยซูปรากฏแก่พวกนางแล้วใช้พวกนางไปบอกพวกสาวก ใน มธ. 28:10 ว่า “… จง​ไป​บอก​พี่​น้อง​ของ​เรา​ให้​ไป​ยัง​กา​ลิ​ลี จะ​ได้​พบ​เรา​ที่​นั่น”

การประยุกต์ใช้ :

– การปรากฏของพระเยซูต่อพวกสาวก 2 ครั้งแรก เนื่องจากพวกเขายังไม่เชื่อว่า พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว จึงยังคงอยู่ในเยรูซาเล็ม เก็บตัวอยู่ในห้อง

– แต่ครั้งนี้ พวกเขาออกมาจากเยรูซาเล็ม แคว้นยูเดีย กลับมาที่แคว้นกาลิลี ตามที่พระเยซูได้บอกเอาไว้ แล้วพวกเขาก็ได้พบพระเยซูที่นั่นจริงๆ

เมื่อเราเชื่อฟังพระเจ้า เราจะพบกับนัดหมายแห่งสวรรค์ที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมให้แก่เราไว้

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:2) { กำ​ลัง​อยู่​ด้วย​กัน }

แนวคิด :

– พระเยซูทรงปรากฏแก่พวกสาวกที่แคว้นกาลิลี ตามที่พระองค์บอกเอาไว้ ซึ่งครั้งนี้พระองค์เลือกปรากฏแก่สาวก 7 คน ได้แก่

– ซีโมนเปโตร ผู้ปฏิเสธพระองค์ ถึง 3 ครั้ง ครั้งนี้พระองค์มาเพื่อให้มีโอกาสแก้ตัวใหม่ และต่อมาเขาจะกลายเป็นหัวหน้าของบรรดาสาวกทั้งหลาย

– โธมัส ผู้ช่างสงสัย ครั้งนี้ความเชื่อของเขาถูกตอกย้ำให้มั่นคงขึ้นไปอีก

– นาธานาเอล ผู้จริงใจ พระยซูเคยตรัสเกี่ยวกับตัวเขาไว้ใน ยน. 1:47 ว่า “นี่​แหละ ชาว​อิส​รา​เอล​แท้ ใน​ตัว​เขา​ไม่​มี​อุบาย” ครั้งพระองค์ทรงเลือกผู้ที่จริงใจคนนี้ให้ได้พบกับพระองค์ด้วย

– ยอห์น สาวกที่พระองค์ทรงรัก ผู้จะเขียนพระธรรมยอห์น , จดหมายฝาก 1 2 3 ยอห์น และพระธรรมวิวรณ์ และจะเป็นสาวกที่มีชีวิตอยู่นานที่สุด

– ยากอบ ผู้ที่อีกไม่นานจะเป็นคนแรกที่จะถูกตัดคอ เพราะความเชื่อวางใจในพระเยซู สมควรอย่างยิ่งที่เขาจะพบกับพระเยซูอีกครั้งในครั้งนี้

– และสาวกอีก 2 คน ซึ่งพระคัมภีร์จงใจไม่บอกชื่อ แปลว่า เราไม่ต้องรู้ก็ได้ 555 แต่ถ้าจะให้เดา ก็น่าจะเป็น ฟิลิปและอันดรูว์ เพราะว่าบ้านอยู่แถวนั้น  ใน ยน. 1:44 บอกว่า “ฟีลิป​มา​จาก​เบธ​ไซ​ดา​เมือง​ของ​อัน​ดรูว์​และ​เป​โตร” และ อันดรูว์เป็นน้องชายของเปโตร ฟีลิปก็สนิทกับนาธานาเอล แต่ช่างเถอะพระคัมภีร์ไม่อยากให้รู้ ไม่รู้ก็ได้ ^_^

– พวกเขากำลังอยู่ด้วยกัน ไม่ได้แยกย้ายกันไปตามทางของตน สาเหตุน่าจะเพราะว่า พวกเขากำลังรอคอยที่จะพบพระเยซูผู้เป็นขึ้นมาจากความตาย ว่าพระองค์จะสั่งให้ทำอะไรต่อไป คำสั่งล่าสุดคือให้มาที่กาลิลีนี้

การประยุกต์ใช้ :

– เมื่อพระเยซูเลือกปรากฏกับใคร หรือเลือกทำอะไร พระองค์มีพระประสงค์ของพระองค์เอง ซึ่งเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้ ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องเข้าใจก็ได้ เพียงแค่เชื่อฟังสิ่งที่พระองค์สั่งก็พอ

– เนื่องจากพวกสาวก เชื่อฟังพระเยซูมาที่กาลิลี และอยู่ร่วมกัน รอคอยการทรงนำขั้นต่อไปจากพระองค์ พวกเขาจึงได้พบกับพระเยซูและรับการสำแดงจากพระองค์

– เมื่อเราเริ่มเชื่อฟังขั้นตอนที่เรารู้แล้วนั้น พระเจ้าจะเริ่มเปิดเผยขั้นตอนต่อไปให้เราได้รับรู้มากยิ่งขึ้น

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:3) { ​จับ​ปลา​ไม่​ได้​เลย }

แนวคิด :

– เมื่อทราบว่าพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว พวกสาวกจึงพากันมาที่กาลิลีตามคำสั่งของพระเยซู หลังจากมาถึงสักพัก พวกเขาก็ยังไม่ได้รับสัญญาณจากพระเจ้า ว่าพระเจ้าจะทรงใช้ให้เขาทำอะไรเลย

– เปโตร ซึ่งเป็นอดีตชาวประมง ผู้ชำนาญในการจับปลาโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจับปลาในทะเลสาบกาลิลี จึงชวนเพื่อนๆสาวกที่อยู่ด้วยกัน ให้ทำธุรกิจบางอย่าง คือ ไปจับปลามาขาย

– พวกเพื่อนๆเห็นดีด้วย จึงไปจับปลาที่ทะเลสาบกาลิลีด้วยกัน

– ปรากฏว่า แม้พวกเขาจะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว พวกเขาจับปลาโต้รุ่งก็ยังจับปลาไม่ได้เลยสักตัว

– ซึ่งสิ่งนี้เป็นแผนการของพระเจ้า เพื่อเตรียมพวกเขาให้พบการอัศจรรย์ในอีกไม่กี่ชม.ต่อมา

การประยุกต์ใช้ :

– ท่ามกลางอัครสาวก 11 คน พระเยซูปรากฏพระองค์ครั้งที่ 3 นี้ แก่ สาวก 7 คน ที่พยายามทำอะไรบางอย่าง ตามกำลังเท่าที่เขาจะพอทำได้ แล้วจากนั้นพระองค์จะเริ่มสอนเขาว่าเขาควรทำอะไร

– วันนี้ เราอาจจะไม่รู้แน่ชัดว่า พระเจ้าประสงค์ให้เราทำอะไร แต่อาจจะมีบางอย่างที่เราพอทำได้ เราสามารถเริ่มทำบางอย่างนั้น แล้วในการกระทำนั้นๆ พระองค์จะทรงเปิดเผยพระองค์เองให้เรา เข้าใจน้ำพระทัยของพระองค์มากยิ่งขึ้น

– คล้ายกับว่า เหมือนพระองค์จะไม่สำแดงแก่สาวกที่นั่งๆนอนๆไม่ทำอะไร แต่สำแดงแก่คนที่ทำบางอย่าง สังเกตจากการบันทึกการเรียกสาวก สาวกทุกคนที่พระองค์ทรงเรียก พวกเขาล้วนกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ทั้งสิ้น

– เหตุที่พวกสาวกจับปลาไม่ได้เลยแม้พยายามเต็มที่แล้วก็ตามเพราะพระเจ้ามีแผนการยิ่งใหญ่ที่จะสำเดงแก่พวกเขา หากวันนี้เราทำอย่างเต็มที่แล้วยังไม่เห็นได้ผลอะไรเลย เป็นไปได้ว่า พระเจ้ากำลังจะทำอะไรบางอย่างที่พิเศษสำหรับเรา

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:4) { ไม่รู้ว่าเป็นพระเยซู }

แนวคิด :

– พวกสาวก 7 คน จับปลาคืนยันรุ่งก็ยังจับปลาไม่ได้เลยสักตัว พอรุ่งเช้า พระเยซูก็มาปรากฏแก่พวกเขา

– พระองค์ทรงยืนอยู่บนฝั่ง แต่พวกเขายังคงอยู่ในเรือที่ลอยอยู่ในทะเลสาบ

– แต่พวกสาวกไม่รู้ว่า นั่นคือพระเยซู

การประยุกต์ใช้ :

– การปรากฏตัวของพระเยซู ไม่ทำให้เกิดอะไรขึ้นกับพวกสาวกเลย ถึงแม้ว่าพระเยซูจะอยู่ที่นั่น ก็เพราะว่าเขาไม่รู้ว่านั่นเป็นพระเยซู

– วันนี้พระเยซูทรงสถิตอยู่กับเรา แต่ท่าทีของเราต่อเหตุการณ์ต่างๆ อาจจะยังคงเหมือนเดิมก็เป็นได้ หากเราไม่ตระหนักว่าพระเยซูทรงสถิตอยู่กับเรา

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:5) { ได้ปลาบ้างไหม? }

แนวคิด :

– คำว่า “ลูกเอ๋ย” เป็นสำนวนในเวลานั้นที่ผู้ใหญ่ใช้เรียกผู้น้อย ด้วยความรักและอ่อนโยน

– เมื่อพระเยซูเรียกพวกสาวกทั้ง 7 คน ที่อยู่ในเรือหาปลา พวกเขายังคง จำพระเยซูไม่ได้

– พระองค์ถาม ชาวประมงผู้กำลังหาปลา ว่ามีปลาบ้างไหม? เป็นการตอกย้ำให้พวกเขาตระหนักว่า การพยายามของพวกเขากำลังไร้ประโยชน์ ไม่ว่าพวกเขาจะชำนาญขนาดไหน หรือ ใช้ความพยายามมากเพียงใดก็ตาม

การประยุกต์ใช้ :

– บางครั้งพระเจ้าจงใจ ปล่อยให้เราใช้ความพยายามของตนเอง เพื่อทำตามวิธีการของตนเอง เพื่อเราจะเรียนรู้ว่า เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์

พระเยซูถามพวกสาวก ว่าได้ปลาบ้างไหม? เพื่อให้เขาตระหนักถึงการไร้ประโยชน์จากความพยายามของตน วันนี้พระเจ้าอาจกำลังถามเราเพื่อให้เราทบทวนสิ่งที่เราทำด้วยกำลังของตนเองว่า ได้ผลบ้างหรือไม่? เพื่อให้เรารู้ตัวแล้วหันกลับมาพึ่งพาพระองค์

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:6) { ได้ปลาจำนวนมาก }

แนวคิด :

– เมื่อพวกสาวกที่อยู่ในเรือ บอกกับพระเยซูผู้อยู่บนฝั่งว่า ยังจับปลาไม่ได้เลย ขณะนั้นเขายังไม่รู้ว่าเป็นพระเยซู

– พระองค์จึงบอกให้พวกเขา​ทอด​อวน​ลง​ทาง​ด้าน​ขวาเรือ แล้วพวกเขาก็ทำตาม ปรากฏว่า พวกเขาก็จับปลาได้เป็นจำนวนมาก จนลากอวนขึ้นไม่ไหว

– เหตุการณ์เช่นนี้ เปโตร แอนดรูว์ ยอห์น และยากอบ เคยประสบมาก่อน ใน ลก. 5:4-6 เมื่อพระเยซูทรงเรียกพวกเขาให้เป็นสาวกติดตามพระองค์

การประยุกต์ใช้ :

– การเชื่อฟังพระเจ้า ผลดีที่ได้รับจะเกินกว่าที่เราคาดหมาย แต่ไม่เกินกว่าที่เราจะรับได้

– จากประสบการณ์ในอดีตอย่างหนึ่งที่เราพบเจอ พระเจ้าสามารถใช้เพื่อบอกหรือสอนเราในปัจจุบันได้

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:7) { ทิ้งทุกสิ่ง เพื่อให้ได้พบพระองค์ }

แนวคิด :

– เมื่อพวกสาวกหย่อนอวนลงด้านขวาของเรือ ตามที่พระเยซูบอก พวกเขาก็จับปลาได้เป็นจำนวนมาก(ข้อ 6) ยอห์นจึงจำได้ว่า ผู้ที่อยู่บนฝั่งคือพระเยซู

– ยอห์นจึงหันไปบอกเปโตร ว่า นั่นคือ พระเยซู

– เมื่อเปโตรรู้ว่าเป็นพระเยซู เขาดีใจมาก และเมื่อเขามองกลับมาที่ตัวเองก็เห็นว่าตนกำลังแต่งตัวไม่เรียบร้อย ไม่ได้ใส่เสื้อจึงรีบเอาเสื้อมาใส่ จากนั้นก็รีบกระโดดลงทะเลว่ายน้ำไปหาพระเยซู ทั้งที่เรือห่างจากฝั่งเกือบ 100 เมตร(ข้อ 8)

– เปโตรปรารถนาอย่างยิ่งที่จะได้พบกับพระเยซู เขาได้รู้แล้วว่าพระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว ก่อนหน้านี้เขาได้พบกับพระองค์แล้ว พระเยซูบอกให้เขามาที่กาลิลีเพื่อจะได้พบพระองค์อีก เขาจึงรีบกลับมาที่กาลิลี

– ขณะที่รอพบพระเยซู เปโตรได้เป็นผู้นำ นำเพื่อนสาวกอีก 6 คนมาจับปลา บัดนี้ภารกิจของเขาสำเร็จ พวกเขาจับปลาได้จำนวนมาก เขาเป็นผู้นำผู้ประสบความสำเร็จ เป็นผู้นำที่กำลังจะนำรายได้มากมายมาสู่ทีม

– แต่ปรากฏว่า สำหรับเปโตร บัดนี้ความสำเร็จของการเป็นผู้นำ และการได้รายได้จำนวนมาก ไม่สำคัญสำหรับเขาแล้ว

– เขาเลือกกระโดดออกจากเรือ ว่ายน้ำมาหาพระเยซู ทิ้งความสำเร็จของการเป็นผู้นำ ที่นำเรือกลับเข้าฝั่งแบบมีปลาเต็มลำเรือ ทิ้งปลาที่จะนำรายได้มากมายมาสู่เขา เพราะสำหรับเขาบัดนี้การได้พบพระเยซู สำคัญยิ่งกว่าความสำเร็จหรือความมั่งคั่ง

การประยุกต์ใช้ :

– เปโตรผู้ทรยศพระเยซูมากกว่าสาวกคนใดๆ เขาปฏิเสธพระเยซูถึง 3 ครั้ง แต่เมื่อเขาพบว่าพระเยซูทรงยกโทษให้แก่เขา ไม่ได้ถือโทษเขา ด้วยความซาบซึ้งในพระคุณอันยิ่งใหญ่นี้ บัดนี้เขาจึงเป็นสาวกที่แสวงหาที่จะได้พบพระเยซูยิ่งกว่าใคร

– การซาบซึ้งในพระคุณของพระเยซูที่มีต่อเราว่ามีมากเพียงใด ก็ยิ่งทำให้เรารักและอุทิศแต่พระองค์มากยิ่งขึ้นเท่านั้น

– เปโตร ทิ้งความสำเร็จและความมั่งคั่งเพื่อให้พบกับพระเยซู วันนี้เรายอมทิ้งอะไรเพื่อจะได้พบกับพระองค์

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:8) { เหตุผลร้อยแปด }

แนวคิด :

– เมื่อเปโตรและสาวกคนอื่นๆรู้แล้วว่า ผู้ที่อยู่บนฝั่ง คือพระเยซู(ข้อ 7) มีแต่เปโตรเท่านั้นที่รีบกระโดดลงทะเลแล้วว่ายน้ำมาหาพระเยซู

– สาวกคนอื่นๆมีเหตุผลที่ดีหลายเหตุผล ซึ่งยอห์นเขียนไว้ ที่ทำให้พวกเขาไม่กระโดดลงทะเลรีบว่ายมาหาพระเยซู

– สาวกคนอื่นๆคงคิด นั่งเรือมาก็ได้ไม่เห็นต้องลำบากว่ายน้ำมาเลย ที่สำคัญเรือกำลังลากอวนที่มีปลาเยอะมากเต็มอวนเลย ถ้าว่ายน้ำไปแล้วใครจะดูแลปลาเหล่านี้ ขนปลาขึ้นฝั่ง และอีกอย่างเรือก็อยู่ไม่ห่างจากฝั่งมากนัก แค่ 100 เมตรเอง แป๊บเดียวก็ถึงฝั่งแล้ว จะรีบไปไหน

– แต่สำหรับเปโตร เหตุผลเหล่านั้นทั้งหมด ไม่สำคัญอะไรเลย

การประยุกต์ใช้ :

– วันนี้ เราอาจจะมีเหตุผลร้อยแปด พันประการ ที่ไม่ต้องรีบเข้ามาหาพระเยซูก็ได้ อาจเกี่ยวกับไม่ความสะดวก อาจเกี่ยวกับภารกิจที่ต้องดูแล หรืออาจจะเกี่ยวกับเวลาเรื่องมาหาพระเยซูไม่ต้องรีบขนาดนั้น มีบางอย่างที่สำคัญเร่งด่วนกว่า

– สมมติหากย้อนเวลากลับไปได้ ถ้าสาวกเหล่านั้นได้กลับลงมาจากสวรรค์ ย้อนเวลาไปวันนั้นอีกครั้ง ผมคิดว่าสาวกทั้งหมดที่อยู่ในเรือ คงทิ้งปลาทิ้งเรือ แล้วรีบกระโดดลงน้ำไปหาพระเยซูอย่างแน่นอน

– พวกสาวกเหล่านั้นไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้ ไม่มีโอกาสที่จะละทุกสิ่ง เพื่อรีบมาหาพระเยซูเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

– แต่วันนี้ สำหรับเราโอกาสยังมี จงทิ้งทุกสิ่งที่ถ่วงอยู่ ใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะมาเข้าเฝ้าพระเยซู พระองค์ไม่ได้อยู่ห่างไกลเลย พระองค์สถิตกับเรา รอคอยวันที่เราจะเปิดใจออกแสวงหาพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:9) { พระเยซูจัดเตรียมให้เรา }

แนวคิด :

– เมื่อพวกสาวกใช้เรือลากอวนที่มีปลาอยู่เต็ม มาถึงฝั่งแล้ว เขาก็พบว่า พระเยซูได้เตรียมปลาย่างให้เขาเรียบร้อยแล้ว หนำซ้ำยังมีขนมปังเตรียมไว้ให้อีกด้วย

– ปลาที่พระเยซูกำลังเตรียมให้พวกเขานั้น ไม่ใช่ปลาที่พวกเขาเพิ่งจับได้ พระองค์เตรียมไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว

การประยุกต์ใช้ :

– พวกสาวกพยายามออกไปหาปลาแต่หาไม่ได้เลย แต่โดยความช่วยเหลือจากพระเยซู พวกเขาจับปลาได้มากมาย แต่ถึงกระนั้นแม้เขาจับปลาไม่ได้เลย พระเยซูก็เตรียมปลาให้เขาเป็นอาหารได้อยู่ดี และพระองค์เตรียมดียิ่งกว่า ต่อให้เขาจับปลาได้ คงได้แค่ปลา แต่นอกจากปลาพระเยซูยังเตรียมขนมปังให้อีกด้วย

– ไม่ว่าเราจะพยายามมากเพียงใดก็ตาม สิ่งที่ได้คงเทียบไม่ได้กับสิ่งดีที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้แก่เรา

วันนี้ เมื่อเราพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว นั่นก็เพียงพอแล้ว ที่เหลือรอคอยแล้วรับเอา สิ่งดีที่พระเจ้าทรงเตรียมให้แก่เรา

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:10) { ขอปลาหน่อย }

แนวคิด :

– เมื่อพวกสาวกขึ้นมาถึงฝั่งพร้อมปลาจำนวนมาก ก็พบว่าพระเยซูได้เตรียมปลาย่างและขนมปัง ไว้ให้พวกเขาแล้ว(ข้อ 9)

– แล้วพระเยซูตรัสกับเขาว่า ให้เอาปลาที่เพิ่งจับได้เมื่อกี้มาบ้าง เพื่อทำเป็นอาหารร่วมกับปลาที่มีอยู่

– ช่างเป็นเกียรติที่พระเยซูประทานให้แก่พวกสาวก ที่พระองค์เปิดโอกาสให้พวกเขามีส่วนร่วมงานกับพระองค์ในการทำอาหารครั้งนี้ ทั้งที่พระองค์ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากพวกเขาเลยก็ได้

– แต่คิดดูสิ หากพวกสาวกปฏิเสธที่จะมอบปลาบางส่วนนั้นแก่พระเยซู จะเป็นการเสียมารยาทที่น่าเกลียดเพียงใด

– เช่น สาวกอาจบอกว่า นี่เราอุตส่าห์จับปลามาทั้งคืนนะกว่าจะได้พวกปลานี่มา ท่านไม่เห็นทำอะไรเลยจะให้เรานำมาให้ท่านอย่างนั้นหรือ โดยที่ลืมไปว่าที่จะปลาได้มากเพียงนี้ก็เพราะพระเยซูทรงช่วยพวกเขา

– หรืออาจจะกล่าวว่า ไม่เห็นจำเป็นต้องให้ท่านเลย ท่านก็มีปลาอยู่แล้วนี่นา โดยลืมไปว่านั่นเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่พวกเขาจะมีสิทธิร่วมงานกับพระองค์

– หรือ อาจจะกล่าวว่า นี่มันของพวกเรา ทำไมเราจึงต้องให้ท่านด้วย โดยลืมไปว่าที่พระองค์ขอนั้น ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพระองค์เอง แต่เพื่อพวกเขาต่างหาก และลืมไปว่าความจริงแล้วพระองค์ไม่จำเป็นต้องขออะไรจากพวกเขาเลยก็ได้

การประยุกต์ใช้ :

– กรณีสมมติข้างต้น ไม่เกิดขึ้นจริงกับพวกสาวก พวกเขาตอบสนองต่อพระเยซูอย่างสมควร

– แต่กรณีสมมติเหล่านั้นกลับเกิดขึ้นกับคริสเตียนจำนวนไม่น้อยในปัจจุบัน

– พวกเขาไม่ยินดีถวายเงิน ถวายเวลา ถวายความสามารถ เพื่อจะร่วมงานกับพระองค์ ทั้งที่เป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าทรงประทานแก่พวกเขา

– บางคนคิดว่า นี่เป็นสิ่งที่ฉันอุตส่าห์ทุ่มเทหามาได้ด้วยตนเอง แต่เขาลืมไปว่า ความจริงแล้วพระเจ้าทรงอวยพระพรเขา

– บางคนคิดว่า ไม่เห็นจำเป็นต้องถวายอะไรให้แก่พระองค์หรอก พระองค์มีเหลือเฟือ จะมายุ่งอะไรกับเงินทองและความสามารถเล็กๆน้อยๆของฉัน แต่เขาลืมไปว่า ความจริงแล้วพระองค์กำลังเชิญเขามาร่วมรับเกียรติอันยิ่งใหญ่

– บางคนคิดว่า การถวายของเขานั้นเพื่อประโยชน์ต่อพระเจ้า แต่เขาลืมไปว่า ความจริงพระเจ้าไม่จำเป็นต้องพึ่งเขาเลย แต่พระองค์เปิดโอกาสให้เขามอบถวายแด่พระองค์ก็เพื่อชีวิตของเขาเองจะได้รับพระพรมากมาย

– วันนี้ พระเยซูกำลังตรัสกับเรา ขอปลาที่เรามีนั้นให้พระองค์บ้าง เราจะตอบสนองต่อคำขอนี้อย่างไร?

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:11) { อวนก็ไม่ขาด }

แนวคิด :

– เมื่อพระเยซูทรงบอกให้พวกสาวกเอาปลามาให้พระองค์บ้าง เพื่อปรุงอาหารเพิ่ม(ข้อ 12)

– เปโตรจึงกลับไปที่เรือ ไปยังอวนที่เขาละทิ้งมา เพราะรีบมาหาพระเยซู(ข้อ 7) เขากลับมาสนใจบรรดาปลาที่เขาละทิ้งมาอีกครั้ง เพื่อทำบางอย่างให้แด่พระเยซู นำปลาไปให้พระองค์

– ปลาที่จับมาได้ในครั้งนี้  มีถึง 153 ตัว ยอห์นบันทึกว่าเป็นปลาตัวใหญ่ๆ ซึ่งถ้ายอห์นผู้เป็นอดีตชาวประมง บอกว่าปลาตัวใหญ่ พวกมันคงตัวใหญ่จริงๆ ลองคำนวณเล่นๆ ถ้าตัวไม่ใหญ่มาก หนักสัก ตัวละ 2 ก.ก. น้ำหนักของปลาทั้งหมดรวมกัน เกือบ 300 ก.ก.

– แม้ปลาจะหนักถึงขนาดนั้น แต่อวนก็ไม่ขาด

การประยุกต์ใช้ :

– ก่อนหน้านี้เมื่อเปโตรชวนเพื่อนๆมาหาปลา อาจเพื่อธุรกิจ เพื่อเงิน แต่บัดนี้เปโตรเดินไปหาปลาพวกนั้นไม่ใช่เพื่อเงิน แต่เพื่อพระเยซู

– วันนี้ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจ การงานใดๆก็ตาม อย่าทำเพื่อเงิน แต่จงทำเพราะนั่นเป็นการถวายเกียรติแด่พระเยซู

– ปลามากขนาดนั้นอวนก็ไม่ขาด พระเจ้าทรงทราบดีว่า จำนวนปลามากเพียงใดที่อวนยังรับได้ ในทำนองเดียวกันพระองค์ทรงทราบดีว่า เวลานี้สิ่งที่พระองค์ประทานให้แก่เรานั้น เรารับได้มากเพียงใด

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:12) { รู้ว่าเป็นพระองค์ }

แนวคิด :

– เมื่อพวกสาวกขึ้นถึงฝั่งและเปโตรได้เอาปลาบางส่วนมาสมทบเพื่อทำอาหาร(ข้อ 11) พระเยซูจึงเชิญชวนพวกสาวกให้มาทานอาหารเช้าร่วมกันกับพระองค์

– พวกสาวกรู้ว่า ผู้ที่พูดกับเขาคือพระเยซู แต่ขณะเดียวกันก็ยังไม่แน่ใจ 100% ว่าเป็นพระเยซูจริงๆหรือเปล่า

– พวกเขาอยากจะถาม แต่ก็ไม่กล้าถาม ว่า พระองค์เป็นใครกันแน่

– สิ่งที่น่าสนใจมากในข้อนี้ คือ พวกสาวกทั้ง 7 คนนี้ได้พบกับพระเยซูแล้ว ถึง 2 ครั้ง หลังจากพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แต่ทำไมพวกเขายังไม่แน่ใจ100% อีกว่า คนที่พวกเขาพบนี้ เป็นพระเยซู

– ซึ่งเรื่องนี้ จากความรู้ของผมในตอนนี้ ไม่สามารถอธิบายได้ ปรากฏการณ์นี้ได้

– แต่ผมมีคำถามในใจว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ กายใหม่หลังจากเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซู พระพักตร์อาจเปลี่ยนแปลงได้ (555 เรื่องนี้พระคัมภีร์ไม่ได้บอก แค่จินตนาการดูเฉยๆ)

การประยุกต์ใช้ :

– จากสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำ ทำให้พวกสาวกรู้ว่า ผู้ที่กำลังพูดกับเขานั้นคือพระเยซู

– จากสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำในชีวิตของเรา ทำให้เรารู้แน่ว่า พระเยซูของเรานั้น พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แต่พระองค์เดียว

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:13) { ทรงปรนนิบัติ }

แนวคิด :

– เมื่อพระเยซูเชิญพวกสาวกมาทานอาหารที่พระองค์ทรงเตรียมไว้ พวกเขารู้ว่าผู้ที่เชิญเขาคือ พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา(ข้อ 12)

– แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา ก็เริ่มทำพระราชกิจของพระองค์อีกครั้ง ด้วยการเข้ามาหยิบขยมปังและหยิบปลา อจกให้แก่พวกเขา

– ซึ่งหน้าที่นี้ น่าจะเป็นหน้าที่ของบ่าวที่จะทำแก่นาย แต่พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา ผู้มีชัยเหนือความตาย ทรงปรนนิบัติพวกเขา

– พระเยซูก็ปรารถนาให้พวกเขาปรนนิบัติซึ่งกันและกัน แบบไม่ถือตัว อย่างที่พระเยซูทรงกระทำแก่พวกเขา

– ดังพระเยซูทรงตรัสใน ยน. 13:15 หลังจากที่พระองค์ทรงล้างเท้าเหล่าสาวก ว่า “เพราะ​ว่า​เรา​วาง​แบบ​อย่าง​แก่​พวก​ท่าน​แล้ว เพื่อ​ให้​ท่าน​ทำ​เหมือน​อย่าง​ที่​เรา​ทำ​กับ​ท่าน​ด้วย”

การประยุกต์ใช้ :

– พระเยซูทรงวางแบบอย่างแห่งการรับใช้พระเจ้าให้แก่เราทั้งหลาย คือ องค์พระผู้เป็นเจ้ายังปรนนิบัติพี่น้องของเรา

– เราเองสมควรอย่างยิ่งที่จะปรนนิบัติพี่น้องในพระคริสต์ อย่างถ่อมใจ เหมือนอย่างที่พระเยซูทรงกระทำ

– เป็นไปได้อย่างไร ที่เราจะปรนบัติพระเยซู โดยไม่ปรนนิบัติพี่น้อง ผู้ซึ่งพระเยซูปรนนิบัตินั้น

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:14) { ปรากฏเป็นครั้งที่ 3 }

แนวคิด :

– เมื่อพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว พระองค์ปรากฏแก่เหล่าสาวกเป็นครั้งแรกในค่ำวันเดียวกันนั้น

– 8 วันต่อมาพระองค์ก็ปรากฏแก่พวกสาวกเป็นครั้งที่ 2

– และที่ทะเลสาบกาลิลีนี้ พระเยซูทรงปรากฏแก่พวกสาวกเป็นครั้งที่ 3

การประยุกต์ใช้ :

– เมื่อพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว ขณะเมื่อพระองค์ยังไม่เสด็จกลับไปหาพระบิดา ทำไมพระเยซูไม่อยู่กับพวกสาวกตลอดเวลา แต่ทรงเลือกปรากฏแก่เขาเป็นช่วงๆ?

– อาจจะมีเหตุผลหลายประการในเรื่องนี้ แต่หนึ่งในเหตุผลเหล่านั้น น่าจะเป็นเพราะว่า พระองค์ประสงค์ให้พวกสาวกใช้ความเชื่อ แม้พวกเขาไม่ได้เห็นพระองค์อยู่ต่อหน้า แต่พวกเขาจะใช้ความเชื่อว่า พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว

– เพราะพวกเขาต้องไปบอกคนอื่นๆ ว่าพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว ทรงชนะความตายแล้ว โดยที่คนอื่นๆเหล่านั้นจะไม่มีโอกาสได้เห็นพระเยซูกับตาของพวกเขา เพียงได้ยินถ้อยคำจากพวกสาวกเท่านั้น

– ดังนั้นการทำให้พวกสาวกเชื่อว่า พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว ในขณะที่พวกเขาไม่เห็นพระเยซูปรากฏท่ามกลางเขา จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

วันนี้ พระเจ้าทรงนำให้เราพบกับประสบการณ์บางอย่าง เพื่อพระเจ้าจะทรงสามารถใช้เราเป็นพระพรต่อผู้คนมากมายในอนาคตได้

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:15) { เจ้ารักเราหรือ? }

แนวคิด :

– เมื่อพวกสาวกรับประทานอาหารที่พระเยซูทรงเตรียมให้พวกเขาแล้ว พระองค์หันมาถามเปโตรว่า เขา​รักพระเยซู​มาก​กว่าปลามากมายและอาหาร​พวก​นี้​หรือ?

– เปโตรจึงตอบพระองค์ว่า ใช่แล้ว เขารักพระเยซูมากกว่าปลามากมายเหล่านี้

– พระเยซูจึงบอกกับเปโตรว่า ถ้าเขารักพระเยซูจริง จงทำสิ่งนี้ คือ จงเลี้ยงดูผู้เชื่อวางใจในพระองค์

การประยุกต์ใช้ :

– ราว 3 ปีก่อนเหตุการณ์นี้ เปโตรเคยเห็นพระเยซูสำคัญกว่าปลา เขาละทิ้งอาชีพชาวประมงของเขาติดตามพระเยซูไป

– หลังจากนั้นเมื่อ เขาติดตามพระเยซูอยู่ 3 ปี เขาก็ปฏิญาณต่อพระเยซูว่า แม้ต้องตายเขาก็จะไม่ทิ้งพระองค์

– แต่ในคืนที่พระเยซูถูกจับนั้น เขากลับเป็นผู้ปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระเยซูถึง 3 ครั้ง

– บัดนี้เมื่อพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย พระองค์ให้โอกาสแก่เขาอีกครั้งหนึ่งที่จะแสดงความรักที่มีต่อพระเยซู

ในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าเราจะปฏิบัติต่อพระเยซูอย่างไร ยังไม่สำคัญเท่ากับว่า วันนี้เราจะทำอย่างไร  วันนี้พระเยซูให้โอกาสเราอีกครั้งที่จะสำแดงความรักของเราต่อพระเยซู ด้วยการดูแลเอาใจใส่คนที่พระเยซูทรงรัก

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:16) { ให้โอกาส }

แนวคิด :

– ก่อนหน้านี้เปโตรปฏิเสธพระเยซูถึง 3 ครั้ง ในเหตุการณ์นี้พระเยซูถามเปโตรถึง 3 ครั้ง เพื่อให้เขามีโอกาสแก้ตัว ได้ตอบ เพื่อบอกรักพระเยซูถึง 3 ครั้ง

– และการที่พระเยซูย้ำคำสั่งเรื่อง ให้เลี้ยงดูผู้เชื่อวางใจในพระองค์ ถึง 3 ครั้ง ชี้ให้เห็นว่า พระเยซูให้ความสำคัญแก่เรื่องนี้อย่างมากยิ่ง

การประยุกต์ใช้ :

– เมื่อเราผิดพลาดพลั้งไป พระเยซูจะไม่ทรงซ้ำเติมเรา พระองค์จะทรงปฏิบัติต่อเราอย่างอ่อนโยนและให้โอกาสเราแก้ตัวใหม่ได้เสมอ

– พระเยซูย้ำอย่างชัดเจนว่า เราไม่สามารถสำแดงความรักต่อพระองค์ได้ หากเราไม่รักผู้ที่พระเยซูทรงรัก

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:17) { เสียใจ }

แนวคิด :

– พระเยซูทรงถามเปโตร 2 ครั้งแรก พระองค์ถามว่า ท่านรักเราแบบไม่มีเงื่อนไขหรือ? (รักแบบ Agape)

– แต่เปโตรกลับตอบว่า เขารักพระองค์แบบเพื่อนรัก (รักแบบ Phileo)

– ในครั้งที่ 3  นี้ พระเยซูทรงถามเปโตรว่า เจ้ารักเราแบบเพื่อนรักหรือ?(Phileo)

– เปโตรก็ตอบว่า เขารักพระองค์แบบเพื่อนรัก (Phileo)

– เปโตรเสียใจมากที่พระเยซูถามเขาว่ารักพระองค์ไหมถึง 3 ครั้ง และเขาก็ตอบรับรักพระองค์ได้เพียงรักแบบเพื่อนรักเท่านั้นทั้ง 3 ครั้ง

– ใช่แล้ว ณ วันนั้น เปโตรยังไม่ได้รักพระเยซูถึงขนาดยอมตายเพื่อพระองค์ แต่ต่อมา เขาได้รักพระเยซูจนยอมถูกประหารชีวิตเพราะเหตุความจงรักภักดีที่เขามีต่อพระเยซู

– แม้วันนั้น ความรักที่เขามีต่อพระเยซูยังไม่ได้มากเต็มขนาด แต่ก็มากพอที่พระเยซูจะมอบหมายภารกิจที่สำคัญยิ่งให้แก่เขา คือ เลี้ยงดูผู้ที่เชื่อวางใจในพระองค์

การประยุกต์ใช้ :

– เปโตรเสียใจที่พระเยซูถามเขาถึง 3 ครั้ง แต่ความจริงแล้ว พระเยซูถามเช่นนั้นเพราะพระองค์ทรงรักเขา ให้โอกาสเขาได้แก้ตัวใหม่

บางครั้งสิ่งที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้เกิดกับเรา เรารู้สึกเสียใจที่ต้องพบกับเหตุการณ์นั้น แต่ความจริงแล้วเราหารู้ไม่ว่า เหตุการณ์ที่แท้แล้วพระเยซูประสงค์ดีสำหรับชีวิตของเรา

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:18) { รักหมดหัวใจ }

แนวคิด :

– เปโตรเสียใจที่พระเยซูถามเขาถึง 3 ครั้ง แต่เขาตอบพระองค์ได้แค่ เขารักพระองค์แบบเพื่อนรักเท่านั้น(ข้อ 17)

– แล้วพระเยซูก็เริ่มบอกถึงอนาคตของเปโตรให้เขาฟัง ว่า ในช่วงที่เขายังหนุ่มนี้ เขาจะแสดงความรักต่อพระเยซูด้วยการเผชิญการข่มเหง และเขาต้องหนีระหกระเหินไปยังที่ต่างๆที่เขาคิดว่าควรไป

– แต่ในอนาคตเมื่อเขาแก่แล้ว เขาจะสำแดงความรักของเขาที่มีต่อพระเยซูด้วยการยอมตายเพื่อพระองค์

– ตามประวัติศาสตร์บันทึกว่า 34 ปีต่อมาหลังเหตุการณ์นี้ เปโตรเต็มใจเดินเข้าไปกรุงโรม เพื่อถูกจับและเมื่อเขากำลังจะถูกประหารชีวิตโดยการตรึงกางเขนนั้น เขาขอว่า เขาไม่สมควรตายเหมือนองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้ตรึงกางเขนของเขาแบบกลับหัว

– ดังนั้นทหารที่ตรึงเขากับกางเขนนั้น จึงต้องเอาเชือกมัดเอวของเขาเข้ากับไม้กางเขนก่อน แล้วกลับหัวไม้ ปักลงพื้นดิน

– “พา​เจ้า​ไป​ที่​ที่​เจ้า​ไม่​ปรารถนา​จะ​ไป” ไม่ได้หมายความว่าเปโตรไม่ยินดีที่จะตายเพื่อพระองค์ แต่หมายถึงเขาจะตายอย่างทุกข์ทรมานและน่าอับอายอย่างที่สุด จนไม่มีเนื้อหนังของมนุษย์คนใดปรารถนาที่จะได้พบกับเหตุการณ์นั้น

การประยุกต์ใช้ :

– วันนั้นเปโตร เสียใจที่เขาไม่สามารถรักพระเยซูอย่างสุดหัวใจ แบบไม่มีเงื่อนไข

– แต่พระเยซูทรงทราบ พระองค์ทรงรู้ว่าเปโตรรักพระองค์และในอนาคตความรักนี้ จะพัฒนามากจนกระทั่งยอมตายอย่างทุกข์ทรมานเพื่อพระองค์

– พระเยซูทรงรู้จักหัวใจของเรา รู้ว่าเรารักพระองค์ และเราอยากรักพระองค์อย่างสุดหัวใจ แต่วันนี้มันยังไม่เกิดขึ้น ถึงกระนั้นพระองค์ก็ทรงทราบหัวใจของเรา ให้เราขอพระองค์ทรงช่วยเราให้รักพระองค์มากยิ่งขึ้นทุกวันๆด้วยเถิด


แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:19) { จงตามเรามา }

แนวคิด :

– พระเยซูบอกกับเปโตรว่า “ท่าน​จะ​เหยียด​มือ​ออก และ​จะ​มี​คน​มา​คาด​เอว​ของท่าน” (ข้อ 18)  เพื่อบอกให้เขารู้ล่วงหน้าว่า ต่อไปเขาจะตายเพื่อถวายเกียรติแด่พระเยซู โดยถูกตรึงกางเขนกลับหัว

– เมื่อพระองค์บอกเขาอย่างนั้นแล้ว พระองค์ก็ตรัสกับเขาว่า จงตามพระเยซูมา

การประยุกต์ใช้ :

– พระเยซูบอกกับเปโตรว่า พระองค์รับรู้แล้วว่าเขารักพระองค์ และบอกว่าต่อไปเขาจะตายเพื่อพระองค์ ดังนั้น เขาสามารถพิสูจน์รักที่มีต่อพระเยซูได้ ด้วยการติดตามเป็นสาวกของพระองค์ ทำสิ่งที่พระบัญชาแก่เขา

– เมื่อพระเยซูเรียกเปโตร ให้ตามพระองค์ไปครั้งแรก ใน มธ. 4:19 เขาตอบสนองด้วยการละทิ้งทุกสิ่งติดตามพระองค์ไป ตลอด 3 ปี

– บัดนี้พระเยซูทรงเรียกเขาอีกครั้ง และเขาตอบสนองด้วยการติดตามพระองค์ตลอดจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต

วันนี้ พระเยซูทรงเรียกเรา ให้ละทิ้งทุกสิ่งที่เป็นความฝันของเรา แล้วติดตามพระองค์เพื่อทำให้ความฝันของพระเยซูในโลกนี้สำเร็จ เราจะตอบสนองต่อพระองค์เช่นไร?

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:20) { สนิทกับพระเยซู }

แนวคิด :

– ดูเหมือนว่า เมื่อพระเยซูตรัสกับเปโตรว่า จงตามเรามา(ข้อ 19) พระองค์คงจะลุกขึ้นเดินออกจากบริเวณปลาที่กองอยู่นั้น แล้วเปโตรก็เดินตามไป

– ยอห์นอาจจะได้ยินแว่วๆว่าพระเยซูตรัสว่าจงตามเรามา หรืออย่างน้อยเขาก็เห็นเปโตรเดินตามพระเยซูไป เขาจึงลุกขึ้นเดินตามไปด้วย

– ยอห์นเรียกตนเองว่า สาวกที่พระองค์ทรงรัก ไม่ได้หมายถึงพระเยซูรักเขามากกว่าคนอื่น แต่หมายถึงเขาสำนึกและซาบซึ้งว่า พระเยซูทรงรักเขามากมาย

– ยอห์นใกล้ชิดกับพระเยซู ตอนอาหารมื้อสุดท้ายเขาก็นั่งใกล้ติดกับพระเยซู และเอนกายพิงพระเยซูด้วย

– ด้วยความใกล้ชิดกับพระเยซูเป็นพิเศษ เขาจึงเป็นคนเดียวที่กล้าถามพระเยซูว่า คนที่พระเยซูบอกว่าจะทรยศพระองค์นั้น คือใคร?

การประยุกต์ใช้ :

– ยอห์น ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเยซู จึงรู้ว่าพระองค์ทรงรักเขามากเพียงใด เขาจึงตอบสนองต่อความรักของพระองค์อย่างสวยงาม เดินตามพระเยซูไป ทั้งที่อาจจะยังไม่ได้ยินพระเยซูตรัสเลยก็ตาม

วันนี้ สิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า เราใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเยซูมากเพียงใด ดูได้จากการซาบซึ้งของเราในความรักของพระเยซู และจากการที่เรายินดียอมติดตามพระเยซูอย่างแท้จริง มากเพียงใด

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:21) { แล้วคนนั้นจะเป็นอย่างไร? }

แนวคิด :

– หลังจากที่พระเยซูบอกเปโตรว่า ในอนาคตเขาจะถวายเกียรติแด่พระองค์ด้วยการตายอย่างไร(ข้อ 18) แล้วเขาก็เดินตามพระเยซูไป และยอห์นก็เดินตามมาด้วย(ข้อ 20)

– เปโตรจึงถามพระเยซูว่า แล้วยอห์นละ ยอห์นจะตายอย่างไร?

– เปโตรได้รับคำบอกแล้วว่า ตนจะตายอย่างไร พอนึกถึงยอห์น จึงอยากรู้ว่ายอห์นจะตายอย่างไร

– เหตุที่เปโตร ไม่ได้อยากรู้การตายของคนอื่นนอกจากยอห์น อาจเป็นเพราะยอห์นคนเดียวเท่านั้น ที่ดูเหมือนจะได้รับอะไรมากมายเหมือนกับเขา

– เปโตร และ ยอห์น เป็นสาวกพวกแรกที่พระเยซูทรงเรียก เป็นผู้เห็นบุตรสาวของไยรัสเป็นขึ้นมาจากความตาย  เป็นผู้เห็นพระเยซูทรงจำแลงพระกาย เป็นอยู่ใกล้พระเยซูที่สุดตอนพระองค์อธิษฐานในสวนเกทเสมนี เป็นผู้ที่ได้เห็นอุโมงค์ว่างเปล่ากับตา และอื่นๆ

– เปโตรได้รับมากมายก็จริง แต่ดูเหมือนยอห์นก็ได้รับด้วย เปโตรจึงอยากรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับยอห์น ว่าจะเหมือนตนหรือไม่

การประยุกต์ใช้ :

– บ่อยครั้งที่พระเจ้าประทานอะไรให้แก่เรามากมาย แทนที่เราจะซาบซึ้ง สนใจ จดจ่อ กับสิ่งเหล่านั้น เรากลับทำเหมือนเปโตร โดยหันไปสนใจว่า คนอื่นได้รับอะไรบ้างที่เรายังไม่ได้รับ

วันนี้ พระเจ้าประทานพระคุณแก่เรามากมาย เราสมควรซาบซึ้งและขอบพระคุณ ส่วนพระองค์จะประทานพระคุณมากมายอย่างไรต่อคนอื่น เราไม่จำเป็นต้องไปสนใจ รู้เพียงแค่ว่าพระคุณของพระองค์มีมากมายเพียงพอสำหรับชีวิตของเราแน่นอน

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:22) { ไม่เกี่ยวกับเรา }

แนวคิด :

– เปโตรอยากรู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับยอห์น เขาจึงถามพระเยซูเกี่ยวกับยอห์น

– แต่แทนที่พระเยซูจะตอบคำถามของเขา พระองค์กลับสอนเขาว่า ไม่สำคัญเลย ว่าพระองค์จะปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างไร แต่มีเรื่องสำคัญที่เขาต้องจดจ่อคือ พระเยซูทรงประสงค์ให้เขาทำอะไร

– สิ่งนั้นคือ  จงติดตามพระเยซูไปตลอดวันคืนของชีวิตของเขา

การประยุกต์ใช้ :

–  ไม่เกี่ยวกับเราว่า คนอื่นจะได้รับพระพรมากน้อยเพียงใด

– ไม่เกี่ยวกับเราว่า คนอื่นจะได้รับมอบหมายให้ทำอะไร สิ่งนั้นยากง่ายเพียงใด แล้วเขาลงมือทำตามมากแค่ไหน

– แต่สิ่งที่สำคัญคือ วันนี้ พระเยซูประสงค์ให้เราทำอะไร แล้วเราสัตย์ซื่อทำตามในสิ่งที่เราได้รับมอบหมายนั้นมากเพียงใด

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:23) { เน้นผิดเรื่อง }

แนวคิด :

– พระเยซูบอกกับเปโตรว่า “ถ้า​เรา​อยาก​ให้​เขา​อยู่​จน​กว่า​เรา​จะ​มา มัน​เกี่ยว​อะไร​กับ​ท่าน?” และ “จงตามเรามา(ข้อ 22)

– ปรากฏว่า ประโยคหลังไม่ได้เลื่องลือออกไป มากเท่ากับประโยคแรก

– หนำซ้ำ ประโยคแรกที่เลื่องลือไปนั้น ก็เข้าใจความหมายผิดอีกเสียด้วย

การประยุกต์ใช้ :

– บ่อยครั้งเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น สิ่งที่พระเจ้าต้องการเน้นเรากลับไม่ให้ความสำคัญ แต่สิ่งที่พระองค์ไม่ได้เน้นหรือไม่ได้หมายความเช่นนั้น เรากลับให้ความสำคัญมากมาย

– วันนี้อะไรเป็นสิ่งที่พระเจ้าประสงค์ให้เราให้ความสำคัญและมุ่งเน้นในการดำเนินชีวิตของเรา?

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:24) { ยอห์น }

แนวคิด :

  • ในตอนท้ายของพระธรรมยอห์น มีการเปิดเผยคร่าวๆว่าเป็นผู้เขียนพระธรรมเล่มนี้ คือยอห์น
  • ยืนยันว่าสิ่งที่เขียนทั้งหมดเป็นความจริง เพราะเขาได้ประสบมาด้วยตัวของเขาเอง
  • ตลอดพระธรรมยอห์น เขาไม่ได้เอ่ยชื่อตัวของเขาเองเลย เมื่อจำเป็นต้องพูดถึงเขา เขาใช้คำว่า “สาวกที่พระองค์ทรงรัก” ซึ่งไม่ได้หมายถึง พระเยซูรักเขามากกว่าคนอื่น แต่เป็นการถ่อมตัวรู้ว่า เขาเป็นผู้หนึ่งที่ถูกรักโดยพระเยซู

การประยุกต์ใช้ :

  • ยอห์นเป็นพยานถึงพระเยซู ในรูปแบบที่ให้ตนเอง ถูกกล่าวถึงหรือปรากฏน้อยที่สุด แต่ก็ต้องการยืนยันว่า เขาเป็นผู้ที่ประสบด้วยตนเองไม่ใช่แค่ฟังคนอื่นมา ด้วยเหตุนี้รูปแบบจึงออกมาเป็นดังพระธรรมยอห์นที่เราเห็นในทุกวันนี้
  • การเป็นพยานเพื่อพระเยซู คือ การเล่าความจริง จากประสบการณ์ที่เราได้ประสบ ด้วยท่าทีที่ให้พระเยซูได้รับเกียรติมากที่สุด ตนเองได้รับเกียรติให้น้อยที่สุด

แบ่งปันเฝ้าเดี่ยว ( ยน.21:25) { จบบริบูรณ์ }

แนวคิด :

– ยอห์นอธิบายว่าหนังสือพระธรรมยอห์นที่บันทึกเรื่องราวของพระเยซูไว้นั้น บันทึกไว้เพียงแค่บางส่วน เหมือนที่กล่าวไก่อนหน้านี้ ใน ยน. 20:30 “พระ​เยซู​ทรง​ทำ​หมาย​สำ​คัญ​อื่นๆ อีก​หลาย​อย่าง​ต่อ​หน้า​พวก​สา​วก ซึ่ง​ไม่​ได้​บัน​ทึก​ไว้​ใน​หนัง​สือ​เล่ม​นี้”

– ยอห์นบอกว่า ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่พระเยซูทรงกระทำที่ไม่ได้บันทึกไว้ และถ้าคิดจะบันทึกก็คงบันทึกได้ไม่หมด

– เพราะแค่ใน ยน. 1:3 ข้อเดียว ถ้าจะขยายความก็ไม่หมดสิ้นแล้ว ที่กล่าวว่า “พระ​เจ้า​ทรง​สร้าง​สรรพ​สิ่ง​ขึ้น​มา​โดย​พระ​วาทะ ใน​บรร​ดา​สิ่ง​ที่​เป็น​อยู่​นั้น ไม่​มี​สัก​สิ่ง​เดียว​ที่​เป็น​อยู่​นอก​เหนือ​พระ​วาทะ”

การประยุกต์ใช้ :

สิ่งที่พระเยซูทรงกระทำมีมากมาย แต่พระองค์ทรงเปิดเผยให้เรารับรู้ในวันนี้ เฉพาะเพียงบางเรื่อง แต่เพียงแค่บางเรื่องนี้ก็มากเพียงที่จะทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตติดตามพระองค์ได้ตลอดวันคืนชีวิตของเรา จงหิวกระหายที่จะรับรู้ เข้าใจและปฏิบัติตามพระคำของพระเจ้าที่พระองค์ทรงประทานให้แก่เรานี้เถิด…จบบริบูรณ์