ภาพรวม
- คนอิสราเอลคิดกบฎต่อพระเจ้า โดยคิดจะตั้งคนหนึ่งมาเป็นผู้นำแทนโมเสส เพื่อนำพวกเขากลับอียิปต์
สำหรับคนที่ไม่สะดวกอ่านด้วยตัวเอง ให้ AI อ่านได้ที่นี่ครับ
https://audius.co/drker/numbers14-83990
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
กันดารวิถี บทที่ 14 เมื่อผู้สอดแนมผู้เข้าไปสำรวจดินแดนคะนาอัน กลับมารายงานผลการสำรวจให้ประชาชนทราบ ประชาชนก็เริ่มกบฏต่อพระเจ้า
หลังจากได้ยินความยากของการบุกเข้าคานาอัน ประชาชนก็ร้องไห้ทั้งคืน
แล้วพวกเขา ก็บ่นต่อว่าโมเสสและอาโรน ว่า ไม่ควรพาพวกเขามาตาย และ ลูกเมียของพวกเขาคงต้องถูกปล้นเอาไป
พวกเขาจึงคิดที่จะตั้งคนหนึ่งขึ้นเป็นหัวหน้าแทนโมเสส แล้วกลับไปอียิปต์กันดีกว่า
โมเสสกับอาโรน จึงซบหน้าลงอธิษฐานต่อพระเจ้า
ส่วนโยชูวา กับ คาเลบ ก็พูดว่า
แผ่นดินที่ไปสอดแนมดูมานั้น เป็นแผ่นดินที่ดีเหลือเกิน
พระเจ้าจะประทานแผ่นดินนี้แก่คนอิสราเอล
ขอเพียงคนอิสราเอลไม่กบฏต่อพระเจ้า และไม่กลัวชาวแผ่นดินนั้น
เพราะพระเจ้าสถิตกับคนอิสราเอล ดังนั้นศัตรูเหล่านี้จึงเป็นเหมือนขนมปัง
แต่ประชาชนไม่ฟัง แลัวคิดจะเอาหินขว้างเขาทั้งสอง
แล้วพระสิริของพระเจ้าก็ปรากฏขึ้นที่พลับพลา
และตรัสกับโมเสสว่า คนอิสราเอลสบประมาทพระเจ้า ที่ไม่เชื่อคำพูดของพระองค์
ดังนั้นจะทรงประหารพวกเขาเสีย แล้วจะทำให้โมเสสเป็นประเทศใหญ่แทน
แต่โมเสสทูลวิงวอนเพื่อให้พระเจ้าจะทรงอภัยประชาชนเหล่านี้
แล้วพระเจ้าก็ทรงให้อภัยตามคำของโมเสส
พระเจ้าตรัสว่า
พรุ่งนี้ให้คนอิสราเอลกลับไปในถิ่นทุรกันดารตามทางไปยังทะเลแดง
ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปผู้ซึ่งสบประมาทพระเจ้า จะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินนั้น แต่ คาเลบและโยชูวา จะได้เข้า
แต่บรรดาลูกน้อยที่คนเหล่านั้นว่าจะถูกปล้นเอาไปนั้น
พระเจ้าจะให้พวกเขาเข้าไป
คนอิสราเอลจะเป็นผู้เลี้ยงแกะอยู่ในถิ่นทุรกันดารถึง 40 ปี จนกว่าซากศพของคนอิสราเอลในถิ่นทุรกันดารนี้จะครบถ้วน
และผู้สอดแนม 10 คน นั้น จะตายด้วยโรคภัย
เมื่อโมเสสบอกเรื่องนี้ให้คนอิสราเอลฟังแล้ว
ประชาชนก็ร้องไห้โศกเศร้าอย่างยิ่ง
และเขาทั้งหลายลุกขึ้นแต่เช้าแล้วขึ้นไปที่ยอดเขา เพื่อต่อสู้กับคนคานาอัน
แต่โมเสสห้าม ไม่ให้ไป เพราะจะพ่ายแพ้ศัตรู
แต่เขาทั้งหลายยังบังอาจขึ้นไป
แล้วคนอามาเลขและคนคานาอัน โจมตีและขับไล่พวกเขาไปถึงตำบลโฮรมาห์
1. คนอิสราเอลเชื่ออย่างไม่สงสัยว่า พระเจ้าจะไม่สามารถรักษาสัญญาได้อย่างแน่นอน พวกเขาจึงร้องไห้ และอยากจะกลับไปอียิปต์
ซึ่งการกระทำเช่นนี้ พระเจ้าทรงถือว่าเป็นการสบประมาทพระเจ้า
เมื่อเราเริ่มเชื่ออย่างไม่สงสัยเลยว่า พระเจ้าคงจะไม่รักษาสัญญาแน่นอน
เราก็จะเริ่มกลัวต่อสถานการณ์ที่เราเจอ และคิดจะทำอะไรบางอย่างแบบ ไม่ต้องพึ่งพาพระเจ้า หรือไม่ต้องรอคอยพระองค์
วันนี้ เรากำลังกระทำสิ่งที่สบประมาทพระเจ้าอยู่หรือเปล่า?
2. เป็นที่น่าสังเกตว่า ใน กดว. 11 เมื่อคนอิสราเอลบ่นเรื่องไม่มีเนื้อกิน จนโมเสสอยากจะตายด้วยซ้ำไป(กดว.11:15) พระเจ้าก็เต็มด้วยพระเมตตาและอดทนนาน ยังคงประทานนกคุ่มให้แก่พวกเขา
นั่นคือ โมเสสหมดความอดทนแล้ว พระเจ้ายังทรงอดทนได้
แต่ครั้งนี้ ดูเผินๆเหมือนพระเจ้าหมดความอดทนแล้ว และพอโมเสสมาช่วยทูลขอการอภัย พระองค์จึงทรงอดทนต่อไป
นั่นคือ พระเจ้ายังคงอดทนต่อคนอิสราเอลต่อไป แต่ที่ทรงกระทำเช่นนั้น เพื่อให้ความเมตตาที่มีในตัวของโมเสส ผู้รับใช้ของพระองค์ปรากฏ และเพื่อพระองค์จะทรงสำแดงความโปรดปรานต่อผู้รับใช้ของพระองค์
วันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราก็เพื่อจะให้ความดีของเราปรากฏ หรือได้พัฒนาขึ้น และเพื่อพระเจ้าจะทรงสำแดงความเมตตาแก่เราผู้ที่พระเจ้าทรงโปรดปราน
เราได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า โดยทางพระเยซูคริสต์
3. การตัดสินของพระเจ้านั้นยุติธรรมเสมอ
พวกผู้ใหญ่สบประมาทพระเจ้า แต่เด็กๆไม่ได้ทำ
พระเจ้าจึงให้คนอิสราเอล วนเวียนในถิ่นทุรกันดาร 40 ปี
เพื่อเป็นการลงโทษผู้ใหญ่ ไม่ให้เข้าคานาอัน
และเพื่อเป็นการเตรียมเด็กๆให้พร้อมสำหรับการทำตามกฏเกณฑ์ของพระเจ้า
เตรียมให้พร้อมสำหรับการเข้าคานาอัน
ผู้สอดแนม 12 คน พระเจ้าไม่ได้เหมารวมแล้วลงโทษทั้งหมด
พระเจ้าลงโทษ 10 คนที่สบประมาทพระเจ้า
และอวยพระพรแก่ 2 คน ที่ยำเกรงพระเจ้า
สิ่งที่เกิดกับเรา พระเจ้าจะประทานความยุติธรรมให้แก่เราอย่างแน่นอน
4. เมื่อพระเจ้าบอกว่า คนอิสราเอลไม่ต้องเข้าไปคานาอันแล้ว ในช่วงนี้
แต่คนอิสราเอลยังดื้อรั้นบุกเข้าไปอยู่ดี จึงพบกับความพ่ายแพ้
การมองโลกในแง่ดี กับ ความเชื่อ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
การมองโลกนี้แง่ดี คิดไปเองว่า พวกเขาชนะคนคานาอันได้ แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้
ความเชื่อ จะเชื่อมั่นในสิ่งที่พระเจ้า ถ้าพระเจ้าบอกว่าชนะได้ ก็มั่นใจได้เลยว่า ชนะแน่
การดำเนินชีวิตของเรา การมองโลกในแง่ดี ย่อมดีกว่า มองโลกในแง่ร้าย
แต่ย่อมเทียบไม่ได้กับ การเชื่อมั่นในคำสัญญาที่พระเจ้าได้ตรัสไว้
วันนี้ เราอ่านพระคำของพระเจ้ามากเพียงใด?
วันนี้ เราเชื่อในคำสัญญาจากพระคำของพระเจ้ามากเพียงใด?
คำคม
“ การไม่เชื่อคำสัญญาของพระเจ้า เป็นการสบประมาทพระองค์ ”