ภาพรวม
- โคราห์และพรรคพวก ต่อต้านโมเสส พระเจ้าจึงให้ธรณีสูบพวกเขา ต่อหน้าคนอิสราเอล แต่แทนที่คนอิสราเอลจะเกรงกลัว แต่กลับต่อต้านโมเสสแบบเดียวกับโคราห์ จนเกิดภัยพิบัติใหญ่ขึ้น
สำหรับคนที่ไม่สะดวกอ่านด้วยตัวเอง ให้ AI อ่านได้ที่นี่ครับ
https://audius.co/drker/numbers16-84257
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
กันดารวิถี บทที่ 16 เมื่อพระเจ้าสั่งพวกเขาถึงสิ่งที่ต้องทำเมื่อเข้าแผ่นดินคานาอันแล้ว ก็เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น
โคราห์ ผู้เป็นเลวีวงศ์วานโคฮาท กับ ดาธาน , อาบีรัม และโอน พร้อมคน 250 คน ซึ่งเป็นผู้นำของประชาชน ได้ร่วมกันต่อต้านโมเสส และอาโรน
พวกเขากล่าวหาโมเสสและอาโรน ว่า ทำตัวเหนือกว่าคนอื่นและถืออภิสิทธิ์เหนือคนอิสราเอลทั้งหลาย
พวกเขาต้องการได้รับสิทธิพิเศษ เข้าเฝ้าพระเจ้า และทำหน้าที่ปุโรหิต เหมือนโมเสส และอาโรน
เมื่อโมเสสได้ยินแล้วก็ซบหน้าลง
โมเสสจึงพูดกับโคราห์และพรรคพวกของเขาว่า
ให้พระเจ้าตัดสินก็แล้วกัน
พรุ่งนี้เช้า ให้โคราห์และพรรคพวกของเขานำกระถางไฟมา
แล้วเอาไฟใส่ลงไปพร้อมกับเครื่องหอม
แล้วให้พระเจ้าทรงตัดสิน
โมเสสพูดกับโคราห์ว่า
การที่พระเจ้าทรงแยกพวกเขาออกจากชุมนุมชนอิสราเอล
เพื่อนำพวกเขาให้มาใกล้พระองค์ ให้ทำหน้าที่ในพลับพลา ยังไม่พออีกหรือ?
จึงยังแสวงหาตำแหน่งปุโรหิตด้วยอีกหรือ?
การต่อต้านการเลือกของพระเจ้า ก็เป็นการต่อสู้พระเจ้า
โมเสสส่งคนไปเรียกดาธานและอาบีรัม มาพบ แต่เขาทั้งสองไม่ยอมมา จงใจปฏิเสธสิทธิอำนาจของโมเสส
และได้กล่าวว่า แผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ นั้น คืออียิปต์ โมเสสดันพาคนอิสราเอลออกมาตายในถิ่นทุรกันดาร ไม่ได้พาเข้าสู่คานาอัน
โมเสสโกรธมาก จึงไปทูลพระเจ้า
วันรุ่งขึ้น โคราห์ กับพรรคพวก ก็มาที่หน้าพลับพลา พร้อมด้วยกระถางไฟ พบกับโมเสสและอาโรน และประชาชนทั้งหมดก็มาด้วย
พระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
พระองค์จะผลาญคนอิสราเอลเสียในพริบตาเดียว
แต่เขาทั้งสองได้อ้อนวอนต่อพระเจ้าเพื่อประชาชนอิสราเอล
พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
ให้บอกกับประชาชนว่า ให้ออกห่างจากที่อยู่ของโคราห์ ดาธาน และอาบีรัม
แล้วโมเสสก็ไปหาดาธานและอาบีรัม และพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอลก็ตามไป
แล้วประชาชนก็ออกห่างจากรอบๆ ที่อยู่ของโคราห์ ดาธาน และอาบีรัม
แล้วแผ่นดินใต้ที่พวกเขายืนอยู่ก็แยกออก
และกลืนเขาทั้งหลายกับครัวเรือน และคนทั้งหมดของโคราห์กับข้าวของทั้งหมดของเขา
และแผ่นดินก็ปิดกลับเหมือนเดิม
และไฟออกมาจากพระเจ้า เผาผลาญคนทั้ง 250 คน ที่ถวายเครื่องหอมนั้น
แล้วพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
ให้ปุโรหิต นำกระถางไฟออกจากกองไฟ เพราะกระถางไฟเหล่านั้นเป็นของบริสุทธิ์
แล้วนำมาตีแผ่ออกเป็นแผ่นคลุมแท่นบูชา เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์แก่คนอิสราเอล
พอรุ่งขึ้นประชาชนก็บ่นว่าและต่อต้าน โมเสสกับอาโรน ว่า ทำให้คนของพระเจ้าเสียชีวิต
แล้วเมฆก็มาปกคลุมพลับพลา และพระสิริของพระเจ้าก็ปรากฏ
พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า พระองค์จะผลาญเขาทั้งหลายเสียในพริบตาเดียว
โมเสสและอาโรน ก็ทูลวิงวอนพระเจ้าเพื่อประชาชนเหล่านั้น
แล้วก็เกิดภัยพิบัติขึ้นท่ามกลางประชาชน
โมเสสพูดกับอาโรนว่า ให้รีบเอากระถางไฟ ใส่ไฟจากแท่นบูชาและใส่เครื่องหอม และรีบนำไปที่ประชาชน เพื่อลบมลทินบาปของประชาชนนั้น
อาโรนก็ทำตาม
อาโรนยืนอยู่ระหว่างคนตายกับคนเป็น แล้วภัยพิบัติก็ถูกระงับไป
มีคนที่ตายด้วยภัยพิบัติ 14,700 คน ไม่นับคนที่ตายด้วยเรื่องของโคราห์
1. การบ่นหรือต่อต้าน การทรงเลือกของพระเจ้า เป็นการต่อต้านพระเจ้า
เหมือนกับกำลังบอกว่า พระเจ้าเลือกผิด
วันนี้ บุคคลที่เราพบเจอ และสถานการณ์ที่เรากำลังประสบ ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของพระเจ้า
แทนที่จะบ่นหรือต่อต้าน สิ่งเหล่านี้
เราควรที่จะถามพระเจ้ามากกว่า ว่า พระองค์ประสงค์ให้เราทำอย่างไรกับเหตุการณ์ครั้งนี้
2. โมเสสถูกลบหลู่ ถูกใส่ร้าย ถูกต่อต้านอย่างอกตัญญู โมเสสโกรธมาก
โมเสสจึงทูลต่อพระเจ้า
วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับปัญหาและแรงกดดันทุกชนิดที่เข้ามาสู่ชีวิตของเรา คือ อธิษฐาน
3. โคราห์ เป็นเลวี วงศ์วานโคฮาท ซึ่งเป็นกลุ่มเลวีที่ได้ทำงานสำคัญที่สุด คือ ทำหน้าที่ หาม ขนย้าย สิ่งบริสุทธิ์ที่สุด รวมทั้งหีบพันธสัญญา ด้วย
แต่ดูเหมือนนั่นยังไม่เพียงพอสำหรับโคราห์ เขาต้องการมากกว่าที่พระเจ้าประทานให้แก่เขา
และเมื่อเขาปล่อยให้ความโลภ เข้าครอบงำจิตใจ จึงนำภัยมหันต์มาสู่ชีวิตของเขาและครอบครัว
วันนี้ สิ่งที่พระเจ้าเห็นสมควรว่า เราควรจะได้รับ พระองค์ก็ได้ประทานแก่เราแล้ว
เราควรชื่นชม และขอบพระคุณสำหรับสิ่งที่ได้ประทานให้แก่เราแล้ว
แทนที่จะ บ่น ตำหนิ ต่อว่า หรือ ทำสิ่งใดๆทำนองนี้ เพื่อให้ได้สิ่งที่พระเจ้าเห็นว่าเรายังไม่สมควรจะได้รับในเวลานี้
4. เหตุที่มีประชาชนเสียชีวิตเพราะภัยพิบัติ ถึง 14,700 คน ก็เพราะว่า เมื่อพวกเขาเห็นการลงโทษของพระเจ้า เหนือโคราห์และพรรคพวก ผู้ต่อต้านสิทธิอำนาจจากพระเจ้า
แทนที่พวกเขาจะสำนึก กลับใจ แต่กลับทำเหมือนอย่างเดียวกับโคราห์
เมื่อการลงทัณฑ์จากพระเจ้ามาถึง แทนที่จะยำเกรง แต่กลับไม่เกรงกลัว
นั่นเป็นการเร่งให้การลงทัณฑ์ที่หนักขึ้นอีกมาสู่ชีวิต
วันนี้ หากพระเจ้าเตือนสติเราด้วยสถานการณ์ที่ไม่น่าชื่นใจบางอย่าง
นั่นเพราะพระองค์ทรงรักเรา จึงตีสอนเรา
ฮบ. 12:6 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก …
อย่าให้เรามีใจแข็งกระด้าง ดื้อดึงต่อไป
ดังนั้นให้เราถ่อมใจลง และกลับใจใหม่
เพื่อพระเจ้าจะทรงเปลี่ยนการตีสอน ให้กลายเป็นพระพรสำหรับเรา
5. เมื่อภัยพิบัติกำลังเกิดขึ้น สิ่งที่อาโรนปุโรหิตทำ คือ
วิ่งเข้าไปอยู่ท่ามกลางประชาชน และถือกระถางไฟเผาเครื่องหอม เพื่อให้ภัยพิบัตินั้นหยุดลง
กระถางไฟเผาเครื่องหอม นั่นใน วว. 8:3-4 อธิบายชัดเจนว่า คือ คำอธิษฐาน
วว. 8:3-4 “และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งถือกระถางไฟทองคำออกมาและยืนอยู่ที่แท่นบูชา พระเจ้าประทานเครื่องหอมมากมายแก่ทูตองค์นั้น เพื่อให้ถวายร่วมกับคำอธิษฐานของธรรมิกชนทั้งหมดบนแท่นบูชาทองคำ ที่อยู่หน้าพระที่นั่งนั้น และควันเครื่องหอมนั้นก็ลอยขึ้นไปพร้อมกับคำอธิษฐานของธรรมิกชนทั้งหลาย จากมือทูตสวรรค์สู่เบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า”
ท่ามกลางภัยพิบัติที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก หรือเกิดขึ้นในครอบครัวของเรา
สิ่งที่เราสมควรทำอย่างที่สุด เพื่อจะระงับ หรือทุเลาภัยพิบัตินั้น ก็คือ
อธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้าอย่างสุดใจ เพื่อประเทศของเรา สังคมของเรา และครอบครัวของเรา
คำคม
“ การต่อต้านการตั้งแต่งของพระเจ้า เป็นการลบหลู่พระเจ้า ”